Fundamental Analysis คืออะไร?

  • คือ การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน ทางเศรษฐกิจที่ส่งผลต่อตลาด Forex เช่น อัตราดอกเบี้ย GDP เงินเฟ้อ และนโยบายการเงิน
  • การเทรด Forex ไม่ใช่แค่การดูกราฟและ อินดิเคเตอร์ เท่านั้น แต่การเข้าใจปัจจัยพื้นฐานที่ขับเคลื่อนตลาดจะช่วยให้คุณเห็นภาพใหญ่และตัดสินใจได้แม่นยำมากขึ้นช

1. ตะกร้าค่าเงิน (Currency Basket) – มองภาพรวมของสกุลเงินทั้งหมด

ตะกร้าค่าเงิน เป็นแนวคิดสำคัญที่ช่วยให้เข้าใจภาพรวมของสกุลเงินในตลาด โดยการนำสกุลเงินหลักหลายๆ สกุลมารวมกันและกำหนดน้ำหนักตามขนาดเศรษฐกิจ

ตัวอย่าง เทคนิคการใช้งาน

ปัจจุบัน มีหลายเว็บไซต์ที่นำเครื่องมือนี้มาให้ใช้ โดยจากภาพที่เห็นเป็นตัวอย่างของหน้าจอตะกร้าค่าเงินที่แสดงการเคลื่อนไหวของคู่เงินต่างๆ ในตลาด Forex, สินค้าโภคภัณฑ์ และคริปโตเคอร์เรนซี ซึ่งไม่เพียงแค่แสดงราคาปัจจุบันเท่านั้น แต่ยังมีข้อมูลอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์ เช่น เปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลง กราฟเคลื่อนไหว และค่าสูงสุด-ต่ำสุด ของแต่ละคู่เงิน

ยกตัวอย่างของเว็บ finviz.com ในส่วนของการเปรียบเทียบราคาของตลาด Forex จะมีภาพรวมที่แสดงสีเพื่อให้เห็นแนวโน้ม ดังนี้

1. ดูสีของแต่ละคู่เงิน

  • สีเขียว หมายถึง ราคากำลังขึ้น 
    • GBP/USD +0.40% = ปอนด์กำลังแข็งค่าเทียบกับดอลลาร์
    • BTC/USD +1.00% = บิทคอยน์กำลังแข็งค่าเทียบกับดอลลาร์
  • สีแดง หมายถึง ราคากำลังลง 
    • USD/JPY -0.29% = เยนกำลังแข็งค่าเทียบกับดอลลาร์
    • EUR/GBP -0.34% = ยูโรกำลังอ่อนค่าเทียบกับปอนด์

2. ดูตัวเลขเปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลง

  • +0.40% แสดงว่าราคาขึ้น 0.40%
  • -0.29% แสดงว่าราคาลง 0.29%

3. ดูราคาปัจจุบัน

  • GBP/USD = 1.3358
  • EUR/USD = 1.1361

4. ดูจุดสูงสุดและต่ำสุดของวัน

  • H = จุดสูงสุด (High)
  • L = จุดต่ำสุด (Low)
  • เช่น GBP/USD: H 1.3360, L 1.3280

5. ดูกราฟแนวโน้ม

  • กราฟขึ้น = แนวโน้มขาขึ้น
  • กราฟลง = แนวโน้มขาลง

2. ICT Killzone Forex – จับจังหวะตลาดในช่วงเวลาทอง

ICT Killzone คือ กลยุทธ์การเทรดในช่วงเวลาที่ตลาดมีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด ทำให้ราคามีการเคลื่อนไหวอย่างรุนแรง โดยแบ่งช่วงเวลาหลักออกเป็น 4 โซน เพื่อศึกษา พฤติกรรมราคา และเลือกใช้กลยุทธ์ที่มี Win Rate สูง ที่สุด

