ตกรถในการเทรด Forex เป็นอย่างไร

วันนี้เรามาพูดถึงเรื่องที่หลายคนอาจเคยได้ยิน แต่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร หรือบางคนอาจเคยเจอมาแล้วแบบเจ็บๆ นั่นก็คือ “การตกรถ” ในวงการ Forex นั่นเอง!

แต่ก่อนที่เราจะไปทำความรู้จักกับคำว่า “ตกรถ” กันอย่างละเอียด อยากให้คุณลองนึกภาพตาม คือ เคยไหม? ที่เห็นกราฟพุ่งทะยานขึ้นหรือดิ่งลงอย่างรวดเร็ว แต่คุณกลับทำอะไรไม่ถูก จนพลาดโอกาสทำกำไรไปแบบน่าเสียดาย หรือบางทีคุณอาจจะเห็นเพื่อนๆ โพสต์ผลกำไรกันสนั่นโซเชียล ในขณะที่คุณนั่งมองอย่างอิจฉาและสงสัยว่า “ทำไมเราถึงไม่ได้เข้าไปด้วยนะ?”

ถ้าเคยเจอแบบนี้ละก็ ยินดีด้วย! คุณได้สัมผัสกับประสบการณ์ “ตกรถ” แบบเต็มๆ แล้ว! แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะวันนี้เราจะมาทำความเข้าใจกับปรากฏการณ์นี้กันอย่างละเอียด พร้อมเรียนรู้วิธีป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก เพื่อให้คุณสามารถคว้าโอกาสทำกำไรได้อย่างเต็มที่ในทุกสถานการณ์

ตกรถในโลก Forex คืออะไรกันแน่?

“ตกรถ” หรือที่ภาษา Forex เรียกว่า “FOMO” (Fear Of Missing Out) คือ สถานการณ์ที่คุณพลาดโอกาสในการเข้าเทรดที่ดี เนื่องจากไม่สามารถเปิดออเดอร์ได้ทันเวลา ทำให้ต้องมานั่งเสียดายทีหลังว่า “ถ้าเราเข้าไปตั้งแต่แรก คงได้กำไรไปแล้ว”

เปรียบเสมือนคุณกำลังรอรถเมล์อยู่ แต่พอรถมาถึงป้าย คุณกลับชักช้าไม่ทันขึ้น สุดท้ายก็ได้แต่มองรถวิ่งจากไปพร้อมกับความรู้สึกเสียดายสุดๆ

ในโลกของ Forex นั้น การตกรถมักเกิดขึ้นในสถานการณ์ต่อไปนี้

  1. ข่าวสำคัญประกาศออกมา ทำให้ตลาดผันผวนอย่างรุนแรง แต่คุณไม่ทันตั้งตัว
  2. เทรนด์ใหม่เริ่มก่อตัว แต่คุณยังลังเลไม่กล้าเข้า จนราคาวิ่งไปไกลเกินเอื้อม
  3. จุดกลับตัวของราคาเกิดขึ้น แต่คุณยังติดอยู่กับความเชื่อเดิมๆ ไม่ยอมปรับตัว

ผลลัพธ์ก็คือ คุณพลาดโอกาสทำกำไรไปอย่างน่าเสียดาย และอาจเกิดความรู้สึกหงุดหงิด โมโห หรือแย่กว่านั้นคือ เกิดอาการ FOMO จนทำให้ตัดสินใจผิดพลาดในการเทรดครั้งต่อไป

ทำไมถึงเกิดอาการตกรถได้?

การตกรถไม่ได้เกิดขึ้นลอยๆ แต่มีสาเหตุที่ทำให้เกิดขึ้นได้หลายประการ มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง

ไม่เฝ้าหน้าจอ

  • การที่ไม่เฝ้าหน้าจอนั้น คือ สาเหตุอันดับหนึ่งเลยก็ว่าได้! หลายคนคิดว่าเทรด Forex แล้วไม่ต้องจ้องหน้าจอตลอดเวลา แต่ความจริงแล้ว ตลาด Forex นั้นเคลื่อนไหวตลอด 24 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์ การไม่เฝ้าดูในช่วงเวลาสำคัญอาจทำให้คุณพลาดโอกาสทองได้ง่ายๆ

ไม่ตั้งค่า EA (Expert Advisor) ให้ดี

  • หลายคนใช้ EA ช่วยในการเทรด แต่กลับลืมตั้งค่าให้เหมาะสม เช่น ไม่ตั้ง Stop Loss ทำให้ EA ไม่ทำงานในจังหวะที่ควรจะทำ สุดท้ายก็พลาดโอกาสไปอย่างน่าเสียดาย

อินเทอร์เน็ตช้าหรือไม่เสถียร

  • ในยุคที่ทุกวินาทีมีค่า อินเทอร์เน็ตที่ช้าหรือหลุดบ่อยๆ อาจทำให้คุณส่งคำสั่งไม่ทัน หรือแย่กว่านั้นคือโดนรีโควต (Requote) จนพลาดจังหวะดีๆ ไป

