ปี 2010 – จุดเริ่มต้นบิทคอยน์ ของแปลกที่ยังไม่มีใครเข้าใจ

  • บิทคอยน์ยังไม่มีราคาในตลาดจริงจัง แค่เป็น “โค้ดบนอินเทอร์เน็ต” ที่นักเทรดทอง หุ้น หรือสายไอทีมองว่าเป็นเรื่องทดลอง
  • ไม่มี Exchange ที่ซื้อขายจริงจัง มีแค่เว็บบอร์ด Bitcointalk.org ที่คนวงแคบคุยกัน
  • ตำนาน “พิซซ่า 2 ถาด” ซื้อด้วย 10,000 BTC (22 พ.ค. 2010) ถูกบันทึกเป็นธุรกรรมครั้งแรก
  • ราคาประเมินครั้งแรกที่ $0.0025 หรือ ประมาณ 0.08 บาทไทย
  • เว็บเทรดแรก BitcoinMarket.com เปิดกลางปี 2010 ราคาขยับจาก $0.003 ไป $0.08 ในวงจำกัด
  • นักลงทุนหลักคือกลุ่มนักพัฒนาและสายไซเฟอร์ที่ชอบแนวคิดกระจายอำนาจ
  • ยังไม่มี Wallet มือถือ กราฟ หรือโปรแกรมเทรดเหมือนปัจจุบัน ต้องตั้ง Node เองและสำรอง Wallet.dat
  • BTC สูญหายจากระบบกว่า 3-4 ล้านเหรียญเพราะ Wallet หายหรือเครื่องพัง
  • คนไทยยัง ไม่รู้จักบิทคอยน์ โดยทั่วไป และยังไม่มีแพลตฟอร์มรองรับใด ๆ ทั้งสิ้น
  • ไม่มีการซื้อขาย BTC ในไทยอย่างเป็นระบบหรือมีข้อมูลสาธารณะ
  • ข่าวเกี่ยวกับ “Bitcoin” ยังไม่มีสื่อไทยไหนรายงาน คำว่า “บิทคอยน์” ยังไม่ถูกพูดถึงในวงกว้างเลย
  • ช่วงเวลานั้นอยู่ในยุคที่คนยังใช้อีเมล, Facebook เริ่มเป็นกระแสใหม่ และยังไม่มีใครพูดถึงคำว่า “คริปโตเคอร์เรนซี่”

นักลงทุนยุคนั้นไม่กล้าเข้าตลาดมาก เพราะไม่มีใครมองว่าบิทคอยน์มีมูลค่าจริง

ภาพที่แสดงถึงการเคลื่อนไหวครั้งแรกเมื่อปี 2008 ของบิทคอยน์ ก่อนที่ปี 2010 จะมีการบันทึกการทำธุรกรรม ด้วยการซื้อพิชซ่า 2 ถาดด้วย BTC 10,000 เหรียญ แน่นอนว่าถ้าตอนนี้ก็คงจะอยู่ที่ 3 หมื่นล้าน

ปี 2011 – ราคาหลักสิบบาท เริ่มมีคนสนใจบิทคอยน์

  • ราคาขยับจากหลักสตางค์สู่ประมาณ $0.30-31 หรือราว ๆ 10 บาทไทย
  • เริ่มมีการซื้อขายที่ Exchange อย่าง Mt.Gox
  • ตลาดเริ่มขยาย ตัวเลขผู้ใช้งานเริ่มโตขึ้น แต่ยังเป็นวงจำกัด
  • BTC เริ่มได้รับความสนใจจากกลุ่มนักลงทุนสายเทค และเริ่มมีคนพูดถึงคำว่า “เก็งกำไร”
  • มีเหรียญ Altcoin เกิดใหม่ เช่น Litecoin เพื่อแก้ข้อจำกัด BTC
  • ตลาดมีความผันผวนสูง ราคาขึ้นลงรุนแรงมาก บางช่วงราคาพุ่งถึง $30 (1,000 บาท) ก่อนร่วงลงหนัก
  • ในประเทศไทยปี 2011 ยังไม่มีความเคลื่อนไหวเรื่อง Bitcoin ในวงกว้าง 
    • ไม่มี Exchange ไทยที่ให้บริการ BTC
    • คนไทยเริ่มรู้จักคำว่า Bitcoin จากเว็บบอร์ดต่างประเทศบางแห่ง

ปีนี้แสดงให้เห็นว่าบิทคอยน์เริ่มถูกมองเป็นสินทรัพย์ มีคนสนใจเก็งกำไร แต่ยังต้องระวังความผันผวนสูง

ตัวอย่างภาพของเว็บไซต์ MT.Gox ที่นักลงทุนสามารถเข้าซื้อ บิทคอยน์ได้จากที่นี่ แต่น่าเสียดายที่ในประเทศไทยตอนนั้นยังไม่มีใครรู้จัก

