บทคัดย่อ
- Carry Trade: คือการทำกำไรจากดอกเบี้ย โดยการกู้เงินจากดอกเบี้ยต่ำ ไปทำกำไรในในสกุลเงินที่ดอกเบี้ยสูง
- Carry Trade ในตลาด Forex: คือการเทรดล็อคกำไรขาดทุน กินส่วนต่างของดอกเบี้ย
- ความเสี่ยง: การลงทุนมีความเสี่ยง แต่นับว่าเป็นกลยุทธ์ที่มีความเสี่ยงต่ำ
Carry Trade คืออะไร
ภาพแสดงตัวอย่าง Carry Trade คือการกู้เงินดอกเบี้ยต่ำ และนำไปลงทุนในผลตอบแทนที่สูงกว่า เก็บกำไรเป็นส่วนต่างของดอกเบี้ย
Carry Trade คือการหากำไรจากดอกเบี้ย โดยการยืมเงินสกุลเงินหนึ่ง ไปทำกำไรอีกสกุลเงินหนึ่ง กล่าวคือ ยืมเงินในสกุลที่ดอกเบี้ยต่ำ แล้วนำไปใช้ทำกำไรในสกุลเงินที่ดอกเบี้ยสูง
เช่น การกู้ยืมเงินดอกเบี้ยต่ำ และนำไปลงทุนในสินทรัพย์ที่ดอกเบี้ยสูง เพื่อกินกำไรจากผลตอบแทนหรือดอกเบี้ยที่เกิดขึ้น
จะว่าไปแล้ว Carry Trade คล้าย ๆ กับการกู้เงินธนาคาร แล้วนำมาปล่อยดอกเบี้ยรายวัน แน่นอนว่าย่อมมีดอกเบี้ยและความเสี่ยงตามมา แต่ส่วนใหญ่จะใช้กับการลงทุนที่ความเสี่ยงต่ำ
เช่นในตลาด Forex ที่เทรดเดอร์ทำการซื้อขายทั้ง Buy และ Sell คล้าย ๆ กับ hedging แต่แตกต่างโบรกเกอร์ โดยเลือกคู่ที่จะได้ส่วนต่างดอกเบี้ยหรือค่า Swap เท่านั้น และทำการโยกเงินทุนให้เหมาะสมเพื่อความปลอดภัยของพอร์ต
แม้การลงทุนในลักษณะนี้ อาจจะไม่ได้กำไรหวือหวา เมื่อเทียบกับเงินทุนที่ลงไป แต่การเป็นเทรดเดอร์เต็มเวลา ควรจะมีวิธีทำกำไรหลาย ๆ รูปแบบ ทั้งความเสี่ยงสูงและความเสี่ยงต่ำด้วยเช่นกัน
หลักการของลงทุนในรูปแบบ Carry Trade
- การกู้ยืมสกุลเงินที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำ (Low-yielding currency)
- นำสกุลเงินมาแปลงเป็นสกุลที่มีอัตตราดอกเบี้ยสูงกว่า (High-yielding currency)
- ลงทุนรับผลตอบแทนจากส่วนต่างของดอกเบี้ย (Interest rate differential)
- ทำกำไรเพิ่มเติมจากอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างสองสกุลเงิน
ตัวอย่าง Carry Trade
- สมุมิตให้สกุลเงินเยน (JPY) มีอัตราดอกเบี้ยต่ำ และให้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ USD มีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่า
- นักลงทุนทำการกู้ยืมสกุลเงินเยน (JPY) แล้วนำไปแปลงเป็นสกุลเงินดอลลาร์ (USD)
- จากนั้นนำเงินดอกลาร์สหรัฐ (USD) ไปลงทุนเพื่อหวังกำไรจากดอกเบี้ย
- อีกทั้งยังลุ้นให้ ดอลลาร์สหรัฐ (USD) แข็งค่าขึ้น เพื่อกินกำไรส่วนต่าง เมื่อเทียบกับเงินเยน (JPY) ในอนาคต
ปัจจัยใดบ้าง ที่มีผลต่อ Carry Trade
ภาพแสดงถึงปัจจัยที่ส่งผลต่อการทำ Carry Trade เช่น ดอกเบี้ยที่ส่งผลต่อกำไร อัตราแลกเปลี่ยนของสกุลเงิน และปัจจัยทางเศรษฐกิจที่ส่งผลต่อการอ่อนค่าหรือแข็งค่าหรือความผันผวนของสกุลเงิน
- อัตราดอกเบี้ย: เป็นปัจจัยหลักในการทำ Carry Trade เพราะเป็นตัวกำหนดผลตอบแทนของกลยุทธ์นี้ การเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยภายในประเทศ จะส่งผลโดยตรงต่อความน่าสนใจและความเสี่ยงของการทำ Carry Trade
- อัตราแลกเปลี่ยน: การเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน มีผลอย่างมากต่อผลกำไรขาดทุน เพราะการแข็งค่าของค่าเงิน จะยิ่งทำให้อัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น และจะได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้น ในระหว่างเดียวกันหากค่าเงินอ่อนลง ก็อาจจะส่งผลให้เกิดการขาดทุนแม้ว่าดอกเบี้ยจะสูงก็ตาม
- ปัจจัยทางเศรษฐกิจ: สภาวะทางเศรษฐกิจ ปัญหาทางการเมือง จะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน หากสภาวะเศรษฐกิจไร้ความเสถียรภาพ ย่อมทำให้เกิดความผันผวน นั่นหมายถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นตามมา
ความเสี่ยงของ Carry Trade
ภาพแสดงถึงความเสี่ยงของกลยุทธ์ Carry Trade แม้ความเสี่ยงจะต่ำ แต่นักลงทุนจะต้องรู้ว่ามีความเสี่ยงอะไรบ้าง อัตราแลกเปลี่ยน ดอกเบี้ย สภาพคล่อง และเลเวอเรจ
ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
ความผันผวนจากอัตราแลกเปลี่ยน เป็นความเสี่ยงหลักของการทำ Carry Trade เนื่องจากการเปลี่ยนแปลง ไม่เป็นไปตามคาดหวังเอาไว้ อาจจะทำให้เกิดความเสียหายได้ เช่น สกุลเงินที่มีอัตราดอกเบี้ยสูง เกิดการอ่อนค่าอย่างรวดเร็ว เป็นสาเหตุให้ผลกำไรจากดอกเบี้ย ลดตามลงไปด้วย คล้ายกับการกู้ดอกเบี้ยถูก ไปลงทุนกับดอกเบี้ยที่ถูกกว่า
ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของดอกเบี้ย
ดอกเบี้ย ถูกกำหนดโดยธนาคารกลางของประเภทนั้น ๆ ส่งผลโดยตรงกับดอกเบี้ยและค่าเงิน เช่น หากมีการประกาศปรับขึ้นดอกเบี้ย ในประเทศที่เป็นแหล่งกู้ยืม ย่อมส่งผลให้นักลงทุนมีต้นทุนที่สูงขึ้น ในระหว่างเดียวกัน มีการประกาศลดอัตราดอกเบี้ยในแหล่งที่ลงทุน ย่อมส่งผลกำไรที่ลดลงใช่เดียวกัน
ความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง
สภาพคล่องของสกุลเงินที่เลือกลงทุน เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จะต้องพิจารณา เพราะถ้าลงทุนในสกุลเงินที่มีสภาพคล่องต่ำ การทำการซื้อขายอาจจะไม่ได้ในราคาที่เสนอซื้อหรือเสนอขาย เกิดช่องว่างระหว่างราคาซื้อขายที่เพิ่มมากขึ้น เช่น ค่าสเปรดที่สูง ทำให้มีต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น
ความเสี่ยงจากการใช้เลเวอเรจ
เลเวอเรจ มักถูกใช้เพื่อเพิ่มขาดของเงินทุน ในการทำ Carry Trade เพื่อช่วยให้ได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้น แต่ก็ทำให้ความเสี่ยงเพิ่มสูงขึ้นเช่นเดียวกัน การใช้เลเวอเรจที่มากเกินไป และเมื่อตลาดเคลื่อนไหวในทิศทางที่ตรงกันข้ม อาจจะทำให้ขาดทุนหรือเกิดความเสียหายได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน
กลยุทธ์ในการทำ Carry Trade
การเลือกคู่สกุลเงิน
