รูปแบบแท่งเทียน Homing Pigeon Candlestick Pattern คืออะไร?

รูปแบบแท่งเทียน Homing Pigeon คือ รูปแบบการกลับตัวเป็นขาขึ้น (Bullish Reversal Pattern) ที่ประกอบด้วยแท่งเทียนสองแท่ง โดยจะเกิดขึ้นในช่วงท้ายของแนวโน้มขาลง (Downtrend) เป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่าแรงขายที่เคยมีอำนาจเหนือตลาดกำลังอ่อนแรงลง และอาจมีแรงซื้อเข้ามา ทำให้มีโอกาสที่ราคาจะกลับตัวเป็นขาขึ้นในไม่ช้า

รูปแบบแท่งเทียน Homing Pigeon Candlestick Pattern เป็นสัญญาณขาขึ้น (Bullish) เท่านั้น ไม่มีเวอร์ชันที่เป็น Bearish หรือ ไม่มีสัญญาณที่เป็นขาลงนั้นเอง

ที่มาและความหมาย

ชื่อ Homing Pigeon มาจากการเปรียบเทียบรูปแบบแท่งเทียนนี้กับ “นกพิราบสื่อสารที่กำลังบินกลับบ้าน” ซึ่งสะท้อนถึงการที่ราคากำลังจะ “กลับตัว” ขึ้นไปยังทิศทางเดิมที่เป็นขาขึ้น หรือหาทางกลับสู่แดนบวกนั่นเอง

รูปแบบนี้มีต้นกำเนิดมาจากการวิเคราะห์กราฟแท่งเทียนของชาวญี่ปุ่นในศตวรรษที่ 18 ซึ่งใช้ในการซื้อขายข้าว โดย Munehisa Homma ถือเป็นปรมาจารย์ด้านการวิเคราะห์กราฟแท่งเทียนและได้พัฒนาเทคนิคเหล่านี้ขึ้นมาเพื่อจับอารมณ์และจิตวิทยาของตลาด ซึ่งรูปแบบ Homing Pigeon ก็เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่พัฒนาขึ้นเพื่อหาสัญญาณการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้มจากขาลงเป็นขาขึ้น

องค์ประกอบสำคัญของรูปแบบ Homing Pigeon

การจะยืนยันรูปแบบ Homing Pigeon ได้นั้น ต้องเริ่มจากมองหาแนวโน้มขาลง ตามด้วยแท่งเทียนสีแดงยาว และปิดท้ายด้วยแท่งเทียนสีเขียวสั้นๆ ที่ถูก “โอบอุ้ม” อยู่ภายในลำตัวของแท่งแรกอย่างสมบูรณ์

  • แนวโน้ม: เกิดขึ้นในช่วงตลาดขาลงที่ชัดเจน
  • แท่งเทียนที่ 1: เป็นแท่งสีแดงยาว แสดงถึงแรงขายที่ยังคงควบคุมตลาด
  • แท่งเทียนที่ 2: เป็นแท่งสีเขียวที่มีลำตัวสั้นกว่า
  • หัวใจสำคัญ: ลำตัวของแท่งที่สอง (สีเขียว) ต้องอยู่ภายในกรอบลำตัวของแท่งแรก (สีแดง) ทั้งหมด ซึ่งเป็นสัญญาณว่าแรงขายกำลังอ่อนแอลง

ลักษณะของรูปแบบแท่งเทียน Homing Pigeon Candlestick Pattern

Bullish (เป็นสัญญาณขาขึ้น)

รูปแบบ Homing Pigeon เป็นสัญญาณ Bullish คือสัญญาณ “การกลับตัวเป็นขาขึ้น” (Bullish Reversal) ซึ่งหมายความว่ามันเป็นสัญญาณเตือนว่าตลาดที่กำลังเป็นขาลง (Bearish) อยู่ อาจจะกำลังหมดแรงและเปลี่ยนทิศทางเป็นขาขึ้น (Bullish)

