MiFID หรือ MiFID II สองชื่อนี้ต่างกันยังไง? ทำไมถึงมีสองชื่อด้วยล่ะ และจะสำคัญกับนักลงทุนอย่างเรายังไง? มาไขข้อข้องใจเกี่ยวกับกฎเหล็กที่คุมเข้มบริษัทการเงินในยุโรปกันครับ
ใบอนุญาต MiFID คืออะไร ?
รูปที่ 1 MiFID เป็นกฎระเบียบทางการเงินที่สำคัญของสหภาพยุโรป
MiFID (ย่อมากจากคำว่า Markets in Financial Instruments Directive) เป็นกฎหมายสำคัญของสหภาพยุโรป ที่มีไว้เพื่อควบคุมบริษัทการเงินต่างๆ เช่น บริษัทหลักทรัพย์ ธนาคาร และโบรกเกอร์ ให้มีความโปร่งใสและดูแลนักลงทุนให้ดีขึ้น
MiFID เป็นองค์กรรัฐหรือเอกชน?
MiFID นั้นแท้จริงแล้วไม่ใช่องค์กรนะครับ แต่เป็นเพียงกฎระเบียบที่ถูกกำหนดโดยสหภาพยุโรป ซึ่งหมายความว่าเป็นมาตรการที่มีการบังคับใช้โดยหน่วยงานของรัฐในประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปนั่นเองครับ พูดง่ายๆก็คือเป็นกฎหมายที่รัฐบาลตั้งขึ้นมาโดยมีผลบังคับใช้กับองค์กรเอกชนที่ดำเนินการในตลาดการเงิน เช่น บริษัทหลักทรัพย์และสถาบันการเงินต่างๆ
ภาพรวมบทบาทและหน้าที่ของ MiFID
จากที่ได้กล่าวไปแล้วว่า MiFID เป็นกฎระเบียบของสหภาพยุโรปที่มีบทบาทสำคัญในการกำกับดูแลตลาดการเงินและการลงทุนในยุโรป โดยมีวัตถุประสงค์หลักในการสร้างความโปร่งใส เพิ่มความคุ้มครองนักลงทุน และลดความเสี่ยงเชิงระบบในตลาดการเงิน ซึ่งจะมีรายละเอียดหลักๆดังต่อไปนี้:
รูปที่ 2 ภาพรวมบทบาทและหน้าที่ของ MiFID คือการ การคุ้มครองกับนักลงทุน กำกับดูแลตลาดและ การปรับปรุงโครงสร้างตลาด
- ปกป้องนักลงทุน: MiFID สร้างความโปร่งใสให้บริษัทการลงทุนเปิดเผยข้อมูลต่างๆ อย่างชัดเจน เพื่อให้นักลงทุนเข้าใจและตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง
- การกำกับดูแลตลาดให้ยุติธรรม: MiFID กำหนดกฎเกณฑ์ให้บริษัทการลงทุนต้องทำตาม เพื่อให้ตลาดมีความเป็นธรรมและแข่งขันกันได้อย่างเท่าเทียม
- การลดความเสี่ยงเชิงเทคนิคต่างๆ: MiFID มีมาตรการควบคุมการเทรดที่มีความเสี่ยงสูง เช่น การกำหนดเพดาน leverage, ควบคุมการซื้อขาย Algorithm Trading, ตรวจสอบและรายงานธุรกรรมใหญ่ๆ เงินหนาๆ
- การปรับปรุงโครงสร้างตลาด: เมื่อโลกการเงินมีอะไรใหม่ๆ เกิดขึ้น MiFID ก็ต้องอัปเกรดตัวเองเป็น MiFID II เพื่อให้ทันยุคทันสมัย ขยายขอบเขตการดูแลไปยังผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น เหมือนกับมีชุดเกราะใหม่ที่แข็งแกร่งขึ้น เพื่อปกป้องนักลงทุนทุกคนในทุกตลาด ให้ทุกคนมั่นใจได้ว่าจะลงทุนได้อย่างปลอดภัย ส่วนจะมีอะไรเปลี่ยนไปบ้างนั้น อ่านต่อในหัวข้อต่อไปกันเลย!
MiFID สู่ MiFID II มีอะไรอัปเกรดบ้างน้า?
