วันนี้ยังอยู่กันเรื่องของโบรคเกอร์ โดยเป็นเรื่องของการเลือกโบรคเกอร์ซึ่งก็จะเป็นเนื้อหาสุดท้ายแล้วสำหรับโบรคเกอร์ ผมคงไม่พูดมากไปกว่านี้ เพราะว่า แค่เลือกให้ถูกก็น่าจะโอเคแล้วสำหรับทุกท่าน โดยวันนี้ก็จะมาพูดถึงการเลือกโบรคเกอร์จะต้องมีเกณ์อะไรบ้าง ในการพิจารณาในการเลือกโบรคเกอร์ ซึ่งก็จะมีดังต่อไปนี้
- ความน่าเชื่อถือของโบรคเกอร์ – การที่โบรคเกอร์จะมีความเชื่อถือ สิ่งหนึ่งที่จะต้องดูคือ การจดทะเบียน และ ลงทะเบียน กับหน่วยงานกำกับบริษัททางด้านการเงินในประเทศใดประเทศหนึ่ง เพราะว่าอย่างน้อยก็มีการปฏิบัติตามกฏหมายของประเทศนั้น ๆ เป็นอย่างน้อย แม้ว่าโบรคเกอร์จะไม่ได้จดทะเบียนในประเทศไทยก็ตาม โบรคเกอร์ส่วนใหญ่แล้วจะต้องสร้างความน่าเชื่อถือ ความปลอดภัยให้กับลูกค้า ซึ่งข้อนี้ไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงได้ และไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้ว่า โบรคเกอร์ไม่จำเป็นต้องจดทะเบียน ซึ่งการจดทะเบียนของโบรคเกอร์ จะทำให้เทรดเดอร์มีความวางใจได้ระดับหนึ่ง
ภาพที่ 1 สถาบันกำกับโบรคเกอร์
- เงื่อนไขการฝากและถอน – การฝากและถอนเงินเป็นอีกเงื่อนไขสำคัญสำหรับการเลือกโบรคเกอร์ เพราะว่า การเลือกโบรคเกอร์ที่ดีนั้นจะต้อง จะต้องดูต้นทุนเป็นสำคัญ ต้นทุนของการเทรด นั้นก็คือ ค่าธรรมเนียมการฝากถอน ในปัจจุบัน ประเทศไทยมีการยกเลิกค่าธรรมเนียมการฝากและโอนเงินของการทำธุรกรรม ทำให้โบรคเกอร์หลายแห่งนั้นฝากเงินโดยที่ไม่ต้องเสียเงินค่าธรรมเนียมการฝากถอน ซึ่งการเลือกโบรคเกอร์ก็ควรพิจารณาประเด็นนี้ประกอบด้วยเช่นกัน ซึ่งรวมถึงกาความรวดเร็วในการฝากถอนด้วย
- โปรแกรมเทรด – หลายโบรคเกอร์ให้บริการโปรแกรมเทรด ที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายอย่าง โปรแกรม Metatrader4 ซึ่งบางโบรคเกอร์ก็มีโปรแกรมของตัวเอง แต่อย่างไรก็ตามไม่ได้หมายความว่าโปรแกรมเหล่านั้นไม่ดี บางโบรคเกอร์ก็มีโปรแกรมเทรดที่ค่อนข้างเสถียร์และส่งคำสั่งได้อย่างรวดเร็ว โปรแกรมเหล่านั้น โดยสิ่งสำคัญสำหรับเทรดเดอร์ในการเลือกโปรแกรม คือ ความคุ้นเคยกับโปรแกรม เพราะว่า บางท่านอาจจะถนัด กับบางโปรแกรม และบางโปรแกรมก็อาจจะมีเครื่องมือ จำกัด เช่น Indicator มีให้เลือกใช้น้อยเกินไปเป็นต้น
ภาพที่ 2 ประเภทของโปรแกรมเทรด
