ในความเป็นจริงของการเทรดนั้น เราจำเป็นที่จะต้องทำความเข้าใจแนวโน้ม (Trend) ของราคาสินทรัพย์ที่เราเทรดอยู่ เพราะมันถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้เราสามารถตัดสินใจเข้า Position ได้อย่างไม่ลังเลและเข้าไปถูกจังหวะ โดย IndY หนึ่งที่ได้รับการยอมรับและนิยมใช้อย่างแพร่หลายในกลุ่มเทรดเดอร์ทางเทคนิคก็คือ Commodity Channel Index (CCI) ครับ
CCI นับว่ามีบทบาทสำคัญในการวิเคราะห์แนวโน้มของราคา ดังนั้นบทความนี้ผมจะอธิบายถึงความสัมพันธ์ระหว่างราคากับแนวโน้มผ่านมุมมองของ CCI รวมถึงวิธีการใช้งานเพื่อเพิ่มความแม่นยำในการเทรด
ทำความรู้จักกับ CCI กันเถอะ!
Commodity Channel Index (CCI) เป็น Indicator ทางเทคนิคประเภทหนึ่งที่คิดค้นโดย Donald Lambert ในปี 1980 โดยในตอนแรก CCI ได้รับการออกแบบมาเพื่อตรวจสอบ Trend ในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity Market) แต่ด้วยความสามารถในการวิเคราะห์แนวโน้มที่มีประสิทธิภาพ ทำให้เครื่องมือนี้ถูกนำไปใช้ในตลาดอื่น ๆ เช่น ตลาดหุ้น ฟอเร็กซ์ และคริปโตเคอร์เรนซี เป็นต้น
CCI ยังถือว่าเป็นเครื่องมือประเภท Oscillator ซึ่งมีค่าเคลื่อนไหวในรูปแบบตัวเลขที่ไม่มีขอบเขตตายตัว (Unbounded Indicator) โดยค่าหลักของ CCI มักจะอยู่ในช่วง -100 ถึง +100 และสามารถเกินขอบเขตนี้ได้หากราคาเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงครับ
รูปที่ 1 ตัวอย่างหน้าตาของ CCI indicator ที่โคตรจะใช้ง่ายเลย ใครมีพื้นฐาน RSI เดิมๆ มาแล้วก็สบายเลยครับ
CCI คำนวณจากอะไร
สมการที่ใช้คำนวณค่า CCI ไม่ซับซ้อนครับ ซึ่งมันจะอิงจากค่า Moving Average ด้วย ดังนั้นใครอยากเข้าใจลึกซึ้ง ผมแนะนำให้ลองอ่านบทความ Moving Average จาก Link นี้ก่อนได้เลยครับ
CCI = (TP-SMA) / 0.015* Mean Deviation
- TP (Typical Price) = (ราคาสูงสุด + ราคาต่ำสุด + ราคาปิด) ÷ 3
- SMA (Simple Moving Average) = ค่าเฉลี่ยของ TP ในช่วงเวลาที่กำหนด
- Mean Deviation = ค่าเบี่ยงเบนเฉลี่ยของ TP จากค่า SMA
- ตัวคูณ 0.015 ถูกนำมาใช้เพื่อลดค่าสเกลให้อยู่ในระดับมาตรฐาน
ค่าที่ได้จากสูตรนี้จะช่วยให้นักลงทุนเข้าใจว่าราคาปัจจุบันอยู่ในระดับที่สูงหรือต่ำเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในช่วงเวลาที่กำหนด
ความสัมพันธ์ของราคากับแนวโน้มผ่านมุมมองของ CCI
CCI เป็นตัวบ่งชี้ที่แสดงความสัมพันธ์ระหว่าง ราคาปัจจุบัน และ ค่าเฉลี่ยของราคาในอดีต โดยนักลงทุนสามารถนำค่าที่ได้มาวิเคราะห์แนวโน้มของตลาด ดังนี้:
การระบุแนวโน้ม (Trend Identification)
- ค่า CCI ที่อยู่เหนือ +100: เมื่อค่า CCI สูงกว่า +100 หมายความว่าราคาปัจจุบันมีแนวโน้มสูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตอย่างมีนัยสำคัญ มันสะท้อนถึงตลาดที่อยู่ในแนวโน้มขาขึ้น (Bullish Trend) ซึ่งเป็นสัญญาณให้นักลงทุนพิจารณาเปิดสถานะ ซื้อ (Buy)
- ค่า CCI ที่ต่ำกว่า -100: หากค่า CCI ต่ำกว่า -100 หมายถึงราคาปัจจุบันต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตอย่างมาก มันจะสะท้อนถึงตลาดที่อยู่ในแนวโน้มขาลง (Bearish Trend) ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาเปิดสถานะ ขาย (Sell)
การตรวจจับสภาวะ Overbought และ Oversold
