ในโลกของการเทรด Forex ที่เต็มไปด้วยความท้าทาย การรู้ว่าคุณเป็นนักเทรด forex แบบไหนคือกุญแจสำคัญที่จะช่วยปลดล็อกศักยภาพของคุณเองได้อย่างมหาศาล….ทุกคนล้วนมีสไตล์การเทรดที่แตกต่างกัน และสไตล์นั้นไม่ได้แค่สะท้อนถึงวิธีการทำกำไรในตลาด แต่ยังเกี่ยวข้องกับบุคลิก ไลฟ์สไตล์ และการจัดการอารมณ์ของแต่ละคนด้วย
“ดังนั้นแล้วคุณต้องรู้ให้ได้ว่าคุณเป็นนักเทรด forex ประเภทไหน” โดยเราได้รวบรวมประเภทนักเทรดมาไว้ในบทความนี้แล้ว มีประเภทไหนบ้าง แล้วคุณอยากเป็นประเภทไหน ไปหาคำตอบกันเลยครับ
ความสำคัญของประเภทนักเทรด forex
ลองคิดดูว่าถ้าคุณเป็นคนที่ใจร้อน แต่พยายามเทรดระยะยาวแบบนักเทรดสายอึด (Position Trader) คุณอาจรู้สึกหงุดหงิดและหลุดจากแผนได้ง่าย ในทางกลับกัน หากคุณเป็นคนที่ใจเย็น แต่พยายามเทรดระยะสั้นแบบสายบู๊ (Scalper) คุณอาจเครียดกับความรวดเร็วและความกดดันในระหว่างเทรด
“นักเทรดไม่เหมือนกัน แต่ละคนมีสไตล์ที่สะท้อนตัวตน”
และนี่คือเหตุผลที่ การเข้าใจตัวเองและเลือกสไตล์การเทรดให้เหมาะสม เป็นสิ่งสำคัญ การรู้จักตัวตนของคุณเองจะช่วยให้คุณ
- วางแผนการเทรดที่เหมาะสมกับบุคลิก
- ลดความเครียดและเพิ่มความมั่นใจ
- ป้องกันความผิดพลาดที่เกิดจากการฝืนตัวเอง
- ทำให้การเทรดมีความสนุกและยั่งยืน
ตลาด Forex ไม่ได้ต้องการนักเทรดที่ “เหมือนกันหมด” แต่ต้องการ นักเทรดที่เข้าใจตัวเอง เพราะความหลากหลายของสไตล์การเทรดคือสิ่งที่ทำให้ตลาดนี้มีชีวิตชีวา และนี่คือจุดเริ่มต้นที่จะช่วยให้คุณค้นพบว่า คุณเป็น “นักเทรดสายไหน” และจะพัฒนาตัวเองให้เป็นนักเทรดในแบบที่ต้องการได้อย่างไร ดังนั้นไปแล้วไปเริ่มจากนักเทรดประเภทแรกกันเลย!!
นักเทรดสายบู๊ (Scalper) เร็ว ดุ เดือดดั่งบรูซลี!
รูปที่ 1 นักเทรดสายบู๊ (Scalper) เร็ว ดุ เดือดดั่งบรูซลี!
นักเทรดสายบู๊ (Scalper) คือนักล่ากำไรระยะสั้น ที่พร้อมทะยานเข้าและออกตลาดในเวลาเพียงไม่กี่วินาทีหรือไม่กี่นาที ด้วยความเร็วและความแม่นยำ Scalper ต้องการทุกอย่างที่ “เร็ว ดุ เดือด” และไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดมือแม้แต่วินาทีเดียว!
