5 เหตุผลที่ทำให้คุณล้มเหลวในการเทรด
ในสมัยเริ่มต้นเทรดใหม่ ๆ ในช่วง 3 ปีแรก ผมเทรดอย่างไรก็ล้มเหลว ไม่เคยประสบความสำเร็จสักที บางครั้งคิดว่า เราอาจจะไม่เหมาะกับการเทรด แต่ว่าในใจก็บอกตัวเองว่า เราก็น่าจะทำได้ คอยบอกแต่ตัวเองว่า ต้องพยายามเท่านั้นถึงจะสำเร็จ เอาจริง ๆ เลย ต่อให้พยายามแค่ไหนพยายามผิดที่โอกาสล้มเหลวก็สูงกว่า ต้นทุนก็จะสูงกว่าคนอื่น ถ้าไม่เสียเงินก็เสียเวลา ตอนนั้นเคยคิดว่า ทำไมเราไม่ประสบความสำเร็จสักที ก็เลยค่อย ๆ นั่งหาสาเหตุจริง ๆ จัง ๆ ว่า แล้วทำไมเราถึงไม่ประสบความสำเร็จ แล้วค่อยอุดรอยรั่วทีละอัน ก็เหมือนกับนั่งอุดถุงรั่วครับ พออยู่ไปนาน ๆ ถุงก็เริ่มรั่วเพิ่ม เราก็ทำได้แต่อุดรอยรั่วไปเรื่อย ๆ
จนวันหนึ่งคิดขึ้นว่า เราน่าจะรวบรวมความผิดพลาดหลักของเราที่เราทำพลาดในอดีตแล้วแบ่งปันให้คนอื่น เพื่อที่จะใช้เป็นแนวทางจึงเขียนเป็นบทความนี้ขึ้นมา
- ไม่ได้เทรดลองกับ Demo ก่อน
การเทรด Demo ไม่ได้มีข้อดีไปเสียทั้งหมด แต่มันมีประโยชน์ 2 อย่าง 1 สำหรับการฝึกใช้เครื่องมือ และอุปกรณ์ ฝึกความเคยชินกับเครื่องมือให้คล่อง อย่างที่ 2 เพื่อทดสอบระบบ ก่อนที่จะนำไปใช้งานจริง สำหรับการฝึกใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ เราอาจจะต้องฝึกและใช้เวลานาน เราจึงต้องเทรดเดโมไปอีกนาน ทางที่ดีช่วงแรก ๆ คุณควรฝึก Demo ทำความเข้าใจกับระบบตรรกะพื้นฐาน ว่าค่าเงินทำงานอย่างไร จำนวน Lot เป็นอย่างไร ส่ง Lot เท่าไหร่จึงจะเหมาะสม Indicator แต่ละตัวมีการคำนวณอย่างไร Function การใช้งานของโปรแกรม MT4 มี key ลัด หรือว่าเครื่องมืออำนวยความสะดวกในการเทรดอะไรบ้าง เมื่อคุณใช้งานคล่องแล้วค่อยลงเงินจริง ๆ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจความมุ่งมั่นในการเทรด หลังจากนั้น เมื่อคุณสร้างระบบเทรดได้แล้ว ประโยชน์อันที่ 2 ของ บัญชี Demo คือ การทดสอบระบบ ก่อนที่คุณจะรัน ระบบจริง ๆ คุณต้องทดสอบก่อน แม้ว่าคุณจะทำการ Back Test มาแล้วก็ตาม บางครั้งมันอาจจะไม่ได้ทำงานอย่างที่คุณคิด ซึ่งการทดสอบด้วย Demo เป็นสถานการณ์ที่ใกล้ความจริง โดยเฉพาะการใช้ Expert Advisor การใช้ บัญชี Demo ย่อมมีความจำเป็นอย่างยิ่ง หลายคนบอกว่า เฮ้ย ลองมาเยอะแล้วเอาบัญชีจริงเลยก็แล้วกัน นั่นแหละครับ ความชิบหายบังเกิด ล้างพอร์ทเพราะประมาทแบบนี้ก็เจอมาเยอะแล้ว
- ออกแบบระบบซับซ้อนเกิน
