เข้าใจพื้นฐานของตลาดน้ำมัน
- บทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจโลก
- น้ำมันดิบ (Crude Oil) เป็นพลังงานหลักของโลก
- ใช้ในอุตสาหกรรม
- การคมนาคม
- การผลิตไฟฟ้า
- การเปลี่ยนแปลงของราคาน้ำมันจึงส่งผลต่อเงินเฟ้อ ต้นทุนการผลิต และค่าเงินของหลายประเทศ
- เมื่อราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นในปี 2022 จากสงครามรัสเซีย–ยูเครน ทำให้ต้นทุนขนส่งทั่วโลกพุ่งและดันเงินเฟ้อในสหรัฐฯ และยุโรปขึ้นอย่างรวดเร็ว
- น้ำมันดิบ (Crude Oil) เป็นพลังงานหลักของโลก
- ความสัมพันธ์กับค่าเงินดอลลาร์ (USD)
- น้ำมันซื้อขายเป็นดอลลาร์สหรัฐเป็นหลัก หากค่าเงินดอลลาร์แข็ง น้ำมันจะมีราคาสูงขึ้นสำหรับผู้ถือเงินสกุลอื่น ความต้องการจึงอาจลดลง
- เมื่อ FED ขึ้นดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วในปี 2023 ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นทันที กดดันราคาน้ำมันให้ปรับลงชั่วคราว
ปัจจัยหลักที่มีผลต่อราคาน้ำมัน
- อุปสงค์–อุปทาน (Demand & Supply)
- ความต้องการใช้พลังงานของจีน อินเดีย และสหรัฐฯ เป็นตัวกำหนดสำคัญ
- การลดหรือเพิ่มกำลังผลิตจาก OPEC+ ส่งผลทันที ตัวอย่างเช่น การลดกำลังการผลิต 2 ล้านบาร์เรล/วัน ในปี 2022 ทำให้ราคาดีดตัวแรง
- สถานการณ์เศรษฐกิจและนโยบายการเงิน
- เศรษฐกิจโลกชะลอตัวทำให้ความต้องการน้ำมันลดลง
- ดอกเบี้ยสูงของธนาคารกลางต่าง ๆ กดดันการใช้พลังงาน
- เหตุการณ์ภูมิรัฐศาสตร์และภัยธรรมชาติ
- ความขัดแย้งตะวันออกกลาง
- การคว่ำบาตรอิหร่าน
- พายุเฮอร์ริเคนในอ่าวเม็กซิโก
- เมื่อปี 2019 การโจมตีโรงกลั่นซาอุดีอาระเบีย (Abqaiq) ทำให้ราคาน้ำมันพุ่งกว่า 10% ภายในวันเดียว
ภาพแสดงถึงความสัมพันธ์ของน้ำมัน กับ ค่าเงินดอลลาร์ ถ้าหากว่า ค่าเงินแข็ง ราคาน้ำมันจะสูงขึ้น ถ้าเงินดอลลาร์อ่อนค่า ค่าน้ำมันก็จะลดลง
ข่าวสำคัญที่นักเทรดน้ำมันต้องติดตาม
- หากคุณอยากจะเทรดน้ำมัน ต้องติดตามข่าวสารจากแหล่งข่าวสำคัญ
- การอ่านตัวเลขจากข่าว จะทำให้มองหน้าเทรดได้มั่นใจมากขึ้น
- อย่าลืม! เทคนิคสำคัญของการเทรดที่จะแนะนำให้
EIA Weekly Report
- ทุกวันพุธ 10:30 ET ประมาณพฤหัสเช้าตามเวลาไทย
- สต็อกลด เท่ากับว่าอุปทานตึงตัว ราคาน้ำมันอาจจะพุ่ง ให้มองหาโอกาส Buy
- สต็อกเพิ่ม เท่ากับว่าอุปทานล้น ราคามักอ่อนลง ให้มองหาโอกาส Sell
- แนะนำการเทรดว่าในช่วงประกาศสเปรดกว้าง ให้ตั้ง Pending Order หรือรอ 5–10 นาทีค่อยเข้า ลดความเสี่ยง slippage