ตัวอย่าง วิธีใช้แผนภาพ ICT Killzone

ตัวอย่างจากกราฟ MT4 แสดงช่วง Killzone 4 ช่วงเวลาสำคัญ

  • Asian Killzone (พื้นที่สีชมพูอ่อน)
    • ฤดูหนาว: 06:00-09:00 น.
    • ฤดูร้อน: 05:00-08:00 น.
    • สังเกตแท่งเทียนในช่วงนี้มีการเคลื่อนไหวลงอย่างชัดเจน
  • London Killzone (พื้นที่สีฟ้า)
    • ฤดูหนาว: 15:00-18:00 น.
    • ฤดูร้อน: 13:00-16:00 น.
    • สังเกตราคาเริ่มมีการกลับตัวและเคลื่อนไหวขึ้นในช่วงนี้
  • New York Killzone (พื้นที่สีส้มอ่อน)
    • ฤดูหนาว: 20:00-23:00 น.
    • ฤดูร้อน: 18:00-21:00 น.
    • สังเกตมีความผันผวนสูงและแท่งเทียนขนาดใหญ่
  • London Close Killzone (พื้นที่สีม่วงอ่อน)
    • ฤดูหนาว: 22:00-00:00 น. (ช่วงหลังเที่ยงคืน)
    • ฤดูร้อน: 20:00-22:00 น.
    • เป็นช่วงที่ตลาดลอนดอนปิดทำการ

วิธีอ่านกราฟในภาพ

  • กราฟแสดงให้เห็นว่าแต่ละ Killzone มีรูปแบบการเคลื่อนไหวที่แตกต่างกัน
  • พื้นที่สีในกราฟช่วยให้เห็นจุดเริ่มต้นและสิ้นสุดของแต่ละช่วง Killzone
  • สังเกตว่าราคามักมีการเปลี่ยนทิศทางเมื่อเข้าสู่ช่วง Killzone ใหม่

ประโยชน์จากการดูภาพนี้

  • ทำให้รู้จังหวะที่ควรเข้าเทรดในแต่ละช่วงเวลา
  • ช่วยวางแผนการเทรดให้สอดคล้องกับช่วงที่ตลาดมีความเคลื่อนไหวสูง
  • เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างเวลาในแต่ละภูมิภาคและพฤติกรรมราคา

3. Forex Correlation – เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างคู่เงิน

Forex Correlation คือ การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่าง คู่เงิน ต่างๆ เพื่อคาดการณ์ทิศทางราคาในอนาคต โดยอาศัยความเชื่อมโยงของคู่เงินในตลาด Forex ซึ่งจะช่วยให้เลือกคู่เงินที่มีโอกาสทำกำไรสูงได้ง่ายขึ้น

ตัวอย่าง การใช้งาน Correlation Coefficient (CC)

  • กราฟหลักแสดง EUR/USD (แท่งเทียนสีแดง-เขียว) และ GBP/USD (เส้นสีส้ม)
  • กราฟด้านล่างแสดงค่า Correlation Coefficient อยู่ที่ 0.63 (บวก) แสดงว่าทั้งสองคู่เงินมีความสัมพันธ์ในทิศทางเดียวกัน
  • สังเกตช่วงที่ CC ลดลงต่ำกว่า 0 (ติดลบ) คือช่วงที่ทั้งสองคู่เคลื่อนไหวสวนทางกัน

วิธีใช้ Currency Correlation ในการเทรด

  • การยืนยันสัญญาณการเทรด 
    • จากภาพ EUR/USD อยู่ในแนวโน้มขาลงชัดเจน
    • ถ้า GBP/USD เริ่มลงตามไปด้วย จะเป็นการยืนยันแนวโน้มขาลงของ EUR/USD
  • การระบุจุดผิดปกติ (Divergence)
    • สังเกตช่วงที่ GBP/USD ปรับตัวสูงขึ้นผิดไปจากแนวโน้มขาลงก่อนหน้านี้ ขณะที่ EUR/USD ยังคงลงต่อ
    • นี่คือจุดที่ correlation ลดลง และอาจเป็นโอกาสในการเทรด
  • การใช้ Double Top
    • จากภาพมีการระบุ รูปแบบดับเบิลท็อปสร้างจุดเข้าเทรดขาลง บน GBP/USD
    • นักเทรดสามารถใช้รูปแบบนี้ร่วมกับข้อมูล correlation เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการเข้าเทรด

