คู่เงิน Forex มีอะไรบ้าง
คู่เงินในตลาด Forex เป็นตลาดการเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลก จะประกอบไปด้วย 3 ประเภทหลัก คือ คู่สกุลเงินหลัก (Major), คู่สกุลเงินรอง (Minor), คู่สกุลเงินแปลกใหม่ (Exotic) ซึ่งในปัจจุบันนี้มีมูลค่าการซื้อขายมหาศาลกว่า 6.6 ล้านล้านดอลลาร์ต่อวัน เปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมง แบ่งเป็น 3 ช่วงเวลาหลักตามภูมิภาค ได้แก่ ตลาดเอเชีย ตลาดยุโรป และตลาดอเมริกานั้นเอง
สกุลเงินหลักและสกุลเงินอ้างอิงคืออะไร?
คู่สกุลเงินประกอบด้วยสองส่วนหลัก นั่นคือ สกุลเงินหลัก (Base Currency) และสกุลเงินอ้างอิง (Quote Currency) หรือที่บางครั้งเรียกว่า Counter Currency โดยสกุลเงินหลักจะเป็นสกุลเงินตัวแรกของคู่สกุลเงิน ส่วนสกุลเงินอ้างอิงจะเป็นสกุลเงินตัวที่สอง ซึ่งราคาของคู่สกุลเงินที่แสดงในตลาด Forex จะบ่งบอกถึงมูลค่าของสกุลเงินหลัก เมื่อเทียบกับสกุลเงินอ้างอิงเสมอ
ยกตัวอย่างเช่น
- หากอัตราแลกเปลี่ยนของคู่สกุลเงิน EURUSD อยู่ที่ 22 นั่นหมายความว่า 1 ยูโร (สกุลเงินหลัก) มีค่าเท่ากับ 1 ดอลลาร์สหรัฐและ 22 เซนต์ (สกุลเงินอ้างอิง)
การทำความเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างสกุลเงินหลักและสกุลเงินอ้างอิงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเทรดเดอร์ เนื่องจากมันจะช่วยให้สามารถอ่านและตีความอัตราแลกเปลี่ยนได้อย่างถูกต้อง ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการวิเคราะห์และตัดสินใจเปิดหรือปิดออเดอร์ในตลาด Forex ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
คู่เงินหลัก (Major Currency Pairs)
คู่เงินประเภทนี้ครองส่วนแบ่งการซื้อขายมากถึง 75% ของปริมาณการเทรดทั้งหมด ซึ่งทุกคู่จะมี USD เป็นองค์ประกอบหลัก ถือได้ว่าเป็นกลุ่มที่ได้รับความนิยมและมีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุดคือคู่เงินหลัก
ซึ่งได้แก่
- EURUSD
- USDJPY
- GBPUSD
- USDCHF
- AUDUSD
- USDCAD
- NZDUSD
แต่ละคู่เงินมีรายละเอียด แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่ที่ความผันผวนของคู่เงินดังนี้
คู่ EUR/USD (ยูโร/ดอลลาร์สหรัฐ)
“ราชาแห่งคู่เงิน” ที่มีปริมาณการซื้อขายมากที่สุด มีสภาพคล่องสูงและสเปรดแคบ เหมาะสำหรับทั้งมือใหม่และมืออาชีพ
- ปริมาณการซื้อขายสูงที่สุดในตลาด (20-25% ของทั้งตลาด)
- ช่วงเวลาทอง: 13:00-17:00 GMT (ตลาดยุโรปและอเมริกาทับซ้อน)
- ไวต่อนโยบายการเงินของ ECB และ FED
คู่ USD/JPY (ดอลลาร์สหรัฐ/เยนญี่ปุ่น)
“นินจาแห่งตลาด” ที่มีความมั่นคงสูง นิยมใช้เป็นที่หลบภัยในช่วงตลาดผันผวน
- ปริมาณการซื้อขายอันดับ 2 (13% ของตลาด)
- ช่วงเวลาทอง: 00:00-08:00 GMT (ตลาดเอเชีย)
- ไวต่อนโยบาย BOJ และดัชนี Nikkei
คู่ GBP/USD (ปอนด์/ดอลลาร์สหรัฐ)
