ความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับ Blockchain
- Blockchain เป็นระบบที่จัดเก็บข้อมูล แบบกระจาย ไม่อยู่ในศูนย์กลางใดศูนย์กลางหนึ่ง
- ทุกธุรกรรมจะถูกบันทึกไว้เป็นบล็อก และแต่ละบล็อกจะเชื่อมโยงกันแบบย้อนกลับ ไม่มีใครสามารถแก้ไขย้อนหลังได้โดยไม่ให้ระบบรู้
- จุดเด่นคือความโปร่งใส เพราะ ข้อมูลทุกอย่างสามารถตรวจสอบได้แบบเรียลไทม์
- ในวงการการเงิน Blockchain ถูกนำมาใช้เพื่อป้องกันการเปลี่ยนแปลงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเงินทุนและ การเทรด
- ก่อนปี 2020 หลายคนยังไม่รู้ว่า Blockchain คืออะไร
- จนกระทั่งมีโปรเจกต์ DeFi เช่น Uniswap, Compound และ Aave ที่เปิดให้เทรดหรือกู้ยืมแบบไม่ต้องผ่านตัวกลาง
- ทำให้คนเริ่มเห็นว่าเทคโนโลยี Blockchain ช่วยทำให้ระบบการเงินโปร่งใสขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งธนาคาร
“ไม่มีศูนย์กลางควบคุมข้อมูล ไม่ผูกติดกับคนกลาง” นี่คือหัวใจของ Blockchain — เทคโนโลยีที่เปลี่ยนอำนาจจากตัวกลาง ไปสู่มือของผู้ใช้แต่ละคน
กรณี Bitkub และการซื้อขายคริปโตในไทย (2020-2021)
- เมื่อ Bitkub กลายเป็นแพลตฟอร์มเทรดคริปโตอันดับต้นๆ ของไทย และมียอดเปิดบัญชีใหม่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงปี 2021
- คนเริ่มรู้จักเหรียญอย่าง Bitcoin, Ethereum รวมถึงโปรเจกต์ที่ใช้ Blockchain จริงอย่าง Chainlink, Uniswap, Aave
- เริ่มมีคนไทยค้นหาว่าเหรียญเหล่านี้คืออะไร และทำไมถึงไม่ต้องผ่านธนาคาร จึงเป็นจุดเริ่มที่ทำให้เข้าใจว่า Blockchain คือโครงสร้างเบื้องหลังระบบใหม่
กลโกงที่พบบ่อยในวงการโบรกเกอร์
- ราคาไม่ตรงกับตลาดจริง (Price Manipulation) โดยเฉพาะในโบรกเกอร์ประเภท Market Maker
- ปรับแต่งเส้นกราฟหรือราคาย้อนหลัง เพื่อทำให้บางคำสั่ง SL หรือ TP ไม่ทำงานตามจริง
- รีโควต (Requote) หรือเลื่อนคำสั่งจนทำให้นักเทรดเสียเปรียบ
- ถอนเงินล่าช้าหรือไม่สามารถถอนเงินได้เลยในบางกรณี
- สร้างโปรแกรมแทรกแซงระบบเทรด เช่น ทำให้เกิด Slippage บ่อยผิดปกติ
ตัวอย่างจากเรื่องจริง
- มีเคสของเทรดเดอร์ในไทยที่เทรดกับโบรกเกอร์ต่างประเทศแห่งหนึ่ง พบว่าเส้นกราฟ EURUSD ต่างจาก TradingView อย่างเห็นได้ชัด
- ทำให้ SL ถูกกระตุ้นก่อนเวลา ทั้งที่ตลาดจริงไม่ได้วิ่งไปถึงจุดนั้น
- สุดท้ายเทรดเดอร์คนนั้นก็แจ้งเรื่อง แต่โบรกเกอร์อ้างว่า “ข้อมูลมาจากแหล่งเฉพาะของบริษัท” แน่นอนว่าจากที่ไหนก็ไม่รู้
ยังไงก็ตามลองอ่านจากเรื่องจริงดูก่อนจากรีวิวบนเว็บไซต์ว่า โบรกเกอร์ Forex ที่น่าเชื่อถือที่สุด เป็นอย่างไร ?
