เส้น

เวลาเปิด ปิดตลาด Forex

ตลาด Forex ถือเป็นตลาดที่ไม่เคยหลับไหล สาเหตุเพราะว่า เราสามารถเทรดในตลาด Forex ได้ตลอด 5 วันต่อหนึ่งสัปดาห์  หลายคนคิดว่าตลาดอาจจะไม่มีเวลาเปิดปิด แต่จริง ๆ แล้วตลาดมีเวลาเปิดปิด เพียงแต่ว่ามันมีเงื่อนไขที่ทำให้เราสามารถเทรดได้ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งในบทควานี้เราจะกล่าวถึง ข้อมูลเงื่อนไขเกี่ยวกับตลาด Forex ที่เกี่ยวข้องกับการหยุด การปิด และเปิดของตลาด Forex

เวลาเปิด ปิด ตลาด Forex

ตลาด Forex นั้นเป็นตลาดที่มีปริมาณการซื้อขายมากที่สุดในโลก ไม่มีตลาดไหนจะสามารถเปรียบเทียบปริมาณการซื้อขายของตลาด Forex ได้ ตลาด Forex นั้นก็เหมือนตลาดหุ้นทั่วไป มีการซื้อขายผ่าน Over the Counter หรือ OTC การลงทุนในตลาด Forex นนั้นมีปริมาณเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 5 ล้าน ล้านเหรียญสหรัฐฯ  ซึ่งถ้าหากจะเปรียบเทียบการซื้อขายว่าเยอะขนาดไหนก็ต้องบอกว่า ให้เอาปริมาณการซื้อขายของตลาดหุ้นทั่วโลก ที่มีอยู่ในตอนนี้รวมกัน แล้วจะยังน้อยกว่าปริมาณการซื้อของตลาด Forex อยู่ถึง 33 เท่า โดยตลาดจะเปิดทำการ 5 วัน และวันละ 24 ชั่วโมง ซึ่งอันที่จริงตลาดก็เปิดทำการในเวลาปรกตินั่นแหละ

ภาพที่ 1 เวลาเปิดปิด ตลาด Forex

ซึ่งสาเหตุที่ตลาด Forex เปิดตลอด 24 ชั่วโมงเพราะว่า ตลาด Forex นั้นเป็นการเชื่อมกันของตลาดแต่ละมุมโลก โดยตลาดแต่ละแห่งได้แก่ตลาด Australia ซึ่งเริ่มตั้งแต่ 5:00 – 13:00 เมื่อถึงเวลา 7:00 ของออสเตรเลีย ตลาดญี่ปุ่นก็เปิดทำการ ทำให้การดำเนินการของตลาดต่อเนื่อง ถัดมาอีก 6 ชั่วโมง ซึ่งตลาด Australia ปิดทำการ ตลาดยุโรปก็เปิดต่อมา เมื่อตลาดยุโรปเปิดได้ 1 ชั่วโมง ตลาด London ก็เปิดต่อ หลังจากนั้นก็ตามด้วยตลาดสหรัฐฯ ซึ่งลักษณะการเปิดวนกันอย่างนี้ทำให้มันเป็นตลาดที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง

ด้วยการกระจายตัวอยู่ทั่วโลกของตลาด Forex และไม่มีขอบเขตทางด้านพื้นที่มากำหนดนี้ การที่จะเชื่อมตลาดทั้งหมดเข้าด้วยกันได้ทำให้ปริมาณธุรกรรมของการเทรดนั้นขึ้น ๆ ลง ๆ เป็นช่วง ๆ เช่น ปริมาณการเทรดในตลาด London ใกล้จะหมด เมื่อตลาด สหรัฐอเมริกาเปิดขึ้น ก็จะทำให้ปริมาณการเทรดเพิ่มขึ้นอีกครั้ง

นอกจากนี้ตลาดที่เราเทรดยังมีตลาดอื่น ๆ อีก เพราะว่าเราไม่ได้เทรดแค่ Forex เรายังเทรด พลังงาน เทรด โลหะ และตลาดอื่น ๆ อีก สำหรับตลาดอื่น ๆ เช่น ตลาด พลังงาน ตลาด ตลาดโลหะ จะมีเวลาแตกต่างกันอีกเช่นกัน แยกจาก Forex  ดังภาพต่อไปนี้

