Swap Forex คืออะไร

  • Swap คือดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นจากการถือสถานะ (Position) ค้างคืนใน ตลาด Forex
  • เนื่องจาก Forex คือการแลกเปลี่ยนสกุลเงิน 2 สกุล ที่มีอัตราดอกเบี้ยแตกต่างกัน การถือข้ามคืนจึงต้องมีการชดเชยดอกเบี้ยระหว่างสกุลเงินทั้งสอง
  • Swap จึงเป็น “ค่าธรรมเนียมดอกเบี้ย” ที่โบรกเกอร์คิดหรือจ่ายให้กับนักเทรด ขึ้นอยู่กับทิศทางการถือสัญญา (ซื้อหรือขาย) และอัตราดอกเบี้ยของสกุลเงินนั้น ๆ
  • นักเทรดต้องเข้าใจ Swap เพราะมันมีผลต่อผลตอบแทนและต้นทุนการเทรดโดยเฉพาะเมื่อถือสถานะนาน ๆ

ทำไมต้องมี Swap ในตลาด Forex

  • ตลาด Forex เปิดตลอด 24 ชั่วโมง ยกเว้นวันหยุดสุดสัปดาห์
  • การเทรด Forex เป็นการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่มีอัตราดอกเบี้ยต่างกัน
  • หากไม่มี Swap การถือสถานะข้ามคืนก็เหมือนการ “กู้ยืม” เงินตราหนึ่งเพื่อแลกเปลี่ยนอีกรายหนึ่งโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ซึ่งไม่เหมาะสม
  • Swap จึงเป็นวิธี “เก็บดอกเบี้ย” หรือ “จ่ายดอกเบี้ย” เพื่อสะท้อนต้นทุนหรือรายได้จากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยของสกุลเงิน

ภาพอธิบายความหมายของ Swap กับ การถือออเดอร์หนึ่งไว้ข้ามคืน ต้องระวังโดยเฉพาะสายถือยาว ซึ่งถ้าเป็นบัญชี Free Swap จะไม่มีตรงนี้ แน่นอนว่าดอกเบี้ยตรงนี้มีทั้งได้ และ เสีย 

ประเภทของ Swap ในการเทรด Forex

1. Swap บวก (Positive Swap)

  • คือการที่คุณ “ได้รับ” เงินค่า Swap เข้ามาในบัญชีเทรดเมื่อถือออเดอร์ข้ามคืน 
  • ตัวอย่างจริง → สมมติว่าคุณดูข้อมูลคู่เงิน EURUSD แล้วเห็นค่า Swap = Swap long: -9.13 | Swap short: +5.76
  • ในกรณีนี้ ถ้าคุณ เปิดสถานะขาย (Short) EURUSD จำนวน 1 standard lot แล้วถือข้ามคืน คุณจะได้รับเงินค่า Swap 5.76 usd/lot เข้าบัญชี 
  • เพราะเมื่อคุณ ขาย (Short) EURUSD = คุณกำลัง “กู้” สกุลเงินตัวหน้า (EUR) มาขาย และ “ถือ” สกุลเงินตัวหลัง (USD) ไว้ ซึ่งจากค่าสวอป ก็เข้าใจได้ว่าอัตราดอกเบี้ยของ USD ที่ถืออยู่นั้น สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยของ EUR ที่กู้มา โบรกเกอร์จึงจ่ายส่วนต่างดอกเบี้ยนั้นให้กับคุณ

2. Swap ลบ (Negative Swap)

  • คือการที่คุณ “ต้องจ่าย” เงินค่า Swap ออกจากบัญชีเทรดเมื่อถือออเดอร์ข้ามคืน
  • ตัวอย่างจริง → จากข้อมูลคู่เงิน EURUSD เดียวกัน ค่า Swap = Swap long: -9.13 | Swap short: +5.76
  • ในกรณีนี้ ถ้าคุณ เปิดสถานะซื้อ (Long) EURUSD จำนวน 1 standard lot แล้วถือข้ามคืน คุณจะต้องจ่ายเงินค่า Swap 9.13 usd/lot 
  • เพราะเมื่อคุณ ซื้อ (Long) EURUSD คุณกำลัง “ถือ” สกุลเงินตัวหน้า (EUR) และ “กู้” สกุลเงินตัวหลัง (USD) มาเพื่อซื้อ ซึ่งอัตราดอกเบี้ยของ EUR ต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยของ USD ทำให้คุณต้องเป็นผู้จ่ายส่วนต่างดอกเบี้ย