“เคเบิล” ที่มีความผันผวนสูง เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่ชอบความท้าทายและรับความเสี่ยงได้
- ปริมาณการซื้อขายอันดับ 3 (10% ของตลาด)
- ช่วงเวลาทอง: 08:00-16:00 GMT (ตลาดลอนดอน)
- ไวต่อข่าวเศรษฐกิจอังกฤษและ Brexit
คู่ USD/CHF (ดอลลาร์สหรัฐ/ฟรังก์สวิส) “สวิสซี่”
คู่เงินที่มักเคลื่อนไหวตรงข้ามกับ EUR/USD นิยมใช้เป็นที่หลบภัยในช่วงตลาดผันผวน
- ปริมาณการซื้อขาย 5% ของตลาด
- ช่วงเวลาทอง: 07:00-15:00 GMT (ตลาดยุโรป)
- ไวต่อนโยบาย SNB และสถานการณ์ความไม่แน่นอนทางการเงินโลก
คู่ AUD/USD (ดอลลาร์ออสเตรเลีย/ดอลลาร์สหรัฐ) “ออสซี่”
มีความสัมพันธ์สูงกับราคาสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะทองแดงและแร่เหล็ก
- ปริมาณการซื้อขาย 6-7% ของตลาด
- ช่วงเวลาทอง: 22:00-06:00 GMT (ตลาดเอเชีย-แปซิฟิก)
- ไวต่อเศรษฐกิจจีนและราคาสินค้าโภคภัณฑ์
คู่ USD/CAD (ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์แคนาดา) “ลูนี่”
มีความสัมพันธ์สูงกับราคาน้ำมัน เนื่องจากแคนาดาเป็นผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่
- ปริมาณการซื้อขาย 4-5% ของตลาด
- ช่วงเวลาทอง: 13:00-22:00 GMT (ตลาดอเมริกาเหนือ)
- ไวต่อราคาน้ำมันและข้อมูลเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ
คู่ NZD/USD (ดอลลาร์นิวซีแลนด์/ดอลลาร์สหรัฐ) “กีวี่”
มีความสัมพันธ์กับราคาผลิตภัณฑ์การเกษตรและนม มักเคลื่อนไหวคล้าย AUD/USD
- ปริมาณการซื้อขาย 3% ของตลาด
- ช่วงเวลาทอง: 22:00-06:00 GMT (ตลาดเอเชีย-แปซิฟิก)
- ไวต่อราคาสินค้าเกษตรและนโยบาย RBNZ
คู่เงินรอง (Minor Currency Pairs) ที่สำคัญ
คู่สกุลเงินรอง (Minor Currency Pairs หรือ Cross Pairs) คือ การจับคู่ระหว่างสกุลเงินหลักที่มีความสำคัญในระบบการเงินโลก แต่ไม่มีดอลลาร์สหรัฐ (USD)
คู่สกุลเงินรองเป็นการจับคู่ระหว่างสกุลเงินหลักด้วยกันเอง เช่น EUR, GBP, AUD, CAD, NZD, CHF และ JPY โดยมีสภาพคล่องที่ดีแม้จะน้อยกว่าคู่เงินหลัก และมีสเปรดหรือส่วนต่างราคาซื้อขายที่กว้างกว่าคู่เงินหลักเล็กน้อย ด้วยลักษณะการเคลื่อนไหวของราคาและต้นทุนการเทรด คู่สกุลเงินรองจึงเหมาะสำหรับการเทรดในระยะกลางถึงระยะยาว และในปัจจุบันได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากนักลงทุนมองหาโอกาสในการกระจายความเสี่ยงและทางเลือกในการลงทุนที่หลากหลายมากขึ้น
ซึ่งประกอบไปด้วย…
- AUDCAD
- AUDCHF
- AUDJPY
- AUDNZD
- CADCHF
- CADJPY
- CHFJPY
- EURAUD
- EURCAD
- EURCHF
- EURGBP
- EURJPY
- EURNZD
- GBPAUD
- GBPCAD
- GBPCHF
- GBPJPY
- GBPNZD
- NZDCAD
- NZDCHF
- NZDJPY
แต่ละคู่เงินมีรายละเอียดดังนี้
คู่ EUR/JPY (ยูโร/เยน) “ยูโร-เยน”
มีความผันผวนสูง นิยมในการ Scalping และเทรดระยะสั้น