ข้อจำกัดที่ควรระวัง

  • Correlation ไม่คงที่ สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจและการเมือง
  • ไม่ควรใช้ Correlation เป็นสัญญาณการเทรดเพียงอย่างเดียว ควรใช้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์อื่นๆ
  • Correlation อาจเป็นตัวชี้วัดล่าช้า ไม่สามารถทำนายการเปลี่ยนแปลงในอนาคตได้อย่างแม่นยำ

4. Forex Market Cycle – เข้าใจวัฏจักรตลาด

Forex Market Cycle คือ วัฏจักรของตลาดที่เกิดขึ้นซ้ำๆ โดยแบ่งออกเป็น 4 ช่วงหลักๆ ซึ่งสะท้อนถึงพฤติกรรมของนักลงทุนในแต่ละช่วงเวลาได้เป็นอย่างดี การทำความเข้าใจ Market Cycle จะช่วยให้มองภาพรวมของตลาดได้เข้าใจมากขึ้น

ตัวอย่าง Forex Market Cycle SPDR S&P 500 ETF (SPY)

จากกราฟ SPDR S&P 500 ETF (SPY) กองทุนหุ้นสหรัฐ จาก tradingview ตั้งแต่ปี 2009-2024 เห็นได้ว่า

  • ช่วงสะสม (Accumulation) – ปี 2009 เป็นจุดเริ่มต้นหลังวิกฤตการเงินโลก ราคาเริ่มทรงตัวและฟื้นตัว
  • ช่วงขาขึ้น (Uptrend)มีหลายช่วง เช่น: 
    • 2012-2015: ราคาปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง
    • 2016-2018: แนวโน้มขาขึ้นชัดเจน
    • 2020-2021: การฟื้นตัวหลัง COVID-19
    • 2023-2024: ราคาทำจุดสูงสุดใหม่
  • ช่วงแจกจ่าย (Distribution)มีให้เห็นในหลายช่วง เช่น: 
    • ปลายปี 2018: ราคาเริ่มผันผวนก่อนปรับฐาน
    • ต้นปี 2020: ก่อนการปรับฐานใหญ่จาก COVID-19
  • ช่วงขาลง (Downtrend)เห็นได้ชัดในช่วง
    • 2020: การปรับฐานอย่างรุนแรงจาก COVID-19
    • 2022: การปรับฐานจากนโยบายการเงินที่เข้มงวด

ประโยชน์ในการใช้ Market Cycle

  • ช่วยระบุจุดเข้าซื้อที่เหมาะสม (ช่วงท้ายของขาลงหรือช่วงสะสม)
  • ช่วยระบุจุดขายทำกำไร (ช่วงแจกจ่ายหรือเริ่มขาลง)
  • ทำให้เข้าใจว่าตลาดอยู่ในช่วงไหนของวงจร เพื่อปรับกลยุทธ์การลงทุนให้เหมาะสม

ข้อสังเกตจากเส้นค่าเฉลี่ย

  • เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (สีขาว) ช่วยยืนยันแนวโน้มระยะยาว
  • เมื่อราคาอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ย = แนวโน้มขาขึ้น
  • เมื่อราคาอยู่ใต้เส้นค่าเฉลี่ย = แนวโน้มขาลง

แนวทางปฏิบัติสำหรับเทรดเดอร์

  • ซื้อในช่วงสะสม (เมื่อราคาเริ่มทรงตัวหลังขาลง)
  • ถือครองระหว่างช่วงขาขึ้น (trend-following)
  • ทยอยขายในช่วงแจกจ่าย (เมื่อราคาเริ่มผันผวนที่จุดสูง)
  • หลีกเลี่ยงการซื้อในช่วงขาลง หรือใช้กลยุทธ์ short/hedge