MiFID ก็เหมือนกฎหมายรุ่นเก๋าที่เคยใช้กันมาตั้งแต่ปี 2007 แต่พอโลกการเงินมันเปลี่ยนไปเร็ว กฎหมายก็เริ่มตามไม่ทันซะแล้ว ทาง EU เลยต้องประชุมกันใหญ่ แล้วก็คลอดออกมาเป็น MiFID II ในปี 2014 แต่กว่าจะผ่านด่านต่างๆ กว่าจะให้ทุกฝ่ายเตรียมตัวพร้อม ก็ปาเข้าไปปี 2018 ถึงจะเริ่มใช้งานจริง ลากยาวมาถึงปัจจุบันนั่นเอง
แล้ว MiFID II มีอะไรใหม่ๆ ที่น่าสนใจสำหรับ Forex Broker กันบ้างหล่ะ? มาดูกันเลยครับ 😀
- การจำกัด Leverage: MiFID II ได้กำหนดเพดาน leverage ที่โบรกเกอร์สามารถเสนอให้ลูกค้ารายย่อยได้ เพื่อลดความเสี่ยงในการขาดทุนหนักๆ
- รายงานข้อมูลการซื้อขาย: MiFID II กำหนดให้โบรกเกอร์ต้องรายงานข้อมูลการซื้อขายอย่างละเอียด รวมถึงรายละเอียดของลูกค้า, เครื่องมือทางการเงิน, ราคา, ปริมาณ และเวลาที่ทำการซื้อขาย ให้แก่หน่วยงานกำกับดูแล เห็นหมดเลยครับ ยิ่งกว่าติดกล้องวงจรปิดอีก
- Product Governance: MiFID II บังคับให้บริษัทการลงทุนต้องตรวจสอบสินค้าก่อนวางขาย ก็คือให้ตรวจสอบดีๆก่อนนะ ว่าที่จะเปิดตัวไปเนี่ย ลูกค้าเค้าต้องการจริงๆใช่ไหม? ได้พิจารณาเรื่องความเสี่ยงของลูกค้าแล้วบ้างหรือยัง?
- การบันทึกการสื่อสาร: MiFID II กำหนดให้โบรกเกอร์ต้องบันทึกการสื่อสารกับลูกค้า ทั้งการสนทนาทางโทรศัพท์ อีเมล และแชท เพื่อให้สามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ในกรณีที่มีข้อพิพาทหรือการร้องเรียน
- ควบคุมการซื้อขายด้วยคอมพิวเตอร์: มีกฎใหม่ๆ มาจัดระเบียบการซื้อขายด้วยความเร็วสูง (high-frequency trading) และการซื้อขายโดยใช้ algorithms เพื่อลดความผันผวนของตลาด ไม่ให้ใครใช้เทคโนโลยีมาเอาเปรียบคนอื่น
สรุปง่ายๆ ก็คือ MiFID II ก็คือตัวเดียวกับ MiFID นั้นแหละ แต่เป็นเวอร์ชั่น Pro Max ที่โตขึ้น ฉลาดขึ้น และแข็งแกร่งขึ้น มาเติมเต็ม 3 เป้าหมายหลักๆที่มีมาตั้งแต่แรกแล้วก็ คือ…
- ขยายขอบเขต: ครอบคลุมผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ๆ ให้ครบทุกมิติ แม้แต่โบรกเกอร์ CFDs ของคริปโต เช่น Bitcoin CFDs ก็ต้องทำตามข้อกำหนดของ MiFID II ด้วย ไม่มีข้อยกเว้น
- ความโปร่งใสมากขึ้น: บริษัทต่างๆ ต้องรายงานข้อมูลการซื้อขายอย่างละเอียด และเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะมากขึ้น เพื่อให้นักลงทุนมีข้อมูลประกอบการตัดสินใจที่ครบถ้วน ไม่มีหมกเม็ด
- คุ้มครองนักลงทุนมากขึ้น: ออกกฎเข้มๆ อุดทุกช่องโหว่และรูรั่ว เพื่อไม่ให้บริษัทเอาเปรียบนักลงทุน
ทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้นักลงทุนอย่างเราๆ มั่นใจได้ว่าจะได้เทรดในตลาดยุโรปที่มียุติธรรมและปลอดภัยครับ
MiFID มีผลบังคับใช้กับใครบ้าง?
