Dollar Index (USDX) คืออะไร
ดัชนีดอลลาร์สหรัฐ (U.S. Dollar Index) หรือที่รู้จักกันในสัญลักษณ์ USDX หรือ DXY ไม่ใช่แค่ตัวเลขที่ลอยขึ้นลง แต่เป็น เครื่องมือวัดมูลค่าที่ทรงพลัง ของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) เมื่อเปรียบเทียบกับ “ตะกร้าสกุลเงิน” (Basket of Currencies) ของ 6 สกุลเงินหลักที่เป็นคู่ค้าสำคัญของสหรัฐอเมริกาในอดีต
- จุดกำเนิดและเหตุผล: ดัชนีนี้ถูกสร้างขึ้นโดยธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ในเดือนมีนาคม ปี 1973 และมีค่าเริ่มต้นที่ 100.00 จุด เหตุผลสำคัญที่ต้องมีดัชนีนี้ขึ้นมา คือการล่มสลายของ ระบบเบรตตันวูดส์ (Bretton Woods System) ซึ่งก่อนหน้านี้ ค่าเงินสกุลต่างๆ ทั่วโลกจะถูกผูกไว้กับทองคำโดยมีเงินดอลลาร์เป็นตัวกลาง เมื่อระบบนี้สิ้นสุดลง ค่าเงินสกุลต่างๆ เริ่มลอยตัวอย่างเสรี จึงจำเป็นต้องมีมาตรวัดที่เป็นมาตรฐานเพื่อดูว่าค่าเงินดอลลาร์แข็งหรืออ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ ในภาพรวม
- ผู้ดูแลในปัจจุบัน: ปัจจุบันดัชนีนี้ได้รับการดูแลและคำนวณโดย Intercontinental Exchange (ICE) และมีการซื้อขายอย่างแพร่หลายในตลาดฟิวเจอร์ส, ออปชัน และ CFD ทำให้นอกจากจะเป็นดัชนีชี้วัดแล้ว ยังเป็นสินทรัพย์ทางการเงินที่นักลงทุนสามารถเก็งกำไรได้โดยตรง
- เปรียบเทียบให้เห็นภาพ: หากเปรียบตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีดัชนี S&P 500 เป็นตัวแทนภาพรวมของหุ้น 500 บริษัทชั้นนำ USDX ก็เปรียบเสมือน “S&P 500 ของค่าเงินดอลลาร์” ที่สะท้อนสุขภาพและความแข็งแกร่งของเงินดอลลาร์เทียบกับคู่แข่งสกุลเงินหลักของโลกนั่นเอง
ทำความเข้าใจชื่อ: Dollar Index, USDX และ DXY คือสิ่งเดียวกัน
ก่อนจะลงลึกในรายละเอียด หลายท่านอาจสงสัยเมื่อเห็นชื่อต่างๆ เช่น Dollar Index, USDX หรือแม้กระทั่ง DXY และเกิดคำถามว่าทั้งหมดนี้คือสิ่งเดียวกันหรือไม่?
