เส้น

ความแตกต่างระหว่างมืออาชีพกับมือสมัครเล่น  

 

เสาร์อาทิตย์นี้มีงาน เมนเตอร์นิดหน่อยครับ ทำให้ต้องหยุดบทความไปหนึ่งวัน กลับมาก็เพลียมากแล้ว เนื่องจากมีเทรดเดอร์ที่ผมดูแลอยู่มาปรึกษาเรื่องของการออกจากงาน เทรดเดอร์คนนี้ผมช่วยฝึกให้มานานพอสมควรแล้วครับ ในตอนแรกเขาอยากจะออกจากงานและมาฝึกกับผมเต็มตัว เพราะอยากจะมีอิสระทางการเงิน ผมไล่ให้เขาไปทำงานและทำงานให้ได้ดีกว่าเดิม แต่ก็ยังฝึกกับผมไปด้วย เขาได้เผชิญกับเหตุการณ์ที่สุ่มเสี่ยงต่อการตัดสินใจและได้ฝึกขัดเกลาจิตใจมาอย่างน้อย 2 – 3 ปีและมาหาผมเพื่อให้ผมประเมินและขอความเห็นว่า เขาสามารถที่จะเทรดและอยู่ได้แล้วหรือยัง? และผมก็ประเมินให้เขาตกไปอีกรอบครับ เพราะว่าเขาทำการบ้านน้อยและมีจำนวนชั่วโมงบินที่น้อยเกินไปที่จะออกมาเทรดและอยู่ได้ด้วยการเทรด เขาสัญญาว่าจะกลับไปปรับปรุงตัวให้ดีขึ้นและกลับไปตั้งใจเทรดมากกว่าเดิม ฝึกประสบการณ์ให้เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม เพื่อให้ผมประเมินจนกว่าเขาจะผ่าน

ในวันนี้ผมจึงขอโอกาสที่จะเขียนบทความเรื่องความแตกต่างของมืออาชีพกับมือสมัครเล่นครับ เพราะว่าหลายคนเหลือเกินที่เห็นว่าอาชีพนี้มีความน่าหลงใหลและอยากเข้ามาอยู่ในวงการ อยากมีอิสระทางการเงินดูแลตัวเองได้โดยที่ไม่ต้องพึ่งพาคนอื่นเป็นนายของตัวเอง เราก็เลยจะมาดูกันว่า อะไรบ้างที่ทำให้เราแตกต่างจากมืออาชีพที่เขาเทรดจนเลี้ยงดูตัวเองและดูแลคนอื่นได้

 

ข้อที่ 1 เทรดเดอร์มืออาชีพ แยกอารมณ์ออกจากเหตุผลได้อย่างชัดเจน

การแยกอารมณ์ออกจากเหตุผลได้ของเทรดเดอร์มืออาชีพ ไม่ได้หมายความว่าเขากลายเป็นหุ่นยนต์ไปแล้ว และไม่มีความรู้สึกรู้สาอะไรกับสิ่งที่เกิดขึ้นนั่นก็ไม่ใช่ครับ การแยกอารมณ์ออกจากเหตุผลเหมือนจะเป็นการคุมสติในพุทธศาสนา นั่นหมายความว่า ถ้าคุณโกรธคุณจะรู้ตัวว่าคุณโกรธ ถามว่าคุณโกรธไหม แน่นอนคุณโกรธ ด้วยสติสัมปะชัญญะที่ยังมีอยู่จะทำให้เราแว๊บนึง ชั่วครู่หนึ่งคิดว่า ถ้าทำแบบนี้ด้วยอารมณ์แล้วมันจะจบด้วยเหตุการณ์แบบไหน นั่นทำให้เราเกิดความเข้าใจว่า อ๋อ ไม่ควรทำอย่างนี้นะ และต้องไม่ทำอะไรโง่ ๆ นะ เช่นว่า ขาดทุน ติด ๆ ต่อกันจนหงุดหงิด ช่วงที่หงุดหงิดนั้น รู้สึกว่ากูหงุดหงิดเพราะโดนตลาดมันปั่นหัว งั้นกูเลิกก่อน แต่ถ้าเป็นมือสมัครเล่นจะมือลั่น ส่ง Lot ใหญ่ ๆ เข้าไปได้ครับ

 