ลักษณะนิสัย
- ชอบความเร็ว รักความตื่นเต้น ไม่อยากพลาดทุกจังหวะการเคลื่อนไหว
- มีสมาธิสูงและการตัดสินใจที่เด็ดขาดในเวลาอันสั้น
- ไม่หวั่นไหวกับความผันผวน มองเป็นโอกาสทำกำไรแทน
จุดเด่น
- กำไรมาไว: การปิดออเดอร์ภายในไม่กี่นาทีทำให้สามารถสะสมกำไรเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้หลายครั้งในวันเดียว
- ไม่ต้องกังวลการถือข้ามคืน: หมดปัญหาเรื่องตลาดพลิกตอนนอน
- ตอบสนองต่อสภาวะตลาดรวดเร็ว: ใช้ประโยชน์จากกราฟสั้นในทุกช่วงเวลา
ข้อเสีย
- ความเหนื่อยล้า: ต้องจ้องหน้าจออย่างต่อเนื่องเพื่อจับจังหวะเข้า-ออก
- เสี่ยงต่อ Overtrade: การเทรดถี่เกินไปอาจทำให้เสียสมาธิและตัดสินใจพลาดได้
- ต้นทุน Spread: สเปรดของคู่เงินที่กว้างอาจลดกำไรสะสมของคุณได้มากเลยทีเดียว
- Commission : ในบางครั้งค่า Commission อาจจะสูงกว่ากำไรที่ได้
Timeframe ที่คู่ควร
- M1 (1 นาที): สำหรับการจับจังหวะที่เร็วที่สุด
- M5 (5 นาที): เหมาะสำหรับนักเทรดที่ต้องการเวลามองจังหวะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
คู่สกุลเงินที่แนะนำ
- EUR/USD: ค่าสเปรดต่ำและความผันผวนเหมาะสำหรับ Scalping
- GBP/USD: ความผันผวนสูง สร้างโอกาสทำกำไรได้มาก
- USD/JPY: ราคาเคลื่อนไหวเร็วและมีแนวโน้มชัดเจนในกราฟสั้น
ตัวอย่างกลยุทธ์ที่เหมาะสม
- Breakout Scalping: เข้าทำกำไรเมื่อราคาทะลุแนวรับ-แนวต้านใน Timeframe สั้น
- Momentum Trading: ใช้ประโยชน์จากแนวโน้มขาขึ้นหรือขาลงที่เกิดขึ้นในระยะเวลาสั้น
นักเทรดสายชิล (Swing Trader) เดินเกมกลาง ๆ สบาย ๆ
รูปที่ 2 นักเทรดสายชิล (Swing Trader) เดินเกมกลาง ๆ สบาย ๆ
สำหรับคนที่ไม่อยากเครียดกับการจ้องหน้าจอตลอดวัน แต่ก็ไม่อยากปล่อยพอร์ตทิ้งไว้นานหลายเดือน นักเทรดสายชิล (Swing Trader) คือคำตอบ! การเทรดสายนี้เหมาะสำหรับคนที่ชอบความสมดุล เทรดแบบมีเวลาให้คิดและวางแผนอย่างเหมาะสม โดยไม่ต้องรีบเร่งเหมือน Scalper หรือถือยาวแบบ Position Trader
ลักษณะนิสัย
- ชอบความสมดุล: ไม่รีบเกินไป แต่ก็ไม่ช้าเกินไป
- มีความอดทน: รอจังหวะเข้าทำกำไรในกรอบเวลาที่เหมาะสม
- รักการวิเคราะห์: ชอบดูกราฟและพิจารณาการเคลื่อนไหวของตลาด
จุดเด่น
- ไม่ต้องเฝ้ากราฟตลอดเวลา: วางแผนการเทรดล่วงหน้าได้ และติดตามผลเพียงวันละครั้งหรือสองครั้งเท่านั้น
- มีเวลาทบทวนกลยุทธ์: ไม่ต้องรีบตัดสินใจเหมือนนักเทรดระยะสั้น
- กำไรคุ้มค่า: ใช้ประโยชน์จากการเคลื่อนไหวของราคาที่ชัดเจนในระยะกลาง
ข้อเสีย
- ต้องอดทนต่อการรอคอย: การเทรดแบบ Swing อาจใช้เวลาหลายวันหรือหลายสัปดาห์กว่าจะเห็นกำไร
- เสี่ยงต่อข่าวใหญ่: การถือพอร์ตข้ามคืนอาจเจอข่าวที่ส่งผลกระทบต่อตลาดอย่างไม่คาดคิด