คำตอบคือ ใช่ ทั้งหมดคือสิ่งเดียวกัน และสามารถใช้แทนกันได้ โดยแต่ละชื่อมีที่มาดังนี้ครับ
- Dollar Index คือ “ชื่อเต็ม” ชื่อนี้เป็นการอธิบายความหมายตรงตัวที่สุด
- Dollar หมายถึง สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ
- Index หมายถึง ดัชนีที่ใช้วัดค่าโดยเปรียบเทียบกับกลุ่มตัวอย่าง (ในที่นี้คือตะกร้าสกุลเงิน)
- USDX และ DXY คือ “ชื่อย่อ” หรือ “สัญลักษณ์ (Ticker Symbol)” เป็นชื่อที่ใช้ในตลาดการเงินและบนแพลตฟอร์มการเทรด เพื่อความรวดเร็วและสะดวก
- USD คือรหัสสากลของเงินดอลลาร์สหรัฐ (United States Dollar)
- ตัวอักษร X ที่ต่อท้าย มักใช้ในตลาดการเงินเพื่อสื่อความหมายว่าเป็น ‘Index’ (ดัชนี)
อาจเปรียบเทียบง่ายๆ เหมือนกับชื่อคน เช่น นาย “ธนพล (ชื่อเล่น พล)” ในการพูดคุยกันครั้งแรกอาจแนะนำตัวเต็ม แต่หลังจากนั้นคนอาจจะเรียกสลับกันไปมาระหว่าง “คุณธนพล” กับ “คุณพล” ซึ่งทุกคนก็เข้าใจว่าคือคนเดียวกัน
Dollar Index (USDX) เกี่ยวข้องต่อการเทรด Forex อย่างไร
ความสัมพันธ์ระหว่าง USDX กับ ตลาด Forex นั้นลึกซึ้งและเป็นเหตุเป็นผลกันโดยตรง เทรดเดอร์มืออาชีพไม่เคยมองข้ามดัชนีนี้ เพราะมันให้เบาะแสที่สำคัญอย่างยิ่งต่อการเคลื่อนไหวของราคา
ความสัมพันธ์แบบผกผัน (Inverse Correlation):
- คู่เงินหลัก (Major Pairs) ที่ USD อยู่ข้างหลัง เช่น EUR/USD, GBP/USD, AUD/USD, NZD/USD จะเคลื่อนไหวในทิศทาง ตรงกันข้าม กับ USDX เสมอ
ความสัมพันธ์โดยตรง (Direct Correlation):
- คู่เงินที่ USD อยู่ข้างหน้า เช่น USD/JPY, USD/CHF, USD/CAD จะเคลื่อนไหวในทิศทาง เดียวกัน กับ USDX
- ตัวอย่าง: หาก USDX กำลังสร้างเทรนด์ขาขึ้นที่ชัดเจน คู่เงิน USD/JPY ก็มีแนวโน้มสูงที่จะปรับตัวสูงขึ้นเช่นกัน เพราะนั่นหมายความว่าเงินดอลลาร์กำลังแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยนญี่ปุ่น
การบ่งชี้สภาวะตลาด (Risk-on / Risk-off):
- Risk-off (ปิดรับความเสี่ยง): เมื่อเกิดวิกฤตเศรษฐกิจหรือความไม่แน่นอนทางการเมืองทั่วโลก นักลงทุนมักจะเทขายสินทรัพย์เสี่ยงและหันมาถือครอง “สินทรัพย์ปลอดภัย” (Safe Haven) ซึ่งหนึ่งในนั้นคือเงินดอลลาร์สหรัฐฯ การกระทำนี้จะผลักดันให้ USDX พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
- Risk-on (เปิดรับความเสี่ยง): ในทางกลับกัน เมื่อเศรษฐกิจโลกสดใสและนักลงทุนมีความเชื่อมั่น พวกเขาก็พร้อมที่จะลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า เช่น สกุลเงินของตลาดเกิดใหม่ (Emerging Markets) ซึ่งจะทำให้เกิดแรงเทขายดอลลาร์และส่งผลให้ USDX ปรับตัวลดลง
Dollar Index (USDX) สำคัญอย่างไรต่อการเทรด Forex
