Unemployment Claims คืออะไร

Unemployment Claims คือ การยื่นขอรับสวัสดิการการว่างงานของสหรัฐฯ เป็นกระบวนการที่ผู้ว่างงานยื่นคำขอเพื่อได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลในช่วงเวลาที่ไม่มีงานทำ

การยื่นขอสวัสดิการนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่

  • ผู้ที่กำลังหางานใหม่
  • ผู้ที่รอเริ่มงานใหม่
  • ผู้ที่ถูกเลิกจ้างโดยไม่ใช่ความผิดของตนเอง

ลักษณะสำคัญของ Unemployment Claims

  • มีการตรวจสอบคุณสมบัติ เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ยื่นขอมีสิทธิ์ได้รับสวัสดิการตามกฎหมาย
  • เป็นสวัสดิการที่จ่ายโดยรัฐ โดยเงินมาจากภาษีประกันการว่างงานที่เก็บจากนายจ้าง
  • ให้สิทธิประโยชน์เป็นระยะเวลาจำกัด โดยทั่วไปไม่เกิน 26 สัปดาห์
  • ผู้รับสวัสดิการต้องแสดงให้เห็นว่ากำลังหางานทำอย่างจริงจัง

Unemployment Claims เป็นตัวชี้วัดสำคัญทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ เพราะสะท้อนสภาพตลาดแรงงานและภาวะเศรษฐกิจโดยรวม กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ จะประกาศตัวเลขนี้ทุกสัปดาห์ โดยแบ่งเป็น Initial Claims (ผู้ยื่นขอครั้งแรก) และ Continuing Claims (ผู้ที่ยังรับสวัสดิการต่อเนื่อง)

หน้าที่ Unemployment Claims

Unemployment Claims มีบทบาทและหน้าที่สำคัญหลายประการในระบบเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในฐานะเครื่องมือชี้วัดสภาวะเศรษฐกิจและตลาดแรงงาน

บทบาทในการสะท้อนสุขภาพเศรษฐกิจ

  • เป็นเสมือนเครื่องวัดอุณหภูมิที่บ่งชี้สภาวะเศรษฐกิจในแต่ละช่วง โดยการเปลี่ยนแปลงของตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานจะสะท้อนให้เห็นว่า:
  • หากตัวเลขเพิ่มขึ้น แสดงถึงภาวะเศรษฐกิจที่กำลังชะลอตัวหรืออ่อนแอ
  • หากตัวเลขลดลง บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัวหรือแข็งแกร่ง

อิทธิพลต่อนโยบายการเงิน

ธนาคารกลางใช้ข้อมูล Unemployment Claims เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจกำหนดนโยบายการเงิน เช่น:

  • การปรับขึ้น-ลงอัตราดอกเบี้ย
  • การใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
  • การควบคุมเงินเฟ้อ

ประโยชน์ต่อการลงทุน

  • นักลงทุนใช้ข้อมูลนี้ประกอบการตัดสินใจลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ เพราะมีผลต่อ:
  • การเคลื่อนไหวของค่าเงิน
  • ราคาทองคำ
  • ตลาดหุ้น
  • การคาดการณ์ทิศทางเศรษฐกิจ

การรักษาเสถียรภาพทางสังคม

  • นอกจากมิติทางเศรษฐกิจแล้ว Unemployment Claims ยังมีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือสังคม
  • ให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ว่างงาน
  • ลดผลกระทบทางสังคมจากการว่างงาน
  • รักษากำลังซื้อในระบบเศรษฐกิจ
  • ป้องกันปัญหาสังคมที่อาจเกิดจากการว่างงาน

เครื่องมือในการวางนโยบายของรัฐบาล

  • ข้อมูลการว่างงานช่วยให้รัฐบาลสามารถ
  • วางแผนนโยบายแก้ไขปัญหาการว่างงาน
  • กำหนดมาตรการกระตุ้นการจ้างงาน
  • พัฒนาทักษะแรงงานให้ตรงความต้องการตลาด
  • จัดสรรงบประมาณช่วยเหลือกลุ่มเป้าหมายได้ตรงจุด