- ต้องวางแผนรัดกุม: เพราะกรอบเวลายาวขึ้น อาจเกิดความผันผวนระหว่างถือพอร์ต
Timeframe ที่คู่ควร
- H4 (4 ชั่วโมง): สำหรับมองจังหวะเข้าออกที่ชัดเจน
- D1 (1 วัน): เหมาะสำหรับวางแผนระยะกลางและถือออเดอร์นานหลายวัน
คู่สกุลเงินที่แนะนำ
- EUR/USD: สภาพคล่องสูงและแนวโน้มค่อนข้างชัดเจน
- GBP/USD: ความผันผวนที่เหมาะสมสำหรับกำไรระยะกลาง
- AUD/USD: การเคลื่อนไหวที่คาดเดาได้ง่ายในกรอบ Swing
ตัวอย่างกลยุทธ์ที่เหมาะสม
- Trend Following: เกาะตามแนวโน้มหลักในระยะกลาง
- Pullback Strategy: รอจังหวะที่ราคาย่อตัวในแนวโน้มขาขึ้นหรือขาลง
- Fibonacci Retracement: ใช้หาแนวรับ-แนวต้านในการเข้าทำกำไร
- Moving Average Crossover: ใช้เส้น MA ช่วยยืนยันจุดเข้าออก
นักเทรดสายอึด (Position Trader) ระยะยาว ปักหมุดรอผลใหญ่
รูปที่ 3 นักเทรดสายอึด (Position Trader) ระยะยาว ปักหมุดรอผลใหญ่
นักเทรดสายอึด หรือ Position Trader คือผู้ที่มองเกมระยะยาวอย่างแท้จริง พวกเขาไม่หวั่นไหวต่อการเปลี่ยนแปลงของกราฟรายวันหรือรายสัปดาห์ แต่เน้นเก็บเกี่ยวผลกำไรจากแนวโน้มใหญ่ของตลาดที่ใช้เวลาเป็นเดือนหรือแม้แต่เป็นปีๆ การเทรดสายนี้เหมาะสำหรับคนที่มีความอดทนสูงและเชื่อในทฤษฎี “ช้าแต่ชัวร์”
ลักษณะนิสัย
- ใจเย็นและไม่หวั่นไหว: มองภาพใหญ่ของตลาดมากกว่าความผันผวนระยะสั้น
- เชื่อมั่นในแผนที่วางไว้: มีความมั่นคงในกลยุทธ์และพร้อมรอคอย
- รักการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน: สนใจแนวโน้มเศรษฐกิจและข่าวที่ส่งผลระยะยาว
จุดเด่น
- ลดความเครียด: ไม่ต้องเฝ้ากราฟบ่อยเหมือนนักเทรดระยะสั้น
- กำไรจากแนวโน้มใหญ่: ใช้ประโยชน์จากการเคลื่อนไหวของราคาครั้งใหญ่
- ค่าสเปรดไม่กระทบมาก: เพราะเทรดระยะยาว ค่าสเปรดจึงไม่ใช่ปัญหา
ข้อเสีย
- ต้องมีความอดทนสูง: การรอผลตอบแทนอาจใช้เวลาเป็นเดือนหรือปี
- เสี่ยงต่อข่าวไม่คาดคิด: เช่น เหตุการณ์ทางเศรษฐกิจหรือการเมืองที่เปลี่ยนแนวโน้มตลาด
- ต้องมีทุนหนา: เพราะการเทรดระยะยาวต้องการการบริหารเงินทุนที่ดี
Timeframe ที่คู่ควร
- D1 (1 วัน): สำหรับการดูแนวโน้มหลัก
- W1 (1 สัปดาห์): ช่วยวิเคราะห์ภาพรวมของตลาด
- MN (1 เดือน): ใช้สำหรับการยืนยันแนวโน้มใหญ่
คู่สกุลเงินที่แนะนำ
- EUR/USD: แนวโน้มชัดเจนและคาดการณ์ง่ายในระยะยาว
- USD/JPY: คู่เงินที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยพื้นฐานที่ชัดเจน
- AUD/USD: เชื่อมโยงกับการเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจโลก
ตัวอย่างกลยุทธ์ที่เหมาะสม
- Trend Following: ใช้ติดตามแนวโน้มหลักในระยะยาว
- Fundamental Analysis: วิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน เช่น อัตราดอกเบี้ย เศรษฐกิจโลก
