Thaibrokerforex ได้รวบรวมข้อมูลค่า Spread, Commission และ Swap รวมค่าบริการของที่เทรดเดอร์ต้องเสียในการเทรดแต่ละโบรกเกอร์ Forex มากกว่า 21 โบรกเกอร์ (จำนวน 55 ประเภทบัญชีเทรด) ที่นิยมเทรดในประเทศไทย โดยเราทำการเปิดบัญชีจริง เข้าไปลองเทรดจริง และจดบันทึกค่า Spread, Commission และ Swap ของแต่ละโบรกเกอร์ เพื่อให้เทรดเดอร์มาดูกันว่าโบรกเกอร์มีค่าบริการในส่วนนี้ต่ำที่สุด
เกณฑ์การพิจารณา โบรกเกอร์ Spread ต่ำ
เราจะพิจารณาต้นทุนการเทรด ซึ่งประกอบไปด้วย 3 ปัจจัย คือ
- Spread
- Commission
- Swap
โดยหากบัญชีใดที่มีการเก็บค่า Commission เราจะนำมาบวกเข้าไปรวมกับ Spread เช่น บัญชี Raw Spread ของทาง Exness มีการเก็บค่าคอมที่ 7 USD / lot (ไปกลับ) ซึ่งค่า Spread บัญชีสมมติให้เท่ากับ 0 เราก็จะนำมารวมกันได้จะค่า Spread เท่ากับ 7 นั่นเอง
น้ำหนักในการให้คะแนน
- Spread + Commission: 80%
- Swap : 20%
โปรดทราบ การตัดสินใจเลือกโบรกเกอร์ไม่ควรตัดสินใจโดยใช้ปัจจัยด้านใดด้านหนึ่ง ท่านสามารถดูการจัดอันดับ โบรกเกอร์ Forex ดีที่สุด โดยใช้ข้อมูลโดยรวมได้ที่นี่
ตารางสรุปโบรกเกอร์ Forex Spread Commission Swap ต่ำสุด
อันดับ 1 : Gmi markets
ประเภทบัญชี : ECN (MT4)
ทีเด็ดของโบรกเกอร์นี้เลยคือ Swap Free และ ค่า Spread ที่ต่ำมาก (เฉลี่ยอยู่ที่ 6.43) น้อยโบรกมาก ณ ตอนนี้ที่จะเปิด Swap Free ให้บริการ
ทำให้ GMI เหมาะกับการเทรดหลากหลายสไตล์ทั้ง เล่นสั้น และ ถือยาว เพราะด้วยต้นทุนการเทรดที่ต่ำทั้ง Spread และ Swap จึงไม่แปลกใจเลยว่า GMI จะมาอยู่ในอันดับ 1 ของการจัดอันดับในครั้งนี้
อันดับ 2 : Weltrade
ประเภทบัญชี : Pro
น่าตกใจพอสมควรที่ Weltrade มาติดอันดับต้นๆ ด้วยเพราะว่า ประเภทบัญชี Pro ของโบรกนี้มี Swap Free เช่นเดียวกัน และค่า Spread ที่ต่ำ เฉลี่ยอยู่ที่ 7.43 ทำให้ทาง Weltrade ขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 2
(การจัดอันดับเราพิจารณาเฉพาะ Spread, Commission และ Swap เท่านั้น โดยหากพิจารณาองค์รวมแล้ว Weltrade ยังไม่ถือเป็นโบรกเกอร์ต้นๆที่ดีที่สุด เพราะ ยังมีเรื่อง เรทฝากถอนที่แพง สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่)
เปิดบัญชีสมัครกับ weltrade คลิ๊ก
ข้อมูล weltrade เพิ่มเติม คลิ๊ก
อันดับ 3 : Tickmill
ประเภทบัญชี : Pro