3. Swap เป็นศูนย์ (Zero Swap)

  • นี่คือบัญชีประเภท Swap-Free (หรือที่เรียกว่า Islamic Account) ซึ่งโบรกเกอร์จะไม่คิดหรือจ่ายค่า Swap ไม่ว่าคุณจะเปิดสถานะซื้อหรือขาย แล้วถือข้ามคืนก็ตาม 
  • เหมาะกับใคร → เทรดเดอร์ที่ต้องการหลีกเลี่ยงการจ่ายดอกเบี้ยตามหลักศาสนาอิสลาม และเทรดเดอร์ที่เน้นถือนานๆ แล้วไม่ต้องการแบกรับต้นทุนค่า Swap ที่ติดลบ 
  • ข้อควรระวัง → โบรกเกอร์บางรายอาจมีค่าธรรมเนียมอื่นมาทดแทน เช่น ค่าคอมมิชชั่นที่สูงขึ้น, สเปรดที่กว้างขึ้น หรือค่าธรรมเนียมการดูแลบัญชี  ต้องตรวจสอบเงื่อนไขให้ดีก่อนใช้งาน
  • ทีมงาน Thai Broker Forex รวบรวมรายชื่อโบรกเกอร์ที่มีบัญชี swap-free มาให้แล้ว → รวมโบรกเกอร์ Forex ให้บริการ ฟรี Swap

วิธีดู Swap ในแพลตฟอร์มเทรดต่าง ๆ

  • แพลตฟอร์มเทรด เช่น MetaTrader 4 (MT4), MetaTrader 5 (MT5) จะแสดงข้อมูล Swap ในหน้ารายละเอียดคู่เงิน (Symbol Specification)
  • ใน MT4/MT5 
    • เข้าไปที่ Market Watch 
    • คลิกขวา  Symbols 
    • เลือกคู่เงิน Properties 
    • จะเห็นข้อมูล Swap Long (ซื้อ) และ Swap Short (ขาย) เป็นจำนวนจุด (Points) หรือ USD
  • นอกจากนี้สามารถดู Swap ในหน้าต่าง “Trade” ได้เมื่อเปิดสถานะ
  • *บาง โบรกเกอร์ แสดง Swap เป็นค่าเงิน (เช่น USD ต่อ ล็อต) หรือเป็นจำนวน Pip/Points ขึ้นอยู่กับโบรกเกอร์และประเภทบัญชี

วิธีคำนวณ Swap อย่างละเอียด

โบรกเกอร์ส่วนใหญ่จะแสดงค่า Swap เป็นสกุลเงินของบัญชีต่อ 1 ล็อตมาตรฐาน (เช่น USD/Lot) ทำให้การคำนวณทำได้ง่ายและตรงไปตรงมา โดยไม่จำเป็นต้องใช้สูตรที่ซับซ้อน

สูตรการคำนวณ

  • เมื่อได้ค่า Swap เป็น USD/Lot จากแพลตฟอร์มเทรดแล้ว สามารถใช้สูตรนี้ได้ทันที:
  • ค่า Swap ทั้งหมด = ค่า Swap (USD/Lot) × ขนาดล็อตที่เทรด × จำนวนวันที่คิด Swap

ตัวอย่างการคำนวณ Swap ในสถานการณ์จริง

  • ตัวอย่างที่ 1 การคำนวณ Swap ลบ (จ่ายเงิน)
  • ต้องการซื้อ (Long) 0.5 lot ของทองคำ (XAUUSD) ที่มีค่า Swap Long = -4.50 USD/Lot และถือข้ามคืน 1 คืน (ไม่ใช่วันพุธ เพราะวันพุธจะมีการคิดค่า swap 3 เท่า ชดเชยเสาร์/อาทิตย์ที่ตลาดปิด)
  • วิธีคำนวณค่า Swap (USD) = (-4.50 USD) × (0.5 ล็อต) × (1 วัน)
  • สรุปคุณจะต้องจ่ายค่า Swap ทั้งหมด -2.25 USD

  • ตัวอย่างที่ 2: การคำนวณ Swap บวก (ได้เงิน) + กฎ 3 เท่าวันพุธ
  • ต้องการขาย (Short) 1.5 lot ของคู่เงิน EURUSD ที่มีค่า Swap Short = +2.80 USD/Lot และถือออเดอร์ข้ามคืนของวันพุธ (ซึ่งจะถูกคิด Swap เป็น 3 เท่า)
  • วิธีคำนวณค่า Swap (USD) = (+2.80 USD) × (1.5 ล็อต) × (3 วัน)
  • สรุปคุณจะได้รับค่า Swap ทั้งหมด +12.60 USD