การเข้าใจและใช้ USDX ให้เป็น ไม่ใช่แค่ “รู้ไว้ก็ดี” แต่เป็น “ความได้เปรียบ” ในการ เทรด Forex อย่างแท้จริง
เป็นเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคชั้นยอด
- เทรดเดอร์สามารถนำความรู้ด้านเทคนิคคอลทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการตีเส้นแนวโน้ม (Trend Line), การหาแนวรับ-แนวต้าน (Support/Resistance), หรือการใช้อินดิเคเตอร์ (RSI, MACD, Moving Average) มาวิเคราะห์บนกราฟของ USDX ได้โดยตรง
- การเกิดสัญญาณ Breakout หรือการกลับตัวบนกราฟ USDX มักจะเป็นสัญญาณเตือนล่วงหน้าถึงการเคลื่อนไหวใหญ่ของคู่เงินที่เกี่ยวข้องกับ USD
เป็นปัจจัยยืนยันความแข็งแกร่งของสัญญาณ (Confluence/Confirmation)
- สถานการณ์ตัวอย่าง: สมมติว่าคุณวิเคราะห์กราฟ GBP/USD และพบสัญญาณกลับตัวเป็นขาขึ้น (เช่น รูปแบบ Bullish Engulfing) แต่คุณยังไม่มั่นใจ 100% คุณสามารถเปิดกราฟ USDX ขึ้นมาดูประกอบ หากคุณพบว่าในเวลาเดียวกันนั้น USDX กำลังร่วงลงทะลุแนวรับสำคัญพอดี นี่คือ “การยืนยันซ้อน” ที่ทรงพลัง ทำให้คุณมั่นใจในการเปิดออเดอร์ Long (ซื้อ) ในคู่ GBP/USD มากขึ้นหลายเท่า เพราะมันหมายความว่าทั้งปัจจัยของ GBP เอง และปัจจัยของ USD โดยรวมกำลังส่งเสริมไปในทิศทางเดียวกัน
ช่วยในการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ (Strategic Decision)
- เทรดเดอร์ระยะยาว (Position Trader): จะจับตาดูแนวโน้มรายสัปดาห์หรือรายเดือนของ USDX เพื่อประเมินทิศทางของ Fund Flow ที่ขับเคลื่อนโดยนโยบายการเงินของ Fed หาก USDX อยู่ในแนวโน้มขาขึ้นระยะยาว ก็ควรเน้นมองหาโอกาสในการซื้อ USD เป็นหลัก
- เทรดเดอร์ระยะสั้น (Day Trader): จะดูการเคลื่อนไหวของ USDX ในกรอบเวลารายชั่วโมง เพื่อหาจังหวะเทรดตามแรงเหวี่ยงของตลาดในวันนั้นๆ
- หาก USDX พุ่งขึ้นแรงหลังการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ก็อาจจะหาจังหวะ Short (ขาย) คู่ EUR/USD ตามทันที
- เป็นตัวชี้นำ ราคาทองคำ และน้ำมัน: ความสัมพันธ์แบบผกผันกับทองคำนั้นเป็นที่รู้จักกันดี ทองคำถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ “Anti-Dollar” เมื่อผู้คนหมดศรัทธาในเงินดอลลาร์ (USDX ร่วง)
- พวกเขาก็มักจะนำเงินไปพักไว้ที่ทองคำ (ราคาทองคำขึ้น) เทรดเดอร์ที่เทรดทั้ง Forex และทองคำจึงต้องดู USDX ควบคู่กันเสมอ
USDX วิธีการคำนวณ และ อ่านค่าอย่างไร
ส่วนประกอบและการคำนวณ
การคำนวณของ USDX มาจากค่าเฉลี่ยเรขาคณิตถ่วงน้ำหนัก (Geometric Weighted Average) เทียบกับ 6 สกุลเงิน โดยน้ำหนักถูกกำหนดตามปริมาณการค้ากับสหรัฐฯ ในช่วงทศวรรษ 1970
- ยูโร (EUR): 57.6% (น้ำหนักเยอะที่สุด สะท้อนถึงเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของยูโรโซน)