5. การวิเคราะห์ข่าว Forex – ใช้ข่าวเป็นตัวคาดการณ์ตลาด

ข่าว Forex คือ หัวใจสำคัญของการวิเคราะห์ทาง Fundamental เพราะข่าวเหล่านี้สะท้อนสถานการณ์เศรษฐกิจ การเมือง และนโยบายการเงินที่ส่งผลโดยตรงต่อการเคลื่อนไหวของราคาคู่เงิน

วิธีดูข่าวเศรษฐกิจใน Forex Factory

ตัวอย่าง วิธีอ่านข้อมูลจากภาพ

  • ช่วงเวลา Forex Factory: 8:30 น. วันที่ 30 เมษายน มีการประกาศข่าวสำคัญ
  • สกุลเงิน: AUD (ดอลลาร์ออสเตรเลีย)
  • ระดับความสำคัญ: สีแดง (ผลกระทบสูง) – สังเกตจากไอคอนสีแดง
  • ข่าวที่ประกาศ: CPI q/q, CPI y/y และ Trimmed Mean CPI q/q
  • ตัวเลขคาดการณ์: 0.8%, 2.3% และ 0.6% ตามลำดับ
  • ตัวเลขก่อนหน้า: 0.2%, 2.4% และ 0.5% ตามลำดับ

วิธีวิเคราะห์ข่าว

  • เนื่องจากเป็นข่าว CPI (ดัชนีราคาผู้บริโภค) ซึ่งเป็นตัวชี้วัดอัตราเงินเฟ้อ มีผลโดยตรงต่อนโยบายอัตราดอกเบี้ย
  • หากตัวเลขจริง (Actual) ออกมาสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ (Forecast) อาจทำให้ AUD แข็งค่าขึ้น
  • หากตัวเลขจริงออกมาต่ำกว่าคาดการณ์ อาจทำให้ AUD อ่อนค่าลง
  • ควรระวังเป็นพิเศษเนื่องจากเป็นข่าวผลกระทบสูง (ไอคอนสีแดง) อาจทำให้เกิดความผันผวนในตลาด

คำแนะนำในการเทรด

  • หลีกเลี่ยงการเปิดคำสั่งใหม่ก่อนประกาศข่าว 15-30 นาที
  • ตรวจสอบข้อมูลหลังการประกาศอย่างรวดเร็วโดยเปรียบเทียบค่า Actual vs Forecast
  • อาจพิจารณาเทรดตามทิศทางหลังข่าวประกาศได้ชัดเจนแล้ว

วีดีโอที่น่าสนใจ

วินาที่ที่สำคัญ

  • 1:38 การวิเคราะห์พื้นฐานและการเทรดข่าว
  • 10:11 วิธีดูข่าว การวิเคราะห์พื้นฐาน
  • 11:00 ตัวอย่างการวิเคราะห์
  • 12:16 การดูค่าเงินระยะยาวจากการวิเคราะห์
  • 13.17 การสะท้อนค่าเงิน
  • 18:21 วิธีการเทรดคู่เงินจากการวิเคราะห์ข่าว (ดูแท่งเทียน 1 แท่ง ข้างหน้า)

สรุป

การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานใน Forex (Fundamental Analysis) เป็นการศึกษาปัจจัยทางเศรษฐกิจและการเงินที่ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของราคาสกุลเงิน ซึ่งการเข้าใจปัจจัยเหล่านี้จะช่วยให้คุณเห็นภาพใหญ่ของตลาดและมีมุมมองในการเทรดที่ชัดเจนมากขึ้น

ทั้งนี้ การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานควรใช้ร่วมกับการวิเคราะห์ทางเทคนิค เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำกำไรในตลาด Forex โดยอาศัยทั้งข้อมูลปัจจัยภายในและภายนอกเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นตะกร้าค่าเงิน, ICT Killzone, Forex Correlation, Market Cycle หรือการวิเคราะห์ข่าว ล้วนเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังหากรู้จักนำมาประยุกต์ใช้อย่างเหมาะสม

