PayPal คืออะไร?
PayPal คือ ระบบชำระเงินออนไลน์ระดับโลกที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการรับและจ่ายเงินผ่านอินเทอร์เน็ต เปรียบเสมือนกระเป๋าเงินดิจิทัลที่ช่วยให้การทำธุรกรรมการเงินสะดวกและปลอดภัยมากขึ้น
- ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการชำระเงินออนไลน์ โดยเชื่อมโยงบัตรเครดิต เดบิต และบัญชีธนาคารเข้าด้วยกัน ช่วยให้ผู้ใช้ไม่ต้องกรอกข้อมูลบัตรซ้ำๆ ทุกครั้งที่ช็อปปิ้งออนไลน์
- รองรับการโอนเงินระหว่างประเทศได้สะดวกและรวดเร็ว เพียงใช้อีเมลหรือเบอร์โทรศัพท์ของผู้รับ โดยสามารถใช้งานได้ในกว่า 200 ประเทศทั่วโลก และรองรับมากกว่า 25 สกุลเงิน
- มีระบบรักษาความปลอดภัยระดับสูง ด้วยการเข้ารหัสข้อมูลทุกธุรกรรม พร้อมระบบป้องกันการฉ้อโกงและนโยบายคุ้มครองผู้ซื้อ ทำให้การซื้อขายออนไลน์ปลอดภัยมากขึ้น
- ให้บริการทั้งสำหรับบุคคลทั่วไปและธุรกิจ โดยไม่มีค่าธรรมเนียมแรกเข้าหรือรายปี พร้อมแอปพลิเคชั่นบนมือถือที่ใช้งานง่าย สะดวกในการติดตามยอดเงินและประวัติการทำธุรกรรม
ทำไมถึงต้องเลือกใช้ PayPal
ในยุคที่การช็อปปิ้งออนไลน์กำลังเฟื่องฟู PayPal เข้ามาเปลี่ยนโฉมหน้าการชำระเงินให้สะดวกและปลอดภัยยิ่งขึ้น เปรียบเสมือนกระเป๋าเงินดิจิทัลที่คุณสามารถพกพาไปได้ทุกที่ทั่วโลก
- ระบบความปลอดภัยระดับโลกและมีนโยบายความคุ้มครอง เมื่อคุณช้อปออนไลน์ ความปลอดภัยคือ สิ่งสำคัญที่สุด PayPal ใช้ระบบเข้ารหัสข้อมูลขั้นสูง พร้อมทีมงานคอยตรวจสอบธุรกรรมต้องสงสัยตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ต้องกังวลเรื่องข้อมูลบัตรรั่วไหลอีกต่อไป
- ช็อปปิ้งสะดวก จ่ายเงินง่ายในคลิกเดียว ลืมการพิมพ์ข้อมูลบัตรซ้ำๆ ทุกครั้งที่ช้อปไปได้เลย เพราะ PayPal รวมบัตรทุกใบของคุณไว้ในที่เดียว แถมยังได้รับคะแนนสะสมจากบัตรเครดิตเหมือนเดิม ช้อปง่าย สบายกระเป๋า
- เชื่อมโยงการเงินทั่วโลก ไม่ว่าคุณจะอยู่มุมไหนของโลก PayPal ก็พร้อมให้บริการในกว่า 200 ประเทศ รองรับหลากหลายสกุลเงิน ทั้งช็อปของจากต่างประเทศหรือโอนเงินข้ามประเทศก็ทำได้ง่ายๆ
- นโยบายคุ้มครองผู้ซื้อที่อุ่นใจ หมดกังวลเรื่องโดนโกง เพราะ PayPal มีนโยบายคุ้มครองผู้ซื้อ หากไม่ได้รับสินค้าหรือสินค้าไม่ตรงปก คุณมีสิทธิ์ได้รับเงินคืนเต็มจำนวน รวมค่าจัดส่ง
- เริ่มต้นใช้งานฟรี ไม่มีค่าธรรมเนียมซ่อน สมัครบัญชีส่วนบุคคลฟรี ไม่มีค่าธรรมเนียมรายปี เริ่มใช้งานได้ทันทีหลังลงทะเบียน ทั้งช็อปออนไลน์ โอนเงิน หรือรับเงินจากต่างประเทศ
ด้วยความสะดวก ปลอดภัย และความน่าเชื่อถือระดับโลก ทำให้ PayPal เป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ สำหรับการทำธุรกรรมออนไลน์ในปัจจุบัน
ใช้ทำอะไรได้บ้าง
PayPal ไม่ได้เป็นแค่ระบบชำระเงินออนไลน์ทั่วไป แต่เป็นเหมือนเครื่องมือทางการเงินอเนกประสงค์ที่ช่วยให้ชีวิตเราง่ายขึ้นทั้งในเรื่องการช้อปปิ้ง การโอนเงิน การรับชำระเงิน และการบริหารจัดการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ มาดูกันว่า PayPal ทำอะไรได้บ้าง และจะช่วยให้เราสะดวกขึ้นได้อย่างไร
ช้อปปิ้งออนไลน์ทั่วโลกแบบไร้กังวล
PayPal คือ ตัวช่วยชั้นดีสำหรับคนที่ชอบช้อปปิ้งออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ยักษ์ใหญ่ระดับโลกอย่าง Amazon, eBay หรือแพลตฟอร์มในไทยอย่าง Lazada ก็ใช้ PayPal เป็นตัวชำระเงินได้สบายๆ โดยไม่ต้องกรอกข้อมูลบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตซ้ำๆ ทุกครั้งที่ซื้อของ แค่ล็อกอินเข้าบัญชี PayPal ก็จ่ายเงินได้ทันที ที่สำคัญคือ PayPal รองรับการชำระเงินในกว่า 200 ประเทศ ทำให้เราซื้อของจากเว็บต่างประเทศได้อย่างมั่นใจ
