Win Rate คืออะไร? ทำไมถึงสำคัญใน Forex

  • Win Rate รู้จักกันในนามของ “อัตราความสำเร็จในการเทรดคือ เปอร์เซ็นต์ของการเทรดที่ทำกำไรได้เทียบกับจำนวนการเทรดทั้งหมด สำคัญใน Forex เพราะช่วยวัดความสำเร็จ แต่ต้องพิจารณาร่วมกับ Risk-Reward Ratio (RRR) เพื่อความยั่งยืนในระยะยาว
  • คำที่ควรจำ “เทรด Forex เอาตังค์ ไม่ได้เทรดเอามัน ถ้าไม่คุ้มค่าอย่าเสี่ยง”

ทำไม Win Rate ถึงสำคัญ?

  • Win Rate สำคัญเพราะเป็นเครื่องมือวัดความสำเร็จเบื้องต้น ช่วยบ่งชี้สิ่งที่ต้องปรับปรุง เพื่อเพิ่มโอกาสทำกำไร แต่ไม่ใช่ตัวชี้วัดเดียว และ Win Rate สูงไม่ได้รับประกันกำไรเสมอไป ต้องพิจารณาขนาดของกำไรและขาดทุนในแต่ละการเทรดด้วย

ความหมายของ Win Rate

Win Rate หรือที่เรียกอีกอย่างว่าอัตราชนะ คือตัวเลขที่แสดงเป็นเปอร์เซ็นต์ซึ่งบ่งบอกถึงความสำเร็จในการเทรดของคุณ โดยคำนวณจากจำนวนการเทรดที่ทำกำไรได้หารด้วยจำนวนการเทรดทั้งหมด แล้วคูณด้วย 100% เพื่อแปลงเป็นค่าร้อยละ

  • เป็นตัวชี้วัดความแม่นยำและประสิทธิภาพของระบบเทรดและกลยุทธ์
  • Win Rate ไม่ได้บอกถึงขนาดของกำไรหรือขาดทุนในแต่ละครั้ง

ความหมายของ Risk-Reward Ratio

  • Risk-Reward Ratio หรือ RRR คือ อัตราส่วนระหว่างกำไรที่คาดหวัง (Reward) และความเสี่ยงที่ต้องรับ (Risk) ในการลงทุน
    • ยกตัวอย่างง่าย ๆ เช่น ถ้าคาดหวังกำไร 200 บาท แต่ยอมรับความเสี่ยงขาดทุนได้ 100 บาท RRR ของคุณคือ 2:1 นั่นเอง

ภาพตัวอย่าง การเทรดที่อยู่ภายในกฎ RR แน่นอนว่า RR ที่แนะนำจะต้องมากกว่า 2:1 ขึ้นไปเท่านั้น

Win Rate กับ Risk-Reward Ratio เกี่ยวข้องกันอย่างไร

  • ทั้งสองตัวนี้ทำงานร่วมกัน เพื่อกำหนดว่ากลยุทธ์การเทรดจะทำกำไรได้จริงหรือไม่ในระยะยาว
  • สูตรความสัมพันธ์: Win Rate ขั้นต่ำที่ต้องการ = 1 ÷ (1 + RRR)
  • ยิ่ง RRR สูง ยิ่งต้องการ Win Rate ต่ำลงในการทำกำไร

ตัวอย่างที่น่าสนใจ

  • ถ้า RRR = 1:1 คุณต้องมี Win Rate อย่างน้อย 50% ถึงจะไม่ขาดทุน
  • ถ้า RRR = 2:1 คุณต้องมี Win Rate อย่างน้อย 33.33% ถึงจะไม่ขาดทุน
  • ถ้า RRR = 3:1 คุณต้องมี Win Rate อย่างน้อย 25% ถึงจะไม่ขาดทุน

คำแนะนำสำคัญ: ถ้า Win Rate ต่ำ ควรมีค่า RRR ที่สูง แต่ถ้า Win Rate สูง ค่า RRR สามารถต่ำลงได้

วิธีคำนวณ Win Rate อย่างถูกต้อง

สูตรคำนวณ Win Rate

  • สูตรพื้นฐาน: Win Rate = (จำนวนเทรดที่ทำกำไร ÷ จำนวนเทรดทั้งหมด) × 100%
  • องค์ประกอบสำคัญของสูตร
    • จำนวนเทรดที่ทำกำไร = ทุกการเทรดที่ปิดด้วยกำไร
    • จำนวนเทรดทั้งหมด = การเทรดที่ทำกำไร + การเทรดที่ขาดทุน + การเทรดที่เท่าทุน (ถ้านับรวม)