- Overbought (ภาวะซื้อมากเกินไป): หากค่า CCI สูงกว่า +200 อาจหมายความว่าราคาสินทรัพย์มีการซื้อที่มากเกินไปและอาจเผชิญกับแรงขายหรือการปรับฐาน (Price Correction)
- Oversold (ภาวะขายมากเกินไป): หากค่า CCI ต่ำกว่า -200 บ่งบอกว่าสินทรัพย์นั้นอยู่ในภาวะขายมากเกินไปและอาจเกิดแรงซื้อกลับมาในอนาคตอันใกล้
สัญญาณ Divergence (สัญญาณความขัดแย้งระหว่างราคาและ CCI)
Divergence เกิดขึ้นเมื่อทิศทางของราคาและ CCI ขัดแย้งกัน ซึ่งเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงTrend
- Bullish Divergence: เกิดขึ้นเมื่อราคาทำจุดต่ำสุดใหม่ (Lower Low) แต่ CCI ทำจุดต่ำสุดที่สูงขึ้น (Higher Low) ซึ่งบ่งบอกถึงโอกาสที่ราคาจะปรับตัวขึ้นในอนาคต
- Bearish Divergence: เกิดขึ้นเมื่อราคาทำจุดสูงสุดใหม่ (Higher High) แต่ CCI กลับทำจุดสูงสุดที่ต่ำลง (Lower High) ซึ่งเป็นสัญญาณว่าราคาอาจปรับตัวลง
รูปที่ 2 ตัวอย่างหา Divergence ด้วย CCI indicator
การใช้งาน CCI ในกลยุทธ์การเทรด
การใช้งาน CCI สามารถผสมผสานเข้ากับกลยุทธ์การลงทุนได้หลากหลายวิธี เช่น
- การเทรดตามแนวโน้ม (Trend Following Strategy): นักลงทุนสามารถใช้ CCI เพื่อยืนยันแนวโน้มหลักของตลาด โดยในตลาดขาขึ้น ค่า CCI มักเคลื่อนไหวในโซนบวก (+100 ขึ้นไป) และในตลาดขาลง ค่า CCI มักเคลื่อนไหวในโซนลบ (-100 ลงไป)
- การหาโอกาสซื้อขายในจุด Overbought และ Oversold: เข้า Buy เมื่อ CCI ข้ามระดับ -100 กลับขึ้นมา และให้เข้า Sell เมื่อ CCI ข้ามระดับ +100 ลงมา
- การใช้ CCI กับ Indicator ตัวอื่น เช่น Moving Average (MA) เพื่อนช่วยยืนยันแนวโน้มระยะยาว หรือ Relative Strength Index (RSI) เพื่อช่วยตรวจสอบจุด Overbought และ Oversold ครับ
- การวิเคราะห์หลาย Time Frame โดยเราสามารถใช้ CCI ในกรอบเวลาที่แตกต่างกัน เช่น ใช้ CCI ใน Time Frame รายวันเพื่อวิเคราะห์แนวโน้มใหญ่ และ ใช้ CCI ใน Time Frame รายชั่วโมงเพื่อหาโอกาสเข้าซื้อในระยะสั้น
ข้อดีของ CCI:
- ใช้งานง่าย และเหมาะสำหรับเทรดเดอร์มือใหม่
- มีความยืดหยุ่น สามารถใช้ได้ในตลาดหลายประเภท
- มีประโยชน์ทั้งในตลาดที่มีแนวโน้ม (Trending Market) และตลาดที่เคลื่อนไหวแบบ Sideways
ข้อจำกัดของ CCI:
- สัญญาณผิดพลาด (False Signals) อาจเกิดขึ้นในตลาดที่มีความผันผวน
- ไม่สามารถบอกจุดเปลี่ยนแนวโน้มได้อย่างชัดเจนในทุกสถานการณ์
- ต้องใช้งานร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์อื่น ๆ เพื่อเพิ่มความแม่นยำ
ตัวอย่างกลยุทธ์ที่เทรดตาม Trend
กลยุทธ์นี้เราจะใช้ CCI ควบไปกับ Simple Moving Average กันครับ โดยตั้ง Period ของ SMA ให้เป็น 100 เพื่อลดสัญญาณรบกวนอื่น ๆ ให้น้อยลง การใช้กลยุทธ์ CCI + SMA เหมาะสำหรับการเทรดระยะสั้น โดยเปิดคำสั่งเมื่อราคาย้อนกลับ (Retrace) จากเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ ในกรณีนี้ เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่จะทำหน้าที่เป็นเส้นแนวรับ/แนวต้านครับ Time Frame ที่เหมาะสมสำหรับการเทรด คือ M15 แต่สามารถเพิ่มการเทรดแบบ Scalping ในกรอบเวลา M5 ได้เช่นกัน โดยการเปิด Position สามารถทำได้ดังนี้ครับ:
- เมื่อ CCI ออกจาก Oversold Zone และเส้นราคาตัดผ่านกราฟเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่จากด้านล่างขึ้นด้านบน ให้เปิดคำสั่งซื้อ (Buy)