- บริการลูกค้า – การบริการลูกค้าก็เป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะการตอบคำถามลูกค้า โบรคเกอร์ที่ดีต้องพร้อมที่จะให้บริการลูกค้าตลอดเวลา โดยเฉพาะภาษาที่เป็นภาษาท้องถิ่น เทรดเดอร์ส่วนใหญ่ในบางประเทศ โดยเฉพาะประเทศไทย จะไม่มีความชำนาญภาษาอังกฤษนัก ถ้าหากไม่มีบริการตอบคำถาม ความยากลำบากในการเทรดก็จะเกิดขึ้นกับเทรดเดอร์ โบรคเกอร์ที่ควรเลือก ควรจะบริการตอบคำถามนั้น
ภาพที่ 3 โปรแกรม Chat
นอกจากประเด็นเรื่องของการคัดเลือกโบรคเกอร์ สิ่งหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับโบรคเกอร์คือ บัญชีเทรด เพราะว่า ประเภทบัญชีเทรดที่มีให้บริการแต่ละโบรคเกอร์ก็มีความแตกต่างกัน ซึ่งประเด็นที่เกี่ยวขอ้งกับแต่ละโบรคเกอร์ก็คือ ประเภทบัญชีและการให้บริการนี่แหละครับ
- ประเภทบัญชี – สิ่งที่ต้องพิจารณาในการเลือกประเภทบัญชีได้แก่ บัญชี Micro Standard หรือ ECN นั้นควรเลือกจาก Spread ที่มีให้บริการเพราะว่า Spread ของเขาก็คือ ต้นทุนของเรา อย่างที่ได้กล่าวไว้ตั้งแต่บทเรียนก่อนหน้าว่า Spread นั้นจะขึ้นอยู่กับประเภทบัญชีของแต่ละประเภท เพราะว่า ถ้าหากบัญชี แบบ Micro ก็จะมี Spread ที่ค่อนข้างสูง ต้องระวังให้ดีเพราะแม้บางโบรคเกอร์จะบอกว่าตัวเองเป็นโบรคเกอร์แบบ Non-Dealing Desk และใช้ประเภทบัญชีแบบ Variable Spread ก็ไม่ได้หมายความว่า ค่า Spread จะถูกเหมือนกัน ฉะนั้น ควรจะทำการเปรียบเทียบข้อมูลเรื่องพวกนี้ให้ละเอียดในแต่ละโบรคเกอร์ครับ
- การยืนยันตัวตน – การยืนยันตัวตนก็เป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน เมือ่ก่อนสมัยที่ผมทำการเทรด Forex ใหม่ ๆ นั้น ถึงขนาดไปซื้อของที่ Lotus แล้วให้เขาออกใบเสร็จให้เป็นภาษาอังกฤษ แล้วนำมาสแกนเพื่อใช้เป็นหลักฐานในการยืนยันที่อยู่ แต่เดี๋ยวนี้โบรคเกอร์ที่ผมใช้ประจำใช้สำเนาทะเบียนบ้าน และบัตรประชาชนในการดำเนินการยืนยันที่อยู่ซึ่งตรงไปตรงมาไม่ต้องอ้อมค้อม ทำได้ง่าย การเลือกยืนยันตัวตนทำให้เราได้รับความสะดวก และสามารถดำเนินการได้ง่าย จึงเป็นเรื่องที่ควรพิจารณาเป็นอย่างยิ่ง
ซึ่ง 2 ประเด็นดังกล่าวก็เป็นเรื่องที่สำคัญในการเทรด และการเลือกโบรคเกอร์ เลือกโบรคเกอร์ผิดอาจจะทำให้คุณเสียดาย เสียเวลาและรู้สึกว่า ไม่น่ามาเทรดโบรคเกอร์นี้เลยก็ได้ นอกจากนี้ ความรู้และบริการที่โบรคเกอร์มีให้ไว้บริการในเว็บนั้นก็เป็นสิ่งที่ควรพิจารณาประกอบ โบรคเกอร์บางประเภท เพิ่งจะเปิดตัวไปไม่นาน โดยใช้ Bonus เข้ามาล่อ อย่างไรก็ตาม เราต้องกรองโบรคเกอร์ออกไปว่า แบบไหนที่ดีและมีความน่าเชื่อถือที่จะฝากเงินที่เราหามาแสนยากลำบากนั้น ไว้กับเขาได้ และไม่ต้องกังวลว่าเขาจะปิดหนีเราไป แล้วหายเข้ากลีบเมฆไป