โอนเงินข้ามประเทศได้ง่ายๆ แค่รู้อีเมลหรือเบอร์โทร
ถ้าต้องการโอนเงินให้เพื่อนหรือครอบครัวที่อยู่ต่างประเทศ PayPal ช่วยได้โดยไม่ต้องยุ่งยากกับการเปิดเผยข้อมูลบัญชีธนาคาร แค่รู้อีเมลหรือเบอร์โทรศัพท์ของคนที่ต้องการโอนเงินให้ ก็สามารถส่งเงินได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย เหมาะสำหรับคนที่ต้องส่งเงินไปต่างประเทศบ่อยๆ หรือต้องการช่วยเหลือคนใกล้ชิดแบบเร่งด่วน
รับชำระเงินจากลูกค้าทั่วโลกอย่างมั่นใจ
สำหรับคนที่ขายของออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นร้านเล็กๆ หรือธุรกิจขายสินค้าระดับโลก PayPal เป็นตัวช่วยที่ทำให้การรับเงินจากลูกค้าง่ายและปลอดภัยขึ้น ระบบของ PayPal รองรับการรับเงินจากลูกค้าในต่างประเทศได้อย่างราบรื่น พร้อมมีระบบคุ้มครองผู้ขายในกรณีที่ส่งสินค้าแล้ว แต่ลูกค้ายังไม่ได้รับสินค้าหรือมีปัญหาใดๆ นอกจากนี้ยังสามารถถอนเงินเข้าบัญชีธนาคารได้สะดวก ทำให้บริหารเงินได้อย่างคล่องตัว
ใช้เป็นกระเป๋าเงินดิจิทัลและบริหารเงินได้ง่ายๆ
PayPal ยังทำหน้าที่เป็นกระเป๋าเงินออนไลน์ที่ช่วยให้เราบริหารเงินได้อย่างเป็นระบบ สามารถเก็บยอดเงินคงเหลือไว้ในบัญชี PayPal ได้เลย หรือจะผูกบัญชีธนาคารและบัตรเครดิตหลายๆ ใบไว้ในบัญชีเดียวก็ได้ ทำให้ไม่ต้องเสียเวลากรอกข้อมูลบัตรทุกครั้งที่ชำระเงิน นอกจากนี้ PayPal ยังมีระบบบันทึกประวัติการใช้งาน ทำให้เราติดตามรายการการใช้จ่ายได้ง่าย ช่วยให้วางแผนการเงินได้ดีขึ้น
PayPal (เพพาล) คู่มือการใช้งาน ฝากถอน โอน แบบละเอียด [ฉบับ 2025]
คู่มือวิธีลงทะเบียนเปิดบัญชี
การลงทะเบียนเปิดบัญชีทำได้ง่ายๆ ดังนี้
- สามารถสมัครใช้งาน PayPal ได้อย่างสะดวกระหว่างขั้นตอนชำระเงินบนร้านค้าออนไลน์ที่รองรับ PayPal
- ให้เลือก PayPal เป็นวิธีการชำระเงิน
- ระบบจะนำไปยังหน้าเว็บไซต์ที่มีความปลอดภัยของ PayPal เพื่อกรอกข้อมูลส่วนตัวและรายละเอียดบัญชี
- บนเว็บไซต์ PayPal
ขั้นตอนที่ 1: เลือกประเภทบัญชี
- สามารถลงทะเบียนเปิดบัญชีบนเว็บไซต์ได้
- เพียงแค่เลือก “สมัครสมาชิก”
ขั้นตอนที่ 2: สร้างรายละเอียดการเข้าสู่ระบบ
- แจ้งที่อยู่อีเมลและรหัสผ่านที่ต้องการใช้
- กรอกข้อมูลเหล่านี้ เพราะคุณจะต้องใช้อีก ในการเข้าใช้งานบัญชีในอนาคต
- คุณจึงต้องเลือกรหัสผ่านที่มีเพียงคุณเท่านั้นที่รู้
- สำหรับผู้ที่สร้างบัญชีธุรกิจไว้ก่อนแล้ว คุณจะต้องสร้างบัญชีใหม่โดยใช้ที่อยู่อีเมล บัญชีธนาคาร และบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตส่วนตัว
- แต่สำหรับผู้ที่ยังไม่มีบัญชีธุรกิจ คุณจะสามารถ อัปเกรดบัญชีบุคคลทั่วไปเป็นบัญชีธุรกิจได้อีกด้วย
ขั้นตอนที่ 3: บอกเล่าเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวคุณ
- กรอกข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติม เช่น ชื่อ วันเกิด ที่อยู่ และข้อมูลติดต่อของคุณ
- ตรวจสอบให้แน่ใจว่ารายละเอียดตรงกับในบัตรประชาชนไทยของคุณ
- และอย่าลืมทำเครื่องหมายในกล่องยอมรับข้อกำหนดและเงื่อนไข
ขั้นตอนที่ 4: เชื่อมโยงบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตของคุณ
- การเพิ่มบัตรเครดิตหรือเดบิตลงในบัญชี PayPal จะช่วยประหยัดเวลาเมื่อช้อปออนไลน์ ทั้งยังช่วยปกป้องข้อมูลทางการเงินและการซื้อจากผู้ที่อาจประสงค์ร้าย
- คุณสามารถเชื่อมโยงบัตรเครดิตหรือเดบิตของคุณเพื่อเริ่มช้อปได้ทันที
ขั้นตอนที่ 5: ยืนยันที่อยู่อีเมลของคุณ
- ทันทีที่สร้างบัญชีเสร็จสิ้น จะส่งอีเมลถึงคุณเพื่อยืนยันที่อยู่อีเมลของคุณ