ขาดความมั่นใจในการตัดสินใจ

  • บางครั้งคุณอาจเห็นสัญญาณที่ดี แต่กลับลังเลไม่กล้าเข้า เพราะกลัวผิด กลัวขาดทุน หรือรอให้มั่นใจ 100% ซึ่งในโลกของ Forex นั้น ไม่มีอะไรที่แน่นอน 100% การรอจนมั่นใจเต็มที่อาจทำให้คุณพลาดโอกาสไปได้

ยึดติดกับความเชื่อเดิม ๆ

  • ตลาด Forex นั้นเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา แต่หลายคนกลับยึดติดกับความเชื่อเดิมๆ เช่น “ขึ้นแล้วต้องลง” หรือ “ลงแล้วต้องขึ้น” ทำให้ไม่กล้าเข้าเทรดในจังหวะที่ควรจะเข้า

ไม่มีแผนการเทรดที่ชัดเจน

  • การไม่มีแผนที่ชัดเจน ทำให้คุณไม่รู้ว่าควรเข้าเทรดเมื่อไหร่ ออกเมื่อไหร่ สุดท้ายก็ต้องตัดสินใจแบบสับสนและพลาดโอกาสไปอย่างน่าเสียดาย

ผลกระทบของการตกรถในการเทรด Forex

การตกรถไม่ใช่แค่เรื่องน่าหงุดหงิดเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อการเทรดของคุณในระยะยาวได้ด้วย เนื่องจาก

  • สูญเสียโอกาสทำกำไร นี่คือผลกระทบที่ชัดเจนที่สุด เมื่อคุณพลาดจังหวะดีๆ ไป นั่นหมายถึงกำไรที่ควรจะได้ก็หายไปด้วย
  • เกิดความเครียดและหงุดหงิด การเห็นคนอื่นทำกำไรในขณะที่เราพลาดไป อาจทำให้เกิดความเครียดและหงุดหงิด ซึ่งส่งผลต่อสภาพจิตใจในการเทรดครั้งต่อๆ ไป
  • ตัดสินใจผิดพลาดในการเทรดครั้งถัดไป เมื่อเกิดอาการ FOMO คุณอาจรีบร้อนเข้าเทรดในจังหวะที่ไม่เหมาะสม เพียงเพราะกลัวจะพลาดอีกครั้ง ซึ่งอาจนำไปสู่การขาดทุนได้
  • ขาดความมั่นใจในตัวเอง การพลาดโอกาสบ่อยๆ อาจทำให้คุณเริ่มสงสัยในความสามารถของตัวเอง ส่งผลให้การตัดสินใจในครั้งต่อๆ ไปขาดความแน่วแน่
  • เสียเวลาและพลังงานไปกับการเสียดายอดีต แทนที่จะโฟกัสกับโอกาสใหม่ๆ ที่กำลังจะมาถึง คุณอาจเสียเวลาไปกับการนึกถึงโอกาสที่พลาดไป ซึ่งไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อะไรเลย

วิธีป้องกันไม่ให้ตกรถในการเทรด Forex

แล้วเราจะทำยังไงดีล่ะ ถึงจะไม่พลาดโอกาสทองแบบนี้อีก? ไม่ต้องกังวลไป เพราะผมมีเคล็ดลับเด็ดๆ มาฝากกัน

  • เฝ้าดูตลาดอย่างสม่ำเสมอ ไม่จำเป็นต้องจ้องหน้าจอ 24 ชั่วโมง แต่ควรหมั่นเช็คตลาดในช่วงเวลาสำคัญ เช่น ช่วงเปิด-ปิดตลาดหลัก หรือช่วงประกาศข่าวสำคัญ อย่างน้อยวันละ 3-4 ครั้ง
  • ใช้ EA (Expert Advisor) ช่วย EA สามารถช่วยคุณเฝ้าตลาดและเข้าเทรดอัตโนมัติตามเงื่อนไขที่คุณตั้งไว้ได้ แต่อย่าลืมทดสอบและปรับแต่งให้เหมาะสมกับสไตล์การเทรดของคุณด้วยนะ
  • ปรับปรุงคุณภาพอินเทอร์เน็ต ลงทุนกับอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงและเสถียร อย่างน้อย 100 Mbps ขึ้นไป และหากเป็นไปได้ ให้ใช้การเชื่อมต่อแบบสาย LAN แทนการใช้ Wi-Fi เพื่อความเสถียรสูงสุด
  • สร้างแผนการเทรดที่ชัดเจน กำหนดกลยุทธ์การเข้า-ออก จุด Stop Loss และ Take Profit ไว้ล่วงหน้า เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจได้รวดเร็วเมื่อถึงจังหวะสำคัญ
  • ฝึกฝนการตัดสินใจอย่างรวดเร็ว ใช้บัญชีทดลอง (Demo Account) ฝึกการตัดสินใจในสถานการณ์ต่างๆ เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการเทรดจริง
  • ตั้งการแจ้งเตือน (Alerts) ใช้ฟีเจอร์แจ้งเตือนในแพลตฟอร์มการเทรดของคุณ เพื่อให้รู้ทันทีเมื่อราคาถึงจุดสำคัญ
  • ศึกษาและติดตามข่าวสารอย่างสม่ำเสมอ ติดตามปฏิทินเศรษฐกิจและข่าวสารที่อาจส่งผลต่อตลาด Forex อย่างน้อยวันละ 15-30 นาที
  • พัฒนา Mindset ที่ถูกต้อง ยอมรับว่าไม่มีใครสามารถคว้าทุกโอกาสได้ 100% เน้นการเรียนรู้จากประสบการณ์มากกว่าการเสียดายโอกาสที่ผ่านไปแล้ว