- ปริมาณการซื้อขาย 3-4% ของตลาด
- ช่วงเวลาทอง: 08:00-16:00 GMT (ตลาดยุโรปและเอเชียทับซ้อน)
- ไวต่อนโยบายการเงินของ ECB และ BOJ
คู่ GBP/JPY (ปอนด์/เยน) “เดอะ ดราก้อน”
ขึ้นชื่อเรื่องความผันผวนสูงมาก เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่รับความเสี่ยงได้สูง
- ปริมาณการซื้อขาย 2-3% ของตลาด
- ช่วงเวลาทอง: 08:00-16:00 GMT (ตลาดลอนดอนและโตเกียวทับซ้อน)
- ไวต่อข่าวเศรษฐกิจทั้งอังกฤษและญี่ปุ่น
คู่ EUR/GBP (ยูโร/ปอนด์)
เป็นคู่เงินที่สะท้อนความสัมพันธ์ระหว่างยุโรปและอังกฤษ
- ปริมาณการซื้อขาย 2-3% ของตลาด
- ช่วงเวลาทอง: 07:00-15:00 GMT (ตลาดยุโรป)
- ไวต่อความสัมพันธ์ EU-UK และ Brexit
และยังทีคู่เงินอื่นๆอีกมากมาย
คู่เงินแปลกใหม่ (Exotic Pairs) ที่น่าสนใจ
คู่สกุลเงินแปลกใหม่ (Exotic Currency Pairs) คือ เป็นการจับคู่ระหว่างสกุลเงินหลักที่มีอิทธิพลในตลาดโลกหรือการจับคู่ระหว่างสกุลเงินหลักอย่างดอลลาร์สหรัฐ (USD) กับสกุลเงินของประเทศกำลังพัฒนาหรือเศรษฐกิจเกิดใหม่ เช่น บาทไทย เปโซเม็กซิโก หรือแรนด์แอฟริกาใต้ ซึ่งแม้จะมีความผันผวนสูงกว่าคู่เงินประเภทอื่น แต่ก็เปิดโอกาสให้นักลงทุนที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านได้แสวงหาผลตอบแทนที่น่าสนใจ
ขอแนะนำคู่สกุลเงินแปลกใหม่ 10 คู่ ที่กำลังเป็นกระแสนิยมให้ซื้อขายกัน คือ
- CNHJPY
- EURCNH
- EURTRY
- USDBRL
- USDCNH
- USDMXN
- USDSGD
- USDTRY
- USDZAR
มีรายละเอียดดังนี้
คู่ USD/CNH (ดอลลาร์สหรัฐ/หยวนนอกประเทศจีน)
สะท้อนเศรษฐกิจจีนและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
- มีความผันผวนต่ำเนื่องจากการควบคุมของรัฐบาลจีน
- ช่วงเวลาทอง: 01:00-09:00 GMT (ตลาดเอเชีย)
- ไวต่อนโยบายการเงินจีนและสงครามการค้า
คู่ USD/SGD (ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์สิงคโปร์)
สะท้อนเศรษฐกิจเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
- มีเสถียรภาพสูงเนื่องจากนโยบายการเงินที่เข้มแข็งของสิงคโปร์
- ช่วงเวลาทอง: 01:00-09:00 GMT (ตลาดเอเชีย)
- ไวต่อการค้าระหว่างประเทศในภูมิภาค
คู่ USD/THB (ดอลลาร์สหรัฐ/บาทไทย)
สะท้อนเศรษฐกิจไทยและการท่องเที่ยว
- มีความผันผวนปานกลาง
- ช่วงเวลาทอง: 02:00-09:00 GMT (ตลาดเอเชีย)
- ไวต่อการท่องเที่ยวและการส่งออก
คู่ USD/ZAR (ดอลลาร์สหรัฐ/แรนด์แอฟริกาใต้)
มีความผันผวนสูง สัมพันธ์กับราคาทองคำ
- มีความผันผวนสูงมาก
- ช่วงเวลาทอง: 07:00-15:00 GMT (ตลาดแอฟริกาใต้)
- ไวต่อราคาทองคำและการเมืองภายในประเทศ
คู่ USD/MXN (ดอลลาร์สหรัฐ/เปโซเม็กซิโก)
สะท้อนเศรษฐกิจลาตินอเมริกา
- มีความผันผวนสูง
- ช่วงเวลาทอง: 13:00-22:00 GMT (ตลาดอเมริกา)
- ไวต่อความสัมพันธ์การค้ากับสหรัฐฯ
คู่ EUR/CHF (ยูโร/ฟรังก์สวิส)
มีความผันผวนต่ำ เหมาะสำหรับการเทรดระยะยาว