- นอกจากนี้ จะส่งอีเมลถึงคุณทุกครั้งที่คุณทำการชำระเงิน เพื่อให้คุณติดตามการช้อปได้โดยง่ายอีกด้วย
คู่มือ การยืนยันตัวตน (ทางอีเมล)
- คุณจะได้รับอีเมลยืนยันการสมัคร PayPal ให้คลิก “คลิกที่นี่เพื่อเปิดใช้บัญชีของคุณ”
- คลิก “ใช่ นี่คือที่อยู่อีเมลของฉัน” เพื่อยืนยันตัวตนและอีเมลอีกครั้ง
- ระบบจะให้คุณป้อนรหัสผ่านเพื่อยืนยันอีเมล
- เมื่อเสร็จขั้นตอนการยืนยันตัวตนการยืนยันความถูกต้องของอีเมล และรหัสผ่านเรียบร้อยแล้ว ระบบจะให้คุณเริ่มดำเนินการตั้งค่าการใช้งานต่างๆ ได้
*หมายเหตุ: เนื่องจากการสมัครสมาชิก และเปิดใช้บัญชี PayPal ไม่มีการขอเอกสารใดๆ ในการสมัครขั้นต้น ดังนั้น การยืนยันตัวตนทางอีเมล และการยืนยันบัญชีธนาคารของคุณ (ในหน้าถัดไป) ถือเป็นขั้นตอนสำคัญในด้านความปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน หากท่านไม่ได้ทำการยืนยันตัวตน และบัญชีธนาคาร จะทำให้บัญชียังไม่สามารถใช้งาน หรือรับเงินจากผู้ซื้อได้
คู่มือ วิธีเชื่อมโยงบัตรเครดิตหรือเดบิตเข้ากับ PayPal
หลังจากสมัครบัญชี PayPal เรียบร้อยแล้ว การเชื่อมต่อบัตรเครดิตหรือเดบิตเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะทำให้การใช้งานสะดวกขึ้น
- เมื่อเชื่อมต่อบัตรกับ PayPal คุณจะได้รับประโยชน์หลายอย่าง – ไม่ต้องพิมพ์ข้อมูลบัตรซ้ำทุกครั้งที่ช็อป ข้อมูลบัตรของคุณจะถูกเก็บไว้อย่างปลอดภัยและไม่ถูกเปิดเผยให้ร้านค้า
- PayPal จะคอยตรวจสอบธุรกรรมที่น่าสงสัยตลอด 24 ชั่วโมง และส่งใบเสร็จให้คุณทางอีเมลทุกครั้งที่มีการใช้จ่าย
- การใช้จ่ายผ่าน PayPal ไม่มีค่าธรรมเนียมพิเศษ (ยกเว้นการแปลงสกุลเงินต่างประเทศ) คุณยังได้รับคะแนนสะสมจากบัตรเครดิตตามปกติ พร้อมการคุ้มครองผู้ซื้อจาก PayPal
ขั้นตอนที่ 1: เชื่อมโยงจากแดชบอร์ดของ PayPal
- หลังจากเข้าสู่ระบบเรียบร้อยแล้ว ให้มองหา “ปุ่มเชื่อมโยงบัตรเครดิต” บนแดชบอร์ดของบัญชี แล้วคลิกที่ปุ่มนี้
ขั้นตอนที่ 2: ป้อนรายละเอียดบัตรเครดิตหรือเดบิต
- เลือกประเภทบัตรและแจ้งรายละเอียดบัตรตามที่ปรากฏบนบัตรธนาคารตัวจริง เมื่อดำเนินการเรียบร้อยแล้ว ให้คลิกบันทึก
- ระบบจะนำคุณไปยังเว็บไซต์ของธนาคาร เพื่อยืนยันความถูกต้องของบัตร
- หลังจากป้อนรหัสผ่านแบบใช้ครั้งเดียว
- ธนาคารจะส่งข้อมูล เพื่อยืนยันบัตรของคุณ เพียงเท่านี้ก็เรียบร้อยแล้ว
ขั้นตอนที่ 3: เพิ่มบัตรเครดิตหรือเดบิตใบใหม่
- การใช้ PayPal ไม่ได้ทำให้คุณสูญเสียสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมของบัตรแต่เลย แต่ความจริงแล้วบัญชีของคุณจะช่วยให้คุณหยิบเลือกบัตรที่ให้คะแนนรางวัล เป็นแต้มสะสม ได้ตามต้องการ
- สิ่งที่คุณต้องทำก็แค่ เชื่อมโยงบัตรแต่ละใบเพียงครั้งเดียว ก็สามารถนำไปใช้ได้ตามปกติแล้ว
ลบบัตรเครดิตหรือเดบิต
- เมื่อต้องการจะลบบัตรเครดิตหรือเดบิต หรือมีการเปลี่ยนแปลงบัตรใบใหม่
- เข้าไปที่หน้าเดิมในส่วนวิธีการชำระเงิน แล้วเลือกบัตรที่ต้องการลบ
- จากนั้นคลิกแก้ไข แล้วเลือกลบบัตร เสร็จเรียบร้อย
- บัตรของคุณก็ไม่เชื่อมโยงกับบัญชี PayPal แล้ว
ต้องทำอะไรในขั้นตอนต่อไป
- หลังจากเชื่อมโยงบัญชีเข้ากับบัตรเครดิตหรือเดบิต ก็สามารถนำไปใช้ได้เวลาช้อปสินค้า จากร้านค้าอื่นๆ มากมายทั่วโลก
- อย่าลืมว่าคุณมีสิทธิ์ได้รับการคุ้มครองผู้ซื้อ# เมื่อชำระเงินด้วย PayPal ทั้งยังสามารถรับชำระเงินจากบุคคลอื่นได้หากคุณได้เชื่อมโยงบัญชีธนาคารไว้ อีกด้วย
คู่มือ วิธีเชื่อมโยงบัญชีธนาคารเข้ากับ PayPal
ขั้นตอนที่ 1: เชื่อมโยงบัญชีธนาคารใหม่
