Forex Trading For Living : ทำไมผมถึงไม่เทรดทุกวัน
เทรดเดอร์มีหลายประเภท บางประเภทเป็น Day Trader Swing Trader หรือว่า Long Term Trader ส่วนผมแล้เป็น Swing Trader ซึ่งเล่นตามรอบเข้าออกตามจังหวะ การเป็น Long Term Trader ต้องอาศัยเงินปริมาณมหาศาลและต้องใช้ก้อนใหญ่ ซึ่งยังเป็นไปไม่ได้สำหรับผมแม้ว่าจริง ๆ แล้วมันจะทำให้เราเทรดง่ายกว่ามาก ในบทความนี้ผมจึงจะพูดถึง Day Trader Swing Trader และ Long term Trader ความยากง่ายของมันลักษณะการเทรด ของประเภทของเทรดเดอร์ ดังเนื้อหาต่อไปนี้
ที่มา: http://www.kerjaforex.com/manajemen-trading-long-term-jangka-panjang/
Day Trader
การเป็นเทรดเดอร์เหมือนกับการไปทำงานประจำ ต้องเฝ้าหน้าจอ ต้องสังเกตุหน้าจอทุกวัน ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเทรดทุกวันก็ได้ แต่เขามีเป้าหมายเพื่อที่จะหาจังหวะหน้าจอทุกวัน โดยมากแล้วเทรดเดอร์กลุ่มนี้คิดว่าแต่ละวันเวลาที่ผานไปเป็นต้นทุนในการดำเนินชีวิต ทุกวันเขาต้องหาจังหวะเทรด และหาทางทำกำไร ดังนั้นเวลาที่บีบเขาทำให้เขาต้องไปหาจังหวะเทรดใน Time Frame ต่ำ ๆ เช่น 1H ลงไป การเลือก Time Frame ต่ำก็ทำให้มีจังหวะที่จะเลือก แน่นอนว่า ระยะทางในการทำกำไรก็จำกัด ขนาด Lot นั้นควบคุมโดยขนาด Portfolio อยู่แล้ว การเทรดรายวันจึงต้องเผชิญภาวะความเครียดกับการหาจังหวะเทรด ไม่ทำอะไรนอกจากนั่งเฝ้าหน้าจอ เพื่อหาจังหวะ ศึกษาผลทางเศรษฐกิจ การเทรด แบบ Day Trader จึงเป็นอะไรที่จริงจังมากและต้องเอาใจใส่กับรายละเอียดทุกวัน เหมือนกับการทำงาน สำหรับผมแล้ว การเทรดแบบนี้เป็นสิ่งที่ไม่เหมาะกับผมเป็นอย่างยิ่ง เพราะว่า เรามาเทรดเพื่ออิสระภาพในการใช้ชีวิต แต่ดันต้องมาติดแหงกอยู่กับหน้าจอทั้งวัน การทำแบบนั้นจะทำให้เราหลงอยู่กับเงินและเป็นทาสของเงินยิ่งขึ้นเท่านั้น แม้คุณอาจจะประสบความสำเร็จแต่นั่นอาจจะไม่ใช่หนทางของความสุขในชิวิตก็ได้
Swing Trader
การเทรดแบบ Swing เป็นการเทรดที่ไม่ได้เทรดบ่อยมากนัก แล้วแต่จังหวะที่นำเสนอมาให้ การเทรดแบบสวิง มอบอิสระของชีวิตให้เรามากกว่า เราสามารถใช้เวลาในการทำกิจกรรมอย่างอื่นได้ เช่น เล่นกีฬา อ่านหนังสือ ดูหนัง ไปเที่ยว และยังสามารถเทรดได้ เพราะว่ามันไม่ได้ใช้เวลาดูมากนัก โดยเฉลี่ยแล้วกลุ่มนี้จะใช้เวลา 1 สัปดาห์ในการเฝ้าระวังเทรนด์ หมายความว่า บางสัปดาห์ก็อาจจะไม่ได้เทรดเลยเขาก็พักยาว กว่าที่กราฟจะกลับลงมาให้จังหวะเทรด ก็ไปเที่ยวไหนต่อไหนกลับมาเทรดยังทันเลย ดังนั้นการเทรดแบบนี้ จึงมุ่งเป้าไปที่กราฟรายสัปดาห์ ซึ่งต้องดูที่กราฟ 4 ชั่วโมง เพราะว่าเทรนด์ของกราฟ 4 ชั่วโมงเนี่ย กว่าจะเกิดสัญญาณ Buy หรือ Sell 1 ครั้งต้องใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ขึ้นไป ฉะนั้น วันจันทร์ – พุธ เนื่องจากเรารู้ว่ากว่าเทรนด์มันจะเกิด 2 – 3 วันเราไม่ต้องทำอะไรเลย ใช้เวลาให้เกิดประโยชน์ไม่ต้องเฝ้าหน้าจอ เมื่อไม่ต้องเฝ้าหน้าจอ สภาพความกดดันทางอารมณ์จึงมีน้อยกว่า mindset ดีกว่า สภาพจิตใจที่ดีกว่า และมีความคิดปลอดโปร่งกว่า การเลือกเป็นเทรดเดอร์แบบ Swing นั่นทำให้ขนาดกำไรคำใหญ่ขึ้น ซึ่งจำนวนเทรดที่เทรดน้อยมาก ๆ ทำให้การส่งคำสั่งและกินกำไรคำเล็ก ๆ นั้นจะทำให้เราไม่พอ cover ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน แน่นอนว่า การเทรด Swing จะต้องมีขนาดพอร์ทที่ใหญ่กว่า การเทรดแบบ Day Trader แต่ก็ไร้ความกดดันเมื่อเปรียบเทียบกับ Day Trader
Long Term Trader
การเทรดของ Long Term Trader หมายความว่า เทรดระยะยาว Time Frame ต่ำสุดสำหรับ Long Term Trader คือ รายวัน นั่นหมายความว่า การที่เทรนด์จะขึ้นและลงจนครอบลูปนั้น อาจจะต้องใช้เวลาเป็นเดือน บางครั้ง 1 เดือนมีสัญญาณเทรดเพียง 1 ครั้ง แต่ว่าเวลากำไรก็จะมีการเคลื่อนไหวที่ระยะทางไกลกว่าเดิม สำหรับระยะทางไกลนี้นั้น เมื่อเทรด 1 ครั้งต้องมีความมั่นใจมากว่าจะไม่ผิดพลาด สภาพจิตใจที่ดีของเทรดเดอร์จะทำให้ความน่าจะเป็นของกำไรนี้มีโอกาสสูงมากขึ้น แต่ก็ต้องตามด้วยต้นทุนที่สูงกว่าเดิม เราลองจินตนาการที่เราเทรดได้แค่เดือนละ 1 ครั้ง ครั้งละ 2 – 5 % ถ้าเราเทรดกำไรครั้งละ 3 % ปีนั้นเราจะกำไรประมาณ 36 % ซึ่งสูงกว่าผลตอบแทนของกองทุนขนาดใหญ่เสียอีก เราลองดูว่า 36 % คิดเป็นเงินกี่บาทเมื่อ มีเงินต้นอยู่ 1 ล้านบาท มันคือำไร 360,000 บาทต่อปี หรือก้คือ เดือนละ 30,000 บาทนั่นเอง มีคำถามอย่างนี้ว่า 30,000 บาท เพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันหรือไม่ ก็ต้องแตกต่างกันไป เราลองลดผลตอบแทนลงมาเพราะว่าเราคงไม่ได้เก่งขนาดกองทุนขนาดใหญ่แน่นอน เช่นประมา 150,000 บาทต่อปี โดยเฉลี่ยแล้ว คิดเป็นผลตอบแทนเดือนละ 14,000 บาทต่อเดือน ซึ่งเท่ากับ 15 % ต่อปี เงินจำนวนนี้หลาย คนอาจจะไม่มีเงินพอที่จะเลี้ยงชีพ แต่อย่าลืมนะนี่เราใช้เงินในพอร์ท 1 ล้านบาทเลยนะ ดังนั้นมีคำถามว่า แล้วมีกี่คนบ้างที่จะมีเงินพอสมควรขนาดนี้ นั่นจึงทำให้มันยากที่จะเข้าถึงไปด้วย
โดยสรุปสิ่งที่อยากให้ผู้อ่านได้เห็นคือ ยิ่ง Time Frame ใหญ่ ยิ่งต้องใช้เงินในการเทรดเยอะขณะที่ความยากง่ายของมันยิ่งเงินเยอะยิ่งทำให้เราเทรดได้ง่าย ไม่ต้องเจอสภาวะกดดันของความคิด และอารมณ์ทำให้เราพลาดได้ง่าย แต่อย่างไรก็ตามก็ต้องแลกมาด้วย ทุนที่แพงมากเช่นกัน ทำให้รายย่อยไม่สามารถเข้าถึงวิธีการเทรดแบบ Long Term ได้นั่นเอง นี่เป็นเหตุผลว่า ผมจึงเลือกเทรด Swing เพราะยังสามารถจับต้องได้และไม่สูญเสียคุณภาพชีวิตในการเทรดนั่นเอง
Keywords: Swing Trader ประเภทของเทรดเดอร์ ความยากง่ายของเทรดเดอร์แต่ละประเภท
ทีมงาน : thaibrokerforex.com