ปี 2012 – ก่อนเข้าสู่รอบใหญ่ Halving ครั้งแรก

  • ราคาขยับช้า ๆ จากประมาณ $5 ในต้นปี ขึ้นไปแตะ $13–$15
  • เหรียญ Altcoin เริ่มเติบโต ทำให้ตลาดคริปโตเริ่มหลากหลาย
  • วันที่ 28 พฤศจิกายน 2012 เกิด Halving ครั้งแรก Block reward ลดจาก 50 BTC เหลือ 25 BTC
  • ราคาหลัง Halving ค่อย ๆ ไต่ขึ้นเรื่อย ๆ แต่ยังไม่พุ่งแรงในปีนี้
  • ชุมชน Bitcoin เริ่มแข็งแรงขึ้น มีผู้พัฒนาและองค์กรสนับสนุนมากขึ้น

Halving คือเหตุการณ์ที่จำนวนบิทคอยน์ (BTC) ที่ถูกสร้างขึ้นใหม่ในแต่ละบล็อกจะถูกลดลงครึ่งหนึ่ง โดยปกติจะเกิดขึ้นทุก ๆ ประมาณ 4 ปี หรือทุก 210,000 บล็อก 

Halving เป็นกลไกที่ช่วยควบคุมจำนวนบิทคอยน์ที่มีอยู่ในระบบให้ไม่เกิน 21 ล้านเหรียญ

ภาพเปิดเผยถึงการ Halving ครั้งแรก ที่ทำให้ราคาดีดตัวจาก $5 ในต้นปี ขึ้นไปแตะ $13–$15 นั่นก็ถือว่าเป็นการเคลื่อนไหวใหญ่แล้ว เพราะราคาดีดขึ้นเป็นเท่าตัวเลยนะ

ปี 2013 – Bitcoin พุ่งแรงครั้งแรก แต่เจ็บหนักจาก Mt.Gox ล่ม

  • ราคาพุ่งจากไม่ถึง $20 ในต้นปี ไปแตะ $266 ในเดือนเมษายน
  • แต่ Mt.Gox Exchange ยักษ์ใหญ่ล่มกลางปี ทำให้ราคาร่วงหนักเหลือประมาณ $70
  • ปลายปีราคากลับมาพุ่งอีกครั้ง แตะจุดสูงสุดราว $1,100
  • ตลาดเริ่มเป็นที่รู้จักของสาธารณะ นักลงทุนเริ่มสนใจมากขึ้น
  • แต่ก็ยังเจอปัญหาความน่าเชื่อถือ Exchange ที่ล่มเป็นข่าวใหญ่
  • BTC เริ่มถูกพูดถึงในวงกว้างมากขึ้น ทั้งบวกและลบ
  • เป็นปีแรกที่คนไทยเริ่มได้ยินข่าวเรื่อง Bitcoin ผ่านข่าวต่างประเทศ

ตลาดคริปโตยังเด็ก ต้องระวังความเสี่ยงของแพลตฟอร์มที่ไม่มั่นคง

ปี 2014 – ตลาดเริ่มนิ่งและฟื้นตัวช้า

  • ราคาปรับฐานรุนแรงจากจุดสูงสุดปี 2013 ที่ $1,100 ร่วงลงมาราว $300-$400
  • Mt.Gox ล้มเหลวทำให้ความเชื่อมั่นถูกสั่นคลอนมาก
  • แต่ช่วงปลายปีเริ่มมีบริษัทใหม่ ๆ เข้าตลาด รวมถึงการพัฒนากระเป๋าเงินและเทคโนโลยี Blockchain
  • ตลาดเริ่มแยกแยะระหว่าง BTC กับโครงการอื่น ๆ ชัดเจนขึ้น
  • คนไทยเริ่มรู้จัก BTC มากขึ้น แต่ส่วนใหญ่มองว่าเป็นเรื่องของ “คนต่างชาติ”

ปีนี้คือบทเรียนสำคัญเรื่องความเชื่อมั่นของแพลตฟอร์ม และความจำเป็นต้องมีระบบนิเวศที่แข็งแรง

ความไม่ยั่งยืน ภาพแสดงถึงผู้ใช้งานของ MT.Gox ต้องการได้รับเงินคืน ซึ่งถ้าเปรียบเทียบในไทยก็คงเป็นเหมือน Zipmex ในตอนนี้ ที่ลูกค้าไปเรียกร้องเอาเงินคืน 

