ช่วงนี้ผมก็จะไล่เก็บเครื่องมือ indicator ที่ได้รับความนิยมสูงให้หมด ก็จะจบเนื้อหาของ indicator ไป วันนี้ก็จะเป็นเรื่องของ Bollinger Band และ MACD เครื่องมือที่ผมใช้มีเพียง 3 ตัวคือ Bollinger Band   Stochastic และ Moving Average ซึ่ง 3 ตัวผมไม่ได้ใส่เข้ามาในกราฟแล้วดูทีเดียวเพราะว่า ผลของมันจะทำให้อีกฝั่งหนึ่งนั้นสับสนได้และบางครั้งการใส่ indicator เข้าไปในกราฟมาก ทำให้ลักษณะของกราฟนั้นมองเห็นได้ไม่ชัด

 
การใช้ indicator นั้นต้องมีความพอดี และไม่มากหรือว่าไม่น้อยเกินไป กราฟที่มีความพอดีนั้น จะทำให้เราวิเคราะห์ราคาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น วันนี้เรามาเข้าเรื่องของ indicator กันดีกว่า ซึ่ง Indicator ที่ใช้วันนี้มี 2 ตัวได้แก่ Bollinger Band และ MACD ซึ่งตัวแรกเป็นตัวที่ผมถนัดมาก เรามาดูกันเลยครับ

Bollinger Band

การใช้ Bollinger Band นั้นเราจะไม่กล่าวถึงประวัติ หรือว่าคนสร้าง ซึ่งผมเขียนไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ละเอียดกว่าเว็บไหน ๆ เพราะว่า ผมหาข้อมูลและเขียนเอง รวบรวมมาจากเว็บฝรั่งและไทยมาก มายให้มันมีข้อมูลครบเท่าที่จะครบได้ สำหรับการใช้งาน Bollinger Band ต้องรู้ก่อนว่า Bollinger Band นั้นเป็นเครื่องมือสำหรับการวัดความผันผวนของตลาด Bollinger Band สำหรับบางคนอาจจะใช้วัดการแกว่งตัว แต่ก็ไม่ผิดอะไร

Bollinger Band in EURUSD

ภาพที่ 1 Bollinger Band in EURUSD

จากภาพที่ 1 คือตัวอย่างของ Bollinger Band โดยการใช้งานในวิธีการที่ 1 คือการวัดการแกว่งตัว โดยจะใช้หลักการแกว่งตัว คือ Bollinger Band ประกอบด้วย Band บนและ Band ล่าง ขณะที่เส้นกลางคือเส้น MA 20 ดังนั้นหลักการวัดการแกว่งตัวก็คือ สำหรับขา Buy เราจะใช้ Band ล่าง ในการส่งคำสั่ง Buy และจุด Take Profit คือ ราคาชนเส้น MA นั่นก็คล้าย ๆ กับใช้กรอบล่างของราคาในการบอกจุด Overbought และ Oversold นั่นเอง ขณะที่ราคาแกว่งตัวในกรอบบนเราก็จะใช้ Band บนในการบอกว่าเป็นจุด Overbought ให้ทำการ Sell และจุดทำกำไรคือ เส้น Moving Average เช่นกัน

สำหรับวิธีการที่สอง ในการใช้ Bollinger Band คือการใช้มันบอกการเคลื่อนไหวผ่านความผันผวน สิ่งที่ต้องสังเกตุคือ ความแคบของ Band ถ้าหากแบนด์เข้าใกล้เป็นของชัดเจน เรียกว่า Band เกิดความผันผวนต่ำ มันคือช่วงที่รายใหญ่ใช้สำหรับการเก็บของหลักจากนั้นมาจะตามมาด้วยเทรนด์ เมื่อมันตามมาด้วยเทรนด์นั่นแหละถึงเวลาของพวกที่ขี่เทรนด์ ซึ่งผมจะยกตัวอย่างให้ชัดในวีดีโอประกอบการใช้งาน ลองฟังกันได้ครับ