MiFID มีผลบังคับใช้กับหลากหลายกลุ่มคนและองค์กรในตลาดการเงินยุโรป เพื่อสร้างความโปร่งใสและคุ้มครองนักลงทุน ซึ่งรวมถึง:
รูปที่ 3 MiFID กำกับดูแลทั้งกลุ่มคน หน่วยงาน และ องค์กรต่างๆ
- บริษัทหลักทรัพย์และวาณิชธนกิจ:MiFID กำกับดูแลบริษัทที่ให้บริการด้านการลงทุนต่างๆ เช่น การซื้อขายหลักทรัพย์ ตราสารหนี้ ETF และตลาดการเงินอื่นๆ โดยมีการกำหนดมาตรฐานในการดำเนินงานและการแยกค่าใช้จ่ายต่างๆอย่างชัดเจน
- ธนาคารและสถาบันการเงิน:ธนาคารที่มีการดำเนินงานในยุโรปต้องปฏิบัติตามกฎ MiFID โดยเฉพาะในเรื่องของการให้ข้อมูลและบริการทางการเงินที่ยุติธรรม
- ผู้จัดการกองทุนและ Hedge Funds:กฎนี้มีผลกระทบต่อการจัดการกองทุนและการให้บริการวิเคราะห์ข้อมูลทางการเงินด้วย
- โบรกเกอร์และผู้ให้บริการแลกเปลี่ยนเงินตรา:MiFID ครอบคลุมถึงโบรกเกอร์ที่ให้บริการในตลาดการเงินยุโรป ซึ่งต้องปฏิบัติตามมาตรฐานที่กำหนดอย่างเคร่งครัด
- นักลงทุนรายย่อยและสถาบันต่างๆ:กฎนี้มีการคุ้มครองนักลงทุนทั้งรายย่อยและสถาบันต่างๆ โดยมีการกำหนดมาตรฐานในการให้ข้อมูล เช่น การเปิดเผยค่าธรรมเนียมต่างๆที่ควรทราบแก่นักลงทุน เป็นต้น
ในภาพรวม MiFID มีผลบังคับใช้โดยตรงกับบริษัทที่ให้บริการทางการเงิน ภายในสหภาพยุโรป และประเทศในเขตเศรษฐกิจยุโรป (EEA) เท่านั้น แต่มีผลกระทบต่อบริษัททั่วโลก!!! เพราะบริษัทใหญ่ๆก็ย่อมมีธุรกิจในโซนยุโรปนั่นเอง
- ถ้ามีสาขาหรือให้บริการในยุโรป: บริษัทเหล่านี้จะต้องปฏิบัติตาม MiFID ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานในยุโรป
- ถ้าทำธุรกรรมกับบริษัทในยุโรป: บริษัทนอก EU ก็ต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดบางอย่างของ MiFID เพื่อให้สามารถทำธุรกรรมกับบริษัทในยุโรปได้
หลายคนอาจจะสงสัย… แล้วสหราชอาณาจักร (อังกฤษ สกอตแลนด์ เวลส์ และไอร์แลนด์เหนือ) ที่ออกจากยุโรป ไปแล้วล่ะ? (Brexit) ต้องบอกว่าถึงแม้สหราชอาณาจักรจะออกจาก EU ไปแล้ว แต่ก็ยังคงใช้กฎระเบียบที่คล้ายกับ MiFID II แต่เป็นเวอร์ชั่นพิเศษ เรียกว่า UK MiFID (ซึ่งปัจจุบันก็เริ่มมีความแตกต่างจาก MiFID II ของ EU มากขึ้นเรื่อยๆแล้วครับ)
MiFID น่าเชื่อถือไหม?