- Breakout Strategy: รอราคาทะลุแนวรับหรือแนวต้านสำคัญเพื่อยืนยันแนวโน้ม
- Buy and Hold: สำหรับคู่เงินที่มีแนวโน้มขาขึ้นระยะยาว
นักเทรดสาย EA และ AI โช้โปรแกรมนี่แหละเทรดให้
รูปที่ 4 นักเทรดสาย EA และ AI โช้โปรแกรมนี่แหละเทรดให้
ในยุคดิจิทัลที่ทุกอย่างขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี นักเทรดสาย EA (Expert Advisor) และ AI (Artificial Intelligence) ก็คือผู้ที่นำความฉลาดของโปรแกรมมาใช้ในการทำกำไรในตลาด Forex โดยไม่ต้องเฝ้ากราฟเอง การเทรดแบบนี้เหมาะสำหรับคนที่รักความสะดวกสบาย หรือสนใจระบบอัตโนมัติที่สามารถเทรดได้ตามกลยุทธ์ที่ตั้งไว้
ลักษณะนิสัย
- ชื่นชอบเทคโนโลยีและการเขียนโปรแกรม: สนุกกับการพัฒนาหรือปรับแต่ง EA
- มีความคิดเชิงตรรกะ: เชื่อมั่นในตัวเลขและข้อมูลมากกว่าอารมณ์
- มองหาความสะดวก: ชอบให้ระบบทำงานแทนเพื่อประหยัดเวลา
จุดเด่น
- ลดความเครียดและอารมณ์: EA และ AI ช่วยลดการตัดสินใจที่ผิดพลาดจากอารมณ์
- ทำงาน 24 ชั่วโมง: ไม่พลาดโอกาสแม้ในช่วงเวลาที่คุณหลับ
- วิเคราะห์เร็วและแม่นยำ: ใช้อัลกอริทึมช่วยประมวลผลตลาดได้รวดเร็วแม่นยำ
- เหมาะสำหรับคนยุ่ง: ไม่ต้องเฝ้ากราฟเอง
- มีสถิติจากผล Backtest ให้อุ่นใจ : เชื่อมั่นในผลสถิติที่ผ่านมาทำให้ไม่เกิดความเครียดแม้ในขณะที่ออร์เดอร์เกิดติดลบ
ข้อเสีย
- ต้องลงทุนในระบบ: EA และ AI คุณภาพดีมักมีต้นทุนราคาสูง
- เสี่ยงกับความล้มเหลวของโปรแกรม: หากระบบมีบั๊กหรือไม่ได้ปรับให้เข้ากับตลาด อาจทำให้เกิดความเสียหาย
- ต้องเรียนรู้และติดตาม: ต้องเข้าใจการทำงานของ EA และ AI เพื่อปรับแต่งให้เหมาะสม
- ขึ้นอยู่กับสภาพตลาด: EA ที่ดีในตลาดแนวโน้ม อาจล้มเหลวในตลาดไซด์เวย์
Timeframe ที่คู่ควร
- M15 (15 นาที): สำหรับ EA ที่ออกแบบเพื่อ Scalping
- H1 (1 ชั่วโมง): เหมาะสำหรับการเทรด Swing อัตโนมัติ
- D1 (1 วัน): สำหรับกลยุทธ์ที่ใช้ข้อมูลระยะยาว
คู่สกุลเงินที่แนะนำ
- EUR/USD: คู่เงินที่มีสภาพคล่องสูงและเหมาะกับกลยุทธ์อัตโนมัติ
- USD/JPY: คู่เงินที่เคลื่อนไหวตามปัจจัยพื้นฐานชัดเจน
- GBP/USD: เหมาะกับ EA ที่เทรดในตลาดผันผวน
- หมายเหตู: ทั้งนี้คู่เงินจะต้องขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ของ EA ด้วย
ตัวอย่างกลยุทธ์ที่เหมาะสม
- Grid Trading: ใช้ EA วางคำสั่งซื้อขายแบบกริดเพื่อทำกำไรจากความผันผวน
- Trend Following: ตั้งค่า EA ให้ทำงานตามแนวโน้มใหญ่
- Arbitrage Trading: ใช้ AI วิเคราะห์และหาช่องว่างราคาในตลาด
- Mean Reversion: ให้ EA เข้าซื้อเมื่อราคาต่ำกว่าค่าเฉลี่ย และขายเมื่อสูงเกินค่าเฉลี่ย
นักเทรดสายผสมแบบมูฮัมหมัดอาลี (Hybrid Trader) เร็วก็ได้ แรงก็ดี!!