ข้อที่ 2 ไม่เอาตัวเองไปอยู่ในสถานการณ์ลำบาก

การสร้าง Commitment หรือข้อผูกมัดใด ๆ  ย่อมเป็นสิ่งที่มืออาชีพควรหลีกเลี่ยง เช่น เราบอกว่า ถ้าเรามีเงิน 10,000 USD เราจะสามารถสร้างผลตอบแทนและเลี้ยงตัวเองได้ ความจริง ไม่ว่ามันจะได้หรือไม่ได้ มันไม่ได้เกี่ยวข้องกับเงิน 10,000 เหรียญ หรือ 100,000 เหรียญเลย เพราะว่า การบอกว่า เรามีเงิน 10,000 เหรียญเราจะทำได้หมายความว่า การสรุปว่าเหตุการณ์นั้นต้องเป็นอย่างนั้น เมื่อเราสรุปแบบนี้ไปแล้ว กับสิ่งที่มันไม่แน่นอน ว่าเราจะได้ผลตอบแทนเพียงพอเลี้ยงตัวเองได้นั้นเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน ซึ่งทำให้เราลำบาก การเอาตัวเองไปอยู่ในสถานการณ์ลำบาก ทำให้บางครั้ง Mindset เราอาจจะรวนขึ้นและตัดสินใจผิดพลาดได้ พูดง่าย ๆ ก็คือ การทำอะไรแล้วส่งผลกระทบต่อการเทรด เกิดความผิดปกติเป็นสิ่งต้องห้ามโดยเด็ดขาด

 

ข้อ 3 ก่อนเทรดต้องทำการบ้าน

เทรดเดอร์สมัครเล่นมักจะไม่ได้สนใจตลาด แต่สนใจเฉพาะสินค้าที่ตัวเองซื้อขาย เช่น คนเทรดค่าเงิน EURUSD และใช้กราฟทางเทคนิค เพราะฉะนั้นเทรดเดอร์เหล่านั้นจะดูแต่ค่าเงิน EURUSD เท่านั้น ในความเป็นจริง เราต้องติดตามสภาพตลาดตลอด ทั้งตลาดหุ้น โดยเฉพาะตลาดหุ้นยุโรปสำหรับคนที่เทรดค่าเงิน euro ขณะที่ตลาดหุ้นฝั่งอเมริกา ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย ก็ต้องให้ความสนใจ ต้องสนใจดูตลาด โภคภัณฑ์ และตลาดอื่น ๆร่วมด้วย เพราะว่าในกรณีที่เกิดวิกฤติย่อมส่งผลกระทบพ่วงกันหมดอย่างแน่นอน ดังนั้น การเทรด ต้องสนใจหลายตลาด การติดตามสถานการณ์โลกก็มีความจำเป็น ซึ่งมือสมัครเล่น มักจะคิดว่ามันไม่ได้เกี่ยวข้องกันมาก แน่นอนมันไม่ได้เกี่ยวมาก แต่จะรอให้เหตุการณ์ผลกระทบเกิดขึ้นก่อนเท่านั้นหรือถึงจะป้องกัน ดังนั้นมืออาชีพเขาจะให้ความสำคัญกับอะไรก็ตามที่ส่งผลกระทบกับเงินในกระเป๋าของเขา

 

ข้อ 4 อย่าโกหกตัวเอง

บ่อยครั้งที่เทรดเดอร์หน้าใหม่ขับดันตัวเองด้วยความฝัน ด้วยเหตุผลที่ว่า จะสามารถมีเงิน 10 ล้าน หรือว่า 20 ล้านด้วยการเทรด การขับดันตัวเองด้วยความฝันไม่ใช่สิ่งผิด แต่ว่า ความฝันนั้นก็ควรจะอยู่บนพื้นฐานของความจริงที่จะทำให้มันเกิดขึ้นจริงได้มีระบบแบบแผนที่จะสามารถทำได้และปฏิบัติตามแผนอย่างเคร่งครัด นั่นจึงเรียกว่า การไม่ฟุ้งเฟ้อ กับความฝันและไม่หลอกตัวเอง ทำเกินความสามารถที่ตัวเองมีอยู่

 

ทีมงาน : www.thaibrokerforex.com

เส้น

เขียนโดย

Alisa William

ผู้ตรวจทานความถูกต้อง

Chatchawal Nakcharoen