- เมื่อจะเริ่มเชื่อมโยงบัญชีธนาคารใหม่ ให้มองหาปุ่ม “กระเป๋าสตางค์” ที่แถบด้านบนสุด ซึ่งจะนำคุณไปยังภาพรวมของยอดคงเหลือในบัญชี PayPal ปัจจุบัน รวมถึงบัตรเครดิตหรือเดบิตที่เชื่อมโยงไว้
- จากนั้นก็แค่คลิกเชื่อมโยงบัญชีธนาคาร เพื่อเริ่มดำเนินการอื่นๆ
ขั้นตอนที่ 2: เพิ่มรายละเอียดบัญชีธนาคาร
ในการเชื่อมต่อบัญชีธนาคารกับ PayPal คุณต้องระบุข้อมูลธนาคารให้ครบถ้วน ได้แก่
- ประเทศที่เปิดบัญชีธนาคาร
- ชื่อธนาคารและที่ตั้งสาขา
- รหัสธนาคารและรหัสสาขา
- เลขที่บัญชีธนาคาร
- สิ่งสำคัญคือ ชื่อในบัญชีธนาคารต้องตรงกับชื่อที่ใช้สมัคร PayPal มิฉะนั้นอาจมีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมเมื่อถอนเงิน
- ก่อนยืนยันการเชื่อมต่อ โปรดตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลทั้งหมดอีกครั้ง เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในภายหลัง
ขั้นตอนที่ 3: ยืนยันบัญชีธนาคาร
เมื่อคุณเชื่อมต่อบัญชีธนาคารกับ PayPal เรียบร้อยแล้ว ระบบจะทำการตรวจสอบความถูกต้องดังนี้
- PayPal จะฝากเงินทดสอบ 2 รายการเข้าบัญชีธนาคารของคุณ โดยแต่ละรายการจะมีจำนวนระหว่าง 0.01 – 0.99 บาท และจะส่งอีเมลแจ้งให้คุณทราบ เงินจะเข้าบัญชีภายใน 2-3 วันทำการ
- เมื่อคุณเห็นยอดเงินในบัญชีแล้ว ให้คลิกลิงก์ในอีเมลเพื่อกลับไปที่เว็บไซต์ PayPal และยืนยันจำนวนเงินที่ได้รับ
หลังยืนยันเสร็จสิ้น คุณจะสามารถ
- ใช้บัญชีนี้ชำระเงินซื้อสินค้าออนไลน์
- ถอนเงินจาก PayPal เข้าบัญชีธนาคารได้เต็มจำนวน
คู่มือวิธีถอนเงินจาก PayPal เข้าบัญชีธนาคาร
คุณสามารถถอนเงินจากบัญชี PayPal เข้าบัญชีธนาคารได้ง่ายๆ ตามขั้นตอนนี้
- เข้าสู่ระบบ PayPal และไปที่หน้ากระดานควบคุม
- คลิกที่ “ถอนเงิน” ทางด้านซ้ายของหน้าจอ
- ใส่จำนวนเงินที่ต้องการถอน
- คลิก “ดำเนินการต่อ”
- ตรวจสอบรายละเอียดให้ถูกต้องก่อนกด “ถอนเงิน”
การถอนเงินจากบัญชี PayPal
- ไปที่กระเป๋าสตางค์
- คลิก โอนเงิน
- คลิก โอนเงินไปยังบัญชีธนาคารของคุณ
- ปฏิบัติตามคำแนะนำ
วิธีการถอนเงินผ่านแอป
- แตะยอดคงเหลือในบัญชี PayPal ของคุณ
- แตะ โอนเงิน
- ปฏิบัติตามคำแนะนำ
คำแนะนําเกี่ยวกับการถอนเงินจากบัญชี PayPal
- ปกติแล้ว การถอนเงินไปยังบัญชีธนาคารของคุณจะเสร็จสิ้นภายใน 7 วันทำการ
- จํานวนเงินขั้นต่ำที่คุณสามารถถอนได้คือ 360 บาท โดยจะมีค่าธรรมเนียม ถ้าคุณถอนเงินน้อยกว่า 5,000 บาท และจะไม่มีค่าธรรมเนียมถ้าคุณถอนเงินตั้งแต่ 5,000 บาทขึ้นไป
- เมื่อคุณได้ขอถอนเงินจากบัญชี PayPal แล้ว คุณไม่สามารถยกเลิกได้
- ถ้าการโอนเงินเสร็จสมบูรณ์ และคุณต้องการเงินในบัญชี PayPal คุณสามารถเพิ่มเงินกลับเข้าไปได้
- เช็คค่าธรรมเนียมประเทศไทย
- รองรับเฉพาะการโอนเงินในสกุลเงินท้องถิ่นเท่านั้น ถ้าคุณถอนเงินจากยอดคงเหลือในสกุลเงินต่างประเทศ จะมีค่าธรรมเนียมการแปลงสกุลเงิน
- ธนาคารบางแห่งอาจเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการโอนเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ โปรดติดต่อธนาคารของคุณโดยตรงเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
- ถ้าธนาคารไม่สามารถดำเนินการถอนตามคำขอของคุณได้เนื่องจากข้อมูลไม่ถูกต้องหรือไม่สมบูรณ์ เงินดังกล่าวจะถูกส่งคืนไปยังบัญชี PayPal ของคุณ (ในกรณีนี้อาจมีค่าธรรมเนียมการส่งคืน)
- คุณไม่สามารถยกเลิกคําขอถอนเงินได้
- การโอนเงินทุกรายการจะได้รับการตรวจสอบและอาจมีความล่าช้าหรือถูกระงับถ้าพบการโอนเงินที่มีปัญหา (พักการโอนเงินไว้เป็นเวลาไม่เกิน 72 ชั่วโมงเพื่อตรวจสอบเพิ่มเติม)
PayPal โอนเงินเข้าบัญชีธนาคาร อะไรได้บ้าง?