- เมื่อ CCI ตัดผ่านระดับ +100 จากด้านล่างขึ้นด้านบน และเส้นราคาตัดผ่านเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ไปในทิศทางเดียวกัน ให้เปิดคำสั่งขาย (Sell)
รูปที่ 3 ตัวอย่างกลยุทธ์ที่น่าสนใจ ใครถนัด Scalping จัดเลยครับ
คำเตือนความเสี่ยงในการเทรด Forex ด้วยกลยุทธ์ CCI + MA
- ความผันผวนของตลาด: ตลาด Forex มีความผันผวนสูง ราคาสามารถเปลี่ยนแปลงได้รวดเร็ว ซึ่งอาจทำให้สัญญาณจากกลยุทธ์ CCI + MA ไม่แม่นยำเสมอไป ส่งผลให้เกิดการขาดทุนได้ ทั้งนั้นอย่าลืมไป BackTest ให้ชัวร์ก่อนนะ
- สัญญาณหลอก (False Signals): CCI และ SMA อาจให้สัญญาณหลอก โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดไม่มี Trend ที่ชัดเจนหรือเคลื่อนไหวแบบ Sidway ผู้ใช้งานควรระมัดระวังและพิจารณาการใช้อินดิเคเตอร์เสริมเพื่อยืนยันสัญญาณ
- ขาดการจัดการความเสี่ยง (Risk Management): หากไม่มีการตั้ง Stop Loss หรือการจัดการความเสี่ยงอย่างเหมาะสม การเทรดโดยใช้กลยุทธ์นี้อาจนำไปสู่การสูญเสียเงินทุนจำนวนมาก ยกเว้นซะแต่ว่า เทรดเดอร์จะจำกัดความเสี่ยงด้วยออกเข้า Position ในระดับที่ไม่เกิน 1-2% ของพอร์ตทั้งหมด
- ไม่สามารถรับประกันกำไรได้: แม้กลยุทธ์ CCI + MA จะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไร แต่ไม่มีระบบการเทรดใดที่สามารถรับประกันผลกำไรได้ 100% การเทรดทุกครั้งมีความเสี่ยงเสมอ
- การเทรดระยะสั้นและ Scalping: การเทรดในกรอบเวลาสั้น เช่น M5 หรือ M15 อาจเพิ่มความกดดันและความเสี่ยง เนื่องจากต้องตัดสินใจอย่างรวดเร็ว และการเคลื่อนไหวของราคามีความผันผวนสูงในกรอบเวลาสั้น
การลงทุนในตลาด Forex มีความเสี่ยงสูง ผู้ลงทุนควรพิจารณาความเหมาะสมกับเป้าหมายและระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ก่อนการลงทุน
สรุป
Commodity Channel Index (CCI) เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์อย่างมากในการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่าง “ราคา” และ “แนวโน้ม” โดยเฉพาะในตลาดที่มีความผันผวนสูง การใช้งาน CCI ไม่เพียงช่วยให้นักลงทุนระบุแนวโน้มของตลาด แต่ยังช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรและลดความเสี่ยงในการเทรด อย่างไรก็ตาม การใช้ CCI อย่างเหมาะสมจำเป็นต้องอาศัยการวิเคราะห์ควบคู่ไปกับเครื่องมืออื่น ๆ และการประยุกต์เข้ากับกลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสม
แหล่งอ้างอิง
- Thaiforexbroker. CCI Indicator: Commodity Channel Index คืออะไร. https://www.thaiforexbroker.com/cci-indicator/
- Liberator. Commodity Channel Index (CCI). https://www.liberator.co.th/article/view/technicalseries20-commodity-channel-index
- Investopedia. Commodity Channel Index (CCI). https://www.investopedia.com/terms/c/commoditychannelindex.asp
- Lucid Trader. Commodity Channel Index (CCI): ใช้งานอย่างไร. https://www.lucid-trader.com/commodity-channel-index/
- Fidelity. Commodity Channel Index (CCI) Technical Indicator Guide. https://www.fidelity.com/learning-center/trading-investing/technical-analysis/technical-indicator-guide/cci