การวิเคราะห์หลาย Time Frame
ในการเทรด Forex เครื่องมือที่ได้รับความนิยมอย่างสูงคือ เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิค อย่างไรก็ตามปัญหาในการวิเคราะห์ และการตัดสินใจในการเทรด Forex นั้นไม่ได้ง่ายและแม่นยำเหมือนจับวาง ไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นจากพฤติกรรมการเคลื่อนไหวของราคานั้น ตัวอย่างที่เกิดขึ้นได้บ่อย ๆ ได้แก่ พอไปดู Time Frame 1 ชั่วโมงเป็นขาลงและยังไม่สุดดี ราคาพลิกกลับดีดขึ้นอย่างรวดเร็ว พอกลับไปดู Time Frame 4 ชั่วโมงแล้วปรากฏว่ามันคือขาขึ้น เราก็บอกว่า อ๋อออออออ!!! เป็นเพราะว่า Time Frame ใหญ่กว่านี่เอง ทำให้เราพลาดโอกาสนั้น
แล้วมันดีจริง ๆ หรือ การวิเคราะห์หลาย Time Frame แล้วมันเป็นอย่างไร แล้วต้องทำอย่างไรบ้างในบทความนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องนี้กันครับ
วิเคราะห์ขึ้นหรือวิเคราะห์ลงดี
ในการวิเคราะห์หลาย Time Frame ปัญหาอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดคือ จะใช้ Time frame ใหญ่เป็นหลัก หรือ Time Frame เล็กเป็นหลักดีหล่ะ เรื่องนี้จริง ๆ แล้วไม่มีวิธีการไหนที่ผิดและถูกในการวิเคราะห์ Time Frame ใหญ่ไปหาเล็ก หรือ วิเคราะห์ Time Frame เล็กไปหาใหญ่ แน่นอนว่า มันไม่มีรูปแบบที่ตายตัว บางครั้งบางสถานการณ์ต้องใช้ Time Frame เล็ก แต่บางสถานการณ์ต้องใช้ Time Frame ใหญ่เป็นหลัก หลายคนเถียงว่าไม่จริง ผมคงต้องบอกว่า นั่นเพราะว่าบางคนยึดโยงกับ Time Frame ใหญ่ที่ส่งอิทธิพลมา แล้วถ้าพูดจากำปั้นทุบดินแบบผมนี่จะให้ใช้ยังไงดีหล่ะ ใจเย็น ๆ วิธีการใช้คือ
- ต้องดูว่า เทรนด์เกิด Time Frame ไหน เพราะว่า บางครั้งเทรนด์ไม่ได้เกิด Time Frame ใหญ่ การใช้ Time Frame ใหญ่เป็นตัวนำจึงผิดอย่างไรหล่ะ สิ่งที่เราควรจะจับให้ได้คือ Trend เกิดที่ Time Frame ไหน ซึ่งเทรนด์ไม่เหมือน Side way จะต้องจับให้ได้ก่อน บางครั้ง Trend เกิดขึ้นแต่เราจับสัญญาณ Side Way ทำให้เราคิดว่าจะมีการกลับตัว
- วิเคราะห์เครื่องมือให้ถูก – บางครั้งเทรนด์เกิดขึ้นใน Time Frame Daily แต่ว่าพอไปดูสัญญาณ Weekly แล้วกลับกลายเป็นแค่กรอบ Side Way แคบ ๆ เท่านั้นเอง การดู Time Frame ใหญ่หรือเล็กจึงควรดู Trend ว่าเกิด Time Frame ไหนเป็นหลัก
แล้วควรดูกี่ Time Frame ดี