ปี 2015 – Bitcoin เริ่มฟื้นตัวอย่างเงียบ ๆ หลังพายุ Mt.Gox

  • ราคาต้นปีอยู่ที่ประมาณ $200
  • ชุมชนนักพัฒนาและบริษัทใหญ่ยังคงพัฒนาต่อเนื่อง
  • วันที่ 9 กรกฎาคม 2016 Halving ครั้งที่ 2 ใกล้เข้ามา (เกิดในปี 2016)
  • ราคาค่อย ๆ ขยับขึ้นใกล้ $300 ถึงปลายปี
  • BX.in.th เปิดให้บริการในไทยเป็นปีแรก
  • คนไทยสามารถซื้อขาย BTC ด้วยเงินบาทได้
  • เริ่มมีบทความ แนะนำ BTC เป็นเงินดิจิทัลทางเลือก

ปีแห่งการสะสมและเตรียมพร้อมสำหรับรอบขาขึ้นครั้งใหญ่

การฟื้นตัวหลังจากเว็บเทรดแรกคือ Mt.Gox ล่ม คือ การเข้ามาของ BX.IN.TH ในประเทศไทย ภาพนี้แสดงถึงหน้าต่างการเข้าใช้งานเว็บไซต์ในยุคแรก

ปี 2016 – การกลับมาของความหวัง และ Halving ครั้งที่ 2

  • เปิดต้นปี ราคาบิทคอยน์อยู่ที่ประมาณ $430–$450
    ตลาดยังคงเงียบ ไม่มีกระแส hype ใหญ่ แต่ เริ่มมีแรงซื้อสะสมเงียบ ๆ
  • เหตุการณ์สำคัญ: Halving ครั้งที่ 2 เกิดขึ้นวันที่ 9 กรกฎาคม 2016
    Block reward ถูกลดจาก 25 BTC ไป 12.5 BTC
    ความรู้เรื่อง “เหรียญมีจำนวนจำกัด” เริ่มเข้าถึงนักลงทุนวงกว้างมากขึ้น
  • ราคาหลัง Halving ไม่พุ่งทันที แต่ เริ่มไต่ขึ้นเรื่อย ๆ ปิดปลายปีที่ $950–$970
    เกือบเท่าจุดสูงสุดปี 2013 อีกครั้ง
  • กระแสการขุด Bitcoin เริ่มเกิดในกลุ่มเล็ก ๆ ในไทย
  • เริ่มเห็นข่าวและบทความจากบล็อกเกอร์หรือสื่อเทคโนโลยีไทย
  • กลุ่มนักลงทุนไทยเริ่มทยอยเข้าสู่ตลาดคริปโต

ตลาดคริปโตไม่วิ่งตามอารมณ์ แต่ขึ้นตาม “โครงสร้างในระบบ” เช่น Halving และ Supply
ถ้าเข้าใจวงจร จะรู้ว่าปีนี้คือ “รอบสะสมเงียบก่อนรอบใหญ่”

ความร้อนแรงของ บิทคอยน์ ทำให้ปี 2017 ราคาของ BTC พุ่งจาก 3 หมื่น สู่ หลักแสน ที่สำคัญ 6 แสนบาทไทย! จนธนาคารแห่งประเทศไทยออกมาเตือน

ปี 2017 – ปีทองของบิทคอยน์ กระแสแรงแบบไม่เคยมีมาก่อน

  • เปิดปีที่ $1,000 และพุ่งทะลุ $19,800 ภายใน 12 เดือน
    • คิดเป็นการเติบโตเกือบ 2,000% หรือเกือบ 20 เท่า
  • กระแส ICO บูมอย่างหนัก ทุกเหรียญใหม่ผูกกับ Ethereum ทำให้คนแห่เข้าตลาด คนทั่วไปเริ่มพูดถึงคริปโตแบบจริงจังครั้งแรก
  • บิทคอยน์กลายเป็น “สินทรัพย์กระแสหลัก” ครั้งแรก
    • สื่อทั่วโลกรายงานราคา
    • รายย่อยแห่สมัครบัญชีเทรด Coinbase, Binance, Bx.in.th ในไทยเติบโตมหาศาล
  • ราคาบิทคอยน์แตะหลัก 600,000 บาท คนไทยแห่เข้าเทรด 
  • ธนาคารแห่งประเทศไทยออกแถลงเตือนความเสี่ยง
  • เป็นปีที่ “Bitcoin” กลายเป็นคำที่ถูกค้นหาสูงสุดในไทย

อย่าหลงกระแส FOMO ต้องรู้ว่าทุกตลาดมีวัฏจักร ปีนี้คนรวยคือคนที่ขายตอนคนอื่นเริ่มแห่เข้ามา

