บทความก่อนหน้าผมพูดถึง indicator 3 ตัว ได้แก่ Stochastic  RSI และ William % Range ในระดับประถมศึกษา วันนี้เป็นวันแรกของระดับมัธยมศึกษา เราเพิ่งจะผ่านเครื่องมือการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่เป็น indicator ไปหมาด ๆ โดยที่คราวนี้เราจะพูดถึงรูปแบบของราคาที่ไม่ใช้ indicator กัน

 
 

รูปแบบกราฟคือ อะไร

ตอนมาเทรดใหม่ ๆ ผมก็ตลกกับการที่ทำไมราคาถึงจะเคลื่อนไหวเป็นรูปแบบที่กำหนดกัน  ทำไมต้องเป็นแบบนั้นทุกครั้ง รูปแบบกราฟก็เหมือนกับรูปแบบราคาที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ โดยที่รูปแบบกราฟที่สำคัญจะมีรูปแบบที่กำหนดขึ้นมา เช่น Double Top Double Bottoms หรือรูปแบบ  Head and Shoulder ซึ่งไม่ใช่แชมพูแน่นอน รูปแบบสามเหลี่ยมแบบธง รูปแบบ สี่เหลี่ยม และรูปแบบอื่น ๆ อีกมากมาย ผมพยายามที่จะยกตัวอย่างและให้จบภายในบทความเดียว

รูปแบบกราฟแบบ Double  Top และ Double Bottom

รูปแบบกราฟแต่ละแบบมีความหมายเฉพาะของมันเอง ในรูปแบบกราฟ Double Top และ Double Bottom นี้เป็นรูปแบบกราฟ ที่แสดงถึงการกลับตัวของราคา ซึ่งรูปแบบการกลับตัวของราคารูปแบบนี้จะมีความพยายามเคลื่อนไหวกราฟเป็น 2 ระลอก กล่าวคือ ระลอกแรก ราคาพยายามที่จะเคลื่อนไหวเกิด new low ไปเรื่อย ๆ แต่เมื่อมาถึงจุด ๆ หนึ่งราคากลับหยุดและดีดกลับขึ้นไป และเป็นเหมือนจุดกลับตัวแต่กลับเคลื่อนไหวไม่สุด และดีดกลับลงมาอีก เมื่อกลับลงมาอีกรอบ ก็ไม่ทำราคาต่ำสุดครั้งใหม่ และดีดกลับขึ้นไปใหม่ รูปแบบนี้เรียกว่า Double Bottom ดังรูปที่ 1 ต่อไปนี้

Double Top และ Double Bottom

ภาพที่ 1 แสดงรูปแบบ Double Top และ Double Bottom

จากที่เราได้อธิบาย Double bottom ไปแล้ว เรามาอธิบาย Double Top กันบ้าง รูปแบบ Double Top เป็นรูปแบบที่ตรงข้ามกับรูปแบบ Double Bottom คือราคาเกิดราคาสูงสุด และดีกลับตัวมาครั้งแรก หลังจากนั้น ดีกลับไปแต่ไม่สามารถเกิดราคาสูงสุดครั้งใหม่ได้ จนทำให้มันดีกลับตัวมาอีกครั้ง จึงเกิดพฤติกรรมราคาอย่างที่เห็นในภาพที่ 1

รูปแบบ Head and Shoulder

รูปแบบ Head and Shoulder ก็เป็นรูปแบบที่ 2 ที่ผมนำเสนอ ถ้าหากเป็นภาษาไทยก็เรียกมันว่า รูปแบบหัวและไหล่ ซึ่งรูปแบบนี้ก็เป็นไปตามชื่อมันเลยครับ คือมีรูปร่างของหัวไหล่ หัวคน คล้ายคลึงกัน โดยอาจจะเอียงบ้างเล็กน้อย

รูปแบบหัวและไหล่

ภาพที่ 2 รูปแบบหัวและไหล่

รูปแบบที่ 2 รูปแบบ Head and shoulder นั้นเป็นรูปแบบจุดกลับตัวอีกรูปแบบหนึ่งที่นิยม โดยลักษณะเด่นของรูปแบบ Head and Shoulder คือ ราคาตรงหัวจะอยู่สูงกว่าราคาตรง Shoulder เมื่อเราเห็นรูปแบบเช่นนี้ เตรียมพบกับการกลับตัวของราคาต่อไปได้เลย นอกจากนี้เช่นเดียวกับ Double Top และ Double Bottom รูปแบบ Head and Shoulder ก็จะมีรูปแบบกลับหัวเช่นเดียวกับรูปแบบ Double Top เช่นเดียวกัน