โบรกเกอร์น้องใหม่ที่พึ่งเข้ามาทำการตลาดในประเทศไทย โดยมีค่า Spread เฉลี่ยต่ำที่สุด อยู่ที่ 6.14 pip โดยคู่สกุลเงิน USDCHF และ AUDUSD มีค่า Spread ต่ำที่สุดในบรรดา 55 บัญชีทั้งหมด
ที่ทาง Tickmill ไม่ได้อยู่ในอันดับที่ 1 ก็เพราะว่า มีค่า Swap ที่อยู่ในระดับกลางๆ เป็นตัวฉุดให้มาอยู่ในอันดับที่ 3
ดังนั้น Tickmill จะเหมาะมากกับ เทรดเดอร์ที่เล่นสั้นๆ ไม่ได้ถือข้ามวัน
เปิดบัญชีสมัครกับ tickmill คลิ๊ก
ข้อมูล tickmill เพิ่มเติม คลิ๊ก
อันดับ 4 : Exness
ประเภทบัญชี : Raw Spread
ทั้ง Spread, Commission และ Swap โดยรวมดีมาก ถ้าพูดถึงองค์รวมที่ดีต้อง Exness เลยครับ การันตีคุณภาพ
เปิดบัญชีสมัครกับ exness คลิ๊ก
อันดับ 5 : : Exness
ประเภทบัญชี : Zero
จริงๆแล้ว Exness ครองอันดับ 4-6 เลย ทั้งประเภทบัญชี Raw Spread, Zero และ Pro
ถ้าดูจากตารางข้างต้น คะแนนรวมเท่ากันหมด เพราะค่า Spread และ Swap ของ 3 บัญชีนี้ เท่ากันหมด
ทาง Thaibrokerforex ถ้าเปิดบัญชีกับทาง Exness เราแนะนำบัญชี Raw Spread เนื่องจากการเทรดไหลลื่นที่สุด
เปิดบัญชีสมัครกับ exness คลิ๊ก
โบนัส : โบรกเกอร์ที่มีค่า Spread (รวม Commission) ต่ำที่สุดในแต่ละคู่สกุลเงิน
- EURUSD : โบรกเกอร์ FXTM ประเภทบัญชี Pro : ค่า Spread เฉลี่ยที่ 5
- USDJPY : โบรกเกอร์ Tickmill ประเภทบัญชี Pro : ค่า Spread เฉลี่ยที่ 5
- GBPUSD : โบรกเกอร์ Weltrade ประเภทบัญชี Pro : ค่า Spread เฉลี่ยที่ 6
- USDCHF : โบรกเกอร์ Tickmill ประเภทบัญชี Pro : ค่า Spread เฉลี่ยที่ 6
- USDCAD : โบรกเกอร์ GMI ประเภทบัญชี ECN : ค่า Spread เฉลี่ยที่ 6
- AUDUSD : โบรกเกอร์ Tickmill ประเภทบัญชี Pro : ค่า Spread เฉลี่ยที่ 4
- NZDUSD : โบรกเกอร์ GMI ประเภทบัญชี ECN : ค่า Spread เฉลี่ยที่ 6
หมายเหตุ :
*ค่า Spread มีความสำคัญในการเทรดและการจัดอันดับโบรกเกอร์สูง ค่า Spread โดยปกติจะไม่คงที่ การจัดอันดับจะใช้ข้อมูลใน วันจันทร์ – ศุกร์ และ ในเวลาที่มีการซื้อขายปกติ ไม่มากไม่น้อยเกินไป ในบางครั้งอาจไม่ตรงกับเว็บไซต์หลัก หรือไม่ตรงกับเว็บไซต์อื่นๆ
** โบรกเกอร์ที่นำมาวิจัย เราพิจารณาเฉพาะบัญชีเงินฝากขั้นต่ำไม่เกิน 1,000 ดอลลาร์ และเป็นโบรกที่มีความน่าเชื่อถือ มีทีมงานให้ความช่วยเหลือเทรดเดอร์ไทย สามารถทำธุรกรรมผ่านธนาคารในประเทศไทยได้ โดยโบรกที่นำมาทดสอบทั้งหมดนี้ต้องผ่านการคัดกรองจากทีมงาน ThaiBrokerForex ก่อน หากโบรกเกอร์ไหนไม่ผ่านเกณฑ์ เช่น ไม่มีความน่าเชื่อถือ ไม่ซัพพอร์ตเทรดเดอร์ไทย การทำธุรกรรมยากลำบาก เป็นต้น
อธิบายงานวิจัย Spread Forex Broker