- มีเสถียรภาพสูงเนื่องจากนโยบายของ SNB
- ช่วงเวลาทอง: 07:00-15:00 GMT (ตลาดยุโรป)
- ไวต่อความสัมพันธ์ระหว่างสวิตเซอร์แลนด์และ EU
คู่ AUD/JPY (ออสซี่/เยน)
นิยมใช้วัดความเสี่ยงในตลาด
- มีความผันผวนสูงในช่วงตลาดเอเชีย
- ช่วงเวลาทอง: 00:00-08:00 GMT (ตลาดเอเชีย)
- ไวต่อความเชื่อมั่นในตลาดโลก (Risk Sentiment)
คู่ GBP/CHF (ปอนด์/ฟรังก์สวิส)
เหมาะสำหรับการเทรดตามแนวโน้ม
- มีความผันผวนปานกลางถึงสูง
- ช่วงเวลาทอง: 08:00-15:00 GMT (ตลาดยุโรป)
- ไวต่อข่าว Brexit และนโยบายการเงินของทั้งสองประเทศ
คู่ USD/RUB (ดอลลาร์สหรัฐ/รูเบิลรัสเซีย)
สัมพันธ์กับราคาน้ำมันและการเมืองระหว่างประเทศ
- มีความผันผวนสูงมาก
- ช่วงเวลาทอง: 07:00-15:00 GMT (ตลาดมอสโก)
- ไวต่อมาตรการคว่ำบาตรและราคาพลังงาน
คู่ USD/TRY (ดอลลาร์สหรัฐ/ลีราตุรกี)
มีความผันผวนสูงมาก
- ความเสี่ยงสูงแต่โอกาสทำกำไรสูง
- ช่วงเวลาทอง: 07:00-15:00 GMT (ตลาดตุรกี)
- ไวต่อนโยบายการเงินและการเมืองภายในประเทศ
คู่ USD/BRL (ดอลลาร์สหรัฐ/เรียลบราซิล)
สะท้อนเศรษฐกิจละตินอเมริกา
- มีความผันผวนสูง
- ช่วงเวลาทอง: 13:00-20:00 GMT (ตลาดบราซิล)
- ไวต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์และการเมืองภายใน
ลักษณะเฉพาะของคู่เงินเศรษฐกิจเกิดใหม่
คู่เงินเศรษฐกิจเกิดใหม่มีลักษณะพิเศษที่เทรดเดอร์ควรทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง เปรียบเสมือนการเดินทางในเส้นทางที่ท้าทายแต่อาจให้ผลตอบแทนที่สูงกว่า
- สภาพคล่องต่ำกว่าคู่เงินหลัก เมื่อเทียบกับคู่เงินหลักอย่าง EUR/USD หรือ USD/JPY คู่เงินเศรษฐกิจเกิดใหม่มีปริมาณการซื้อขายน้อยกว่ามาก ส่งผลให้:
- การเข้าและออกจากตำแหน่งอาจทำได้ยากกว่า
- อาจเกิด Slippage (การลื่นไถลของราคา) ได้ง่าย
- ต้องระมัดระวังในการวางคำสั่งขนาดใหญ่
- เหมาะกับการเทรดขนาดเล็กถึงปานกลาง
- สเปรดกว้างกว่า สเปรด (ส่วนต่างราคาซื้อ-ขาย) ที่กว้างกว่ามีผลกระทบต่อการเทรด:
- ต้นทุนการเทรดสูงกว่าคู่เงินหลัก
- จำเป็นต้องรอให้ราคาเคลื่อนไหวมากพอที่จะชดเชยสเปรด
- เหมาะกับการเทรดระยะกลางถึงยาวมากกว่า Scalping
- ต้องวางแผนจุดเข้า-ออกอย่างรอบคอบ
- ความเสี่ยงจากการแทรกแซงของธนาคารกลาง ธนาคารกลางของประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่มักแทรกแซงค่าเงินบ่อยครั้ง:
- อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงราคาแบบฉับพลัน
- นโยบายการเงินอาจไม่เป็นไปตามกลไกตลาด
- ต้องติดตามข่าวสารและนโยบายอย่างใกล้ชิด
- อาจมีการจำกัดการเคลื่อนย้ายเงินทุน
- ต้องการความเข้าใจเชิงลึกในเศรษฐกิจท้องถิ่น การเทรดคู่เงินเหล่านี้ต้องการความรู้เฉพาะด้าน:
- ต้องเข้าใจปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของประเทศนั้นๆ
- ต้องติดตามการเมืองและนโยบายภายในประเทศ