ดัชนีชี้นำทางเศรษฐกิจ

  • เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดที่นักวิเคราะห์และนักเศรษฐศาสตร์ใช้
  • คาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจในอนาคต
  • ประเมินประสิทธิภาพของนโยบายเศรษฐกิจ
  • วิเคราะห์ความเชื่อมโยงระหว่างตลาดแรงงานกับภาคเศรษฐกิจอื่นๆ

ด้วยบทบาทที่หลากหลายและครอบคลุมนี้ Unemployment Claims จึงเป็นข้อมูลสำคัญที่ทุกภาคส่วนต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เพื่อเข้าใจสถานการณ์เศรษฐกิจและเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นซึ่งมีความสำคัญมากนั้นเอง

ตัวเลขว่างงานบ่งชี้เศรษฐกิจได้

การว่างงานเป็นเหมือนเครื่องวัดอุณหภูมิเศรษฐกิจที่แม่นยำ ตัวเลขว่างงานบ่งชี้เศรษฐกิจได้ จึงบอกข้อมูลเหล่านี้ได้หลายอย่าง

เมื่อการว่างงานเพิ่มขึ้น = เศรษฐกิจอ่อนแอ

  • ถ้าคนว่างงานเยอะ → เศรษฐกิจแย่ → คนซื้อทอง → ราคาทองขึ้น
  • ถ้าเราเห็นคนตกงานเยอะขึ้น นั่นไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ มันบอกเราว่าบริษัทต่างๆ กำลังลดคน ธุรกิจอาจไม่ค่อยดี คนมีเงินจับจ่ายน้อยลง เศรษฐกิจก็เลยชะลอตัว
  • เมื่อเศรษฐกิจไม่สู้ดี นักลงทุนก็มักจะกังวล พวกเขาจึงมักเลือกหลบภัยในสินทรัพย์ที่ปลอดภัยอย่างทองคำ คล้ายๆ กับที่เราเก็บเงินไว้ในที่ปลอดภัยยามเศรษฐกิจไม่ดี พอคนแห่ซื้อทองคำ ราคาทองก็เลยพุ่งสูงขึ้น

ถ้าคนว่างงานลดลง = เศรษฐกิจแข็งแกร่ง

  • ถ้าคนว่างงานน้อย → เศรษฐกิจดี → คนขายทองไปซื้อหุ้น → ราคาทองลง
  • ถ้าตัวเลขคนว่างงานลดลง นั่นเป็นสัญญาณที่ดี แสดงว่าบริษัทกำลังจ้างคนเพิ่ม ธุรกิจกำลังเติบโต คนมีงานมีเงินใช้มากขึ้น เศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว
  • เมื่อเศรษฐกิจดี นักลงทุนก็กล้าเสี่ยงมากขึ้น พวกเขามักจะขายทองคำแล้วเอาเงินไปลงทุนในหุ้นแทน เพราะในช่วงเศรษฐกิจรุ่งเรือง
  • หุ้นมักให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า ไม่ว่าจะเป็นราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้นหรือเงินปันผลที่ได้รับ พอคนขายทองออกมาเยอะๆ ราคาทองก็เลยปรับตัวลดลง

วิธีการดูตัวเลข Unemployment Claims

  • ถ้าตัวเลขสูงกว่า 300,000 → เศรษฐกิจอ่อนแอ
  • ถ้าตัวเลขต่ำกว่า 200,000 → เศรษฐกิจแข็งแกร่ง
  • ระดับ 200,000-300,000 → เศรษฐกิจปกติ
  • ตัวเลขเพิ่มขึ้น = ตลาดแรงงานอ่อนแอ
  • ตัวเลขลดลง = ตลาดแรงงานฟื้นตัว

ตัวอย่างกราฟ กราฟ U.S. Initial Jobless Claims

จากข้อมูลที่แสดงในกราฟ U.S. Initial Jobless Claims จาก investing.com วิเคราะห์ได้ดังนี้

ตัวเลขล่าสุด:

  • ตัวเลขผู้ว่างงานสหรัฐฯ อยู่ที่ 224,000 ราย (5 ธ.ค. 2024)
  • สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 215,000 ราย
  • แต่ยังถือว่าแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีตที่มากกว่า 300,000 ราย

การเคลื่อนไหวของกราฟ:

นัยต่อตลาดแรงงาน:

  • ตลาดแรงงานยังคงแข็งแกร่ง เนื่องจากตัวเลขยังต่ำกว่า 300,000 ราย
  • อาจมีแรงกดดันจากการเลิกจ้างในบางอุตสาหกรรม แต่ไม่รุนแรง
  • ความต้องการแรงงานยังมีอยู่สูง

Initial Jobless Claim คืออะไร?