คำอธิบายและหลักการทางจิตวิทยา

ลองนึกภาพตามเรื่องราว 2 วันในตลาด

  1. วันที่หนึ่ง: อำนาจของฝั่ง Bearish (หมี)
    • ตลาดอยู่ในแนวโน้มขาลงมาสักพักแล้ว (Bearish Trend) และในวันนี้ ฝั่งหมี (ผู้ขาย) ยังคงควบคุมตลาดได้อย่างสมบูรณ์
    • ผลลัพธ์คือเกิด แท่งเทียนสีแดงยาว ซึ่งแสดงถึงแรงเทขายอย่างหนักหน่วง จิตวิทยาของคนในตลาด ณ จุดนี้คือความกลัวและความสิ้นหวัง เชื่อว่าราคาจะลงต่อไปอีก
  2. วันที่สอง: การโต้กลับของฝั่ง Bullish (กระทิง)
    • วันต่อมา ฝั่งกระทิง (ผู้ซื้อ) เริ่มเข้ามาต่อสู้ แม้จะยังไม่แข็งแกร่งมาก แต่ก็สามารถหยุดยั้งแรงขายไม่ให้กดราคาลงไปทำจุดต่ำสุดใหม่ได้
    • ผลลัพธ์คือเกิด แท่งเทียนสีเขียวเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ข้างในแท่งแดงของเมื่อวาน

นี่คือหัวใจสำคัญทางจิตวิทยา: การที่ฝั่งหมีไม่สามารถกดราคาให้ลงต่อได้อีกต่อไป ถือเป็น สัญญาณแรกของการอ่อนแรง ในขณะเดียวกัน การที่ฝั่งกระทิงสามารถดันราคาปิดบวกได้ (แม้จะเล็กน้อย) แสดงให้เห็นถึง ความพยายามในการต่อสู้เพื่อเปลี่ยนทิศทาง

ดังนั้น รูปแบบ Homing Pigeon จึงเป็นสัญญาณ Bullish เพราะมันคือภาพสะท้อนของ “จุดเริ่มต้น” ที่ฝั่งกระทิงเริ่มเข้ามามีบทบาทและท้าทายอำนาจของฝั่งหมีที่กำลังจะหมดแรงนั่นเองค่ะ

ตัวอย่าง

อ้างอิง: กราฟ candlecharts.com แสดงตัวอย่างการเกิดรูปแบบ Homing Pigeon ในหุ้น Johnson & Johnson ซึ่งเกิดขึ้นใกล้บริเวณแนวต้านที่แข็งแกร่ง ก่อนที่ราคาจะพักตัวและปรับตัวสูงขึ้นในเวลาต่อมา 

ภาพนี้เป็นบทเรียนที่สำคัญสำหรับเทรดเดอร์ว่า แม้จะเจอกับสัญญาณกลับตัวเป็นขาขึ้นที่น่าเชื่อถืออย่าง Homing Pigeon แต่หากสัญญาณนั้นเกิดขึ้นใกล้กับแนวต้านที่แข็งแกร่ง เราก็ไม่ควรคาดหวังว่าราคาจะปรับตัวขึ้นในทันที ตลาดอาจต้องใช้เวลาเพื่อสะสมกำลัง (Consolidate) ก่อนที่จะสามารถเอาชนะแนวต้านและเริ่มต้นแนวโน้มขาขึ้นรอบใหม่ได้สำเร็จ

 

คลิปที่น่าสนใจ

สไน Live สอนเรื่อง Homing Pigeon Candlestick Pattern

วินาทีที่สำคัญ

นาทีที่ 20:23

  • เริ่มอธิบายความหมายพื้นฐานของ Homing Pigeon

นาทีที่ 23:52

  • สรุปความหมายสำคัญว่า Homing Pigeon คือ สัญญาณการชะลอตัวของแนวโน้มขาลง

นาทีที่ 26:56

  • อธิบายลักษณะทางกายภาพว่า Homing Pigeon เป็นรูปแบบ แท่งเทียน 2 แท่ง

นาทีที่ 28:03

  • สรุปเงื่อนไขที่ใช้ในการสังเกตรูปแบบ Homing Pigeon บนกราฟ

นาทีที่ 32:53

  • เน้นย้ำว่า แท่งเทียนแท่งที่ 2 คือหัวใจสำคัญ ที่สุดในการระบุรูปแบบ

นาทีที่ 51:04

  • เริ่มอธิบาย วิธีการเทรดด้วย Homing Pigeon อย่างปลอดภัย

นาทีที่ 53:23

  • อธิบายความสำคัญของการรอ สัญญาณยืนยัน (Confirmation) หลังเกิดรูปแบบ

นาทีที่ 57:24

  • เริ่มอธิบาย หลักการทางจิตวิทยา ที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังรูปแบบ

สรุป

หลายคนรู้จัก Homing Pigeon แค่ผิวเผิน แต่หัวใจที่แท้จริงของมันซับซ้อนและทรงพลังกว่านั้นมาก อย่าตัดสินแค่ “สี” แต่ให้อ่าน “แรง” ตำราดั้งเดิมไม่ได้บังคับว่าแท่งเทียนที่สองต้องเป็นสีเขียวเสมอไป แม้จะเป็นสีแดง แต่ถ้ามันมีขนาดเล็กและถูกแท่งแรกโอบอุ้มไว้ได้ ก็ยังถือเป็นสัญญาณที่สำคัญ เพราะหัวใจของมันคือการที่ “แรงขายเริ่มหมดแรง” ไม่สามารถกดราคาให้ต่ำลงไปได้อีก

ไม่ใช่แค่สัญญาณ “กลับตัว” แต่เป็นสัญญาณ “ไปต่อ” จุดที่ทรงพลังที่สุดของ Homing Pigeon อาจไม่ใช่การหาจุดต่ำสุดของขาลง แต่คือการเป็น “สัญญาณสิ้นสุดการพักตัว” ในแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่ง การมองหารูปแบบนี้ในช่วงที่หุ้นขาขึ้นกำลังย่อตัว มักเป็นสัญญาณคุณภาพสูงว่าราคาพร้อมที่จะกลับไปวิ่งต่อแล้ว

แหล่งอ้างอิง

FAQ — รูปแบบแท่งเทียน Homing Pigeon Candlestick Pattern

ทั้งสองรูปแบบคล้ายกันมากจนแทบจะเป็นสิ่งเดียวกันค่ะ จุดต่างทางเทคนิคคือ Homing Pigeon บางตำราอนุญาตให้แท่งที่สองเป็นสีแดงได้ แต่ Bullish Harami แท่งที่สองต้องเป็นสีเขียวเสมอ อย่างไรก็ตาม ทั้งคู่ต่างก็เป็นสัญญาณการกลับตัวเป็นขาขึ้นที่ต้องรอการยืนยันค่ะ
รูปแบบนี้มักจะล้มเหลวเมื่อเกิดขึ้นใกล้กับแนวต้านที่แข็งแกร่งมากๆ หรือเมื่อไม่มีปริมาณการซื้อขาย (Volume) เข้ามาสนับสนุนการกลับตัว นอกจากนี้หากภาพรวมของตลาดยังคงเป็นขาลงอย่างรุนแรง สัญญาณนี้ก็อาจเป็นเพียงการพักตัวสั้นๆ เท่านั้นค่ะ
แนะนำเป็นอย่างยิ่งว่าควรรอการยืนยันเสมอค่ะ Homing Pigeon เป็นเพียงสัญญาณ “เตือน” ว่าแรงขายเริ่มแผ่ว ไม่ใช่สัญญาณ “การันตี” การกลับตัว การเข้าซื้อโดยไม่รอแท่งเทียนยืนยัน (Confirmation Candle) จึงมีความเสี่ยงสูงที่จะเจอสัญญาณหลอก (False Signal) ค่ะ
ตามหลักการสมัยใหม่ เทรดเดอร์ส่วนใหญ่มองหาแท่งเทียนที่สองที่เป็นสีเขียวเพื่อยืนยันแรงซื้อที่ชัดเจน แต่ในตำราดั้งเดิมบางเล่มอนุญาตให้แท่งที่สองเป็นสีแดงได้ค่ะ สิ่งสำคัญที่สุดคือลำตัวต้องมีขนาดเล็กและถูกโอบอุ้มโดยแท่งแรกอย่างสมบูรณ์
จุดที่ปลอดภัยที่สุดในการตั้ง Stop Loss คือ บริเวณใต้ราคาต่ำสุดของแท่งเทียนแท่งแรก (แท่งสีแดงยาว) ค่ะ หากราคาย้อนกลับลงมาต่ำกว่าจุดนี้ แสดงว่าแรงขายได้กลับมาควบคุมตลาดอีกครั้ง และสัญญาณกลับตัวได้ล้มเหลวแล้ว การตั้ง Stop Loss ไว้ที่นี่จะช่วยจำกัดความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

เขียนโดย

Poomipat Wonganun

ผู้ตรวจทานความถูกต้อง

Chonthicha Poomidon