รูปแบบกราฟลิ่ม

รูปแบบกราฟแบบลิ่มก็เป็นอีกรูปแบบหนึ่งที่มีความน่าสนใจ เนื่องจากรูปแบบรูปลิ่ม เป็นรูปแบบที่สามารถระบุการเกิดได้ง่าย รูปแบบนั่นค่อนข้างตายตัวแม้แต่มือใหม่ก็สามารถระบุการเกิดได้อย่างไม่ยากเย็น โดยรูปแบบลิ่มก็เหมือนกับรูปแบบ อื่น ๆ คือ เกิดขึ้นได้ทั้งขาขึ้นและขาลง ซึ่งชื่อก็บอกอยู่ว่า รูปแบบลิ่ม

รูปแบบกราฟรูปลิ่ม

ภาพที่ 3 รูปแบบกราฟรูปลิ่ม

รูปลิ่มนั้นเป็นกราฟบอกการกลับตัว ถ้าหาก รูปลิ่ม คือ สามเหลี่ยมชี้ขึ้น หมายความว่า มันจะกลับตัวลง แต่ถ้าหากว่ามันชี้ลง มันก็จะดีดกลับและกลับตัวเป็นขาขึ้น ในภาพที่ 3 เรายกตัวอย่าง รูปลิ่มที่เป็นขาลง โดยตัวลิ่มจะชี้ขึ้นออกไปนอกโลกไปเลยครับ รูปแบบนี้ในการเทรดก็ถือว่าได้ผลพอสมควร ครับ และได้ Risk Reward ที่ดีเช่นกัน

รูปแบบ 4 เหลี่ยมผืนผ้า

ต่อไปเป็นรูปแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้า  รูปแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้า นั้นดูได้ง่ายมันก็เป็นรูปแบบแนวรับแนวต้านปรกตินั่นแหละครับ แต่ว่ารูปแบบนี้จะค่อนข้างมีระยะเวลาการเกิดสั้นครับ ถ้าหากเราถือไว้นาน ๆ เราไม่ค่อยจะแน่ใจได้ครับ จริง ๆ แล้วมันจะเกิดไปอีกนานเท่าไหร่ รูปบแบบนี้เป็นรูปแบบที่ได้รับความนิยมในการเทรด อย่างหนึ่ง

รูปแบบ 4 เหลี่ยมผืนผ้า

ภาพที่ 4 รูปแบบ 4 เหลี่ยมผืนผ้า

ในภาพที่ 4 ก็แสดงแนวรับแนวต้านของราคาที่เคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ การใช้งานสามารถใช้ได้ทั้งขาขึ้นขาลง อย่างไรก็ตาม รูปแบบนี้ไม่เหมือนกับรูปแบบอื่น ๆ คือมันเป็นรูปแบบ Range Trading ไม่ใช่รูปแบบกลับตัว เราอาจจะใช้มันบอกจุดกลับตัวก็ได้ แต่ยิ่งเวลานานไป ความเสี่ยงที่มันจะไม่กลับตัวก็เกิดขึ้นได้สูงเช่นกัน ฃ

เป็นอย่างไรบ้างครับ รูปแบบกราฟทั้ง 4 เป็นรูปแบบที่ได้รับความนิยม และรู้จักกันไปทั่ว ซึ่งมันก็มีเนื้อหาไม่มากเท่าไหร่ครับ เอาเป็นว่า บทบาทของการวิเคราะห์กราฟ ทำให้เราเทรดได้สำเร็จก็มีพอสมควรนะครับ แต่ว่ามันไม่ใช่ทั้งหมดของการเทรดครับ รูปแบบกราฟก็มีตั้งแต่ใช้ indicator ซึ่งจบไปแล้ว และระดับมัธยมต้นนี้ก็เป็นรูปแบบที่ไม่ใช้ indicator ครับ

เขียนโดย

Pakornkiat Poonsuk

ผู้ตรวจทานความถูกต้อง

Chonthicha Poomidon