- ต้องรู้จักโครงสร้างเศรษฐกิจและการพึ่งพาสินค้าหลัก
- ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมีผลกระทบสูง
- ความผันผวนสูงในช่วงเหตุการณ์สำคัญ เมื่อเกิดเหตุการณ์สำคัญ ราคาอาจเคลื่อนไหวรุนแรง:
- การเลือกตั้งหรือเปลี่ยนแปลงทางการเมือง
- วิกฤตเศรษฐกิจระดับภูมิภาค
- การเปลี่ยนแปลงนโยบายการค้าระหว่างประเทศ
- ภัยธรรมชาติหรือเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
การเทรดคู่เงินเศรษฐกิจเกิดใหม่จึงเหมาะกับเทรดเดอร์
- ที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ
- เข้าใจการบริหารความเสี่ยง
- มีเงินทุนเพียงพอรองรับความผันผวน
- สามารถติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด
- มีความอดทนและวินัยในการเทรดสูง
ความสำคัญของประเภทคู่สกุลเงิน
การเลือกคู่สกุลเงินที่เหมาะสมเป็นปัจจัยสำคัญในการทำกำไรจากการเทรด Forex โดยคู่สกุลเงินแต่ละประเภทมีคุณสมบัติแตกต่างกันในแง่ของสภาพคล่องและความผันผวน ซึ่งล้วนส่งผลต่อแนวทางและกลยุทธ์การเทรดของคุณ ซึ่งควรพิจารณาปัจจัยร่วม ดังนี้
สภาพคล่อง (Liquidity) แสดงให้เห็นถึงความนิยมและปริมาณการซื้อขายของคู่สกุลเงินนั้น ๆ ในตลาด คู่สกุลเงินที่ได้รับความนิยมสูง เช่น คู่สกุลเงินหลัก จะมีสภาพคล่องมากกว่า ทำให้คุณสามารถซื้อขายได้ในปริมาณมากโดยไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดสลิปเพจ (Slippage) หรือส่วนต่างระหว่างราคาที่สั่งกับราคาที่เกิดขึ้นจริง
ความผันผวน (Volatility) หมายถึงช่วงของการเปลี่ยนแปลงราคาในช่วงเวลาที่กำหนด เช่น วัน สัปดาห์ หรือเดือน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงเสถียรภาพของสกุลเงิน ความผันผวนของคู่สกุลเงินนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น ปริมาณคำสั่งซื้อขายในคู่สกุลเงินนั้น สภาพเศรษฐกิจในภูมิภาค และเหตุการณ์ในเศรษฐกิจมหภาค
โดยทั่วไปแล้ว คู่สกุลเงินที่มีสภาพคล่องต่ำมักจะมีความผันผวนสูง และในทางกลับกัน สกุลเงินที่มีสภาพคล่องสูงก็มักจะมีความผันผวนต่ำ ยิ่งคู่สกุลเงินได้รับความนิยมน้อยเพียงใด ความผันผวนก็มักจะยิ่งสูงขึ้น แม้ความผันผวนที่สูงอาจทำให้มีโอกาสทำกำไรได้มากขึ้น แต่ก็นำมาซึ่งความเสี่ยงที่มากขึ้นเช่นกัน ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับรูปแบบและกลยุทธ์การเทรดของคุณ
ในฐานะเทรดเดอร์ การทำความเข้าใจและพิจารณาปัจจัยด้านสภาพคล่องและความผันผวนของคู่สกุลเงินเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อที่คุณจะได้เลือกคู่สกุลเงินที่เหมาะสมและปรับแผนการเทรดให้สอดคล้องกับสไตล์และระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ของคุณ ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรจากตลาด Forex ได้ในระยะยาว