ปี 2018 – ฟองสบู่แตก ช่วงทดสอบศรัทธารอบใหญ่

  • เปิดต้นปีที่เกือบ $14,000 แต่ร่วงต่อเนื่องจนหลุด $4,000 ตลาดคริปโตดิ่งทั้งระบบ ICO เจ๊งเป็นแถบ
  • คนที่เข้าตอนปลายปี 2017 ติดดอยแบบไม่รู้วันออก 
  • Exchange เริ่มทยอยล้ม ICO Projects ปิดตัว
  • นักลงทุนรายย่อยหายจากตลาดจำนวนมาก
  • แต่ในมุมของนักสะสม (HODLers) นี่คือจุดซื้อสะสมที่ดี บิทคอยน์ไม่ได้ “ตาย” แค่ “พักฐาน”
  • รัฐบาลไทยเริ่มร่างกฎหมายควบคุมสินทรัพย์ดิจิทัล ออก พ.ร.ก. การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล
  • นักลงทุนบางส่วนโดนเทขายหลัง BTC ราคาร่วง ทำให้ Exchange ต้องขอใบอนุญาตจาก ก.ล.ต.

ทุกครั้งที่คนหนีจากตลาดเยอะ ๆ คือโอกาสของคนที่มองเกมยาว
อย่าซื้อเพราะกระแส จงซื้อเพราะเข้าใจในสิ่งที่ลงทุน

ปี 2019 – ปีแห่งการฟื้นตัวแบบเงียบ ๆ อีกครั้ง

  • เปิดปีที่ราว ๆ $3,700 และไต่ขึ้นถึง $13,800 ในกลางปีก่อนจะปรับฐานลงมาปิดที่ประมาณ $7,000
  • เริ่มมีสัญญาณว่าตลาดยัง “มีแรง” แต่ยังไม่มีปัจจัยใหม่ที่ทำให้เกิดรอบใหญ่
  • คนที่อยู่ในตลาดตอนนี้คือ “นักลงทุนตัวจริง” ไม่ใช่สายตามกระแส
  • มี Exchange ถูกกฎหมายในไทย 4-5 แห่ง การซื้อขายเริ่มปลอดภัยมากขึ้นภายใต้การกำกับของ ก.ล.ต.
  • เป็นปีที่ประเทศไทยเริ่มมีงานสัมมนาเกี่ยวกับคริปโตมากขึ้น

ตลาดเงียบคือช่วงทำเงินแบบไม่ต้องแข่งขันกับใคร
คนที่รอดมาได้จากปี 2018 เริ่มเห็นผลจากการ HODL

ปี 2020 – จุดเริ่มรอบใหม่: COVID-19, Halving, นักลงทุนสถาบัน

  • ตลาดเริ่มปีแบบนิ่ง ๆ ที่ประมาณ $7,000–$9,000 แต่เมื่อเกิด COVID-19 ทั่วโลก BTC ร่วงแรงลงไปแตะ $4,800 ในเดือนมีนาคม
  • จากนั้นเริ่มไต่กลับขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เพราะนักลงทุนกลัว “ค่าเงินเฟ้อ” จาก QE ทั่วโลก นักลงทุนสถาบันเริ่มซื้อ BTC หนัก เช่น MicroStrategy, Grayscale
  • Halving ครั้งที่ 3 เกิดขึ้นวันที่ 11 พฤษภาคม 2020 Block reward เหลือจาก 12.5 ไปที่ 6.25 BTC ทำให้ Supply ลดลงอีก
  • ปลายปี BTC พุ่งทะลุ $20,000 ได้เป็นครั้งแรกแบบยั่งยืน 
  • ช่วงโควิด-19 คนไทยเริ่มหันมาลงทุนออนไลน์ ความสนใจใน BTC เพิ่มขึ้นแบบพุ่ง 
  • บิทคับ (Bitkub) เริ่มกลายเป็นชื่อคุ้นหู ผู้คนเริ่มพูดถึง “การเทรดคริปโต” แบบจริงจัง

ยิ่งโลกไม่แน่นอน คนยิ่งหาที่เก็บมูลค่า บิทคอยน์เริ่มถูกมองเป็น “ทองคำดิจิทัล”

ปี 2021 – บิทคอยน์แตะล้านบาทจริง ๆ

  • BTC พุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดใหม่ (All-Time High) ที่ $64,800 เดือนเมษายน
  • จากนั้นพักฐาน แล้วพุ่งอีกรอบถึง $69,000 เดือนพฤศจิกายน คิดเป็นราคาบาทไทย มากกว่า 2,000,000 บาท/BTC
  • กระแส NFT, Altcoin และเหรียญ Meme (เช่น DOGE, SHIBA) ดึงคนเข้าตลาดมหาศาล Elon Musk, Tesla และบริษัทใหญ่ประกาศถือ BTC เป็นเงินทุนสำรอง
  • แต่ตลาดร้อนแรงเกินไป รัฐบาลจีนประกาศแบนการขุด BTC สหรัฐฯ เริ่มจับตาด้านภาษีและกฎหมาย
  • ตลาดคริปโตในไทยเติบโตอย่างรวดเร็ว Bitkub ได้รับใบอนุญาตอย่างเป็นทางการ
  • นักลงทุนรายย่อยแห่เปิดบัญชีใหม่ การพูดถึง BTC และ Ethereum เป็นเรื่องปกติในวงการลงทุนไทย