ตัวอักษร A เผยถึงวิธีการเข้าตรวจสอบค่า Swap – คลิกขวาที่คู่เงิน ไปที่ Specification จะขึ้นหน้าต่างดังภาพ โดยจะระบุว่า Swap ทางฝั่งไหน เป็น + หรือ ลบ และแน่นอนเลยว่า Rates การคิด วันพุธจะคิด 3 เท่า รวมวันหยุด

ปัจจัยที่มีผลต่อการเกิด Swap

  • อัตราดอกเบี้ยของแต่ละสกุลเงินในตลาดโลก (เช่น FED Rate, ECB Rate)
  • นโยบายของโบรกเกอร์ที่อาจปรับอัตรา Swap เพื่อให้สอดคล้องกับตลาด
  • ช่วงเวลาที่ถือสถานะข้ามคืน โดยปกติจะคิด Swap ในช่วงเวลาปิดตลาด (overnight) ของแต่ละตลาด
  • วันพิเศษ เช่น วันพุธ-พฤหัส จะคิด Swap 3 เท่า เพราะรวมวันหยุดสุดสัปดาห์
  • ประเภทบัญชีเทรด เช่น บัญชี Swap Free จะไม่มีการคิด Swap

ผลกระทบของ Swap ต่อต้นทุนการเทรด

  • Swap ที่เป็นลบจะเป็นต้นทุนเพิ่มขึ้นสำหรับนักเทรด ยิ่งถือสถานะนานต้นทุนยิ่งสูง
  • Swap ที่เป็นบวกจะช่วยเพิ่มกำไรหรือลดต้นทุนการถือสถานะได้
  • การไม่เข้าใจ Swap อาจทำให้ขาดทุนมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว
  • สำหรับนักเทรดที่ถือสถานะสั้น (Day Trading) ค่า Swap อาจไม่มีผลมากนัก แต่สำหรับการถือสถานะยาว (Swing หรือ Position Trading) Swap สำคัญมาก
  • Swap ส่งผลต่อการบริหารความเสี่ยงและการวางแผนเทรด

Swap กับการถือสถานะข้ามคืน (Overnight Position)

  • ตลาด Forex จะคิด Swap เมื่อสถานะถูกถือข้ามวันตลาด (โดยปกติเวลาประมาณ 22:00-23:59 GMT หรือเวลาที่โบรกเกอร์กำหนด)
  • การถือข้ามคืนหมายถึงสถานะยังไม่ปิดก่อนเวลานี้ จะถูกคิด Swap
  • หากถือข้าม 3 คืนในวันพุธ จะคิด Swap เป็น 3 เท่า เพื่อรวมวันหยุดสุดสัปดาห์
  • การเข้าใจเวลาคิด Swap ช่วยวางแผนเวลาปิดสถานะเพื่อประหยัดต้นทุน

ความแตกต่างของ Swap กับค่าธรรมเนียมอื่น ๆ ในการเทรด

  • Swap คือดอกเบี้ยจากการถือสถานะข้ามคืน
  • ค่าคอมมิชชั่น คือค่าธรรมเนียมที่โบรกเกอร์เรียกเก็บต่อการเปิด-ปิดออร์เดอร์
  • สเปรด คือส่วนต่างราคาซื้อและราคาขายที่โบรกเกอร์ตั้งไว้
  • ค่าธรรมเนียมอื่น เช่น ค่าฝากถอน, ค่าบริการบัญชี ก็แยกจาก Swap
  • รู้ความแตกต่างช่วยประเมินต้นทุนรวมของการเทรดได้ถูกต้อง

วิธีลดผลกระทบจาก Swap ในการเทรดระยะยาว

  • เลือกเทรดคู่เงินที่มี Swap ต่ำ หรือ Swap เป็นบวก
  • ใช้บัญชี Swap Free หากต้องถือสถานะนาน
  • วางแผนปิดสถานะก่อนเวลาคิด Swap
  • ใช้กลยุทธ์ Scalping หรือ Day Trading เพื่อลดการถือข้ามคืน
  • ติดตามข่าวอัตราดอกเบี้ยโลกเพื่อคาดการณ์ Swap

ภาพแสดงถึงโบรกเกอร์ชื่อดังที่มีทั้งบัญชี Free Swap แต่บางโบรกเกอร์ ก็มีผลิตภัณฑ์บางชนิดที่เสียค่า Swap ดังนั้นแล้วการเลือกบัญชีก็มีความสำคัญมากสำหรับเทรดเดอร์ด้วยเช่นกันครับ ภาพนี้ได้สรุปรวมบัญชี Free Swap จาก Thaibrokerforex.com