คนไทยเข้าใจถึงคำว่าบล็อกเชนในยุคแรก ๆ ก็คือ การซื้อขาย คริปโต โดยบริษัท Bitkub ของคุณ ท็อป ก็สร้างปรากฎการณ์ใหม่ ๆ ที่ทำให้คนไทยรู้จักการเทรด และ การซื้อเหรียญคริปโตฯมากขึ้น
เทคโนโลยี Blockchain เข้ามาแก้ปัญหาตรงไหน
- ทุกธุรกรรมบน Blockchain สามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ทันที โดยไม่มีใครแก้ไขข้อมูลได้
- การใช้ Blockchain ในระบบหลังบ้านของโบรกเกอร์ ช่วยให้ราคามีแหล่งที่มาแน่ชัดจากหลายแหล่ง (Decentralized Price Feed)
- การโอนเงิน ฝาก-ถอน จะสามารถติดตามเส้นทางธุรกรรมได้ทุกขั้นตอน ลดความคลุมเครือ
- ทำให้ โบรกเกอร์ ไม่สามารถดัดแปลงข้อมูลหรืออ้างปัญหาเทคนิคโดยไม่มีหลักฐาน
ตัวอย่างจากเรื่องจริง
- แพลตฟอร์ม dYdX ใช้เทคโนโลยี Layer 2 ของ Ethereum
- ทุกคำสั่งซื้อขายจะถูกบันทึกไว้อย่างโปร่งใสและปลอดภัย
- ข้อมูลการเทรดไม่สามารถลบหรือแก้ไขย้อนหลังได้
- นักลงทุนสามารถตรวจสอบประวัติการซื้อขายทั้งหมดได้แบบเปิดเผย
- ไม่มีใครสามารถแอบโกงหรือเปลี่ยนราคาย้อนหลังได้
ความโปร่งใสในการทำธุรกรรมที่ตรวจสอบได้
- ทุกการเคลื่อนไหวของเงิน เช่น การฝากเข้า ถอนออก การส่งคำสั่งซื้อขาย สามารถดูบนระบบ Blockchain ได้
- นักลงทุนสามารถตรวจสอบธุรกรรมย้อนหลังได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องพึ่งฝ่ายซัพพอร์ต
- ในบางระบบ การเทรดสามารถรันผ่าน Smart Contract ที่มีเงื่อนไขแน่นอนและแก้ไขไม่ได้
ตัวอย่างจากเรื่องจริง
- ในแพลตฟอร์มอย่าง GMX หรือ Uniswap ทุกคำสั่งซื้อขายจะถูกบันทึกบนบล็อกเชน เช่น Arbitrum หรือ Ethereum
- ระบบจะแสดงข้อมูลคำสั่งซื้อขายทั้งหมดอย่างชัดเจน
- เห็นได้ว่าใครเปิดออร์เดอร์เมื่อไหร่ และเทรดขนาดเท่าไร
- ไม่มีการซ่อนคำสั่งซื้อขายขนาดใหญ่เหมือนบางโบรกเกอร์
- นักเทรด สามารถตรวจสอบข้อมูลเหล่านี้ได้ด้วยตัวเองตลอดเวลา
จากจุดเริ่มต้นของทั้ง Bitcoin และ Ethereum จากหลักพัน สู่หลักล้าน ตอนนี้ราคาล่าสุดเมื่อช่วงกลางปี 2568 บิตคอยอยู่ที่ 3.4 ล้านบาทไทย ส่วน ETH อยู่ที่ 81,873 บาทไทย
Smart Contract ลดข้อพิพาทระหว่างนักเทรดกับโบรกเกอร์
- Smart Contract คือชุดคำสั่งที่ทำงานอัตโนมัติบน Blockchain เมื่อเงื่อนไขตรง ระบบจะประมวลผลทันทีโดยไม่มีมนุษย์เข้ามาแทรกแซง
- ตัวอย่างเช่น การจ่ายกำไรหลังจบคำสั่งเทรด หรือการตัด Margin ถ้าระดับต่ำเกินกว่าที่กำหนด
- ลดข้อโต้แย้งเรื่องการคำนวณกำไร-ขาดทุน เพราะทุกอย่างถูกตั้งค่าล่วงหน้าแบบโปร่งใส
ตัวอย่างจากเรื่องจริง
- ในปี 2023 เทรดเดอร์หลายคนเปลี่ยนมาใช้ Perpetual Protocol
- เพราะเทรดผ่าน Smart Contract โดยตรง ไม่มีคนกลางเข้ามาควบคุม
- สาเหตุที่เปลี่ยนเพราะเคยโดนโบรกเกอร์ปฏิเสธจ่ายกำไรจากการเทรดช่วงข่าว
- โบรกเกอร์อ้างว่า “ห้ามเก็บกำไรจากความผันผวนช่วงข่าวแรง” แต่ไม่เคยแจ้งเงื่อนไขนี้ล่วงหน้า
- การใช้ Perpetual Protocol ทำให้เทรดเดอร์มั่นใจได้ว่ากำไรจะถูกจ่ายจริง ไม่มีการโกง