MiFID หรือ Markets in Financial Instruments Directive ไม่ใช่แค่กฎหมายธรรมดาๆ แต่มันคือมาตรฐานระดับเทพที่สหภาพยุโรปตั้งขึ้นมาเพื่อคุมเข้มตลาดการเงินในยุโรป คิดง่ายๆ ว่า MiFID ก็เหมือน “ตราสัญลักษณ์รับรองคุณภาพ” ที่การันตีว่าบริษัทการเงินที่คุณจะไปลงทุนด้วยนั้นไว้ใจได้
รูปที่ 4 MiFID น่าเชื่อถืออย่างมาก ทั้งมี มาตรฐานการกำกับดูแลที่เข้มงวด คุ้มครองนักลงทุน และยังถูกยอมรับในวงกว้าง
ทำไม MiFID ถึงน่าเชื่อถือขนาดนั้น? มาดูเหตุผลกัน:
- มาตรฐานการกำกับดูแลที่เข้มงวด:MiFID ตั้งกฎเหล็กให้บริษัทการเงินต้องทำตามอย่างเคร่งครัด ทั้งเรื่องการเปิดเผยข้อมูล การบริหารความเสี่ยง หรือแม้แต่การบันทึกทุกการพูดคุยกับลูกค้า ละเอียดสุดๆ
- การคุ้มครองนักลงทุน:MiFID เน้นย้ำเรื่องความโปร่งใส บริษัทต้องบอกหมดเปลือก ทั้งค่าธรรมเนียมและความเสี่ยง เพื่อให้นักลงทุนอย่างเราๆ ตัดสินใจได้อย่างรอบคอบครับ
- การถูกยอมรับในวงกว้าง:MiFID ได้รับการยอมรับและปฏิบัติตามอย่างกว้างขวางในสหภาพยุโรปและทั่วโลก ทั่วโลก บริษัทการเงินต่างชาติที่อยากเข้ามาทำธุรกิจในยุโรปก็ต้องทำตามกฎ MiFID ด้วยนะเออ
เงื่อนไขผ่านด่าน MiFID II: โบรกเกอร์ Forex ต้องเจออะไรบ้าง?
MiFID ก็เหมือน “อาจารย์ใหญ่” ที่คอยวางกรอบกว้างๆ ว่าต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้าง ส่วนหน่วยงานกำกับดูแลแต่ละประเทศก็เหมือน “ครูฝึก” ที่เอาแนวทางไปพัฒนาต่อ เพื่อตรวจสอบและลงโทษ ถ้าพบพฤติกรรมที่น่าสงสัยหรือการกระทำผิดต่างๆ จนแน่ใจว่าโบรกเกอร์นี้มีความมั่นคงทางการเงิน และสามารถปฏิบัติตามกฎระเบียบ MiFID ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดย MiFID กำหนดหลักการสำคัญ มาหลากหลายข้อเลย ที่บริษัทการลงทุนต้องปฏิบัติตาม เช่น
- เงินทุนหนาๆ (Initial Capital Requirement): มีเงินสำรองไว้เยอะๆ เผื่อฉุกเฉิน ซึ่ง MiFID ไม่ได้บอกว่าต้องมีเท่าไหร่ แต่ละประเทศจะเป็นคนกำหนดเอง เช่น FCA (Financial Conduct Authority – UK): กำหนดทุนจดทะเบียนขั้นต่ำสำหรับบริษัทที่ต้องการให้บริการ Forex อยู่ที่ £750,000 (ประมาณ 32 ล้านบาท)
- เงินกองทุนต้องสอดคล้องกับความเสี่ยง (Ongoing Capital Requirement): บริษัทต้องรักษาระดับเงินทุนให้เพียงพอต่อความเสี่ยงที่เกิดจากการดำเนินธุรกิจ ยิ่งเทรดเยอะ ยิ่งเสี่ยงเยอะ ก็ต้องมีเงินทุนมากขึ้นตามไปด้วย
แต่เดี๋ยวก่อน นี่ยังแค่พื้นฐานนะครับ ยังมีเงื่อนไขอีกเพียบที่ต้องผ่านให้ได้ สิ่งที่หน่วยงานกำกับดูแลใช้ในการคัดเลือก Forex Broker ต่างๆ จะมีอะไรบ้างนั้น มาดูกันเลยครับ
รูปที่ 5 สิ่งที่หน่วยงานกำกับดูแลใช้ในการพิจารณาให้ใบอนุญาตกับ Forex Broker ต่างๆ โดยต้องสอดคล้องกับแนวทางของ MiFID II
- ทุนจดทะเบียนขั้นต่ำ:ขึ้นอยู่กับประเภทของใบอนุญาตที่ต้องการ โดยทุนจดทะเบียนขั้นต่ำอาจจะอยู่ที่ราวๆ €50,000 ถึงมากกว่า €730,000
- ความเหมาะสมของผู้บริหาร:บริษัทต้องมีผู้บริหารและบุคลากรที่มีคุณสมบัติและประสบการณ์ทางการเงินสายตรง