- เยนญี่ปุ่น (JPY): 13.6%
- ปอนด์อังกฤษ (GBP): 11.9%
- ดอลลาร์แคนาดา (CAD): 9.1%
- โครนาสวีเดน (SEK): 4.2%
- ฟรังก์สวิส (CHF): 3.6%
วิธีการอ่านค่า (สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเทรดเดอร์)
คุณไม่จำเป็นต้องจำสูตร แต่ต้องตีความค่าที่เห็นให้เป็น
- การอ่านค่า ณ ปัจจุบัน (Absolute Value)
- USDX = 104.00 หมายความว่า ณ ขณะนี้ ค่าเงินดอลลาร์โดยรวมแข็งค่ากว่าค่าฐานในปี 1973 อยู่ 4%
- USDX = 98.00 หมายความว่า ณ ขณะนี้ ค่าเงินดอลลาร์โดยรวมอ่อนค่ากว่าค่าฐานในปี 1973 อยู่ 2%
- การอ่านการเปลี่ยนแปลง (The Change – สำคัญที่สุด):
- สิ่งที่เทรดเดอร์ให้ความสำคัญไม่ใช่ตัวเลขเดี่ยวๆ แต่คือ “การเปลี่ยนแปลง” ในช่วงเวลาหนึ่งๆ
- ทิศทาง: ดัชนี กำลังขึ้น หรือ กำลังลง? นี่คือสิ่งแรกที่ต้องมอง
- ความเร็ว (Momentum): การขยับจาก 104 ไป 105 ภายในวันเดียว บ่งบอกถึงแรงซื้อดอลลาร์ที่มหาศาล ต่างจากการค่อยๆ ขยับขึ้นใน ระยะเวลาหนึ่งเดือน
- การอ่านค่าในบริบททางประวัติศาสตร์:
- การรู้ว่าระดับสูงสุดเคยอยู่ที่ประมาณ 164.72 (ปี 1985) และระดับต่ำสุดเคยอยู่ที่ 70.70 (ปี 2008) ช่วยให้เราประเมินได้ว่าระดับปัจจุบันนั้นสูงหรือต่ำเพียงใดเมื่อเทียบกับอดีต
ความแตกต่างระหว่างคู่สกุลเงินดอลลาร์และดัชนีดอลลาร์
คุณสมบัติ | คู่สกุลเงินดอลลาร์ (เช่น EUR/USD) | ดัชนีดอลลาร์ (USDX) |
---|---|---|
การเปรียบเทียบ | 1 ต่อ 1: เปรียบเทียบ USD กับสกุลเงินอื่นเพียงสกุลเดียว | 1 ต่อ 6: เปรียบเทียบ USD กับตะกร้า 6 สกุลเงิน |
มุมมอง | มุมมองแคบ (Micro): บอกแค่ว่า USD แข็งหรืออ่อนเมื่อเทียบกับ EUR เท่านั้น | มุมมองกว้าง (Macro): บอกภาพรวมความแข็งแกร่งของ USD ในเวทีโลก |
ปัจจัยขับเคลื่อน | ขับเคลื่อนด้วยปัจจัยของ 2 ประเทศ: เช่น ข่าวเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และข่าวของยูโรโซน (เป็นการชักเย่อกันโดยตรง) | ขับเคลื่อนด้วยปัจจัยสหรัฐฯ เป็นหลัก แต่ได้รับอิทธิพลอย่างสูงจากปัจจัยยูโรโซน (เนื่องจากน้ำหนัก 57.6%) |
การใช้งานหลัก | เทรดโดยตรง: เปิดออเดอร์ Buy/Sell ในคู่นั้นๆ | ใช้วิเคราะห์และยืนยัน: เป็นดัชนีอ้างอิงเพื่อประกอบการตัดสินใจเทรดคู่เงินอื่น |
ข้อดีและข้อเสีย
ข้อดี
- เป็นตัวชี้วัดที่ชัดเจนและเรียบง่าย: ย่อยข้อมูลที่ซับซ้อนของตลาดสกุลเงินโลกให้เหลือเพียงตัวเลขเดียวที่ติดตามง่าย ทำหน้าที่เป็นบารอมิเตอร์วัดสุขภาพตลาดได้อย่างดีเยี่ยม
- สภาพคล่องสูงและเข้าถึงง่าย: สามารถเทรดได้โดยตรงผ่าน Futures หรือ CFD และมีข้อมูลกราฟให้วิเคราะห์ได้ในทุกแพลตฟอร์มการเทรด
- มีข้อมูลในอดีตยาวนาน: ความเสถียรของโครงสร้างดัชนี ทำให้มีข้อมูลย้อนหลังหลายสิบปี ซึ่งมีประโยชน์อย่างมหาศาลต่อการทดสอบกลยุทธ์ย้อนหลัง (Backtesting)