PayPal สามารถโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารในไทยได้เกือบทุกธนาคารหลัก โดยเฉพาะธนาคารที่นิยมและใช้งานได้ดีกับ PayPal ได้แก่
- ธนาคารกรุงเทพ (BBL)
- ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB)
- ธนาคารกสิกรไทย (KBANK)
- ธนาคารกรุงไทย (KTB)
- ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY)
- ธนาคารทหารไทยธนชาต (TTB)
สำหรับการถอนเงินจาก PayPal เข้าบัญชีธนาคารในไทย มีค่าธรรมเนียม ดังนี้
- ถ้าถอนมากกว่า 5,000 บาท: ไม่มีค่าธรรมเนียม
- ถ้าถอนน้อยกว่า 5,000 บาท: มีค่าธรรมเนียม 50 บาท
- ใช้เวลาในการโอน 3-5 วันทำการ
กรณีมีบัญชีธนาคารในสหรัฐฯ สามารถถอนเงินจาก PayPal เข้าบัญชีธนาคารอเมริกันได้เช่นกัน แต่จะมีค่าธรรมเนียม 35 USD ต่อครั้ง
ข้อควรระวัง
- ชื่อบัญชีธนาคารต้องตรงกับชื่อในบัญชี PayPal
- ควรตรวจสอบข้อมูลบัญชีให้ถูกต้องก่อนทำการถอน
- หากข้อมูลผิดพลาดจะมีค่าปรับ 15 บาท
- ควรรวบรวมยอดเงินให้มากกว่า 5,000 บาทก่อนถอนเพื่อประหยัดค่าธรรมเนียม
ระยะเวลาการโอนเงินจาก PayPal เข้าบัญชีธนาคาร
- การโอนเงินจาก PayPal เข้าบัญชีธนาคารนั้นใช้เวลาแตกต่างกันตามประเภทบัญชีและช่วงเวลาที่ทำรายการ ขอแบ่งอธิบายให้เข้าใจชัดเจนดังนี้
- สำหรับบัญชีธนาคารในประเทศไทย: เมื่อคุณทำการถอนเงินเข้าบัญชีธนาคารไทย ระบบจะใช้เวลาประมาณ 5-7 วันทำการในการประมวลผลและโอนเงิน นั่นหมายความว่าถ้าคุณโอนเงินในวันจันทร์ เงินอาจเข้าบัญชีได้ตั้งแต่วันศุกร์ไปจนถึงวันอังคารของสัปดาห์ถัดไป
- สำหรับบัญชีธนาคารในสหรัฐอเมริกา: การโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารในสหรัฐฯ จะเร็วกว่ามาก โดยใช้เวลาเพียง 1 วันทำการ เนื่องจาก PayPal เป็นบริษัทอเมริกัน ระบบการโอนเงินจึงมีประสิทธิภาพสูงกว่า
ปัจจัยที่อาจทำให้การโอนเงินล่าช้า
- การทำรายการหลังเวลา 21:00 น.
- การโอนเงินในวันหยุดสุดสัปดาห์หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์
- ระบบตรวจพบความผิดปกติที่ต้องตรวจสอบเพิ่มเติม
- ข้อมูลบัญชีธนาคารไม่ถูกต้องหรือไม่สมบูรณ์
คำแนะนำเพื่อการโอนเงินที่รวดเร็ว
- ทำรายการในวันทำการปกติ ช่วงเช้าถึงบ่าย
- ตรวจสอบข้อมูลบัญชีให้ถูกต้องครบถ้วน
- รักษาประวัติการทำธุรกรรมให้น่าเชื่อถือ
- เก็บหลักฐานการทำรายการไว้เสมอ
- เมื่อระบบแจ้งสถานะ “เสร็จสมบูรณ์” นั่นหมายถึงคำสั่งโอนเงินของคุณได้รับการยืนยันและอยู่ในขั้นตอนการประมวลผล คุณสามารถติดตามสถานะการโอนได้ในบัญชี PayPal ของคุณตลอดเวลา
ค่าธรรมเนียมผู้บริโภคของ PayPal
ค่าธรรมเนียม PayPal สำหรับผู้ใช้งานในประเทศไทย
มีรายละเอียดที่สำคัญดังนี้
การชำระเงินซื้อสินค้าและบริการ: เมื่อคุณใช้ PayPal ซื้อสินค้าออนไลน์ ไม่มีค่าธรรมเนียมใดๆ หากเป็นการชำระเงินในสกุลเดียวกัน แต่หากมีการแปลงสกุลเงิน จะมีค่าธรรมเนียมเพิ่ม 4% สำหรับการแปลงเงินบาทเป็นสกุลเงินอื่น
การถอนเงินจาก PayPal เข้าบัญชีธนาคารไทย
- ถ้าถอนเงินมากกว่า 5,000 บาท: ฟรีค่าธรรมเนียม
- ถ้าถอนเงินน้อยกว่า 5,000 บาท: เสียค่าธรรมเนียม 50 บาทต่อครั้ง
- กรณีถอนเข้าบัญชีธนาคารในสหรัฐฯ: คิดค่าธรรมเนียม 35 USD ต่อครั้ง
ค่าธรรมเนียมพิเศษอื่นๆ
- ถ้าถอนเงินไม่สำเร็จเพราะข้อมูลบัญชีไม่ถูกต้อง: เสียค่าธรรมเนียม 15 บาท
- การยืนยันบัตรเครดิต/เดบิต: 70 บาท (จะได้รับคืนเมื่อยืนยันสำเร็จ)
- ค่าธรรมเนียมการขอบันทึกรายการ: ประมาณ 250 บาท (10 SGD) ต่อรายการ
สำหรับผู้ขายสินค้าในไทย
- ขายภายในประเทศ: คิดค่าธรรมเนียม 3.9% + ค่าธรรมเนียมคงที่ 11 บาท
- ขายต่างประเทศ: คิดค่าธรรมเนียม 4.4% + ค่าธรรมเนียมคงที่ 11 บาท
คำแนะนำเพื่อประหยัดค่าธรรมเนียม
- ควรถอนเงินครั้งละมากกว่า 5,000 บาท เพื่อหลีกเลี่ยงค่าธรรมเนียม
- หลีกเลี่ยงการแปลงสกุลเงินถ้าเป็นไปได้
- ตรวจสอบข้อมูลบัญชีให้ถูกต้องก่อนถอนเงิน
- รวบรวมยอดเงินให้มากพอก่อนทำการถอน
ทั้งนี้ อัตราค่าธรรมเนียมอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ควรตรวจสอบข้อมูลล่าสุดจากเว็บไซต์ PayPal โดยตรง
รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับค่าธรรมเนียม PayPal ที่คนไทยควรรู้
- เรื่องการแปลงสกุลเงิน ซึ่งเป็นจุดที่คนมักมองข้าม: เมื่อคุณซื้อสินค้าจากต่างประเทศ PayPal จะคิดค่าธรรมเนียมการแปลงสกุลเงิน 4% จากอัตราแลกเปลี่ยนพื้นฐาน นั่นหมายความว่า ถ้าคุณซื้อสินค้าราคา 100 ดอลลาร์ คุณอาจต้องจ่ายค่าแปลงเงินเพิ่มอีกประมาณ 4 ดอลลาร์
- เรื่องการถอนเงินที่น่าสนใจ: PayPal มีนโยบายพิเศษสำหรับประเทศไทย คือการถอนเงินเข้าบัญชีธนาคารไทยฟรีเมื่อถอนมากกว่า 5,000 บาท นี่เป็นข้อดีที่ไม่ได้มีในทุกประเทศ แต่มีข้อควรระวัง – ถ้าคุณพยายามถอนเงินแล้วไม่สำเร็จเพราะข้อมูลผิด จะโดนค่าปรับ 15 บาททันที
- สำหรับผู้ขายออนไลน์: ค่าธรรมเนียม 3.9% สำหรับการขายในประเทศไทยอาจดูสูง แต่นี่รวมถึงระบบความปลอดภัยและการคุ้มครองผู้ขายด้วย ถ้าเกิดปัญหาการเรียกเก็บเงินคืน (Chargeback) PayPal จะช่วยปกป้องผู้ขายถ้ามีหลักฐานการจัดส่งที่ชัดเจน
ข้อควรรู้เพิ่มเติม:
- PayPal มีบริการ “การชำระเงินให้ผู้รับหลายคน” ที่คิดค่าธรรมเนียมเพียง 2% เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องจ่ายเงินให้คนจำนวนมากพร้อมกัน
- สำหรับการทำธุรกรรมขนาดเล็ก (Micropayment) ต่ำกว่า 5 บาท มีอัตราพิเศษที่ 6% + ค่าธรรมเนียมคงที่ 1.8 บาท
- แนวทางประหยัดค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม: ถ้าคุณทำธุรกิจออนไลน์และมียอดขายสูง อาจพิจารณาสมัคร PayPal Pro หรือติดต่อ PayPal โดยตรงเพื่อขอรับอัตราพิเศษ บางครั้งพวกเขายินดีเจรจาสำหรับผู้ค้าที่มียอดขายสูงอย่างสม่ำเสมอ
เรื่องข้อพิพาทและการเรียกเก็บเงินคืน
เมื่อเกิดข้อพิพาทระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย PayPal จะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการจัดการข้อพิพาท โดยแบ่งเป็น 2 ระดับ
- อัตรามาตรฐาน: 250 บาทต่อกรณี
- อัตราสูง: 500 บาทต่อกรณี (สำหรับกรณีที่ซับซ้อนหรือมีมูลค่าสูง)
- นี่เป็นเหตุผลที่ผู้ขายควรเก็บหลักฐานการจัดส่งและการติดต่อกับลูกค้าอย่างดี เพื่อหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายเหล่านี้
- การรับชำระเงินจากต่างประเทศ: สำหรับผู้ขายไทยที่รับเงินจากต่างประเทศ นอกจากค่าธรรมเนียม 4.4% แล้ว ควรคำนึงถึงเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนด้วย PayPal มักใช้อัตราแลกเปลี่ยนที่ต่ำกว่าตลาดเล็กน้อย
- ดังนั้นถ้าคุณรับเงินหลายสกุล ควรวางแผนการแปลงเงินให้ดี
- ระบบ Micropayment สำหรับธุรกิจดิจิทัล: สำหรับธุรกิจที่ขายสินค้าดิจิทัลราคาต่ำ เช่น เพลง e-book หรือ virtual items PayPal มีระบบ Micropayment ที่คิดค่าธรรมเนียมแตกต่างออกไป คือ 6% + ค่าธรรมเนียมคงที่ที่ต่ำกว่า เหมาะสำหรับการขายสินค้าราคาไม่เกิน 5 บาท
- การป้องกันความเสี่ยง: PayPal มีระบบตรวจจับการฉ้อโกงอัตโนมัติ แต่ถ้าเกิดปัญหาการปฏิเสธการชำระเงิน (Chargeback) ผู้ขายจะถูกเรียกเก็บค่าธรรมเนียม 360 บาทต่อกรณี
- สำหรับธุรกิจที่เพิ่งเริ่มต้น: แม้ค่าธรรมเนียมอาจดูสูง แต่ PayPal ให้ความคุ้มครองทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย พร้อมระบบป้องกันการฉ้อโกงที่ทันสมัย ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้ธุรกิจออนไลน์ได้เป็นอย่างดี ธุรกิจเริ่มต้นควรมองว่านี่เป็นการลงทุนในความปลอดภัยและความเชื่อมั่นของลูกค้า
ช่องทางการติดต่อเจ้าหน้าที่ PayPal
- Business Support Call Center: 02-7873409
- เจ้าหน้าที่คนไทย เหมาะสำหรับการสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับการใช้งาน ปัญหาเกี่ยวกับบัญชี หรือ คำถามทั่วไปต่างๆ
- เวลาทำการ 8:00am – 5:00pm วันจันทร์- วันศุกร์
- Spoof@paypal.com
- กรณีพบปัญหาด้านแฮกเกอร์ เช่น เจอคนส่งอีเมลผิดปกติ ที่อ้างว่ามาจาก PayPal แต่ไม่น่าเชื่อถือ และมีความเสี่ยงทางด้านความปลอดภัย สามารถ forward (ส่งต่ออีเมลนั้น) ไปที่ spoof@paypal.com เพื่อดำเนินการตรวจสอบ และจัดการปัญหาดังกล่าวได้
ความปลอดภัยของ PayPal