ข้อจำกัดของ Blockchain ในการป้องกันการโกง
- ถึง Blockchain จะป้องกันการแก้ไขข้อมูลได้ แต่ไม่ได้กันไม่ให้ “คน” ที่อยู่เบื้องหลังโกง
- หากโบรกเกอร์แค่ใช้ชื่อว่าใช้ Blockchain แต่ไม่มีการเปิดเผยหรือเชื่อมต่อให้ตรวจสอบได้จริง ก็ยังโกงได้อยู่
- ความเข้าใจของนักลงทุนส่วนใหญ่ยังต่ำ จึงเป็นช่องทางให้บางโบรกเกอร์ใช้ชื่อ Blockchain เพื่อการตลาด
ตัวอย่างจากเรื่องจริง
- มีโบรกเกอร์แห่งหนึ่งอ้างว่าใช้เทคโนโลยี Blockchain
- แต่เมื่อตรวจสอบจริง ๆ พบว่าไม่มีระบบ Explorer ให้ดูข้อมูล
- ไม่มีข้อมูลธุรกรรมใด ๆ บน Public Chain จริง
- แค่ใช้คำว่า Blockchain เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือบนหน้าเว็บไซต์
- เบื้องหลังยังคงใช้ระบบปิดแบบเดิมเหมือนโบรกเกอร์ทั่วไป
ภาพอธิบายว่า กลโกงที่พบบ่อยกับโบรกเกอร์ Forex แน่นอนเลยว่ามีผลกระทบแน่ เพราะถูกเอาเปรียบจากโบรกเกอร์ จากภาพ กราฟของโบรกเกอร์ A และ B ต่างกัน บางครั้งโบรกเกอร์ที่รับกินเองก็แต่งกราฟเพื่อให้ออเดอร์เรา Stop Loss
โบรกเกอร์ที่ใช้ Blockchain มีลักษณะอย่างไร
- มักจะเปิดเผยระบบหลังบ้านให้ตรวจสอบได้ เช่น มี Public Explorer ให้ดูธุรกรรม
- ให้บริการ Wallet ที่อยู่บนเครือข่าย Blockchain จริง ไม่ใช่แค่กระเป๋าในระบบปิด
- บางรายอาจเปิดให้เทรดบนแพลตฟอร์มแบบ DEX (Decentralized Exchange) ที่ไม่มีตัวกลางเลย
- มีระบบ Smart Contract สำหรับการจับคู่คำสั่งซื้อขายโดยอัตโนมัติ
ตัวอย่างจากเรื่องจริง
- เทรดเดอร์สาย DeFi มักนิยมใช้โบรกเกอร์อย่าง dYdX, GMX หรือ Level Finance
- แพลตฟอร์มเหล่านี้เปิดให้ตรวจสอบทุกคำสั่งซื้อขายบน Blockchain ได้จริง
- สามารถตรวจสอบ Pool Liquidity หรือสภาพคล่องของกองทุนได้ด้วยตัวเอง
- ไม่มีตัวกลางแทรกแซงหรือแก้ไขคำสั่งซื้อขาย
- คนที่เคยโดนโบรกเกอร์โกงราคา จึงเริ่มหันมาเทรดบนแพลตฟอร์มเหล่านี้มากขึ้น
ตัวอย่างโบรกเกอร์ที่นำ Blockchain มาใช้จริง
- มีโบรกเกอร์บางรายที่นำระบบเทรดเชื่อมกับ Smart Contract เช่น dYdX, GMX ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มเทรดแบบ Decentralized
- มีการจ่ายผลตอบแทนหรือโบนัสผ่าน Token บนเครือข่าย Blockchain
- บางแพลตฟอร์มให้ตรวจสอบการจับคู่คำสั่งเทรดบนเครือข่ายจริง ช่วยเพิ่มความโปร่งใส
ตัวอย่างจากเรื่องจริง
- dYdX เป็นหนึ่งใน DEX Futures ที่ทำงานบน Layer 2 ของ Ethereum
- คำสั่งซื้อขายทั้งหมดจะถูกประมวลผลผ่านเทคโนโลยี StarkEx
- ข้อมูลการเทรดทุกอย่างโปร่งใส สามารถตรวจสอบย้อนหลังได้
- คนที่เคยเทรด Binary Options หรือ Forex แล้วถูกปฏิเสธกำไรหันมาใช้แพลตฟอร์มนี้
- เพราะ dYdX ไม่มี “คนกลาง” มาควบคุมหรือเปลี่ยนนโยบายภายหลัง
นักเทรดควรพิจารณาอย่างไรเมื่อต้องเลือกโบรกเกอร์
- ดูว่าโบรกเกอร์มีการใช้ Blockchain จริงหรือแค่ใช้คำโฆษณา
- ตรวจสอบว่าระบบสามารถเปิดให้ดูธุรกรรมย้อนหลังได้จริงหรือไม่
- เลือกโบรกที่มีประวัติการดำเนินการชัดเจน และมีผู้ใช้งานรีวิวไว้ในแหล่งที่เชื่อถือได้