- แผนธุรกิจและนโยบาย:ต้องจัดทำแผนธุรกิจที่ละเอียด รวมไปถึงการวิเคราะห์ตลาด กลยุทธ์การตลาด และนโยบายการบริหารความเสี่ยงและการจัดการข้อร้องเรียนของลูกค้าด้วย
- การปฏิบัติตามกฎหมาย:บริษัทเหล่านั้นจะต้องปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินและการสนับสนุนการก่อการร้ายต่างๆ
- ความมีชื่อเสียงของผู้ถือหุ้นและคณะกรรมการ:ผู้ถือหุ้นและคณะกรรมการต้องมีชื่อเสียงทางธุรกิจที่ดี (ไม่มีข่าวฉาวแหละครับ) และมีการศึกษา ประสบการณ์ และคุณสมบัติทางวิชาชีพที่จำเป็นในการบริหารบริษัท
- การมีสถานประกอบการถาวร:บริษัทต้องมีสถานประกอบการถาวรในประเทศที่ยื่นขอใบอนุญาตนั้นด้วย ไม่ใช่มีแค่ที่อยู่ลอยๆนะ
- การปฏิบัติตามมาตรฐานการสื่อสารและการรายงาน:บริษัทต้องมีระบบในการบันทึกและรายงานการสื่อสารทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขาย เพื่อให้สามารถตรวจสอบการปฏิบัติตามกฎระเบียบได้อย่างเป็นธรรม
วิธีการฟ้องร้องต่อ MiFID
ก่อนอื่น..ต้องบอกก่อนว่า MiFID เป็นเพียงกฎระเบียบ ไม่ใช่หน่วยงานที่รับเรื่องร้องเรียนโดยตรง ดังนั้น เราไม่สามารถฟ้องร้องหรือขอความช่วยเหลือจาก MiFID ได้โดยตรง แต่… ไม่ต้องกังวลไปครับ หากคุณมีปัญหาหรือข้อพิพาทกับโบรกเกอร์ที่ได้รับอนุญาตภายใต้ MiFID คุณสามารถขอความช่วยเหลือได้จาก:
- หน่วยงานกำกับดูแลในประเทศที่โบรกเกอร์นั้นๆจดทะเบียน: ถ้าโบรกเกอร์จดทะเบียนใน Cyprus ก็ติดต่อ , ถ้าจดทะเบียนใน UK ก็ติดต่อ เป็นต้น หน่วยงานเหล่านี้มีหน้าที่ดูแลให้โบรกเกอร์ปฏิบัติตามกฎ MiFID และจะช่วยเหลือคุณในการแก้ไขปัญหาได้
- ESMA (European Securities and Markets Authority): หากปัญหาของคุณเกี่ยวข้องกับการบังคับใช้ MiFID ในภาพรวม หรือหากคุณไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้กับหน่วยงานกำกับดูแลในประเทศ คุณสามารถร้องเรียนไปยัง ESMA ซึ่งเป็นหน่วยงานระดับสูงของ EU ที่ดูแลเรื่องตลาดการเงิน
สิ่งที่ควรเตรียมก่อนร้องเรียน:
- รวบรวมหลักฐานและข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เช่น อีเมล บันทึกการสนทนา หลักฐานการทำธุรกรรมต่างๆ
- ระบุรายละเอียดปัญหาและสิ่งที่คุณต้องการให้ช่วยเหลืออย่างชัดเจน
สรุป
MiFID II เป็นเวอร์ชันอัปเกรดของ MiFID ที่พัฒนาขึ้นเพื่อให้ทันกับโลกการเงินที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้มีความน่าเชื่อถือสูงในปัจจุบัน เพราะเน้นเรื่องความโปร่งใสและการคุ้มครองนักลงทุนเป็นสำคัญ แถมยังได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในยุโรป และมีการบังคับให้โบรกเกอร์ Forex ต้องปรับตัวตามมาตรฐานที่กำหนดไว้อย่างเข้มงวด จึงเป็นประโยชน์ต่อนักลงทุนอย่างเราๆ มากๆ เลยครับ
อ้างอิง
- [1] https://brandinside.asia/mifid-ii-rules/
- [2] https://skilling.com/row/th/blog/trading-terms/mifid/
- [3] https://www.niceactimize.com/compliance/mifid-ii.html
- [4] https://www.ryt9.com/s/iq29/2762597
- [5] https://blogs.cfainstitute.org/investor/2017/04/11/mifid-ii-whats-wrong-with-it/
- [6] https://rue.ee/forex-regulations/