หลายคนบอกว่า ต้องดูหลาย ๆ Time Frame แต่ว่าสำหรับผม ผมดูทุก Time Frame แม้ว่าเราจะเทรด 1 ชั่วโมง เราก็ต้องดูกราฟ 5 นาทีด้วยว่า นี่เป็นกราฟที่ราคาถูกที่สุดหรือไม่ หรือว่าถูกได้อีกโดยการดูจังหวะหลาย ๆ Time Frame ประกอบกัน สำหรับแล้วผมใช้ 4 Time Frame เป็นอย่างน้อยเพื่อยืนยันความสอดคล้องกัน โดยเราต้องตั้งค่าบนหน้าจอเพื่อที่จะดูได้ในรวดเดียว ดังตัวอย่างต่อไปนี้
จากรูปข้างต้นผมใช้กราฟ 4 กราฟ สำหรับ AU บนขวาคือกราฟ Daily ล่างขวา คือกราฟ Weekly และบนซ้ายคือกราฟ 1 ชั่วโมงและล่างซ้ายคือกราฟ 4 ชั่วโมง สำหรับผม ผมจะส่งสัญญาณเทรดที่กราฟ 4 ชั่วโมง แต่ผมก็ดูกราฟ Time Frame อื่นด้วย โดย Function การตั้งค่าหน้าจอแบบนี้ เพื่อให้สะดวกต่อการเทรดแบบนี้ มีอยู่ใน MT4 อยู่แล้ว
การใช้กราฟ หลาย Time Frame จจจะต้องใช้ indicator ชุดเดียวกัน เพื่อที่จะสะท้อนความต่างของมุมมองได้ชัดแจ้งมากที่สุด ทำให้เราไม่พลาดง่าย ๆ โดยไม่ดูตามาตาเรือ และตัดสินใจเทรดได้อย่างแม่นยำทุกจุดมากยิ่งขึ้น
เทคนิดง่าย ๆ แค่นี้อาจจะช่วยเสริมเขี้ยวเล็บฝึกการตัดสินใจได้ดีกว่าการใส่ indicator ที่เทพ ๆ เป็นไหน ๆ ครับ อย่างไรก็ตามนี่ก็เป็นแค่จุดหนึ่ง ที่จะต้องเสริมคือ ข้ออ่อนของมัน
จุดอ่อนของมัน
ในสมัยก่อนที่ผมแชร์เทคนิคนี้ให้เพื่อนที่เทรดด้วยกัน เขาบอกว่า มันทำให้งงและสับสนได้ง่ายว่า จะขึ้นหรือจะลง บ่อยครั้งที่เทรดเดอร์จะต้องมาเจอปัญหา ความสับสนทำให้ตัดสินใจได้ลำบากว่า ควรตะเชื่อข้อมูลจากทางไหนดี ทางกราฟ Weekly บอกว่าจะลงต่อ แต่ทางกราฟ Daily บอกว่ากลับตัวมาได้ 2 – 3 วันแล้ว ทางกราฟ 4 ชั่วโมงก็ทำท่าจะลง เพราะขึ้นมาเยอะแล้ว อะไรทำนองนั้น นั่นเป็นปัญหาที่ต้องบอกว่าเจอกันทุกคน ซึ่งจุดอ่อนนี้สามารถแก้ไขได้ง่าย ๆ คือ
การใช้เวลาฝึกฝนดูกราฟ มันจะเข้ามาในความทรงจำของคุณอย่างค่อยเป็นค่อยไปและใช้เวลา แต่ว่ามันสามารถแก้ไขจุดอ่อนได้ดี บางครั้งเราอาจจะต้องใช้เวลาหลายปีในการเก็บภาพรูปแบบกราฟเหล่านั้น ก็ตลอดชีวิตของการเทรดของเรานั่นแหละครับ นอกจากการฝึกฝนดูกราฟบ่อย ๆ แล้ว สิ่งที่ต้องทำอีกอย่างคือ การไม่ดูกราฟมาก การดูกราฟบ่อย ๆ กับดูกราฟมากนั้นเป็นคนละเรื่อง การดูกราฟ 4 Time Frame นั้น เป็นเรื่องของความรู้สึกและสัญชาตญาณเป็นหลัก เพื่อให้ชินกับการใช้งาน เราต้องดูแล้วตัดสินใจเลย ไม่ใช่มัวแต่คิดพิจารณา นั่งเฝ้าหน้าจอ อย่างนั้นเรียกว่า overtrade เสพติดการเทรดครับ
ทีมงาน : thaibrokerforex.com