- ให้ความสำคัญกับความโปร่งใส มากกว่าระบบฝากถอนเร็วหรือโบนัสสูง
ตัวอย่างจากเรื่องจริง
- เทรดเดอร์รายหนึ่งเคยโดนโบรกเกอร์ปิดพอร์ตโดยไม่มีเหตุผลชัดเจน
- จึงเริ่มศึกษาว่าโบรกเกอร์ไหนมีความโปร่งใสและน่าเชื่อถือบ้าง
- พบรีวิวบน Reddit ว่าโบรกเกอร์หลายรายแค่เอาคำว่า Blockchain มาใช้ในเว็บ แต่ไม่ได้เปิดให้ตรวจสอบข้อมูลจริง
- เทรดเดอร์รายนั้นจึงเปลี่ยนไปใช้โบรกเกอร์ที่มี Public Explorer และข้อมูลธุรกรรมที่ตรวจสอบได้ทั้งหมด
- การใช้โบรกเกอร์แบบนี้ช่วยเพิ่มความมั่นใจและลดความเสี่ยงถูกโกง
ตัวอย่างโบรกเกอร์ที่ใช้ BlockChain ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการซื้อขาย คริปโตฯ แต่ใน Forex ยังไม่มีเห็นโบรกไหนที่ใช้ระบบนี้
คลิปที่น่าสนใจ
ขอแนะนำคลิปอธิบาย BlockChain คืออะไร ? ทำไมมันถึงเปลี่ยนโลก จากช่อง
ฉันเรียนรู้มากมาย ที่อธิบายถึงบล็อคเชนไว้ได้อย่างเข้าใจในทุกแง่มุม ที่จะทำให้เจอเหตุผลที่เปลี่ยนโลกใบนี้ได้
- 00:30 อธิบายจุดประสงค์การสร้าง Blockchain และระบบ Centralize
- 04:25 อธิบายหลักการทำงานของ Blockchain เบื้องต้น
- 05:55 ประโยชน์ของ Blockchain
- 09:55 การนำ Blockchain ไปประยุกต์ใช้ในเรื่องต่างๆ
สรุป
- Blockchain เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการเพิ่มความโปร่งใสและลดการโกง
- แต่ไม่ได้เป็นคำตอบสุดท้ายถ้าโบรกเกอร์ไม่ยอมเปิดระบบให้ตรวจสอบได้
- นักเทรดต้องรู้เท่าทัน และพิจารณาทั้งระบบเทคโนโลยีและพฤติกรรมของ โบรกเกอร์ ร่วมกัน
ถ้าพูดถึง โบรกเกอร์แบบดั้งเดิมที่ใช้ระบบโปร่งใสเหมือน DeFi หรือ Blockchain แบบ 100% ตอนนี้ยังแทบไม่มีครับ
เหตุผลคือ
- โบรกเกอร์ทั่วไปยังคงใช้ระบบปิด (Centralized) ที่มีตัวกลางคุมการซื้อขาย
- ระบบโปร่งใส 100% เหมือน DeFi ยังไม่แพร่หลายในตลาดโบรกเกอร์แบบดั้งเดิม
- โบรกเกอร์ที่ใช้ Blockchain จริง ๆ เป็นแพลตฟอร์ม DeFi หรือโปรโตคอลบนบล็อกเชนมากกว่า ไม่ใช่โบรกเกอร์ธรรมดา
ถ้าอยากลองแพลตฟอร์มที่โปร่งใสแบบนี้ ต้องดูที่ DeFi Trading Platforms
- dYdX
- GMX
- Perpetual Protocol
- Uniswap (สำหรับการแลกเปลี่ยนเหรียญ)
- Level Finance
ซึ่งเป็นระบบเทรดแบบไม่มีคนกลาง (Non-Custodial) โปร่งใส ตรวจสอบได้จริง โบรกเกอร์ดั้งเดิมที่โปร่งใสแบบนี้ยังไม่ค่อยมีระบบโปร่งใสในวงการเทรดยุคนี้มักอยู่ในรูปแบบของ DeFi Platforms มากกว่า
อ้างอิง:
- What is blockchain?: https://www.ibm.com/think/topics/blockchain
- Best Online Brokers for Crypto Trading for June 2025: https://www.investopedia.com/the-best-online-brokers-for-crypto-trading-8765274
- รู้จัก Blockchain (บล็อกเชน) เทคโนโลยีเบื้องหลังการเงินดิจิทัล: https://www.bitkub.com/th/blog/what-is-blockchain-61fa068b1001
- Forex Trading Using Blockchain: https://mondfx.com/forex-trading-using-blockchain/
FAQ – Blockchain ช่วยลดการโกงของโบรกเกอร์ ได้จริงไหม?