API Weekly Report
- คืนวันอังคาร (สหรัฐ) แต่จะเป็นเช้าวันพุธในประเทศไทย
- เป็นตัวบอกทิศทางล่วงหน้า 1 วันก่อน EIA แต่แม่นยำน้อยกว่า
- ถ้า API รายงาน “draw” มากกว่าคาด ตลาดมักคาดการณ์ว่าข่าว EIA จะเป็นบวก โดยราคาอาจขึ้นก่อนประกาศจริง
การประชุม OPEC/OPEC+
- การประกาศลดหรือเพิ่มกำลังการผลิต
- ลดกำลังผลิต เท่ากับว่า Supply หด ราคาน้ำมันพุ่ง
- เพิ่มกำลังผลิต เท่ากับว่า Supply เพิ่ม ราคามักจะอ่อนลง
- เป็นข่าวใหญ่ที่ขยับเทรนด์กลาง ถึงระยะยาว ควรที่จะต้องดูกราฟ Daily/Weekly จับแนวโน้ม และอย่าลืมติด Stop Loss กว้างขึ้นด้วย
รายงาน IEA (รายเดือน)
- คาดการณ์ความต้องการพลังงานทั่วโลกและประเมินอุปทานจากประเทศใหญ่ ๆ
- ถ้า IEA ปรับเพิ่มคาดการณ์อุปสงค์ ทำให้เกิด Sentiment เชิงบวก ราคาน้ำมันแข็งค่า
- ใช้เป็นข้อมูลสำหรับการวาง Swing Trade หรือปรับพอร์ตถือยาว
เหตุการณ์ภูมิรัฐศาสตร์
- ข่าวสงคราม
- ข่าวการคว่ำบาตร
- การโจมตีท่อส่ง หรือ โรงงานผลิต
- พายุเฮอริเคนในอ่าวเม็กซิโก
- ราคาน้ำมันสามารถกระโดดหลายดอลลาร์ในไม่กี่นาที
- อย่างที่ทราบกันดีว่าข่าวต่าง ๆ อาจจะเกิดขึ้นจากความตึงเครียดที่จะต้องติดตามกันเป็นรายวัน
ข้อมูลเศรษฐกิจใหญ่ (US/China/EU)
- GDP, PMI, NFP, ดัชนีภาคการผลิต
- หากเศรษฐกิจขยายตัว เท่ากับว่า ความต้องการพลังงานเพิ่ม ทำให้ ราคาน้ำมันมีแนวโน้มขึ้น
- ข้อมูลสหรัฐกระทบค่าเงิน USD โดยตรง
- USD แข็ง = ราคาน้ำมัน อาจถูกกดลง
- USD อ่อน = น้ำมันมักได้แรงหนุน
ภาพตัวอย่าง EIA Weekly Reports ที่มีการรายงานทุกวันพุธ ตามเวลาประเทศไทยก็ประมาณ เช้าวันพฤหัสบดี โดยรายละเอียดในตัวเลขก็จะเทียบกันเป็นสัปดาห์ และ ปีก่อน
เทคนิคการอ่านและตีความข่าว
- เทียบตัวเลขคาดการณ์กับผลจริง
- ยกตัวอย่าง EIA: คาดการณ์ลดลง 2 ล้านบาร์เรล แต่ประกาศลดเพียง 0.5 ล้าน ราคามักปรับลงเพราะซัพพลายยังล้นตลาด
- ประเมินผลกระทบระยะสั้นและยาว
- ข่าวพายุเฮอร์ริเคนที่อ่าวเม็กซิโกอาจผลักราคาขึ้นในสัปดาห์เดียว แต่ไม่ส่งผลยาวถ้าโครงสร้างพื้นฐานฟื้นตัวเร็ว
- จับสัญญาณตลาดล่วงหน้า (Market Sentiment)
- สังเกตราคาฟิวเจอร์ส WTI หรือ Brent ล่วงหน้าว่ามีการซื้อขายผิดปกติหรือไม่
- ดูค่า Spread ระหว่างสัญญาใกล้หมดอายุกับระยะยาว เพื่อคาดทิศทาง
กลยุทธ์เทรดน้ำมันตามข่าว
- เทรดตามเทรนด์ (Trend Following)
- ใช้ Moving Average 50/200 วัน หรือ Trendline ยืนยันทิศทางหลังข่าวสำคัญ