การเลือกคู่สกุลเงินเป็นพื้นฐานสำคัญ ในการทำ Carry Trade นักลงทุนจะต้องศึกษาดอกเบี้ยของแต่ละประเทศอย่างละเอียด เพื่อค้นหาสกุลเงินที่แตกต่างของอัตราดอกเบี้ยที่สุด และต้องพิจารณาถึงปัจจัยทางเศรษฐกิจในประเทศนั้น ๆ เพราะอาจจะส่งผลถึงการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจที่อาจจะส่งผลต่อการเคลื่อนที่ของราคา
การบริหารความเสี่ยง
การกำหนดความเสี่ยงล่วงหน้า ให้อยู่ในจุดที่ยอมรับได้ เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการทำ Carry Trade เพื่อช่วยลดความเสี่ยงจากความผันผวน เพื่อจำกัดให้อยู่ในจุดที่เหมาะสมกับเงินทุน
การติดตามสถานการณ์ตลาดอย่างใกล้ชิด
เศรษฐกิจ การเมือง ล้วนส่งผลต่อความเคลื่อนไหวของตลาด การติดตามข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงิน ย่อมเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ เพื่อให้สามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ หรือหลีกเลี่ยงสกุลเงินได้ตามความเหมาะสม
การใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิค
การใช้ปัจจัยทางเทคนิค เป็นเครื่องมือที่มีความสำคัย ที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถคาดการณ์แนวโน้มใของแต่ละคู่เงิน กำหนดจุดเข้าออกให้เอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งสามารถใช้ควบคู่ไปกับปัจจัยพื้นฐาน และการทำ Carry Trade ได้
Carry Trade ในตลาด Forex
เป็นกลยุทธ์ที่หลายคนเลือกใช้ โดยที่ไม่ได้ทำการกู้ยืมเงินจริง ๆ ในประเทศหนึ่ง และนำมาลงทุนอีกประเทศหนึ่ง โดยใช้การซื้อขายผ่านตลาด Forex เท่านั้น
วิธีที่หลายคนเลือกใช้ คือการซื้อหรือขายในสกุลเงินที่ได้เปรียบในส่วนของดอกเบี้ย ในระหว่างเดียวกันทำการซื้อขายขายสกุลเดียวกัน แตกต่างกันคือคนละโบรกเกอร์ และไม่สนว่ากราฟจะขึ้นหรือลง ขอเพียงส่วนต่างของดอกเบี้ยได้กำไรก็เพียงพอแล้ว
- ตลาด Forex: การเทรดคู่เงิน เช่น EUR/USD ถ้าออกคำสั่งซื้อ Buy นั่นคือเรากำลังซื้อ EUR และ ขาย USD ในเวลาเดียวกัน
- ดอกเบี้ย: นักลงทุนจะต้องจ่ายดอกเบี้ยในฝั่งที่ขาย (Sell) และจะได้รับดอกเบี้ยในฝั่งที่ซื้อ (Buy)
- เท่ากับว่า: ถ้า Buy จะต้องจ่ายดอกเบี้ย USD และรับดอกเบี้ย EUR แต่ถ้า Sell จะได้รับดอกเบี้ย USD และจ่ายดอกเบี้ย EUR
วิธีทำ Carry Trade ในตลาด Forex
- เลือกคู่เงิน: ที่มีส่วนต่างของดอกเบี้ยสูง เพื่อทำจะได้โอกาสทำกำไรที่เพิ่มมากยิ่งขึ้น
- เข้าซื้อขาย: ในคู่เงินส่วนต่างของดอกเบี้ยสูง
ตัวอย่างเช่น คู่เงิน EUR/USD
- โบรกเกอร์ A: คู่เงิน EUR/USD Swap Shot 0.43 และ Swap Long -0.68 ถ้าทำการ Buy (Long) จะได้ 0.43
- ในขณะที่โบรกเกอร์ B: คู่เงิน EUR/USD Swap Shot22 และ Swap Long -0.33 ถ้าทำการ Sell (Shot) จะเสีย -0.33
- เท่ากับว่า: ในแต่ละวัน จะได้รับดอกเบี้ย1
- ในระหว่างที่: นักลงทุนมีออเดอร์ Buy และ Sell ในราคาเดียวกัน คู่เงินเดียวกัน แตกต่างกันที่โบรกเกอร์ แม้ราคาขึ้นหรือลง นับเป็นการจำกัดความเสี่ยงจากการผันผวนหรือการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้