Spread หรือส่วนต่างราคาของ Bid กับ Ask นั้นเป็นปัจจัยสำคัญอันดับต้นๆ ที่เทรดเดอร์ต้องพิจารณาในการเลือกโบรกเกอร์ที่จะมาเทรด Forex เลยทีเดียว เพราะจะมีผลต่อกำไร/ขาดทุนของเทรดเดอร์อย่างยิ่ง เพราะ Spread นั้นถือเป็นต้นทุนในการเทรดของเทรดเดอร์ ซึ่งถ้าหากโบรกเกอร์ไหนให้ Spread ต่ำ ต้นทุนในการเทรดก็จะยิ่งต่ำลง หากโบรกเกอร์ไหนให้ Spread สูง ต้นทุนในการเทรดก็จะสูงตาม โดยเฉพาะเทรดเดอร์ที่เล่นสั้น ค่า Spread นั้นสำคัญอย่างมาก
ซึ่งทางทีมวิจัยเราได้รวบรวมข้อมูลของ Spread โบรกเกอร์ต่างๆ มาให้เทรดเดอร์เลือกตัดสินใจกันดู โดยในที่นี้เราขอพิจารณาเฉพาะ “ค่า Spread” เพียงอย่างเดียว (เรื่องเรท ฝาก/ถอน ระยะของเงินเข้าเงินออก ความยากง่ายของการฝากถอน ความเร็วในการสั่งคำสั่ง และสิ่งสำคัญอื่นๆ จะอยู่ในงานวิจัยถัดไปครับ)
โดยปกติค่า Spread ของโบกรเกอร์ Forex ใน MT4 จะอยู่ในส่วนของ Market Watch ซึ่งจะแสดงเครื่องหมาย “!” ดังรูปข้างต้น ซึ่งตัวนี้จะบอกถึงความห่างของช่วง Bid กับ Ask ของสกุลเงินต่างๆที่เราเทรด
ก่อนเข้าสู่งานวิจัยของเรา เรามาดูถึงความสำคัญของเจ้าสิ่งๆ นี้กันก่อนดีกว่า (เพราะบางคนอาจละเลยตรงนี้ไป ทำให้เสียเงินเป็นจำนวนมากโดยเปล่าประโยชน์) จากรูปข้างล่างเป็นการเปรียบเทียบ Spread ระหว่าง โบรก A กับ โบรก B ซึ่งเราได้บันทึกในช่วงเวลาเดียวกัน จะเห็นค่าความแตกต่างระหว่างค่า Spread ของ 2 โบรกนี้
ช่วงเวลา 17:16:57-58
คู่สกุลเงิน NZDUSD
|
Bid | Ask | ! (Spread) |
โบรก A | 0.70722 | 0.70742 |
20 |
โบรก B | 0.70717 | 0.70748 |
31 |
เห็นอะไรไหมครับ … โบรก A มีค่า Spread ต่ำกว่า B อยู่ 11 pips (A = 20 , B =31) ซึ่งใครที่เทรดโบรก A มีค่า Spread ที่ดีกว่าโบรก B ทั้งในฝั่ง Bid และ Ask … สมมติเราจะเทรดฝั่ง Long ซื้อที่ราคาตลาด (คำสั่ง Market Execution) โดยสมมติว่าคาดว่าราคาจะขึ้น
– ถ้าเปิด Long NZDUSD ในโบรก A ต้นทุนเราจะอยู่ที่ 0.70742 … ต้นทุนดีกว่า
– แต่ถ้าเปิด Long NZDUSD ในโบรก B ต้นทุนเราจะอยู่ที่ 0.70748 … ต้นทุนแย่กว่า
และเมื่อพิจารณาในฝั่ง Short เช่นเดียวกัน (คาดว่าราคาจะลง)
– ถ้าเปิด Short NZDUSD ในโบรก A ต้นทุนเราจะอยู่ที่ 0.70722 … ต้นทุนดีกว่า
– ถ้าเปิด Short NZDUSD ในโบรก B ต้นทุนเราจะอยู่ที่ 0.70717 … ต้นทุนแย่กว่า
เห็นอย่างนี้แล้วเทรดเดอร์จะอยากเทรดกับโบรกไหนมากกว่ากันละครับ ??