ข้อเสียที่แอบแฝงของบัญชี Swap Free

  • ค่าธรรมเนียมหรือค่าบริการอื่นแทน Swap
    บางโบรกเกอร์จะไม่เก็บ Swap แต่เปลี่ยนมาเก็บค่าธรรมเนียมรายวัน รายสัปดาห์ หรือค่าบริการเพิ่มเติมอื่นแทน ซึ่งอาจสูงกว่าค่า Swap ปกติในบางกรณี
  • อาจมีข้อจำกัดเรื่องคู่เงินหรือเครื่องมือเทรด
    บัญชี Swap Free บางโบรกเกอร์อาจจำกัดให้เทรดเฉพาะคู่เงินหลักหรือบางสินทรัพย์เท่านั้น ไม่สามารถเทรดได้ครบทุกประเภทเหมือนบัญชีปกติ
  • สเปรด (Spread) อาจสูงกว่า
    เพื่อทดแทนการไม่คิด Swap โบรกเกอร์บางรายอาจตั้งสเปรดให้สูงขึ้นในบัญชี Swap Free ทำให้ต้นทุนเทรดเพิ่มขึ้น
  • ข้อจำกัดทางด้านกลยุทธ์เทรด
    บางครั้งนักเทรดที่ใช้กลยุทธ์เฉพาะ เช่น Carry Trade อาจเสียโอกาสจากการไม่รับดอกเบี้ย Swap บวกที่ควรจะได้
  • การบริการและโปรโมชั่นอาจไม่เท่ากับบัญชีปกติ
    บัญชี Swap Free อาจไม่ได้รับโปรโมชั่นหรือโบนัสบางประเภทที่บัญชีปกติได้รับ
  • ความซับซ้อนในการเลือกโบรกเกอร์ที่เชื่อถือได้
    ต้องตรวจสอบโบรกเกอร์ให้ดีว่าไม่มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมแอบแฝงหรือปฏิบัติตามเงื่อนไข Swap Free จริง ๆ

คลิปที่น่าสนใจ

  • สำหรับคลิปที่นำมาฝากในวันนี้เป็นเรื่องของ swap คืออะไร ? สั้นๆ ซึ่งอธิบายได้แบบเข้าใจง่ายมาก จากช่อง ครูแบงค์ สอนเทรด
  • โฟกัสนาทีที่ 2.14 เริ่มอธิบาย Swap Short / Long 

สรุป

  • Swap Forex คือดอกเบี้ยที่เกิดจากการถือสถานะข้ามคืนใน ตลาด Forex เนื่องจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยของสกุลเงินคู่ที่เทรด
  • Swap มีทั้งแบบบวก (ได้เงิน) และแบบลบ (จ่ายเงิน) ซึ่งส่งผลต่อต้นทุนและกำไรของนักเทรด
  • ปัจจัยที่ส่งผลต่อ Swap ได้แก่ อัตราดอกเบี้ยตลาดโลก นโยบายโบรกเกอร์ ช่วงเวลาถือสถานะ และวันหยุดสุดสัปดาห์
  • การบริหาร Swap สำคัญสำหรับนักเทรดที่ถือสถานะระยะยาว เพื่อควบคุมต้นทุนและเพิ่มโอกาสทำกำไร
  • บัญชี Swap Free เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการหลีกเลี่ยงการจ่ายหรือรับดอกเบี้ย Swap แต่มีข้อจำกัด เช่น ค่าธรรมเนียมอื่น ๆ หรือสเปรดสูงขึ้น
  • การวางแผนกลยุทธ์เทรดควรคำนึงถึง Swap เพื่อประหยัดต้นทุนและใช้ประโยชน์จาก Swap บวกได้อย่างเหมาะสม
  • วิธีดูและวิธีคำนวณ Swap ได้อธิบายไว้แล้วอย่างละเอียด เพื่อให้นักเทรดสามารถบริหารต้นทุนและความเสี่ยงได้ดีขึ้น
  • เนื้อหาทั้งหมดช่วยให้นักเทรดเข้าใจ Swap อย่างครบถ้วน พร้อมแนวทางปฏิบัติจริงในการบริหารต้นทุนและความเสี่ยงในการเทรด