  • Initial Jobless Claim เป็นคำที่ใช้เรียกการยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ซึ่งมีความหมายเดียวกับ Unemployment Claim
  • โดยเป็นเพียงชื่อเรียกที่แตกต่างกันเท่านั้น ทั้งสองคำนี้ใช้แทนกันได้ในการอ้างถึงการยื่นขอรับความช่วยเหลือจากรัฐบาลของผู้ที่เพิ่งว่างงาน เป็นคำศัพท์ที่นิยมใช้ในการรายงานตัวเลขทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ
  • ในการประกาศตัวเลขการว่างงานประจำสัปดาห์ บางครั้งคุณอาจเห็นการใช้คำว่า Initial Claims หรือ Jobless Claims
  • ซึ่งทั้งหมดล้วนหมายถึงจำนวนผู้ที่เพิ่งยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานในสัปดาห์นั้นๆ เป็นครั้งแรกนั้นเอง

การประชุมและประกาศ

  • ตัวเลข Unemployment Claims มีการประกาศทุกวันพฤหัสบดี เวลา 8:30 น. ตามเวลาสหรัฐฯ (EST) โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ

การประกาศตัวเลขการว่างงานของสหรัฐฯ แบ่งเป็น 2 ส่วนหลัก

  1. Initial Claims (การยื่นขอครั้งแรก) เป็นตัวเลขที่แสดงจำนวนคนที่เพิ่งยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานในสัปดาห์นั้นเป็นครั้งแรก ตัวเลขนี้สำคัญมากเพราะสะท้อนสถานการณ์การเลิกจ้างล่าสุดในตลาดแรงงาน หากตัวเลขสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ อาจบ่งชี้ว่าบริษัทต่างๆ กำลังลดขนาดองค์กรหรือประสบปัญหาทางธุรกิจ ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจ
  2. Continuing Claims (การรับสวัสดิการต่อเนื่อง) คือจำนวนคนที่ยังคงรับสวัสดิการว่างงานอย่างต่อเนื่อง ตัวเลขนี้ช่วยให้เห็นภาพรวมของสถานการณ์การว่างงานระยะยาว หากตัวเลขนี้สูงและไม่ลดลง แสดงว่าผู้ว่างงานหางานใหม่ได้ยาก อาจสะท้อนปัญหาเชิงโครงสร้างในตลาดแรงงานหรือภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่ยืดเยื้อ

นักลงทุนสามารถติดตามข้อมูลได้จาก

  • เว็บไซต์กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ
  • ปฏิทินเศรษฐกิจ เช่น Forexfactory, Investing
  • เว็บไซต์ข่าวการเงินหลัก

การวิเคราะห์ Unemployment Claims

ช่วงเวลา การวิเคราะห์ ผลกระทบต่อตลาด
ก่อนประกาศ • ศึกษาตัวเลขคาดการณ์
• วิเคราะห์แนวโน้มสัปดาห์ก่อน
• ตรวจสอบปัจจัยพิเศษ (เทศกาล/เหตุการณ์)
• เตรียมข้อมูลเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้อง
• ตลาดอาจผันผวนเล็กน้อย
• นักลงทุนอาจชะลอการตัดสินใจ
ช่วงประกาศ • เทียบตัวเลขจริงกับคาดการณ์
• ดูทิศทางการเปลี่ยนแปลง
• วิเคราะห์ปฏิกิริยาตลาดทันที
ตัวเลขแย่กว่าคาด:
• USD อ่อนค่า
• ทองคำแข็งค่า
• หุ้นปรับตัวลง
ตัวเลขดีกว่าคาด:
• USD แข็งค่า
• ทองคำอ่อนค่า
• หุ้นปรับตัวขึ้น
หลังประกาศ • วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก
• ดูการกระจายตัวรายรัฐ
• ประเมินผลต่อนโยบายการเงิน
• คาดการณ์แนวโน้มระยะยาว
• ผลต่อความเชื่อมั่นนักลงทุน
• กระทบการตัดสินใจธนาคารกลาง
• ส่งผลต่อทิศทางเศรษฐกิจ