การนำเทคนิคทั้ง 5 มาใช้อย่างสมดุลจะช่วยให้คุณมีกรอบการวิเคราะห์ที่ครอบคลุม เห็นภาพรวมตลาด และตัดสินใจเทรดได้อย่างมั่นใจมากขึ้น

FAQ — 5 เทคนิควิเคราะห์ตลาด Forex ด้วย Fundamental Analysis

เพราะตลาด “ซื้อความคาดหวัง ขายความจริง”
ข่าวออกมาดี แต่ถ้าตลาดรับรู้ไปล่วงหน้าแล้ว คนที่ Buy มานานเริ่ม Take Profit
ข่าวร้าย แต่ดีกว่าที่กลัวไว้ → กลายเป็นข่าวดี ในแง่ของความโล่งใจ
ตลาดไม่ได้สะท้อนข่าว แต่สะท้อน “ความคาดหวังที่เปลี่ยนไป”

หลักการง่าย ๆ ดู 3 อย่าง

  1. Context ช่วงนั้น — ธนาคารกลางให้ความสำคัญกับตัวแปรไหน เช่นช่วงนี้ Fed สน CPI มากกว่าตลาดแรงงาน (เพราะเงินเฟ้อยังไม่ลงถึงเป้า 2% แต่ตลาดแรงงานเริ่มเย็นแล้ว)
  2. ถ้าผลออกมาต่างจากที่คาดการ์ณมาก = แรงแน่
  3. พฤติกรรมราคาในวันก่อนหน้า — ถ้ากราฟ Sideway แปลว่าตลาด “รอ” ข่าวนั้น = โอกาสแรงสูงมาก
เชื่อทั้งคู่ แต่ให้ Fundamental กำหนด “ทิศ” และให้ Technical บอก “จุดเข้า” เช่น ถ้า TF ใหญ่ Fundamental บอก Sell แต่เราเห็นสัญญาณ Buy บน TF เล็ก = เทรดสวนกระแส อาจได้แค่เด้งสั้นๆ เพิ่มความระมัดระวัง อย่าเอาเทรนด์เล็กไปขวางเทรนด์ใหญ่ ทำตามคำพูดของคนดัง ว่า “ทิศทางสำคัญกว่าราคา” แปลว่า ไม่ต้องสนว่าเราเข้าที่ราคาไหน สนใจทิศทางกระแสหลักก่อนเลย

ได้แน่นอน ถ้าใช้ข่าวเพื่อ “หาโมเมนตัมชั่วคราว” เช่นข่าว CPI หรือ NFP แต่โดยทั่วไป Fundamental จะใช้กับ TF ใหญ่ เพื่อสร้าง Bias เช่น Daily/Weekly แต่ถ้าใช้กับ TF เล็ก ควรเน้นเข้าเทรด หลังคอนเฟริ์มแล้วด้วย Technical บางคนก็ใช้กลยุทธ์เทรดสั้นๆ biased เทรนด์ใหญ่ แต่ถ้าติดมาจะไม่ใช้วิธีคัท แต่ปล่อยทิ้งให้ไหลรันเทรนด์ตาม Fundamental ไปเลย ระหว่างนี้ก็เปลี่ยนไปเทรดตัวอื่นแทน

ไม่ใช่แค่ใช้ได้ แต่ใช้ร่วมกัน คือ สูตรลับของคนที่อยู่รอดระยะยาว

  • Fundamental ช่วยวางกรอบว่า “ใครอยู่ฝั่งไหน” (เช่น Fed Hawkish → ดอลลาร์แข็ง)
  • ICT ช่วยบอกว่า “รายใหญ่จะเข้า-ออกจุดไหน” (Stop Hunt, Liquidity Sweep)

การใช้ Fundamental Analysis เพื่อสร้าง Context แล้วเข้าเทรดด้วย Price Action แบบ Smart Money ทำให้ได้ทั้งทิศทางและจังหวะ

 

เขียนโดย

Pakornkiat Poonsuk

ผู้ตรวจทานความถูกต้อง

Chatchawal Nakcharoen