- ปัจจุบัน: มีหลาย ๆ โบรกเกอร์ที่นำเสนอ ฟรี Swap สามารถเลือกใช้บริการได้ ถือว่าไม่ผิดกติกา โดยเก็บดอกเบี้ย 1 โบรก และอีกโบรกเกอร์ไว้เพียงจำกัดความเสียง ก็จะทำให้ได้กำไรเหลือเยอะขึ้น
โบรกเกอร์แบบใดที่ทำได้บ้าง
การลงทุนด้วยกลยุทธ์นี้ หลาย ๆ โบรกเกอร์มีข้อจำกัด แต่ยังมีอีกหลาย ๆ โบรกเกอร์ที่สามารถทำได้ แม้กระทั่งทำกำไรในโบรกเกอร์เดียวกัน เพียงแต่จะหาคู่เงินที่น่าสนใจยากสักหน่อย
เครื่องมือที่เป็นประโยชน์
ภาพแสดงเครื่องมือที่เป็นประโยชน์ต่อการทำ Carry Trade คือ https://www.myfxbook.com/ ที่มีตารางเปรียบเทียบดอกเบี้ยในแต่ละโบรกเกอร์ เพื่อให้ง่ายต่อการหาคู่เงินและโบรกเกอร์ที่น่าสนใจ
ตารางเช็คค่า Swap ที่ใช้ฟรีและนำนำนั่นก็คือ myfxbook โดยเข้าไปที่ https://www.myfxbook.com/ จากนั้นเลือกไปที่เมนู Brokers และเลือกเมนูย่อย Forex Broker Swaps สามารถเลือกคู่เงินได้ตามตาราง ที่เปรียบเทียบค่า Swaps ของแต่ละโบรกเกอร์
สิ่งที่ต้องระวัง
- การเปลี่ยนแปลงของนโยบายดอกเบี้ย ส่งผลต่อตอบแทนของกำไรในคู่เงินที่กำลังเทรดอยู่
- ถ้าทุนไม่มากพอ หรือใช้ความเสี่ยงสูง อาจจะต้องโยกเงินจากโบรกเกอร์ B ไป A เพื่อรักษาพอร์ต แต่หากราคาเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว อาจทำการโยกย้ายไม่ทัน
- บางโบรกเกอร์ จับพฤติกรรมการลงทุนในลักษณะนี้ หรือบางโบรกเกอร์ไม่อนุญาตให้ใช้กลยุทธ์นี้ นักลงทุนจะต้องศึกษารายละเอียดของโบรกเกอร์ให้ดี ผิดกฎอาจจะถึงขั้นปิดบัญชีและยึดกำไรได้
- ค่าสเปรดของแต่ละโบรกเกอร์ มีความแตกต่างกัน นับเป็นต้นทุนอย่างหนึ่ง
เหมาะกับใคร
- ความเสี่ยงต่ำ: Carry Trade เป็นกลยุทธ์ที่มีความเสี่ยงต่ำ แต่จะต้องคัดเลือกคู่เงินให้ดี จากนั้นก็เก็บกำไรจากดอกเบี้ยยาว ๆ ได้ทุกวัน
- กระจายความเสี่ยง: ผู้ที่ต้องการกระจายความเสี่ยง จากกลยุทธ์ทำกำไรในรูปแบบอื่น ๆ
- ระบบทำกำไร: นับว่าเป็นกลยุทธ์ที่สามารถทำกำไรได้ แม้ผลตอบแทนอาจจะไม่ได้สูงเหมือนกับระบบหรือกลยุทธ์อื่น ๆ แต่ก็สามารถทำกำไรได้อย่างต่อเนื่องและแน่นอน
สรุป
Carry Trade เป็นกลยุทธ์ความเสี่ยงต่ำ ที่ทำกำไรจากดอกเบี้ยในแต่ละวัน วิธีทำกำไรนั้นไม่ยาก แต่ต้องอาศัยความเข้าใจ รวมไปถึงกระบวนการที่สำคัญตั้งแต่การ เลือกคู่เงิน เลือกโบรกเกอร์ และการบริหารจัดการพอร์ต เช่น การโยกย้าย โดยทุกอย่างจะต้องอยู่ภายใต้ความเสี่ยงที่กำหนด
จากนั้นก็จะสามารถปล่อยเก็บกำไรจากดอกเบี้ยได้ยาว ๆ ถ้าหากว่าคู่เงินนั้น ๆ ไม่มีเหตุการณ์ใด ๆ ที่จะสร้างความผันผวนให้ได้อย่างรุนแรงเช่น การปรับเปลี่ยนนโยบายดอกเบี้ย นับว่าเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่น่ามีไว้ติดพอร์ต เพื่อกระจายความเสี่ยงจากกลยุทธ์หลัก ได้อย่างดีทีเดียว
แหล่งอ้างอิง
- Carry Trade: Definition, How It Works, Example, and Risks
- What is a carry trade?
- บทเรียน ป.ตรี ปีที่ 1: เทรด forex ด้วยวิธี Carry Trade