ช่วงตลาดพีคคือช่วงที่อันตรายที่สุด ต้องรู้ว่า “เมื่อไรควรพอ” ไม่ใช่แค่ถือเพราะโลภ

ในช่วงต้นปี Bitkub ออกมาเชิญชวนให้ลงทุนซื้อ Bitcoin หรือ เหรียญคริปโตฯ แต่กลับมีหลากหลายความเห็นว่า มันอาจจะเป็นเรื่องที่เปลี่ยนชีวิตคือ “หมดตัว” ประกอบกันในช่วงเวลาดังกล่าว Bitcoin ก็ราคาแตะ 1 ล้านบาทไทย ต่อ 1 BTC 

ปี 2022 – ปีแห่งความโหดร้าย: ตลาดล่มจาก FTX, Terra, Celsius

  • ปีนี้เริ่มต้นจากความหวัง แต่จบลงแบบโหดสุด ๆ BTC เริ่มปีที่ $47,000 แต่ร่วงลงไปแตะ $16,000 ในปลายปี
  • เหตุการณ์ใหญ่ที่ทำให้ตลาดพัง
    • UST และ LUNA ของ Terra ล่มทั้งระบบ
    • Celsius ล้มละลาย ถอนเงินไม่ได้
    • FTX ปิดตัวลงแบบไม่ทันตั้งตัว สูญเงินผู้ใช้ทั่วโลก
  • ตลาดเข้าสู่ Crypto Winter เต็มรูปแบบ
  • ตลาดเริ่มผันผวนหนักหลังจาก BTC ร่วง ปัญหา Zipmex ถูกระงับถอนเงิน ทำให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่น
  • ความสนใจใน NFT และ Metaverse ลดลง หน่วยงานรัฐเริ่มเข้ามาตรวจสอบ Exchange เข้มขึ้น

“ไม่ใช่ทุกบริษัทในคริปโตจะน่าเชื่อถือ” 

ปี 2023 – เริ่มฟื้นตัว แม้ความเชื่อมั่นยังไม่เต็มร้อย

  • เปิดปีที่ $16,000 และค่อย ๆ ไต่ขึ้นจนปิดปีที่ราว $42,000 นักลงทุนเริ่มทยอยกลับมา นักลงทุนสถาบันซื้อผ่านกองทุน ETF Futures
  • SEC เริ่มเข้มงวดกับคริปโตในสหรัฐฯ แต่ตลาด BTC ยัง “นิ่งเกินคาด” กระแส AI ดึงความสนใจไปจากคริปโต
  • ตลาดคริปโตยังซบเซา นักลงทุนไทยลดการเทรด คนเริ่มหันกลับไปลงทุนในหุ้น ทองคำ หรือกองทุน
  • บาง Exchange ปิดตัวออกจากไทย ตัวอย่างเช่น Zipmex ที่ถูกมองว่าไม่น่าเชื่อถือ ถึงแม้ว่าจะได้รับการรับรองจาก ก.ล.ต. ก็ตาม 
  • แต่ยังมีกลุ่มผู้เชื่อใน BTC ระยะยาวสะสมต่อเนื่อง เก็บเป็นเหรียญเย็นแบบรอวันพุ่ง 

ตลาดไม่ต้องมีข่าวดีเสมอไปถึงจะขึ้นได้ เพราะราคาสะท้อน “อนาคต” มากกว่า “ปัจจุบัน”

ปี 2024 – การกลับมาของความหวัง และ Halving ครั้งที่ 4

  • Halving ครั้งที่ 4 เกิดเมื่อเดือน เมษายน 2024 Block reward ลดลงเหลือ 3.125 BTC ต่อ Block
    นักลงทุนจำนวนมากเริ่มทยอยสะสมก่อน Halving ตั้งแต่ต้นปี
  • BTC พุ่งทะลุ $70,000 ครั้งแรก และสร้างจุดสูงสุดใหม่ (ATH) ที่ $74,000+ 
  • สหรัฐฯ อนุมัติ Bitcoin Spot ETF หลายตัว กระตุ้นให้รายใหญ่เข้าสู่ตลาดเต็มตัว
  • บริษัทใหญ่ ๆ ทั่วโลกรวมถึง Fidelity, BlackRock, ARK เริ่มถือ BTC จริงจัง
  • ช่วงปีนี้ นักลงทุนไทยเริ่มกลับมาเปิดพอร์ตใหม่ และมีกลุ่มธุรกิจเริ่มพูดถึงการใช้บล็อกเชนมากขึ้น

Halving ไม่ได้ทำให้ราคาพุ่งทันที แต่ถ้าเข้าใจรอบ มักจะเห็นผล “ก่อน–หลัง Halving” เสมอ

ปี 2025 – ปีที่ทุกสายตาจับตา: ราคานี้ยังคุ้มหรือแพงไปแล้ว?

