Mat Hold Candlestick Pattern คืออะไร?

Mat Hold Candlestick Pattern คือ รูปแบบแท่งเทียนที่บ่งบอกถึงการ “ไปต่อ” ของแนวโน้มขาขึ้น (Bullish Continuation) ซึ่งหมายความว่าหลังจากเกิดรูปแบบนี้แล้ว มีโอกาสสูงที่ราคาจะปรับตัวสูงขึ้นต่อไปตามแนวโน้มเดิม

รูปแบบนี้ถือเป็นสัญญาณที่ค่อนข้างน่าเชื่อถือ แต่เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก โดยจะปรากฏในช่วงที่ตลาดเป็นขาขึ้น (Uptrend) อยู่แล้ว และทำหน้าที่เสมือนเป็นสัญญาณยืนยันว่าการพักตัวหรือการย่อตัวของราคาได้สิ้นสุดลงแล้ว และแรงซื้อพร้อมที่จะกลับมาผลักดันราคาให้สูงขึ้นอีกครั้ง

รูปแบบกราฟ Mat Hold Candlestick Pattern สามารถเป็นได้ทั้ง Bullish (ขาขึ้น) และ Bearish (ขาลง) เนื่องจากเป็นสัญญาณ เพื่อยืนยันการดำเนินต่อไปของแนวโน้มเดิม ไม่ว่าแนวโน้มนั้นจะเป็นขาขึ้นหรือขาลงก็ตาม

องค์ประกอบสำคัญของรูปแบบ

รูปแบบสมบูรณ์จะต้องมีองค์ประกอบครบถ้วน ดังนี้:

  • เงื่อนไข: ตลาดต้องอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) ชัดเจน
  • แท่งที่ 1: แท่งเทียน สีเขียวยาว พุ่งขึ้นตามแนวโน้มเดิม
  • แท่งที่ 2: แท่ง สีแดงเล็ก ที่เปิดกระโดดขึ้น (Gap Up) แล้วย่อตัวลงมา
  • แท่งที่ 3-4 (The Mat): กลุ่มแท่งเทียนเล็กๆ 1-3 แท่ง ที่พักตัวในกรอบแคบๆ และยังคงอยู่เหนือจุดต่ำสุดของแท่งแรก
  • แท่งที่ 5: แท่ง สีเขียวยาว ที่พุ่งทะลุ (Breakout) ขึ้นไป ปิดสูงกว่าจุดสูงสุดของแท่งที่ 1 เพื่อยืนยันว่าแนวโน้มจะไปต่อ

ลักษณะของรูปแบบ Mat Hold Candlestick Pattern

รูปแบบ Mat Hold Candlestick Pattern เป็นรูปแบบกราฟแท่งเทียนที่บ่งชี้ว่า แนวโน้มเดิมจะยังคงดำเนินต่อไป (Continuation Pattern) หลังจากมีการหยุดพักตัวชั่วคราว ซึ่งมี 2 รูปแบบหลักคือ รูปแบบขาขึ้น (Bullish) และรูปแบบขาลง (Bearish)

1. Bullish Mat Hold Pattern (รูปแบบขาขึ้น)

รูปแบบนี้เป็นสัญญาณว่า ราคามีโอกาสจะปรับตัวสูงขึ้นต่อ หลังจากมีการพักตัว

ลักษณะของรูปแบบ:

  1. แท่งเทียนแรก: เป็นแท่งยาว สีเขียว แสดงถึงแรงซื้อที่แข็งแกร่งและชัดเจนซึ่งผลักดันราคาขึ้นมา
  2. ช่วงพักตัว: ตามมาด้วยแท่งเทียนขนาดเล็ก 2-3 แท่ง (ในภาพเป็นแท่งสีแดง) ที่ราคาเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ และไม่ลงไปต่ำกว่า จุดต่ำสุดของแท่งเขียวแรก ช่วงนี้เปรียบเสมือนการ “ปูเสื่อ” (Mat) หรือการสร้างฐาน เพื่อพักสะสมกำลัง
  3. แท่งเทียนสุดท้าย: เป็นแท่งยาว สีเขียว อีกครั้งที่แสดงถึงแรงซื้อที่กลับเข้ามาอย่างแข็งแกร่ง และผลักดันราคาให้สูงขึ้นกว่าช่วงพักตัว เป็นการยืนยันว่าแนวโน้มขาขึ้นพร้อมจะดำเนินต่อไป

ความหมายและการนำไปใช้:

  • จิตวิทยา: รูปแบบนี้สะท้อนว่า แม้จะมีแรงขายเข้ามา (แท่งสีแดงเล็กๆ) แต่ก็ไม่สามารถกดราคาให้ต่ำลงได้ แรงซื้อยังคงแข็งแกร่งและสามารถดูดซับแรงขายไว้ได้หมด ก่อนจะกลับมาควบคุมตลาดอีกครั้ง
  • Entry Level (จุดเข้าซื้อ): จากในภาพ จุดที่พิจารณาเข้าซื้อคือหลังจากที่แท่งเขียวสุดท้ายก่อตัวสมบูรณ์และราคาสามารถทะลุผ่านช่วงพักตัวขึ้นไปได้ เพื่อยืนยันการกลับมาของแนวโน้มขาขึ้น
  • Stop Loss (จุดตัดขาดทุน): ควรตั้งไว้ที่บริเวณ จุดต่ำสุดของแท่งเทียนแรก ในรูปแบบ เพื่อจำกัดความเสี่ยงหากราคาไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์

2. Bearish Mat Hold Pattern (รูปแบบขาลง)

รูปแบบนี้เป็นสัญญาณตรงกันข้าม คือ ราคามีโอกาสจะปรับตัวลดลงต่อ

ลักษณะของรูปแบบ

  1. แท่งเทียนแรก: เป็นแท่งยาว สีแดง แสดงถึงแรงขายที่แข็งแกร่งซึ่งกดดันราคาลงมาอย่างรุนแรง
  2. ช่วงพักตัว: ตามมาด้วยแท่งเทียนขนาดเล็ก 2-3 แท่ง (ในภาพเป็นแท่งสีเขียว) ที่ดีดตัวขึ้นเล็กน้อยแต่ไม่สามารถทะลุ จุดสูงสุดของแท่งแดงแรก ขึ้นไปได้ แสดงถึงแรงซื้อที่อ่อนแอ
  3. แท่งเทียนสุดท้าย: เป็นแท่งยาว สีแดง อีกครั้ง ที่กลับมากดดันราคาให้ต่ำลงกว่าช่วงพักตัว เป็นการยืนยันว่าแรงขายยังคงควบคุมตลาดและแนวโน้มขาลงพร้อมจะดำเนินต่อไป

ความหมายและการนำไปใช้

  • จิตวิทยา: รูปแบบนี้สะท้อนว่า การดีดตัวขึ้นของราคา (แท่งสีเขียวเล็กๆ) เป็นเพียงการพักตัวชั่วคราว และแรงซื้อไม่มีพลังมากพอที่จะเปลี่ยนทิศทางแนวโน้มได้ สุดท้ายแรงขายก็กลับมาชนะและกดราคาลงต่อ
  • Entry Level (จุดเข้าขาย): จุดที่พิจารณาเข้าขาย (Short Sell) คือหลังจากที่แท่งแดงสุดท้ายก่อตัวสมบูรณ์และราคาทะลุผ่านช่วงพักตัวลงมา
  • Stop Loss (จุดตัดขาดทุน): ควรตั้งไว้ที่บริเวณ จุดสูงสุดของแท่งเทียนแรก ในรูปแบบ เพื่อป้องกันความเสี่ยงหากราคากลับตัวขึ้นสวนทาง

ตัวอย่างกราฟแท่งเทียนของ Mat Hold Pattern

 กลยุทธ์เทรด Mat Hold Bullish

  • จุดเข้าซื้อ (Entry): เข้าซื้อเมื่อ แท่งเทียนที่ 5 (แท่งเขียวยาว) ปิดตัวลง เพื่อเป็นสัญญาณยืนยันว่าแรงซื้อได้กลับเข้ามาและช่วงพักตัวจบลงแล้ว
  • เป้าหมายกำไร (Profit Target): ตั้งเป้าขายทำกำไรเมื่อราคาเคลื่อนที่ เข้าใกล้แนวต้านถัดไป โดยอาจใช้วิธีแบ่งขายทำกำไรบางส่วน
  • จุดตัดขาดทุน (Stop Loss): ตั้งจุดตัดขาดทุนไว้ ต่ำกว่าราคาเปิดของแท่งเทียนที่ 5 เพื่อป้องกันความเสี่ยงหากแรงซื้อนั้นล้มเหลว

 