รูปที่ 5 นักเทรดสายผสมทุกอย่าง (Hybrid Trader) ได้หมดถ้าสดชื่น
นักเทรดสาย Hybrid คือสายที่ไม่ยึดติดกับวิธีการใดวิธีการหนึ่ง ใช้ทุกแนวทางที่เหมาะสมกับสถานการณ์ตลาดในขณะนั้น ไม่ว่าจะเป็น Scalping, Swing, หรือ Position พวกเขาสนุกกับการทดลองและปรับเปลี่ยนกลยุทธ์เพื่อหาแนวทางที่ดีที่สุดสำหรับตัวเองอยู่เสมอ
ลักษณะนิสัย
- ชอบทดลอง: สนใจลองกลยุทธ์หลากหลายแบบ ไม่ปิดกั้นตัวเอง
- ยืดหยุ่นสูง: พร้อมปรับเปลี่ยนวิธีการตามตลาด
- ชอบเรียนรู้: ศึกษาเทคนิคใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มโอกาสทำกำไร
จุดเด่น
- หลากหลายทางเลือก: ไม่จำกัดตัวเองไว้กับกลยุทธ์เดียว
- ปรับตัวเก่ง: มีความยืดหยุ่นสูงเมื่อเจอความผันผวนของตลาด
- โอกาสทำกำไรสูง: เลือกกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับทุกสถานการณ์
ข้อเสีย
- เสี่ยงสับสน: การทดลองหลายวิธีอาจทำให้ขาดความชัดเจนในแผน
- ต้องใช้เวลาเรียนรู้: การเข้าใจและใช้ทุกกลยุทธ์อย่างชำนาญต้องอาศัยประสบการณ์
- การจัดการอารมณ์: อาจเผลอเปลี่ยนแผนบ่อยจนขาดวินัย
Timeframe ที่คู่ควร
- M1 (1 นาที): สำหรับช่วงที่ใช้ Scalping
- H4 (4 ชั่วโมง): สำหรับการเทรดแบบ Swing
- D1 (1 วัน): สำหรับกลยุทธ์ระยะยาว
คู่สกุลเงินที่แนะนำ
- EUR/USD: ใช้ได้กับทุกกลยุทธ์ เนื่องจากความเสถียรและสภาพคล่อง
- GBP/JPY: เหมาะกับนักเทรดที่ชอบความผันผวนสูง
- AUD/USD: เหมาะกับกลยุทธ์ที่ใช้ทั้งเทคนิคและปัจจัยพื้นฐาน
ตัวอย่างกลยุทธ์ที่เหมาะสม
- เหมาะสมทุกกลยุทธ์เพราะเรามันโครตเทพ ได้หมดถ้าสดชื่นนนน!!
สรุป
เมื่อพูดถึงการเทรด Forex สิ่งที่เราควรเข้าใจคือ ทุกประเภทของนักเทรดมีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกัน ไม่มีวิธีใดดีที่สุดสำหรับทุกคน ทุกอย่างขึ้นอยู่กับบุคลิก สไตล์ชีวิต และเป้าหมายการเทรดของคุณ…แต่ถึงแบบนั้น คุณไม่ต้องเป็นนักเทรดแบบเดียวเสมอไป เพราะตลาด Forex เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา การปรับตัวให้เหมาะสมกับสภาพตลาดและความถนัดของตัวเองคือกุญแจสู่ความสำเร็จในระยะยาวนั่นเองครับ
สุดท้ายนี้ จงจำไว้ว่า การเทรดคือการเดินทาง อย่ากลัวที่จะทดลองหรือเปลี่ยนแปลงตัวเอง และขอให้การเดินทางในโลก Forex ของคุณเต็มไปด้วยความสำเร็จและประสบการณ์ที่ดี