ภาพที่ 2 เวลาเปิดตลาด Forex – ตราสารโลหะ พลังงาน RUB

ซึ่งสำหรับคนที่เทรด Forex จะรู้ดีว่าเราไม่ได้เทรดเฉพาะ Forex เท่านั้น เรายังเทรดตลาดโภคภัณฑ์ ตลาดพลังาน โลหะอื่น ๆ อีกซึ่งตลาดเหล่านั้นมีเวลาปิดเปิดที่แตกต่างกัน อย่างไรก็ตามการเทรด CFD นั้นค่อนข้างแตกต่างจาก Forex นักลงทุนต้องมีความเข้าใจเกี่ยวกับการเทรดผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่นอกเหนือจาก Forex พอสมควร

ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมาก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของเวลาปิดเวลาเปิด ต่อไปเป็นข้อมูลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเวลาปิดเวลาเปิดของตลาด Forex ประกอบด้วยกฏ Tom Next หรือ ที่รู้กันคือ Tomorrow Next Rules

Tomorrow Next – Tom Next คืออะไร?

ภาพที่ 3 เวลาปิดเปิดตลาด Forex – Tom Next

Tomorrow next หรือ Tom next คคือ การทำธุรกรรมระยะสั้นของตลาดอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งการที่จะซื้อขายค่าเงินนั้นจะต้องทำการซื้อขายค่าเงินทุกวันที่ตลาดปิดทำการ หรือก็คือจริง ๆ แล้วตลาด Forex ก็มีการปิดทำการนั่นแหละ เพียงแต่ว่าการที่มันเปิดติดต่อกันต่อเนื่องนั้น มันทำให้มันทำงานไปได้ ขณะที่การปิดของมันนั้นทำให้เกิดธุรกรรมซื้อและขายโดยประมาณ 2 วันทำการ ซึ่ง เมื่อครบ 2 วันทำการแล้วคนที่ถือธุรกรรม Forex ต้องทำการส่งสินค้าตัวเอง  หมายความว่ายังไง มันก็คล้ายคลึงกับสินค้า Futures นั่นก็คือ มีการส่งมอบสินค้า ฉะนั้นกฏ ToM Next ใช้สำหรับการส่งมอบเงินสำหรับการซื้อขายค่าเงินสนั่นเอง แต่อย่างไรก็ตามเพื่อให้ตลาดเคลื่อนไหวไปอย่างต่อเนื่อง การส่งมอบธุรกรรมจะไม่ได้บังคับให้มีการส่งมอบธุรกรรมจริง

พื้นฐานเรื่อง Tomorrow Next

ในการเทรดค่าเงินส่วนใหญ่นั้น การส่งมอบเงินนั้นจะเกิดขึ้นหลังจากวันซื้อสินค้า 2 วัน ซึ่งกฏ Tom next เกิดขึ้นเพราะว่าเทรดเดอร์ส่วนใหญ่ไม่ได้มีความตั้งใจในการส่งมอบเงินจริง ๆ ดังนั้น position ของพวกเขาจึงต้องมีการถือต่อไป ซึ่งสิ่งนั้นเรียกว่า Rolled Over  โดยต้นทุนการทำธุรกรรมที่ว่านั้น เรียกว่า FX Swap และขึ้นอยู่กับค่าเงินที่คนนั้นถืออยู่ ซึ่งจะถูกชาร์จค่าพรีเมียมไว้  เทรดเดอร์และนักลงทุนที่ถือออเดอร์นั้นจะได้ผลตอบแทนเป็น rolled over ก็เกิดขึ้นได้  เช่น ค่าเงิน CADCHF เพราะว่าส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยของการถือครอง position ของคู่เงิน

ถ้าค่าเงิน 2 ค่าเงินนั้นมีอัตราส่วนดอกเบี้ยของค่าเงินใกล้เคียงกันก็จะแลกในอัตราที่เท่ากันและไม่มี Swap ธุรกรรมของ Tom Next ที่เกิดขึ้นจะถูกดำเนินการโดยธนาคารใน Interbank market ขึ้นอยู่กับทิศทางของธุรกรรม เทรดเดอร์จะทำการ Buy และ Sell อีกค่าเงินหนึ่ง หรือ Sell และ Buy อีกค่าเงินหนึ่ง ซึ่งก็คือค่าเงินที่พวกเขาต้องการ Roll over มัน ธุรกรรม Tom Next นั้นจะถูกจัดการโดย Forward Trading Desk หรือ Short Term Interest Rate team หรือ STIR

ภาพที่ 4 – เวลาเปิดปิดตลาด Forex – Swap EURUSD

ถ้าหากเทรดเดอร์เลือกที่จะไม่ Roll over โพสิชั่นของตัวเองถูกบังคับให้ส่งมอบสัญญา หรือคือเงินจริง ๆ อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้น้อย  หลักการของ rolling position นั้นยิ่งสำคัญ ในตลาดโภคภัณฑ์ เพราะว่าถ้ามันไม่สามารถถูกทำให้เสร็จ เทรดเดอร์จะต้องถูกบีบให้ส่งสินค้าจริง ๆ