PayPal ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยในการทำธุรกรรมออนไลน์ โดยมีระบบป้องกันและนโยบายคุ้มครองที่ครอบคลุมทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย ดังนี้
การคุ้มครองผู้ซื้อ
- เมื่อคุณซื้อสินค้าผ่าน PayPal แล้วพบปัญหา เช่น ได้รับสินค้าไม่ตรงตามที่สั่ง หรือไม่ได้รับสินค้าเลย
- PayPal พร้อมคืนเงินให้คุณเต็มจำนวน รวมถึงค่าจัดส่ง ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด
- เป็นหนึ่งในนโยบายที่ทำให้การช็อปปิ้งออนไลน์ผ่าน PayPal มีความน่าเชื่อถือและปลอดภัยนั้นเอง
การคุ้มครองผู้ขาย
- ในฐานะผู้ขาย PayPal เข้าใจความเสี่ยงที่คุณอาจเจอ เช่น การถูกโจรกรรมข้อมูลบัตรเครดิต หรือการฉ้อโกงในรูปแบบต่างๆ
- หากคุณได้รับการชำระเงินที่ไม่ได้รับอนุญาต (เช่น จากบัญชีที่ถูกแฮ็ก) หรือผู้ซื้ออ้างว่าไม่ได้รับสินค้า PayPal จะคุ้มครองคุณเต็มจำนวนสำหรับการขายที่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์
เทคโนโลยีความปลอดภัยระดับสูง
PayPal ใช้เทคโนโลยีความปลอดภัยหลายชั้น ได้แก่
- การเข้ารหัสข้อมูลแบบ TLS และ HTTPS
- ระบบยืนยันตัวตนด้วยรหัส PIN สำหรับแอปมือถือ
- มาตรฐานความปลอดภัยข้อมูลบัตรเครดิต (PCI Compliance)
การป้องกันการทุจริตแบบเรียลไทม์
PayPal มีระบบตรวจจับและป้องกันการทุจริตที่ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง โดย
- วิเคราะห์ทุกธุรกรรมแบบเรียลไทม์
- ตรวจสอบความผิดปกติของบัญชีและพฤติกรรมการใช้งาน
- ระงับธุรกรรมที่น่าสงสัยเพื่อตรวจสอบเพิ่มเติม
- ด้วยระบบรักษาความปลอดภัยที่ครอบคลุมและนโยบายคุ้มครองที่เข้มแข็ง PayPal จึงเป็นช่องทางการชำระเงินออนไลน์ที่ทั้งสะดวกและปลอดภัย ให้ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายทำธุรกรรมได้อย่างมั่นใจ
คู่มือการตรวจสอบการขายว่าส่อเกิดการฉ้อโกงหรือไม่
สังเกตที่อยู่จัดส่งผิดปกติ
- การฉ้อโกงมักเริ่มจากที่อยู่จัดส่งที่น่าสงสัย เช่น บ้านร้าง โรงแรม หรือประเทศที่มีประวัติการฉ้อโกงสูง
- รวมถึงกรณีที่ลูกค้าขอเปลี่ยนที่อยู่จัดส่งหลังชำระเงิน หรือยืนกรานให้ส่งด่วนแม้ค่าใช้จ่ายจะสูงมาก
- พฤติกรรมเหล่านี้มักบ่งชี้ถึงความพยายามในการฉ้อโกง
- ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าที่อยู่จัดส่งเป็นสถานที่จริงและมีผู้รับที่สามารถติดต่อได้
ตรวจสอบพฤติกรรมการสั่งซื้อที่ผิดปกติ
- ยอดสั่งซื้อที่สูงผิดปกติสำหรับลูกค้าใหม่ หรือการสั่งซื้อจำนวนมากในเวลาใกล้เคียงกัน
- โดยเฉพาะในช่วงเวลาแปลกๆ เช่น กลางดึก อาจเป็นสัญญาณของการใช้บัตรเครดิตที่ถูกขโมยมา
- นอกจากนี้ควรระวังอีเมลที่ดูไม่น่าเชื่อถือ หรือการติดต่อที่มีรูปแบบผิดปกติ เช่น การเปลี่ยนวิธีติดต่อบ่อยๆ หรือข้อมูลที่ขัดแย้งกัน
สร้างระบบป้องกันที่แข็งแกร่ง
- การจัดทำฐานข้อมูลลูกค้าที่แยกระหว่างลูกค้าที่มีประวัติดีและลูกค้าที่เคยมีปัญหา พร้อมเก็บข้อมูลสำคัญอย่างชื่อ อีเมล เบอร์โทร ที่อยู่ IP และประวัติการสั่งซื้อ
- จะช่วยให้คุณตรวจจับรูปแบบที่น่าสงสัยได้ง่ายขึ้น
- ควรกำหนดวงเงินและจำนวนการสั่งซื้อต่อลูกค้า
- รวมถึงใช้บริการขนส่งที่เชื่อถือได้และสามารถตรวจสอบสถานะได้
ดำเนินการอย่างรอบคอบเมื่อพบความผิดปกติ
- หากพบสัญญาณที่น่าสงสัย อย่าเร่งจัดส่งสินค้า ให้ชะลอการจัดส่งและติดต่อลูกค้า เพื่อยืนยันการสั่งซื้อ ตรวจสอบข้อมูลให้ละเอียด
- และหากยังไม่มั่นใจ สามารถปฏิเสธการขายและคืนเงินผ่าน PayPal ได้ทันที
- การป้องกันไว้ก่อนดีกว่าต้องมาแก้ปัญหาภายหลัง
- ซึ่ง PayPal มีนโยบายคุ้มครองผู้ขายแต่ก็ควรระมัดระวังและตรวจสอบทุกรายการอย่างละเอียด
ระบบการป้องกันและตรวจสอบของ PayPal
- มีระบบรักษาความปลอดภัยระดับโลกที่คอยตรวจจับธุรกรรมที่น่าสงสัยตลอด 24 ชั่วโมง แต่ผู้ขายก็ควรมีส่วนร่วมในการป้องกัน
- เมื่อ PayPal แจ้งเตือนเกี่ยวกับธุรกรรมที่น่าสงสัย
- ควรตรวจสอบทันทีและปฏิบัติตามคำแนะนำ เพราะระบบได้รับการออกแบบมาเพื่อปกป้องทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย
- การร่วมมือกับระบบจะช่วยลดความเสี่ยงจากการฉ้อโกงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การจัดเก็บและบริหารข้อมูลอย่างเป็นระบบ
- นอกจากการเก็บประวัติลูกค้าแล้ว
- ควรจัดระบบข้อมูลการขายให้เป็นระเบียบ บันทึกรายละเอียดทุกธุรกรรม หลักฐานการจัดส่ง และการติดต่อสื่อสารกับลูกค้า เพราะข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์อย่างมากหากเกิดข้อพิพาทหรือการเรียกเก็บเงินคืน (Chargeback)
- ยังช่วยให้คุณวิเคราะห์รูปแบบการฉ้อโกงและพัฒนาระบบป้องกันที่ดีขึ้นได้
นโยบายและเงื่อนไขการขายที่ชัดเจน
- การกำหนดนโยบายการขาย การจัดส่ง และการคืนสินค้าที่ชัดเจน จะช่วยป้องกันปัญหาและข้อพิพาทได้มาก
- ควรระบุเงื่อนไขต่างๆ ให้ครอบคลุม เช่น ระยะเวลาการจัดส่ง นโยบายการคืนสินค้า และข้อจำกัดในการสั่งซื้อ
- เมื่อลูกค้าเข้าใจเงื่อนไขชัดเจน โอกาสที่จะเกิดข้อพิพาทหรือการฉ้อโกงก็จะลดลง
- และยังช่วยปกป้องธุรกิจของคุณในกรณีที่เกิดปัญหา
การพัฒนาความรู้และติดตามรูปแบบการฉ้อโกงใหม่ๆ
- อาชญากรออนไลน์มักพัฒนาวิธีการฉ้อโกงใหม่ๆ อยู่เสมอ
- ผู้ขายจึงควรติดตามข่าวสารและอัพเดทความรู้เกี่ยวกับรูปแบบการฉ้อโกงอย่างสม่ำเสมอ
- การเข้าร่วมชุมชนผู้ขายออนไลน์ ติดตามข้อมูลจาก PayPal และแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับผู้ขายรายอื่น จะช่วยให้คุณรู้เท่าทันและพร้อมรับมือกับภัยคุกคามรูปแบบใหม่ได้ดียิ่งขึ้น
คำถามที่พบบ่อย
A: ไม่ ตัวเลือกการเติมเงินในบัญชี PayPal ยังไม่สามารถใช้ได้ในประเทศไทย
ถ้าต้องการชำระเงิน คุณไม่จำเป็นต้องเติมเงินเข้ายอดคงเหลือในบัญชี PayPal ของคุณแต่อย่างใด คุณสามารถชำระเงินได้ด้วยบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตที่เชื่อมโยงกับบัญชี PayPal ของคุณแล้ว
A: คุณจำเป็นต้องดำเนินการ 3 ขั้นตอนหลักให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2565
- ยอมรับข้อตกลงการให้บริการ PayPal ประเทศไทยฉบับใหม่
- ลงทะเบียนในระบบพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล (NDID)
- ยืนยันตัวตนผ่านแอปธนาคารของคุณ สามารถทำได้ทั้งผ่านแอปโทรศัพท์มือถือหรือเว็บไซต์ PayPal ขอแนะนำให้ใช้แอปเวอร์ชั่นล่าสุดเพื่อการใช้งานที่ราบรื่น
A: เพื่อให้สามารถใช้บัญชี PayPal ในประเทศไทยได้อย่างต่อเนื่อง จำเป็นต้องดำเนินการผ่านขั้นตอนสำคัญภายในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2565 เวลา 23:59 น. (เวลาไทย) โดยสามารถทำได้ทั้งผ่านแอปพลิเคชันมือถือหรือเว็บไซต์ PayPal
- ซึ่งประกอบด้วย 3 ขั้นตอนหลัก คือ
- การยอมรับข้อตกลงการให้บริการ PayPal ประเทศไทย
- การลงทะเบียนในระบบ National Digital ID (NDID)
- การยืนยันตัวตนผ่านแอปพลิเคชันธนาคารบนมือถือ ทั้งนี้แนะนำให้เริ่มดำเนินการแต่เนิ่น ๆ เพื่อป้องกันปัญหาการใช้งานบัญชี
สรุป
PayPal ไม่ใช่แค่ตัวกลางชำระเงิน แต่เป็นเครื่องมือทางการเงินที่ตอบโจทย์ทั้งการช้อปปิ้ง การโอนเงิน การรับชำระเงิน และการบริหารเงินได้อย่างครบวงจร ด้วยความปลอดภัยและความสะดวกสบายที่มาพร้อมกัน ทำให้ PayPal เป็นตัวเลือกที่หลายคนไว้ใจและใช้กันทั่วโลก ไม่ว่าคุณจะเป็นนักช้อป นักขายออนไลน์ หรือคนที่ต้องโอนเงินบ่อยๆ PayPal ก็ช่วยให้ชีวิตคุณง่ายขึ้นได้แน่นอน!
เรียกได้ว่า เป็นระบบชำระเงินออนไลน์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากทั่วโลก ช่วยให้ใครหลายๆคน สามารถโอนเงินและชำระค่าสินค้าผ่านอินเทอร์เน็ตได้อย่างสะดวกและปลอดภัย โดยที่ไม่ต้องเปิดเผยข้อมูลบัตรเครดิตให้กับร้านค้าโดยตรง
นักเขียนเอง ขอบอกเลยว่า จุดเด่นของ PayPal อยู่ที่ความง่ายในการใช้งาน – แค่มีอีเมลและบัญชีธนาคารหรือบัตรเครดิต ทุกคนก็สามารถสมัครและเริ่มใช้งานได้เลย! ที่สำคัญ PayPal มีระบบป้องกันการฉ้อโกงที่แข็งแกร่ง ทำให้เป็นที่ไว้วางใจของผู้ใช้งานทั่วโลก และยังมีบริการคืนเงินถ้าบางคน ไม่ได้รับสินค้าตามที่สั่งซื้อด้วย
สุดท้ายนี้ PayPal ยังรองรับการทำธุรกรรมในหลายสกุลเงิน ทำให้สะดวกมาก ๆ สำหรับการซื้อขายกับต่างประเทศเลยล่ะค่ะ