- ตัวอย่างเช่น หลัง OPEC ประกาศลดกำลังการผลิตและราคาอยู่เหนือเส้น MA 50 วัน สามารถเปิด Long ตามเทรนด์
- Breakout Trading
- รอให้ราคาทะลุแนวต้าน/แนวรับสำคัญหลังข่าวแรง พร้อมปริมาณซื้อขายสูง
- Scalping หรือ News Trading
- เหมาะกับนักเทรดที่มีประสบการณ์ ใช้สเปรดต่ำ เช่น บัญชี ECN
- ตั้ง Stop Loss ชัดเจน ป้องกันการผันผวนจากสภาพคล่องบางช่วง
ในทุกประเด็นที่กล่าวมา นักเทรดที่เพิ่งจะเข้าใจเรื่องการเทรดน้ำมัน ควรใช้ Lot Size แค่ 0.01 ก่อน อีกทั้งมี Stop Loss หรือ Take Profit อย่างมีวินัย เพราะไม่เหมือนการเทรดคู่เงิน หรือ ทองคำ
ภาพแสดงถึงประเทศในกลุ่ม Opec และ ประเทศนอก Opec โดยเจ้าใหญ่คือ ซาอุดิอาราเบีย เป็นผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุด
เครื่องมือและแหล่งข่าวที่ควรใช้
เว็บไซต์ข่าวพลังงาน
ตัวอย่าง: Oilprice.com, Investing.com, Energy Intelligence
- ข้อดี
- รวบรวมข่าวน้ำมันและพลังงานล่าสุดแบบ Real-time
- มีบทวิเคราะห์และบทความเชิงลึก เหมาะกับการดูแนวโน้มตลาด
- ให้ข้อมูลทั้งตลาดโลกและ regional trends
- ข้อเสีย
- ข้อมูลบางส่วนอาจมี bias หรือมุมมองเฉพาะผู้จัดทำ
- ข่าวเร็วแต่บางครั้งยังไม่ได้รับการยืนยันทางการตลาด
- ต้องคัดกรองข้อมูล ไม่ควรเทรดตาม headline ทันที
Economic Calendar
ตัวอย่าง: Forex Factory, DailyFX
- ข้อดี
- ช่วยติดตามประกาศข่าวเศรษฐกิจสำคัญ เช่น EIA, NFP, CPI
- แสดงเวลาประกาศและความสำคัญของข่าว (impact level)
- มีตัวช่วยเตือนล่วงหน้า ทำให้วางแผนล่วงหน้าได้
- ข้อเสีย
- ไม่แสดงทิศทางตลาดหลังข่าวโดยตรง ต้องตีความเอง
- บางครั้งเวลาโซนไม่ตรงกับเวลาของผู้ใช้ ต้องปรับเวลาให้ถูกต้อง
แพลตฟอร์มเทรด
ตัวอย่าง: cTrader, MT5
- ข้อดี
- มีกราฟเทคนิคครบ ทั้ง Moving Average, RSI, MACD, Fibonacci
- บางแพลตฟอร์มมีฟีดข่าวสด (News Feed) ทำให้ติดตามเหตุการณ์ทันที
- สามารถวางคำสั่ง Pending Orders, Stop Loss และ Take Profit ได้สะดวก
- ข้อเสีย
- ข่าวบางครั้งช้า หรือไม่ครบทุกแหล่งข้อมูล
- การวิเคราะห์ต้องใช้ประสบการณ์ ไม่ใช่แค่พึ่ง News Feed
- ฟีเจอร์มากอาจซับซ้อนสำหรับมือใหม่
เทคนิคการเทรดแบบ Breakout มองว่าเป็นกลยุทธ์ที่สามารถทำกำไรได้ตามข่าว เพราะช่วงเวลาที่ไม่มีข่าวนั้น ราคาจะยังคงนิ่ง วิ่งอยู่ในกรอบ
โบรกเกอร์ Forex แบบไหนเหมาะกับการเทรดน้ำมัน
คุณสมบัติสำคัญ
- สินค้าที่ครบ มี WTI, Brent, Natural Gas และพลังงานอื่น ๆ