ตัวอย่างของกฏ Tom –Next

สมมุติว่า Trader นั้น Long ค่าเงิน EURUSD ซึ่งเทรดอยู่ที่ประมาณ 1.53 USD หรือ 1 Euro สามารถซ้อได้ 1.53 USD ในวันหมดอายุอีก 2 วัน เทรดเดอร์ได้ใช้กฏ Tom Next ในการถือ position ของค่าเงินที่เขาเทรด และสมมุตว่าอัตราดอกเบี้ยของสองค่าเงินเท่ากับ 0.010 และ 0.015 ณ สิ้นวัน หลังจากที่เทรดเดอร์ได้ซื้อและขายหุ้นแล้ว เทรดเดอร์จะได้รับอัตราดอกเบี้ยเท่ากับ 0.010 ราคาของเทรดเดอร์ที่เทรดเดอร์จะได้ต่อมาคือ 1.52 ในวันถัดไป นั่นเอง

อย่างไรก็ตามการใช้งานกฏนี้สำหรับรายใหญ่จะทำการลดต้นทุน Position ในกรณีที่ได้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย แต่สำหรับโบรคเกอร์รายย่อยแล้ว การถือ position จะไม่ถูกนำไปลดต้นทุนแต่จะได้มาให้อยู่ในรูปแบบ Swap บวกเข้ากับกำไรขาดทุนของ position นั้น ๆ ทีหลัง

แล้วทำไมบางครั้งไม่ว่าจะ Sell หรือ Buy เทรดเดอร์ก็เสีย Swap

บางครั้งเราจะเห็นว่าไม่ว่าจะ Buy หรือว่า Sell คู่เงินใด เทรดเดอร์ก็จะเสียเงินทั้งคู่ กล่าวคือ ถ้าหากเรา Long EURUSD เราอาจจะเสีย Swap เท่ากับ 0.10 USD เราอาจจะคิดว่า ถ้าอย่างนั้นเราเปลี่ยนไป Sell EURUSD แทนเราอาจจะได้ Swap มา อย่างไรก็ตามเมื่อเราทำการ Short EURUSD  ผลปรากฏว่า เราก็เสีย Swap อีก แต่อาจจน้อยกว่าเดิมหน่อยคือ 0.05 ทำไมเป็นแบบนั้นกัน

สาเหตุก็เพราะว่า แต่ละโบรคเกอร์ได้คิดค่าธรรมเนียมเพิ่มเข้าไป ทำให้ไม่ว่าจะ Long หรือ จะ Short ก็เสียเงินเช่นกัน ท่านสามารถตรวจสอบได้จาก Swap ของแต่ละโบรคเกอร์ที่ปรากฏอยู่ใน internet เพราะว่าแต่ละโบรคเกอร์นั้นให้ Swap ไม่เท่ากันและคิดค่าธรรมเนียมที่แตกต่างกัน ทำให้อัตราได้เสียและส่วนต่างของแต่ละโบรคเกอร์นั้นแตกต่างกัน

ภาพที่ 5 เวลาเปิดปิดตลาด Forex – swap กับ Broker

ความรู้ที่ได้จาก เวลาปิดเปิดของค่าเงินนั้น อาจจะไม่ได้ช่วยให้คุณได้กำไรในการเทรดมากนัก แต่ว่าถ้าหากคุณหาความรู้ต่อไปอาจจะทำให้คุณเห็นช่องว่างบางอย่างในการทำกำไร ตัวอย่างเช่น การที่แต่ละโบรคเกอร์นั้นคิดค่าธรรมเนียม และต้นทุนการถือค่า Swap นั้นแตกต่างกัน ทำให้ค่าธรรมเนียมที่คิดกับโบรคเกอร์นั้นแตกต่างกัน เทรดเดอร์สามารถหาความต่างของค่าธรรมเนียมแล้วอาศัยการ Hedging ในการเทรด เพื่อถือ position เมื่อราคาเคลื่อนไหวก็จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงของกำไรขาดทุน แต่ว่าเราสามารถได้ส่วนต่างจากการ Hedging กันข้ามโบรคเกอร์ เป็นต้น

 

ทีมงาน : www.thaibrokerforex.com

เส้น

เขียนโดย

Poomipat Wonganun

ผู้ตรวจทานความถูกต้อง

Chatchawal Nakcharoen