  • BTC เริ่มปีที่ $74,000 และมีความผันผวนสูง หลายฝ่ายเริ่มถกกันว่า “นี่คือขาขึ้นรอบสุดท้ายหรือยังมีอีก?”
  • นักลงทุนบางส่วนเริ่มทยอยขายทำกำไร ขณะที่บางกลุ่มยังถือเพราะเชื่อว่า $100,000 จะเกิดได้ภายใน 2026
  • ปัจจุบันวันที่ 3 สิงหาคม 2025 ราคาสูงสุดของ BTC แตะที่ $123,254 หรือ ประมาณ 4,500,771 บาท 
  • ถ้า BTC ยังไม่ทำ All-Time High ใหม่ และยังอยู่ในโซน $70K–$90K ช่วงกลางปี 2025 มีโอกาสสูงที่จะขึ้นต่อปลายปี
  • แต่ถ้าไปแตะ $120,000+ ก่อนกลางปี อาจเริ่มเข้าสู่ช่วงขาลงเร็วขึ้น
  • คนไทยจำนวนมากรู้จัก Bitcoin และเคยลงทุนแล้ว 
  • Exchange ที่อยู่รอดเน้นความโปร่งใส และมีใบอนุญาตครบ ตอนนี้ที่ดัง ๆ ก็ Bitkub, Binance ซึ่งผู้ที่ถือกำไรมาตั้งแต่หลักแสน ก็คงคิดว่าตอนนี้คุ้มค่าแล้วอาจจะเทขาย 

ถ้าคิดจะเข้าตอนนี้ ต้องไม่ใช่แค่ “ซื้อตามคนอื่น” แต่ต้องรู้ว่า ทำไมถึงซื้อ และจะถือถึงเมื่อไหร่

ภาพแสดงถึงปัจจุบัน ที่ Bitcoin ทำสถิติสูงสุดที่ $120,000 แล้ว ถึงแม้ว่าในช่วงนี้จะเป็นช่วงย่อราคา ซึ่งยังไม่รู้เลยว่าจะไปต่อ หรือ มาได้สูงที่สุดแล้ว เป็นสิ่งที่ทุกคนกำลังจับตาดู 

มองย้อน 15 ปีของบิทคอยน์  ใครอยู่รอด ได้อะไรกลับมา?

  • ย้อนกลับไป 15 ปี ตั้งแต่บิทคอยน์เริ่มต้นในปี 2010 จนถึงวันนี้ ตลาดคริปโตผ่านร้อนผ่านหนาวมากมาย เรื่องนี้ไม่ใช่แค่เรื่องราคาที่พุ่งและร่วง 
  • มันคือบทเรียนชีวิตสำหรับนักลงทุนยุคใหม่และเก่า ที่ทนทาน และมีวินัยพอจะผ่านทุกสถานการณ์

ตารางที่ 1 สรุปราคา Bitcoin ในแต่ละปี ตั้งแต่ 2010 – 2025 

ปีราคา BTC (USD)อัตราแลกเปลี่ยน USD/THB (โดยประมาณ)ราคา 1 BTC (บาทไทย)เหตุการณ์สำคัญ
20100.0025 - 0.0832-330.08 - 2.6พิซซ่า 2 ถาด = 10,000 BTC
20110.30 - 3030-329 - 960ราคาพุ่งครั้งแรก, Mt.Gox เปิดเทรด
20125 - 1330-31150 - 403ก่อน Halving ครั้งแรก
201313 - 110030-32390 - 35,200พุ่งแรง, Mt.Gox ล่ม
2014300 - 40032-339,600 - 13,200ตลาดนิ่ง หลัง Mt.Gox ล่ม
2015200 - 30032-336,400 - 9,900เริ่มฟื้นตัวเงียบ ๆ
2016430 - 97033-3414,200 - 32,980Halving ครั้งที่ 2
20171,000 - 19,80032-3432,000 - 673,200ปีทองของ BTC
20184,000 - 14,00031-33124,000 - 462,000ฟองสบู่แตก
20193,700 - 13,80031-32114,700 - 441,600ฟื้นตัว
20204,800 - 29,00031-32148,800 - 928,000Halving ครั้งที่ 3, COVID-19
202129,000 - 69,00031-33899,000 - 2,277,000ATH ใหม่, NFT บูม
202216,000 - 47,00033-34528,000 - 1,598,000Crypto Winter, FTX ล่ม
202316,000 - 42,00033-34528,000 - 1,428,000เริ่มฟื้นตัว
202470,000 - 74,00034-352,380,000 - 2,590,000Halving ครั้งที่ 4
202574,000 -34-352,516,000 -ตลาดจับตา

ใครคือ “ผู้รอดชีวิต” ในตลาดบิทคอยน์ 15 ปีนี้?