ตัวอย่างการคำนวณ Win Rate ในการเทรดจริง

ตัวอย่างที่ 1: การคำนวณแบบพื้นฐาน

  • เทรดเดอร์ A เทรดทั้งหมด 50 ครั้ง (ทำกำไร 28 ครั้ง, ขาดทุน 22 ครั้ง)
  • Win Rate = (28 ÷ 50) × 100% = 56% หมายถึง มีโอกาสชนะมากกว่าแพ้เล็กน้อย
  • เทรดเดอร์ A มี Win Rate ที่ 56% ซึ่งถือว่าดีกว่าโอกาสสุ่มเล็กน้อย
  • ดีกว่าโอกาสสุ่ม (50%) แสดงว่าระบบการเทรดมีประสิทธิภาพในระดับพื้นฐาน
  • การทำกำไรในระยะยาว ยังขึ้นอยู่กับขนาดของกำไรและขาดทุนในแต่ละครั้งด้วย

ตัวอย่างที่ 2: การคำนวณโดยแยกตามกลยุทธ์ 

  • เทรดเดอร์ B ใช้กลยุทธ์ Breakout 30 ครั้ง (ชนะ 12 ครั้ง, แพ้ 18 ครั้ง)
  • ใช้กลยุทธ์ Trend Following 20 ครั้ง (ชนะ 14 ครั้ง, แพ้ 6 ครั้ง)
  • Win Rate (Breakout) = (12 ÷ 30) × 100% = 40%
  • Win Rate (Trend Following) = (14 ÷ 20) × 100% = 70%
  • สรุป: กลยุทธ์ Trend Following มีประสิทธิภาพสูงกว่า จึงควรใช้กลยุทธ์นี้มากขึ้น

ตัวอย่างที่ 3: เปรียบเทียบ Win Rate กับ Risk-Reward Ratio

  • เทรดเดอร์ C มี Win Rate 35% (ชนะ 7 ครั้ง, แพ้ 13 ครั้ง)
  • แต่ในการเทรดที่ชนะ เฉลี่ยได้กำไร 300 เหรียญต่อครั้ง
  • ในการเทรดที่แพ้ เฉลี่ยขาดทุน 100 เหรียญต่อครั้ง
  • กำไรรวม = 7 × 300 = 2,100 เหรียญ
  • ขาดทุนรวม = 13 × 100 = 1,300 เหรียญ
  • ผลลัพธ์สุทธิ = +800 เหรียญ
  • สรุป: ถึงแม้ Win Rate จะต่ำที่ 35% แต่ด้วย RRR ที่ดี (3:1) ทำให้ยังสามารถทำกำไรได้

สิ่งที่เทรดเดอร์เข้าใจผิดเกี่ยวกับ Win Rate

ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ Win Rate

  • ความเข้าใจผิดที่ Win Rate 100% คือเป้าหมายสูงสุด
    • ความจริง: การไล่ล่า Win Rate สูงมักทำให้ปิดกำไรเร็วเกินไป ได้กำไรน้อย ไม่คุ้มค่าในระยะยาว
  • ความเข้าใจผิดที่ Win Rate ต่ำแปลว่าเทรดแย่
    • ความจริง: เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จหลายคนมี Win Rate เพียง 30-40% แต่มี RRR ที่ดีมาก สิ่งสำคัญคือผลลัพธ์รวม ไม่ใช่ Win Rate เพียงอย่างเดียว
  • ความเข้าใจผิดที่ Win Rate คงที่ตลอดเวลา
    • ความจริง: Win Rate แปรผันตามสภาวะตลาดและปัจจัยภายนอก ควรคำนวณในหลายช่วงเวลาและหลายสภาวะตลาด

Win Rate สูง = กำไรเยอะจริงหรือ?