5 ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อ Unemployment Claims

1) ปัจจัย นโยบายการจ้างงานของบริษัทใหญ่

  • เมื่อบริษัทขนาดใหญ่ประกาศลดพนักงานพร้อมกัน
  • เช่น Tech Companies หรือสถาบันการเงินจะส่งผลให้ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการพุ่งสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เพราะมีคนตกงานจำนวนมากในคราวเดียว

2) ปัจจัย วัฏจักรเศรษฐกิจ

  • ช่วงเศรษฐกิจถดถอยหรือชะลอตัว บริษัทมักลดต้นทุนด้วยการปลดพนักงาน ทำให้คนว่างงานเพิ่มขึ้น
  • ตรงข้ามกับช่วงเศรษฐกิจขยายตัวที่มีการจ้างงานมากขึ้น ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการจึงลดลง

3) ปัจจัย ฤดูกาลและเทศกาล

  • ธุรกิจที่ขึ้นกับฤดูกาล เช่น เกษตร ท่องเที่ยว ค้าปลีก มักมีการจ้าง-เลิกจ้างตามช่วงเวลา
  • โดยเฉพาะหลังเทศกาลช้อปปิ้งใหญ่ๆ มักมีการเลิกจ้างพนักงานชั่วคราว ทำให้ตัวเลขว่างงานสูงขึ้น

4) ปัจจัย นโยบายการเงินและอัตราดอกเบี้ย

  • เมื่อดอกเบี้ยสูง ต้นทุนการกู้ยืมแพงขึ้น บริษัทต้องลดค่าใช้จ่าย มักเริ่มจากการลดพนักงาน
  • ในทางกลับกันดอกเบี้ยต่ำช่วยกระตุ้นการลงทุนและการจ้างงาน ส่งผลให้การว่างงานลดลง

5) ปัจจัย การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี

  • การนำ AI และระบบอัตโนมัติมาใช้ทดแทนแรงงานคน ทำให้เกิดการเลิกจ้างในอุตสาหกรรมดั้งเดิม แต่ก็สร้างงานใหม่ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี
  • การปรับตัวของแรงงานไม่ทันจึงทำให้เกิดการว่างงานชั่วคราว

ผลกระทบต่อตลาดการเงินโลก

การเปลี่ยนแปลงของตัวเลขนี้ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ตั้งแต่ค่าเงิน ตลาดหุ้น ตราสารหนี้ ไปจนถึงราคาทองคำและสินค้าโภคภัณฑ์ เพราะนักลงทุนทั่วโลกใช้ข้อมูลนี้คาดการณ์ทิศทางเศรษฐกิจและนโยบายการเงินของสหรัฐฯ

นักลงทุนจึงต้องติดตามและวิเคราะห์ตัวเลขนี้อย่างใกล้ชิด เพราะการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยอาจส่งผลต่อพอร์ตการลงทุนและก่อให้เกิดโอกาสหรือความเสี่ยงที่สำคัญในตลาดการเงินโลก ซึ่งมักจะส่งผลดังนี้

ผลต่ออัตราดอกเบี้ย

การว่างงานสูง:

  • Fed มีแนวโน้มคงหรือลดดอกเบี้ย เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
  • พันธบัตรให้ผลตอบแทนต่ำลง
  • ต้นทุนการกู้ยืมลดลง

การว่างงานต่ำ:

  • Fed อาจขึ้นดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ
  • พันธบัตรให้ผลตอบแทนสูงขึ้น
  • ต้นทุนการกู้ยืมเพิ่มขึ้น

ผลต่อตลาดหุ้น

การว่างงานสูง:

  • ดัชนีหุ้นมักปรับตัวลง
  • หุ้นกลุ่มวัฏจักร (Cyclical) ได้รับผลกระทบมาก
  • หุ้นกลุ่ม Defensive (อุปโภคบริโภค, Healthcare) อาจทรงตัว

การว่างงานต่ำ:

  • ตลาดหุ้นมีแนวโน้มปรับตัวขึ้น
  • หุ้นกลุ่มการเงินได้ประโยชน์
  • หุ้นกลุ่มค้าปลีกแข็งแกร่งจากกำลังซื้อที่ดี

ผลต่อตลาด Forex

การว่างงานสูง:

  • USD อ่อนค่าเทียบสกุลหลัก
  • สกุลเงินปลอดภัย (JPY, CHF) แข็งค่า
  • สกุลเงินตลาดเกิดใหม่อ่อนค่า

การว่างงานต่ำ:

  • USD แข็งค่าจากแนวโน้มขึ้นดอกเบี้ย
  • สกุลเงินที่อิงการเติบโต (AUD, NZD) แข็งค่า
  • เงินทุนไหลเข้าตลาดเกิดใหม่

ผลต่อสินค้าโภคภัณฑ์

การว่างงานสูง:

  • ทองคำแข็งค่าจากความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย
  • น้ำมันอ่อนตัวจากอุปสงค์ลดลง
  • สินค้าโภคภัณฑ์อุตสาหกรรมราคาลง

การว่างงานต่ำ:

  • ทองคำอ่อนค่าเมื่อนักลงทุนลดการถือครอง
  • น้ำมันแข็งค่าจากความต้องการสูง
  • สินค้าโภคภัณฑ์ได้ประโยชน์จากการผลิต

ผลต่อตลาดเกิดใหม่

การว่างงานสูง:

  • เงินทุนไหลออกสู่สินทรัพย์ปลอดภัย
  • ตลาดหุ้นปรับตัวลง
  • ค่าเงินอ่อนค่า

การว่างงานต่ำ:

  • เงินทุนไหลเข้าแสวงหาผลตอบแทน
  • ตลาดหุ้นได้ประโยชน์
  • ค่าเงินมีเสถียรภาพ

ผลต่อภาคธนาคาร

การว่างงานสูง:

  • NPL มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
  • การปล่อยสินเชื่อชะลอตัว
  • กำไรธนาคารลดลง

การว่างงานต่ำ:

  • คุณภาพสินเชื่อดีขึ้น
  • การปล่อยกู้ขยายตัว
  • ผลประกอบการธนาคารแข็งแกร่ง

ข้อดีข้อเสีย Unemployment Claims

หมวดหมู่ ข้อดี ข้อเสีย
ความน่าเชื่อถือของข้อมูล • เป็นข้อมูลจากหน่วยงานรัฐโดยตรง
• มีการตรวจสอบและยืนยันตัวเลข
• มีการปรับแก้ข้อมูลย้อนหลังบ่อย
• อาจถูกบิดเบือนจากการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบ
ความถี่และความรวดเร็ว • ประกาศรายสัปดาห์
• เห็นการเปลี่ยนแปลงได้เร็ว
• ข้อมูลผันผวนสูงรายสัปดาห์
• อาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยชั่วคราว
การนำไปใช้ • วางแผนการลงทุน
• คาดการณ์นโยบาย Fed
• วางนโยบายเศรษฐกิจ
• ต้องใช้ร่วมกับตัวชี้วัดอื่น
• อาจไม่สะท้อนภาพรวมทั้งหมด

สรุป

  • จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสามารถบ่งชี้สุขภาพเศรษฐกิจได้อย่างแม่นยำ โดยเมื่อมีผู้ว่างงานเพิ่มขึ้นแสดงถึงเศรษฐกิจที่อ่อนแอ แต่หากจำนวนผู้ว่างงานลดลงจะสะท้อนถึงเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง
  • นักลงทุนมักเลือกถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงที่เศรษฐกิจมีความไม่แน่นอน
  • เมื่อตัวเลขการว่างงานพุ่งสูงขึ้นจะสั่นคลอนเสถียรภาพของตลาด ส่งผลให้นักลงทุนเพิ่มการถือครองทองคำมากขึ้น ผลักดันให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น
  • แต่หากตัวเลขการว่างงานปรับตัวลดลง จะช่วยเสริมความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ทำให้พวกเขาลดการถือครองทองคำและหันไปลงทุนในสินทรัพย์อื่นแทน ส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวลง
  • หากอัตราการว่างงานอยู่ในระดับสูง อาจกระตุ้นให้ธนาคารกลางใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย เช่นการลดดอกเบี้ย ซึ่งจะทำให้ค่าเงินอ่อนและเพิ่มความเสี่ยงเงินเฟ้อ สถานการณ์เช่นนี้จะดึงดูดการลงทุนในทองคำและผลักดันราคาให้สูงขึ้น

แหล่งอ้างอิง