อย่างไรก็ตาม Bollinger Band นี่ก็ไม่ได้ใช้ง่ายนะครับ เพราะว่า ปัญหาของการใช้งาน 2 รูปแบบมันเป็นข้อเสียของกันและกัน นั่นคือ ถ้าคนที่ใช้มันวัดการแกว่งตัว จังหวะที่ตลาดแคบนั้นก็จะเป็นโอกาสอย่างมาก แต่ว่าถ้าหากว่ามันกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านเข้าสู่เทรนด์นั่นก็อันตรายมากเช่นกัน  และสำหรับคนที่เทรดเทรนด์ ช่วงที่เข้าผิดจังหวะคือช่วงตลาด Sideway ก็เป็นเรื่องยากสำหรับคนเทรดเทรนด์ ต้องระวังให้ดีครับ ถ้ามันง่าย มันก็กำไรไปกันหมดแล้ว แต่ว่าของอย่างนี้อยู่ในตลาดไปเรื่อย ๆ ทักษะก็จะเกิดขึ้นมาเองครับ

MACD

MACD หรือว่า Moving Average Convergence/Divergence หรือก็คือเครื่งมือที่บอกว่า ราคาของสองเส้น MA นั้นไปด้วยกันหรือไม่ หรือว่าสวนทางกัน ก็อย่างที่บอกครับว่า Moving Average เป็นเครื่องมือที่สำคัญและใช้เป็นพื้นฐานในการคำนวณของ indicator หลาย ๆ ตัวด้วยกัน  และตัวนี้ก็ MACD นี่แหละ วิธีการใช้ MACD นั้นไม่หลากหลายแต่ว่าต้องอาศัยการตั้งค่า โดยเราต้องตั้งค่า MACD ให้สอดคล้องกับความเป็นจริง

MACD

ภาพที่ 2 MACD

ซึ่งเมื่อตั้งค่าสอดคล้องกับกราฟแล้ว สิ่งที่เราต้องใช้คือ Histogram และ Moving Average การตัดกขึ้นและตัดลงของเส้น Moving Average และ Histogram นั้นจะถูกใช้สำหรับการวิเคราะห์เทรนด์ สำหรับการใช้ MACD แล้วไม่สามารถใช้มันในการบอกจังหวะสวิง ดังนั้นเทรดเดอร์ที่เลือกใช้ MACD นั้นสามารถใช้ได้แค่ในการวิเคราะห์เพื่อหาจุดเข้าและจุดออกโดยใช้เทรนด์ไลน์อย่างเดียว

ข้อจำกัดของ MACD ที่ค่อนข้างชัดเจน คือ MACD เป็นเครื่องมือประเภท Lag indicator หรือเครื่องมือให้สัญญาณล่าช้า ทำให้การให้สัญญาณกลับตัวนั้นช้า กว่าจะให้สัญญาณมาก็กลับตัวไปแล้วก็มี ซึ่งทำให้การเทรดมีปัญหาและทำกำไรได้ไม่เยอะ ซึ่งการใช้งานจุดทำกำไรเราต้องใช้อย่างอื่นมาประกอบ เช่น เครื่องมือเสริม

ข้อสรุปก่อนจากกันวันนี้ ไม่ว่าเครื่องมือไหนก็ตาม มันไม่ใช่เครื่องมือเทพที่จะเทรดแล้วไม่มีจุดบกพร่อง เหมือนกับการหาคนรู้ใจที่ไม่มีทางเข้ากับเราได้ทุกเรื่องนั่นแหละครับ สิ่งที่เราต้องรู้คือ ข้อจำกัดของมัน รู้ว่าอะไรทำได้อะไรทำไม่ได้ มันคือหลักการของความเป็นคน หลักการอยู่ร่วมกันและหลักการเทรดเช่นเดียวกันครับ

เขียนโดย

Pakornkiat Poonsuk

ผู้ตรวจทานความถูกต้อง

Chatchawal Nakcharoen