อ้างอิง

FAQ Swap Forex คืออะไร สำคัญอย่างไร? วิธีดูและการคำนวณ

เพราะโบรกเกอร์บวกส่วนต่างเป็นกำไรเข้าไปใน Swap ด้วย (markup) ต้องเข้าใจว่าค่า Swap ไม่ได้มาจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางเพียวๆ แต่โบรกเกอร์จะบวกค่าธรรมเนียมหรือส่วนต่างของตัวเองเข้าไปด้วย ในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยของ 2 สกุลเงินใกล้เคียงกันมาก ส่วนต่างมันน้อยนิด แต่พอโบรกเกอร์บวกเพิ่มเข้าไป ก็เลยกลายเป็นว่าติดลบทั้งสองฝั่ง ซึ่งโบรกเกอร์พวกนี้เราควรหลีกเลี่ยง
ยากเพราะความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน มันสูงกว่ากำไรจาก Swap หลายเท่าตัว เช่น ได้ Swap วันละ 5 USD จากการถือ Long แต่ถ้าวันนั้นค่าเงินร่วงหนักจนพอร์ตติดลบ 500 USD ก็ไม่เหลือความคุ้มแล้ว Carry Trade จะทำกำไรได้ดีถ้าตลาดมีความผันผวนต่ำ และมีแนวโน้มชัดเจน ซึ่งก็ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ ทำให้ภาพรวมการ Carry Trade แบบจริงๆจังๆ เป็นเกมของกองทุนใหญ่ทุนหนา มากกว่ารายย่อยอย่างเรา
ต้องคม เร็ว และอ่านปฏิทินเป็น เช่น ถ้าเจอคู่เงินที่ให้ Swap บวกฝั่งหนึ่งหนักมากๆ ก็สามารถวางแผนเปิดออเดอร์ในฝั่งบวกนั้นก่อนเวลาปิดตลาดของวันพุธ เพื่อรับ Swap 3 เท่าเต็มๆได้ แล้วพอเปิดตลาดวันพฤหัสฯ ก็รีบหาจังหวะปิดทำกำไรส่วนต่าง  (ต้องถาม live chat ของแต่ละโบรกให้ชัดเจนว่าเซิร์ฟเวอร์ของโบรกเกอร์คิด Swap ตอนกี่โมง) นี่คือกลยุทธ์ระยะสั้นมาก แต่ในทางกลับกัน ถ้าถือออเดอร์ที่ Swap ติดลบหนักๆ อยู่ ถ้าจะรีบปิดออเดอร์ก่อนปิดตลาดวันพุธ ก็เป็นการบริหารต้นทุนที่ดีเช่นกัน
ได้ เพราะ Swap ที่เราเห็น คือ อัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคาร บวกกับค่าธรรมเนียมของโบรกเกอร์ ทำให้ค่าสวอปที่แพงผิดปกติ หรือ ติดลบสองฝั่ง ก็เป็นเกณฑ์ที่เราสามารถใช้เลือกโบรกเกอร์ได้เช่นกัน โดยเฉพาะโบรกที่หมกเม็ดเก็บกินเล็กๆน้อยๆ อย่างค่าสวอป หรือเรทฝากถอนที่แพงมาก เราก็ไม่ควรไปเทรดด้วย ให้เลือกเทรดกับโบรกเกอร์ที่มีชื่อเสียงและอยู่ภายใต้การกำกับดูแลที่เข้มงวด เพราะโบรกเกอร์พวกนี้แคร์ชื่อเสียง จนไม่กล้าปรับเรตน่าเกลียดเพื่อเอาเปรียบลูกค้า
ให้เริ่มจากภาพใหญ่ก่อน คือดูนโยบายอัตราดอกเบี้ย ของธนาคารกลางแต่ละประเทศ แล้วมองหาประเทศที่ดอกเบี้ยสูง (เช่น สหรัฐฯในช่วงขึ้นดอกเบี้ย) เอามาจับคู่กับประเทศที่ดอกเบี้ยต่ำหรือติดลบ (เช่น ญี่ปุ่น) ก็จะได้คู่เงินที่มีแนวโน้มให้ Swap บวกแล้ว ก็ค่อยมาเปิดดูค่า Swap ของโบรกเกอร์ที่ใช้ เพื่อยืนยันตัวเลขอีกที เพราะต้องระหว่างว่าโบรกเกอร์แต่ละเจ้าคิดค่า Swap ไม่เท่ากัน ต้องมีตัวเลือกไว้เสมอ มีโบรกหลัก โบรกรอง ที่เอาไว้เล่นสวอปบ้าง ฟรีสวอปบ้าง

 

เขียนโดย

Somchai Witthtaya

ผู้ตรวจทานความถูกต้อง

Chonthicha Poomidon