เทคนิคจัดการอารมณ์เมื่อเกิดอาการ ตกรถ

แม้จะป้องกันแล้ว แต่บางครั้งอาการ ตกรถ ก็อาจเกิดขึ้นได้ มาดูวิธีจัดการกัน

  • หยุดพัก และหายใจลึกๆ เมื่อรู้สึกว่ากำลังจะตัดสินใจด้วยอารมณ์ ให้หยุดพักสักครู่ หายใจเข้าลึกๆ 3-5 ครั้ง เพื่อให้จิตใจสงบลง
  • ทบทวนแผนการเทรดของคุณ กลับไปดูแผนที่วางไว้ และถามตัวเองว่าการเทรดนี้เข้ากับแผนหรือไม่
  • คิดถึงความเสี่ยงมากกว่าผลตอบแทน แทนที่จะคิดถึงกำไรที่อาจได้ ให้คิดถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นหากเทรดด้วยอารมณ์
  • เขียนบันทึกความรู้สึก จดบันทึกว่าทำไมคุณถึงรู้สึก FOMO และคิดว่าจะแก้ไขอย่างไรในครั้งต่อไป
  • พูดคุยกับเพื่อนเทรดเดอร์ แลกเปลี่ยนประสบการณ์กับเพื่อนที่เทรด Forex เช่นกัน เพื่อได้มุมมองใหม่ๆ

บทเรียนจากเทรดเดอร์มืออาชีพ

ลองมาดูว่าเหล่าเทรดเดอร์ระดับโลกเขาจัดการกับอาการตกรถกันอย่างไร

  • เรื่องเล่าจาก George Soros George Soros เคยกล่าวว่า “ผมไม่พยายามคว้าทุกโอกาส แต่เลือกเฉพาะโอกาสที่มั่นใจจริงๆ เท่านั้น” นี่แสดงให้เห็นว่าแม้แต่เทรดเดอร์ระดับตำนานก็ไม่ได้พยายามเทรดทุกครั้งที่ตลาดเคลื่อนไหว
  • คำแนะนำจาก Warren Buffett Warren Buffett มักพูดว่า “ตลาดหุ้นเป็นเครื่องมือถ่ายโอนเงินจากคนใจร้อนไปสู่คนใจเย็น” แม้จะพูดถึงหุ้น แต่หลักการนี้ก็ใช้ได้กับ Forex เช่นกัน การใจเย็นและไม่ตามกระแส FOMO จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ดีกว่า
  • ประสบการณ์ของ Paul Tudor Jones Paul Tudor Jones เคยเล่าว่าเขาใช้วิธี “ซ้อมเทรด” ในใจก่อนเสมอ โดยจินตนาการว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากเขาเทรดหรือไม่เทรด วิธีนี้ช่วยลดอาการ FOMO ได้มาก

สรุป

การตกรถในการเทรด Forex เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน แม้แต่เทรดเดอร์มืออาชีพ แต่สิ่งสำคัญคือการเรียนรู้จากประสบการณ์และพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ

จำไว้ว่า

  1. ไม่มีใครสามารถคว้าทุกโอกาสได้ 100%
  2. การมีแผนที่ชัดเจนสำคัญกว่าการพยายามเทรดทุกครั้ง
  3. การจัดการอารมณ์เป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในการเทรด Forex
  4. เทคโนโลยีและเครื่องมือต่างๆ สามารถช่วยคุณได้ แต่ต้องใช้อย่างชาญฉลาด
  5. การฝึกฝนและพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่องจะช่วยลดโอกาสการตกรถในระยะยาว

สุดท้ายนี้ อย่าลืมว่าการเทรด Forex ไม่ใช่การวิ่งแข่งระยะสั้น แต่เป็นมาราธอนระยะยาว การตกรถบ้างก็ไม่เป็นไร ตราบใดที่คุณยังคงเดินหน้าและเรียนรู้จากประสบการณ์ และอย่าลืมว่า “ความสำเร็จไม่ได้วัดจากกำไรเพียงอย่างเดียว แต่วัดจากการเติบโตของคุณในฐานะเทรดเดอร์ด้วย”