- สเปรดต่ำ ลดต้นทุนเวลาเทรดในตลาดผันผวน
- Leverage ยืดหยุ่น ปานกลางพอควบคุมความเสี่ยง เช่น 1:10–1:50 แต่สำหรับการเทรดแบบทั่ว ๆ ไป 1:500 ขึ้นไปก็ลองเทรดได้
- แพลตฟอร์มเสถียร MT4/MT5 หรือ cTrader พร้อมกราฟและ Indicators ครบ
- ข่าวสารและวิเคราะห์ มี Research, Market Insight หรือ Feed ข่าวสด1
- ความน่าเชื่อถือ ใบอนุญาตจาก FCA, ASIC, CySEC ฯลฯ
- เลือกโบรกเกอร์ที่ครบเครื่องทั้งสินค้า, เครื่องมือ, ข่าว และน่าเชื่อถือ จะช่วยให้เทรดน้ำมันปลอดภัยและมีโอกาสกำไรสูง
- รวมโบรกเกอร์ที่เหมาะสำหรับการเทรดน้ำมัน
คลิปที่น่าสนใจ
- ขอแนะนำคลิปที่บอกถึง การแตกต่างกันระหว่าง เทรดทอง เทรดน้ำมัน เทรดคู่เงิน
- เพราะความแตกต่างจะอยู่ที่ Volume ในตลาด มีมาก หรือ น้อย เป็นคลิปสั้น ๆให้ความรู้ที่พร้อมให้กับเทคนิคดี ๆ
สรุป
- การเทรดน้ำมันต้องผสมผสานทั้ง ปัจจัยพื้นฐาน + ข่าว + เทคนิคกราฟ ไม่สามารถพึ่งอย่างใดอย่างเดียว
- วางแผนล่วงหน้าเป็นหัวใจสำคัญ เช่น
- ติดตาม กำหนดการ EIA ทุกสัปดาห์ เพื่อจับจังหวะแรงซื้อ-ขาย
- ตั้ง Alert เมื่อราคามีแนวโน้มเบรก MA 50 วัน เพื่อเตรียมเข้าออเดอร์
- ประเมินผลจาก เหตุการณ์ใหญ่ เช่น การประชุม OPEC+ ก่อนเปิดออเดอร์
- วินัยและการจัดการความเสี่ยง คือสิ่งที่ตัดสินอยู่รอด
- ต้องมี จุดตัดขาดทุนชัดเจน แม้ข่าวจะเป็นบวก
- จำไว้ว่า ตลาดน้ำมันผันผวนสูงกว่าคู่เงินทั่วไป
อ้างอิง:
- Saxo Bank – How to trade crude oil: a quick guide:https://www.home.saxo/learn/guides/commodities/how-to-trade-crude-oil
- FOREX.com – How to Start Oil Trading: https://www.forex.com/en-us/trading-guides/how-to-start-oil-trading
- Equiti – Crude Oil trading complete guide & strategies: https://www.equiti.com/sc-en/news/trading-ideas/crude-oil-trading-complete-guide–strategies/
- FXTM – Oil commodity trading: How to trade oil: https://www.forextime.com/education/oil-commodity-trading
- Investopedia – 5 Steps to Making a Profit in Crude Oil Trading: https://www.investopedia.com/articles/investing/100515/learn-how-trade-crude-oil-5-steps.asp
FAQ — เทคนิควิเคราะห์และอ่านข่าวสำหรับเทรดน้ำมัน
- USOIL, WTI, USOUSD = มาตรฐานเรียก WTI
- XTIUSD = สัญลักษณ์แบบ ISO (XTI คือ Crude Oil)
- SpotCrude = ชื่อที่บางโบรกใช้ แปลว่า Spot CFD ของ WTI