สิ่งสำคัญที่เทรดเดอร์มือใหม่ควรรู้เกี่ยวกับคู่สกุลเงิน Forex
- ความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับคู่สกุลเงิน เทรดเดอร์มือใหม่ควรทำความเข้าใจโครงสร้างของคู่สกุลเงิน ซึ่งประกอบด้วยสกุลเงินหลัก (Base Currency) และสกุลเงินอ้างอิง (Quote Currency) การอ่านอัตราแลกเปลี่ยนอย่างถูกต้องเป็นพื้นฐานสำคัญในการเทรด Forex
- การเลือกคู่สกุลเงินที่เหมาะสม การเลือกคู่สกุลเงินที่เหมาะสมกับสไตล์การเทรดและระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้เป็นสิ่งสำคัญ เทรดเดอร์มือใหม่ควรศึกษาคุณสมบัติของคู่สกุลเงินแต่ละประเภท เช่น สภาพคล่องและความผันผวน เพื่อตัดสินใจเลือกคู่สกุลเงินที่เหมาะสมกับตนเอง
- การจัดการความเสี่ยง ความผันผวนของคู่สกุลเงินอาจนำมาซึ่งความเสี่ยงในการขาดทุน เทรดเดอร์มือใหม่ควรเรียนรู้วิธีการจัดการความเสี่ยง เช่น การกำหนดระดับ Stop Loss และ Take Profit ที่เหมาะสม รวมถึงการควบคุมขนาดลอตในการเทรดให้สอดคล้องกับเงินทุน
- การติดตามข่าวสารและปัจจัยพื้นฐาน เหตุการณ์ทางเศรษฐกิจและการเมืองมีผลต่อความผันผวนของคู่สกุลเงิน เทรดเดอร์มือใหม่ควรติดตามข่าวสารและวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับคู่สกุลเงินที่ตนสนใจ เพื่อช่วยในการคาดการณ์ทิศทางของราคาและปรับกลยุทธ์การเทรดได้อย่างเหมาะสม
- การฝึกฝนและพัฒนาทักษะอย่างต่อเนื่อง การเทรด Forex เป็นทักษะที่ต้องอาศัยการฝึกฝนและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เทรดเดอร์มือใหม่ควรใช้ประโยชน์จากบัญชีเดโม่เพื่อฝึกฝนกลยุทธ์และทำความเข้าใจพฤติกรรมของคู่สกุลเงินต่าง ๆ ก่อนลงทุนจริง รวมถึงการศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ เพื่อพัฒนาทักษะการเทรดอย่างต่อเนื่อง
สรุป
ประเภทของคู่สกุลเงินเป็นปัจจัยสำคัญที่ควรพิจารณาในการเทรด Forex เนื่องจากมีผลต่อสภาพคล่องและความผันผวนของราคา ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อโอกาสในการทำกำไรและความเสี่ยงในการขาดทุน โดยทั่วไปแล้ว คู่สกุลเงินที่ได้รับความนิยมสูงจะมีสภาพคล่องมาก ทำให้ซื้อขายได้ง่ายโดยไม่ต้องกังวลเรื่องสลิปเพจ และมีความผันผวนต่ำกว่าคู่สกุลเงินที่ได้รับความนิยมน้อยกว่า
อย่างไรก็ตาม ความผันผวนที่สูงก็อาจหมายถึงโอกาสในการทำกำไรที่มากขึ้น หากเทรดเดอร์ยอมรับความเสี่ยงและมีกลยุทธ์ที่เหมาะสม ดังนั้น การเลือกคู่สกุลเงินควรพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ รวมถึงสไตล์การเทรดและระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ของแต่ละบุคคล การศึกษาและทำความเข้าใจคุณสมบัติของคู่สกุลเงินแต่ละประเภทจะช่วยให้เทรดเดอร์สามารถตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาดและเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จในตลาด Forex