  • นักลงทุนสาย “HODL” ที่เชื่อมั่นในเทคโนโลยีและศักยภาพระยะยาว
    • คนกลุ่มนี้ไม่ได้หวั่นไหวไปกับข่าวลบหรือราคาตกหนัก
    • พวกเขาถือครองบิทคอยน์อย่างมั่นคง และในหลายกรณีได้รับผลตอบแทนมหาศาลในระยะยาว
    • มีบทเรียนว่า “การอดทนคือกำไรที่แท้จริง”
  • นักเทรดที่รู้จักบริหารความเสี่ยง
    • บางคนเลือกเก็บกำไรเป็นระยะ และเล่นรอบสั้น ๆ ในช่วงตลาดขาขึ้น
    • แต่ก็ต้องมีวินัย ไม่โลภจนเกินไป และรู้จักจุดตัดขาดทุน
    • คนกลุ่มนี้อาจไม่รวยเท่ากับ HODLer แต่สามารถอยู่ในตลาดได้นาน
  • นักพัฒนาและผู้สร้างระบบนิเวศ
    • คนที่ไม่ได้ลงทุนแค่เงิน แต่ลงทุนลงแรง ลงความรู้ สร้างแพลตฟอร์ม บริการ กระเป๋าเงิน หรือระบบต่าง ๆ
    • พวกเขาคือผู้เล่นหลักที่ทำให้บิทคอยน์และคริปโตเติบโตจริง ไม่ใช่แค่ราคาที่ขึ้นลง
  • ผู้ที่หลุดออกจากตลาดอย่างไม่ตั้งใจ
    • Wallet หาย ลืมกุญแจส่วนตัว หรือถูกหลอกลวงทำให้สูญเงิน บางราย “ขาดทุนหนัก” หรือสูญเสียโอกาสตลอดชีวิต
    • บทเรียนชัดเจนว่า “ความรู้และความระมัดระวัง” สำคัญไม่แพ้การลงทุน

สิ่งที่ผู้รอดชีวิตได้กลับมา

  • ผลตอบแทนที่เหนือความคาดหมาย
    • ผู้ที่เข้าใจและอดทนกับวัฏจักรของตลาด ได้ผลตอบแทนที่หลายเท่าตัว บางรายกลายเป็นเศรษฐีได้ภายในไม่กี่ปี
  • ประสบการณ์ตลาดที่ลึกซึ้ง
    • ผ่านความผันผวนสูง ความล่มสลายของ Exchange และเหตุการณ์วิกฤตต่าง ๆ
    • คนที่อยู่รอดจะเข้าใจตลาดมากขึ้นและสามารถวางกลยุทธ์การลงทุนได้ดีขึ้น
  • ความรู้ด้านเทคโนโลยีและการเงินใหม่ ๆ
    • บิทคอยน์เปิดโลกให้กับแนวคิด Decentralization, Blockchain, และการเงินแบบไร้ตัวกลาง
    • ทำให้นักลงทุนบางคนกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมการเงิน
  • เครือข่ายและโอกาสธุรกิจใหม่ ๆ
    • คนในวงการได้สร้างเครือข่ายร่วมมือกัน บางคนก้าวเข้าสู่วงการ Startup, Fintech, หรือเป็นที่ปรึกษาด้านคริปโตฯ

ภาพแสดงถึงช่วงเวลาตั้งแต่ปี 2010 ที่มีค่าแค่ 3 บาท สู่ หลัก 3 – 4 ล้าน ในปัจจุบัน แน่นอนเลยว่านี่ยังไม่รู้เลยว่าถึงจุดสูงสุดของ BTC แล้วหรือยัง ?