บางคนออกแบบระบบ ไว้ซับซ้อนเกินไป เนื่องจากระบบมันมีปัญหาก็เลยเพิ่ม indicator เพื่อช่วยกรองสัญญาณ หรือว่ายืนยันสัญญาณ การเพิ่มตัวกรองหรือยืนยันสัญญาณ นั่นหมายความว่า จะต้องสร้างกฏที่เพิ่มขึ้นมาสำหรับ Indicator แต่ละตัว สมมุติว่า ถ้า indicator 1 ตัวมีกฏการเทรด 3 ข้อ ใส่ indicator เข้าไป 3 ตัวกฏการเทรดจะกลายเป็น 9 ข้อ ปัญหาคือ การทำตามระเบียบวินัยการเทรดจะเริ่มลำบาก เพราะว่า จำนวนกฏที่จะต้องใส่ใจเยอะเกินไป บางคนผมเห็นใส่ indicator เข้าไป มากกว่า 10 ตัว จนหน้าจอจะมองไม่เห็นกราฟแท่งเทียนแล้ว อ่านสัญญาณจาก Indicator อย่างเดียว รู้กันหรือไม่ว่า ไม่มีอะไรสะท้อนราคาได้ดีกว่าราคามันเอง
- ไม่ยอมรับผลของการขาดทุนว่าเป็นส่วนหนึ่งของเกมส์
มีบางแนวคิดที่บอกว่า “ไม่ขายไม่ขาดทุน” นั่นเป็นแนวคิดส่วนใหญ่ที่ใช้ในตลาดหุ้น เพราะว่ามันไม่ได้ใช้ Leverage ครับ อย่างไรก็ตามตลาด Forex ไม่เหมือนกัน ผมเคยเห็นบางคนเทรดใช้ lot น้อยมาก ๆ น้อยจนกำไรนั่นก็น้อยตามไปอีกนั่นแหละครับ การใช้ Lot ขนาดเล็ก แล้วคิดว่าจะไม่ล้างพอร์ท โดยไม่ตั้ง Stop loss แล้วพอส่งรวมกันขนาดใหญ่มาก ๆ เข้าก็ทำให้เจอกับสถานการณ์ลำบากเข้าได้ นอกจากระบบที่ไม่ตั้ง Stop loss แล้ว ยังมีระบบการ Hedge นั่นคือ ยังไม่ยอมรับการขาดทุนตอนนี้ โดยส่งออเดอร์ฝั่งตรงข้ามเพื่อลดผลของมันไปก่อน การส่งออเดอร์ Hedge คือการยอมรับไปแล้วว่าขาดทุนแต่เปิดออเดอร์ตรงข้าม สิ่งที่เสียเพิ่มคือ SWAP เราก็ต้องนั่งเสีย SWAP ไปครับ สิ่งที่เราควรทำมากที่สุดคือ ยอมรับผลขาดทุน การเทรดมันต้องมีขาดทุน เมื่อคุณปรับ mindset นี้ระบบของคุณก็จะเปลีย่นไปด้วย
- คิดแต่จะทำกำไร แต่ไม่สนใจการเทรด
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้กับทุกคนครับ เพราะเราคิดว่า เราจะได้กำไรเท่าไหร่ หลังจากที่เราได้ทดสอบระบบของเราแล้ว เราเห็นแต่ตัวเลขว่า % win เท่านี้ Risk : Reward เท่านี้ จนลืมไปแล้วว่า จุดอ่อนของระบบคืออะไร ศึกษาจุดอ่อน ทำความเข้าใจจุดอ่อน และระวังตรงจุดอ่อนไว้ นั่นเป็นสิ่งที่หลายคนไม่ได้ทำ การปิดจุดอ่อนตัวเองอาจจะไม่ดีเพราะว่า มันอาจจะไปโผล่ตรงส่วนอื่นก็ได้ ถ้าเราปิดได้ มันคงไม่ใช่จุดอ่อนของระบบครับ ไม่มีอะไรดีพร้อมในโลกแต่เราต้องเข้าใจมัน การคิดแค่ว่าจะทำเงินได้เท่าไหร่มันจะครอบงำสติของเรา
- ไม่ได้ใช้ Money Management
การไม่ได้ใช้ Money Management เหมือนล่องเรือแล้วอ่านทิศทางไม่เป็น ดูดาวไม่เป็น ไม่มีเข็มทิศ ใช้ตากะเอาล้วน ๆ สิ่งที่ได้คือ ไปไม่ถูกทางเพราะว่าสภาพแวดล้อมมันเปลี่ยนไปตลอดเวลา บางครั้งเราอาจจะเห็นว่ามันเสี่ยงทั้งที่จริง ๆ แล้วมันไม่ได้เสี่ยงมาก หรือเราอาจจะเห็นว่านี่ไม่ค่อยเสี่ยง แต่จริง ๆ แล้วมันเสี่ยงมาก การไม่มี Money Management เหมือนกับเทรดไม่ได้วางแผนมาก่อนนั่นแหละครับ เลวร้ายมาก
ก็หวังว่า 5 ข้อนี้จะช่วยให้ทุกคนระวังตัวเกี่ยวกับการเทรดและความล้มเหลวในการเทรดมากขึ้นครับ
ทีมงาน : www.thaibrokerforex.com