คลิปที่น่าสนใจ

https://www.youtube.com/watch?v=shkqwS7xqaU

จากคลิปวิดีโอ “Mat Hold Pattern Trading Guideline” ของ Finansya Lab

  • นาทีที่ 0:11 – คำจำกัดความ: วิดีโออธิบายว่า Mat Hold คือรูปแบบแท่งเทียน 5 แท่ง ที่เป็นสัญญาณว่าแนวโน้มเดิมมีโอกาสจะดำเนินต่อไป 
  • นาทีที่ 0:44 – ลักษณะของรูปแบบ: ชี้ให้เห็นว่าแท่งเทียนที่ 1 และ 5 จะมีขนาดยาวและเคลื่อนที่ไปในทิศทางเดียวกับแนวโน้ม ส่วนแท่งเทียน 3 แท่งตรงกลางจะมีขนาดเล็ก 
  • นาทีที่ 1:09 – รูปแบบขาขึ้น (Bullish): ระบุว่านี่คือการพักตัวชั่วคราวในแนวโน้มขาขึ้น และเป็นสัญญาณให้นักเทรดพิจารณา เข้าซื้อ (Buy) เมื่อรูปแบบก่อตัวเสร็จสมบูรณ์ 
  • นาทีที่ 1:44 – รูปแบบขาลง (Bearish): อธิบายว่าเป็นการพักตัวในแนวโน้มขาลง และเป็นสัญญาณให้พิจารณา เข้าขาย (Sell) เมื่อรูปแบบเสร็จสมบูรณ์

สรุป

Mat Hold Candlestick Pattern อยู่ที่การเป็นเครื่องมือ “ยืนยันความแข็งแกร่ง” ของแนวโน้มขาขึ้นเดิม ช่วยให้นักเทรดสามารถแยกแยะระหว่างการพักตัวเพื่อไปต่อ กับการกลับตัวเป็นขาลงได้อย่างชัดเจน

นอกจากนี้ ยังให้กรอบการเทรดที่แน่นอนทั้งจุดเข้าและจุดตัดขาดทุน ทำให้บริหารความเสี่ยงได้ง่าย โดยหัวใจของมันคือการแสดงให้เห็นว่าแรงซื้อยังคงคุมตลาดและสามารถดูดซับแรงขายได้หมดจด จึงเป็นสัญญาณที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการเทรดตามแนวโน้มเดิมได้อย่างมาก

แหล่งอ้างอิง

FAQ — รูปแบบแท่งเทียน Mat Hold Candlestick Pattern

เพราะหัวใจสำคัญอยู่ที่ “พฤติกรรม” ของแท่งเทียนสีแดงเหล่านั้น แท่งแดงที่เกิดขึ้นเป็นเพียงแท่งขนาดเล็กที่แสดงถึงการพักตัวหรือการขายทำกำไรระยะสั้นเท่านั้น และไม่สามารถกดดันราคาให้หลุดแนวรับสำคัญลงไปได้ การที่ราคาถูก “Hold” ไว้ได้ ถือเป็นสัญญาณของความแข็งแกร่งของแนวโน้มขาขึ้นเดิม
ไม่ควรเข้าเทรดทันทีที่เห็นเพียง 4 แท่งแรก สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการรอ “แท่งเทียนยืนยัน” ซึ่งก็คือ แท่งที่ 5 ที่ต้องปิดอย่างแข็งแกร่งและมีราคาปิดสูงกว่าราคาปิดของแท่งที่ 1 เพื่อเป็นการยืนยันว่าแรงซื้อกลับมาจริง 
เส้นบางๆ นั้นคือ “จุดต่ำสุดของรูปแบบ” (Low ของแท่งที่ 2, 3 หรือ 4) หากมีแท่งเทียนใดๆ ในระหว่างการฟอร์มตัวหรือหลังจากนั้น ปิดต่ำกว่าระดับนี้อย่างมีนัยสำคัญ รูปแบบ Mat Hold จะถือว่าล้มเหลว และอาจกลายเป็นสัญญาณเตือนของการกลับทิศทางแทน
ทั้งสองรูปแบบเป็นสัญญาณขาขึ้นต่อเนื่อง (Bullish Continuation) แต่มีความแตกต่างสำคัญคือ “จุดเริ่มต้นของช่วงพักตัว” ในรูปแบบ Rising Three Methods แท่งเทียนสีแดงแท่งแรกจะเปิดและปิดอยู่ ภายใน กรอบของแท่งเขียวยาวแท่งแรกเสมอ แต่ใน Mat Hold Pattern แท่งแดงแท่งแรกมักจะ เปิดกระโดดขึ้นไป (Gap Up) ก่อนจะย่อตัวลงมา ซึ่งสะท้อนถึงแรงซื้อที่พยายามดันราคาขึ้นไปอย่างรวดเร็วก่อนที่จะมีการพักตัว
มีความสำคัญมาก แท่งเทียนแท่งแรกและแท่งสุดท้ายที่เป็นสีเขียวยาวและแข็งแกร่ง เป็นเครื่องยืนยันถึง “โมเมนตัม” ที่ชัดเจนของฝั่งซื้อ หากแท่งเทียนเหล่านี้มีขนาดสั้นหรือมีไส้เทียนยาว อาจบ่งชี้ว่าแรงซื้อไม่ได้แข็งแกร่งจริง และทำให้ความน่าเชื่อถือของรูปแบบลดลง

 

เขียนโดย

Poomipat Wonganun

ผู้ตรวจทานความถูกต้อง

Chonthicha Poomidon