บทเรียนสำคัญตลอด 15 ปี

  • ตลาดคริปโตไม่ใช่ทางลัดรวยเร็ว แต่คือสนามแข่งที่ต้องมีวินัยและความอดทน
  • อย่าหลงเชื่อกระแส หรือโครงการที่ดูดีเกินจริง (ระวังฟองสบู่และกลโกง)
  • ความรู้เรื่องเทคโนโลยีและระบบนิเวศเป็นกุญแจสำคัญ
  • การบริหารความเสี่ยงและการจัดการเงินทุน คือหัวใจของการอยู่รอด
  • ความอดทนคือสิ่งที่สร้างกำไรระยะยาวอย่างแท้จริง

คลิปที่น่าสนใจ

    • ราคาบิตคอยน์ทำสถิติสูงสุดใหม่แล้วตอนนี้ เรียกได้ว่าสร้างความตื่นตัวในหมู่นักลงทุนอีกครั้ง 
    • สำหรับในบทความนี้จึงขอแนะนำคลิปวีดีโอที่น่าสนใจจากช่อง ทันโลกกับ Trader KP
  • กับคลิป ซื้อ Bitcoin ตอนนี้ สายไปหรือยัง ?
  • https://www.youtube.com/watch?v=S78ko80BMgQ&t=4083s
  • 06:12- คุณลุงโฉลก สัมพันธารักษ์ 
  • 19:39 – คุณท๊อป จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา 
  • 31:19 – คุณนิพนธ์ สุวรรณประสิทธิ์ 
  • 42:40 – คุณทิว ปกป้อง คล่องใจภักดี 
  • 51:02 – คุณมานะ คานิโยว 
  • 01:08:03 – คุณศุภกฤษฎ์ บุญสาตร์ 

สรุป

  • บิทคอยน์เริ่มต้นจากมูลค่าไม่ถึง 1 บาทในปี 2010 และค่อย ๆ ทะยานขึ้นมาแตะหลักล้านในช่วงสิบปีต่อมา กลายเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงที่สุดในประวัติศาสตร์
  • จุดเปลี่ยนสำคัญอยู่ที่ปี 2013 – 2017 ที่เริ่มมีความสนใจจากนักลงทุนสถาบันและสื่อ ทำให้ราคา BTC พุ่งจากหลักพันไปถึงหลักแสน
  • ปี 2021 เป็นจุดสูงสุดชั่วคราว ที่บิทคอยน์แตะระดับ 2 ล้านบาท/เหรียญไทย ก่อนจะปรับฐานในปีต่อมา และค่อย ๆ ฟื้นตัวในปี 2023-2025
  • ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคามีทั้งภายนอกและภายในตลาด เช่น Halving, ความเชื่อมั่น, เงินทุนไหลเข้า, นโยบายดอกเบี้ย, การรับรองจากภาครัฐ
  • แม้มีความผันผวนสูง แต่ BTC ยังถูกมองว่าเป็น Digital Gold สำหรับคนที่มองหาการป้องกันเงินเฟ้อและการลงทุนระยะยาวที่ให้ผลตอบแทนเหนือสินทรัพย์ดั้งเดิม

อ้างอิง

FAQ-เปรียบเทียบ 1 บิทคอยน์ เท่ากับกี่บาทไทย ในแต่ละปี ตั้งแต่ 2010 – 2025

เพราะตอนแรกยังไม่มีคนเชื่อถือ ไม่มีระบบเทรด ไม่มีความต้องการใช้จริง เป็นแค่การทดลองของนักเข้ารหัส พอเริ่มมีตลาด มีธุรกรรมจริง คนเริ่มถือเป็นสินทรัพย์ ราคาจึงเร่งขึ้นตาม Demand
ปี 2017 และ 2021 คือจุดพีก เพราะเกิดกระแส “FOMO” และนักลงทุนรายย่อยเข้าตลาดจำนวนมาก ดันราคาขึ้นแบบไม่สะท้อนพื้นฐาน ก่อนจะตามมาด้วยการย่อตัวรุนแรง
ผันผวนหนักทั้งสองค่าเงิน แต่ถ้าคิดเทียบเป็นบาท ราคาจะยิ่งแกว่งกว่าเพราะเงินบาทเองก็มีอัตราแลกเปลี่ยนเปลี่ยนตลอด คิดเป็น BTC/THB จึงอ่อนไหวกว่าการดู BTC/USD
ไม่ได้สะท้อนแค่กระแส แต่ยังรวมความเชื่อมั่นต่ออนาคตของระบบการเงินแบบกระจายศูนย์, ความขาดแคลน (มีแค่ 21 ล้านเหรียญ) และเหตุการณ์ Halving ที่เกิดทุก 4 ปี
มีความเป็นไปได้ หากตลาดยอมรับ BTC เป็นสินทรัพย์ดิจิทัลระดับโลกจริง และเกิดการไหลของทุนจากตลาดหุ้นหรือทองมา แต่ก็ต้องระวังความเสี่ยงจากกฎหมายและเทคโนโลยีคู่แข่ง

 

เขียนโดย

Rattapoom Jitjaroen

ผู้ตรวจทานความถูกต้อง

Chonthicha Poomidon