  • Win Rate สูงไม่ได้รับประกันกำไรที่มาก หากกำไรต่อครั้งน้อยกว่าขาดทุนต่อครั้ง

ตัวอย่าง: เทรดเดอร์มี Win Rate สูงถึง 70% แต่ขาดทุนเพราะ…

  • RRR แย่ = 1:3 (กำไร $50 : ขาดทุน $150)
  • ผลรวม = ขาดทุน $1,000 
    • กำไร: 70 ครั้ง × $50 = $3,500
    • ขาดทุน: 30 ครั้ง × $150 = $4,500
  • การมุ่งเน้นเพิ่ม Win Rate โดยไม่คำนึงถึง Risk-Reward Ratio อาจนำไปสู่การขาดทุนในระยะยาว แม้อัตราชนะจะสูงก็ตาม

ทำไมบางกลยุทธ์ Win Rate ต่ำแต่ยังทำกำไรได้

  • กลยุทธ์ที่มี Risk-Reward Ratio สูงสามารถทำกำไรได้แม้ Win Rate ต่ำ ดังนี้

ตัวอย่าง: เทรดเดอร์มี Win Rate เพียง 30% (ชนะแค่ 30 ครั้งจาก 100 ครั้ง) แต่ทำกำไรได้เพราะ…

  • RRR ดี = 3:1 (กำไร $300 : ขาดทุน $100)
  • ผลรวม = กำไร $2,000 
    • กำไร: 30 ครั้ง × $300 = $9,000
    • ขาดทุน: 70 ครั้ง × $100 = $7,000

หลักสำคัญ: Win Rate ขั้นต่ำ = 1 ÷ (1 + RRR)

  • RRR 3:1 ต้องการ Win Rate เพียง 25% ก็ทำกำไรได้
  • เทรดเดอร์มืออาชีพมักใช้ Win Rate 40-45% คู่กับ RRR 3:1 ขึ้นไป

 

วิธีเพิ่ม Win Rate ให้สูงขึ้น

การเลือกกลยุทธ์การเทรดที่เหมาะสม

  • เลือกตามบุคลิกตัวเอง ไม่ใช่ลอกเลียนคนอื่น 
  • ปรับกลยุทธ์ตามสภาวะตลาด และระบุจุดเข้าเทรดที่ชัดเจน
    • Trend Following – เหมาะกับตลาดที่มีทิศทางชัดเจน
    • Range Trading – เหมาะกับตลาดที่เคลื่อนไหวในกรอบ
  • เลือกตามเป้าหมาย
    • Scalping/Day Trading – Win Rate สูง แต่ RRR ต่ำ
    • Position/Swing Trading – Win Rate ต่ำ แต่ RRR สูง

การปรับ Risk-Reward Ratio ให้เหมาะกับ Win Rate

ตัวอย่างภาพนี้แสดงให้เห็นว่าการปรับ RRR ที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับ Win Rate ของคุณ ซึ่งมีหลักการสำคัญคือ

การปรับ RRR ตามค่า Win Rate คือ

  • หลักการสำคัญ: Win Rate ขั้นต่ำที่ต้องการ = 1 ÷ (1 + RRR)

เลือก RRR ตามอัตราชนะของคุณ คือ

  • Win Rate < 40% 
    • ใช้ RRR ≥ 2:1
    • ตัวอย่าง: เสี่ยง 50 pips ต้องตั้งเป้ากำไร 100 pips
    • ต้องการ Win Rate เพียง 33%
    • เหมาะสำหรับการเทรดน้อยครั้งแต่ทำกำไรมากต่อครั้ง
  • Win Rate 50-60% 
    • ใช้ RRR 1:1 ถึง 2:1
    • ตัวอย่าง: เสี่ยง 30 pips ตั้งเป้ากำไร 30-60 pips
    • สร้างสมดุลระหว่างโอกาสชนะและขนาดกำไร
  • Win Rate > 60% 
    • อาจใช้ RRR < 1:1 ได้
    • ต้องมั่นใจในความสม่ำเสมอของอัตราชนะ

การใช้ Backtest เพื่อตรวจสอบประสิทธิภาพ

Backtest คือ การทดสอบกลยุทธ์การเทรดกับข้อมูลราคาในอดีต เปรียบเสมือน “ย้อนเวลา” เพื่อทดลองใช้กลยุทธ์โดยไม่ต้องเสี่ยงเงินจริง

ทำไมการทำ Backtest จึงสำคัญ?