โบรกเกอร์และประเภทบัญชีที่นำมาวิจัย
จำนวน 21 โบรกเกอร์ ดังนี้
Exness, XM, FBS, Pepperstone, IC-Markets, Land-FX, GMI, FxPro, FxPrimus, HotForex, XTB, eightcap, Roboforex, forex4you, Tickmill, Weltrade, Fxtm, Vantage Fx และ thinkmarkets
นับรวมประเภทบัญชีทั้งสิ้นทั้งหมด 55 บัญชี
ค่าเงินที่บันทึกได้แก่ค่าสกุลเงินหลัก 7 ค่าสกุลเงิน ได้แก่
EURUSD , USDJPY , GBPUSD , USDCHF , AUDUSD , USDCAD และ NZDUSD
โดยระยะเวลาในการบันทึกนั้นใช้ระยะเวลา 1 สัปดาห์ และเราบันทึกค่า Spread ใน MT4 ทุกๆ ครึ่งชม. แล้วนำมาหาค่าเฉลี่ย Spread ทุกคู่สกุลเงินของแต่ละโบรกเกอร์เพื่อที่จะได้ความละเอียดของข้อมูล เพื่อที่จะนำมาจัดอันดับโบรกเกอร์ที่มีค่า Spread ดีที่สุด
เข้าดูหลักฐานการบันทึกข้อมูล Spread, Commission และ Swap ทั้งหมดได้ที่นี่ (คลิ๊ก)
ทุกข้อมูล Spread ของแต่ละโบรกเกอร์ที่รวบรวมมานั้น เราได้ทำการปรับเวลาในการเทรดให้ตรงกับเวลาไทยแล้วทั้งสิ้น
เพื่อให้การเปรียบเทียบนั้นมาตรฐาน เราจะนำค่า Commission ที่มีการเก็บในบางประเภทบัญชี ไปรวมค่า Spread เพื่อให้ได้ต้นทุนการเทรดที่แท้จริง (เกือบทุกโบรกที่เรานำมาวิจัยเป็นโบรกที่ Quote ทศนิยม 5 ตำแหน่ง แต่จะมีบางโบรกอย่าง Pepperstone ที่ Quote ทศนิยม 4 ตำแหน่ง โดยเราจะปรับให้เท่ากันเพื่อนำมาเปรียบเทียบกัน)
ในส่วนของ Swap
เราได้ทำการบันทึกข้อมูล Swap ที่เกิดขึ้นจริงตามช่วงเวลาเดียวที่เก็บค่า Spread โดยเราจะทำการเปิดโปรแกรม MT4 ขึ้นมา แล้วเชคค่า Swap ต่างๆของแต่ละคู่สกุลเงินของโบรกเกอร์และบัญชีนั้นๆ
โดยวิธีการดูว่าโบรกเกอร์ไหนมีค่า Swap แพงหรือถูก เราจะดูจาก “ส่วนต่าง” ของ Swap ทั้งฝั่ง Long และ Short เนื่องด้วยเพราะว่า Swap มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลาดเวลาอยู่แล้ว ในทุกๆครั้งที่ธนาคารมีการปรับอัตราดอกเบี้ย เราใช้หลักการที่ว่า โบรกเกอร์ไหนที่เก็บค่า Swap ต่ำในปัจจุบัน มีแนวโน้มที่จะเก็บต่ำตอนไปในอนาคต
โบรกเกอร์ที่เก็บค่า Swap ทั้งฝั่ง Long และ Short น้อยๆ ถือว่าเป็นโบรกเกอร์ที่มีค่า Swap ถูก
Tips
เป็นธรรมดาของค่า Spread ของโบรกส่วนมาก มักจะผันผวนในช่วงเปิดตลาด (ตลาดที่ Australia เริ่มเทรด) หรือตอนตี 4 – ตี 5 ในแต่ละวัน ตามเวลาประเทศไทย
ซึ่งคำแนะนำเทรดเดอร์ไม่ควรเทรดช่วงดังกล่าว เนื่องจากค่า Spread ในช่วงนั้นกว้างผิดปกติ จะทำให้เทรดเดอร์ได้ราคาที่ไม่ค่อยดีหนัก ควรหลีกเลี่ยงช่วงดังกล่าว
ขอบคุณทุกท่านที่อ่าน หวังว่าจะได้รับประโยชน์นะครับ
ทีมงาน : Thaibrokerforex.com