  • การทำ Backtest สำคัญเพราะช่วยให้คุณทดสอบประสิทธิภาพกลยุทธ์การเทรดก่อนใช้เงินจริง

กระบวนการทำ Backtest

การทดสอบกลยุทธ์เดียวกัน ในหลากหลายสภาวะตลาด

ผลการทดสอบกลยุทธ์ในตลาดต่างกัน 3 แบบ

  • ตลาดขาขึ้น: Win Rate 62%, Expectancy +37 pips, Max Drawdown 15%
  • ตลาดขาลง: Win Rate 35%, Expectancy -13 pips, Max Drawdown 28%
  • ตลาดแนวราบ: Win Rate 48%, Expectancy +5 pips, Max Drawdown 22%
  • เห็นได้ชัดว่า ไม่มีกลยุทธ์ไหนที่ใช้งานได้ดีในทุกสภาวะตลาด เราต้องควบคุมทั้ง 3 สิ่งสำคัญ คือ Win Rate, Risk Reward Ratio, และ Max Drawdown เพื่อให้พอร์ตเติบโตได้ในระยะยาว

สรุปและข้อแนะนำในการใช้ Win Rate ใน Forex

สรุปการใช้ Win Rate ใน Forex Trading

  • Win Rate คือ ตัวชี้วัดความสำเร็จ ที่คำนวณจากจำนวนเทรดที่ทำกำไรได้หารด้วยจำนวนเทรดทั้งหมด แสดงเป็นเปอร์เซ็นต์
  • Win Rate ไม่ได้บอกทุกอย่าง: เทรดเดอร์ที่มี Win Rate 40% อาจทำกำไรได้มากกว่าเทรดเดอร์ที่มี Win Rate 70% หากมี Risk-Reward Ratio (RRR) ที่ดีกว่า
  • หัวใจสำคัญ คือ ความสัมพันธ์ระหว่าง Win Rate และ RRR ซึ่งคำนวณจากสูตร: Win Rate ขั้นต่ำที่ต้องการ = 1 ÷ (1 + RRR)
  • เทรดเดอร์ระดับโลกส่วนใหญ่มี Win Rate อยู่ระหว่าง 40-60% แต่มี RRR ที่ดีมาก จึงสามารถทำกำไรได้อย่างสม่ำเสมอ
  • ปัจจัยทางจิตวิทยามีผลต่อ Win Rate – ความกลัวการขาดทุนอาจทำให้ปิดกำไรเร็วเกินไป หรือลังเลในการเปิดออร์เดอร์
  • Win Rate ที่ดีที่สุด คือ Win Rate ที่ทำให้คุณสบายใจและสามารถทำกำไรได้ในระยะยาว โดยไม่จำเป็นต้องเป็นตัวเลขที่สูงที่สุด

FAQ – ทุกเรื่องที่ต้องรู้เกี่ยวกับ Win Rate

Win Rate 40-60% คือค่าเฉลี่ยของเทรดเดอร์ระดับโลก ที่ประสบความสำเร็จ ไม่ต้องสูงเวอร์ เพราะจุดสำคัญไม่ได้อยู่ที่เปอร์เซ็นต์ชนะ แต่อยู่ที่การจัดการเงินทุนและ Risk-Reward Ratio
ขาดทุนได้แน่นอน ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ Jesse Livermore เทรดเดอร์ยุคเก่าที่เคยทำกำไรจนรวยสุดๆ แต่ก็ล้างพอร์ตเพราะขาดการจัดการความเสี่ยง Win Rate สูงไม่มีความหมายถ้าขนาดขาดทุนใหญ่เกินไป หนทางที่จะไม่ขาดทุนคือ Win Rate 100% ซึ่งเป็นไปไม่ได้ 
RRR สำคัญกว่า Win Rate เพราะเทรดเดอร์ที่มี Risk-Reward Ratio ที่ดี (เช่น 3:1) สามารถทำกำไรได้แม้จะมี Win Rate เพียง 25% ในขณะที่เทรดเดอร์ที่มี RRR ต่ำ (เช่น 1:2) ต้องมี Win Rate สูงถึง 67% จึงจะไม่ขาดทุน
Win Rate 90% เป็นไปได้ในทางทฤษฎี แต่แทบเป็นไปไม่ได้ที่จะรักษาไว้ในระยะยาว แต่ไม่ควรหลงเชื่อหรือพยายามไขว่คว้าหา Win Rate 90% ให้มุ่งเน้นที่ระบบการเทรดที่มีความสมดุลระหว่าง Win Rate และ Risk-Reward Ratio จะดีกว่า
Win Rate ต่ำกว่า 50% ยังทำกำไรได้ หากมี Risk-Reward Ratio (RRR) ที่ดีพอ ส่วนใหญ่เทรดเดอร์มืออาชีพหลายคนใช้กลยุทธ์ Win Rate ต่ำ + RRR สูง แต่ต้องมีวินัยและจิตใจที่เข้มแข็ง

 

เขียนโดย

Pakornkiat Poonsuk

ผู้ตรวจทานความถูกต้อง

Chonthicha Poomidon