- เป็นเครื่องมือจัดการความเสี่ยง: การเข้าใจทิศทางของ USDX ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถปรับพอร์ตการลงทุนและป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของค่าเงินดอลลาร์ได้
ข้อเสีย
- น้ำหนักเทไปที่ยูโรมากเกินไป (Over-weighting of the Euro): นี่คือจุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุด การที่ยูโรมีน้ำหนักมากกว่าครึ่ง ทำให้บางครั้งการเคลื่อนไหวของ USDX ไม่ได้สะท้อนความแข็งแกร่งของดอลลาร์จริงๆ แต่อาจเกิดจากวิกฤตหรือข่าวใหญ่ในฝั่งยุโรปเพียงอย่างเดียว ซึ่งอาจสร้างความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนได้
- ตัวอย่าง: หากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ทรงตัว แต่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ประกาศลดดอกเบี้ยครั้งใหญ่ จะทำให้เงินยูโรอ่อนค่าลงอย่างรุนแรง และผลักดันให้ USDX พุ่งสูงขึ้นทันที ทั้งๆ ที่ปัจจัยพื้นฐานของสหรัฐฯ ไม่ได้เปลี่ยนแปลง
- ตะกร้าสกุลเงินที่ล้าสมัย (Outdated Basket): เศรษฐกิจโลกในปี 2024 แตกต่างจากปี 1973 อย่างสิ้นเชิง สหรัฐฯ มีคู่ค้าที่สำคัญมหาศาลอย่าง จีน (CNY) และ เม็กซิโก (MXN) แต่สกุลเงินของทั้งสองประเทศนี้กลับไม่ได้อยู่ในดัชนี ทำให้ USDX ไม่ได้สะท้อนมูลค่าที่แท้จริงของดอลลาร์เมื่อเทียบกับคู่ค้าในยุคปัจจุบันได้อย่างสมบูรณ์ และอาจเป็น “จุดบอด” ในการวิเคราะห์ได้
- ไม่ได้รวมสกุลเงินของตลาดเกิดใหม่: ไม่ได้สะท้อนความสัมพันธ์ของดอลลาร์กับกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งในยุคปัจจุบัน
คลิปที่น่าสนใจ
เรื่อง: What’s US Dollar Index? USDX DXY มีปัจจัยอะไรที่ทำให้ USD ขึ้นหรือลง (
CAT Invest)
วิดีโอนี้อธิบายว่า ดัชนีดอลลาร์ (DXY) คืออะไร ซึ่งเป็นตัวชี้วัดว่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าหรืออ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ อีก 6 สกุล พร้อมทั้งบอกถึง ปัจจัยสำคัญ ที่เป็นสาเหตุให้ค่าเงินดอลลาร์เปลี่ยนแปลงไป
นาทีที่สำคัญ
- นาทีที่ 00:27 เป็นช่วงแนะนำว่า ดัชนีดอลลาร์สหรัฐ (US Dollar Index) หรือที่เรียกกันว่า DXY คืออะไร
- นาทีที่ 00:47 อธิบายว่า DXY ไม่ได้เคลื่อนไหวด้วยตัวเอง แต่จะถูกถ่วงน้ำหนักกับ 6 สกุลเงินหลัก โดย เงินยูโรมีน้ำหนักมากที่สุด
- นาทีที่ 01:56 แสดง สูตรที่ใช้ในการคำนวณ ค่า DXY
- นาทีที่ 02:30 อธิบาย วิธีอ่านค่า DXY ว่าถ้าสูงกว่า 100 หมายถึงดอลลาร์แข็งค่า และถ้าต่ำกว่า 100 หมายถึงดอลลาร์อ่อนค่า
- นาทีที่ 03:17 เริ่มอธิบายถึง ปัจจัยที่ทำให้ DXY แข็งค่าหรืออ่อนค่า เช่น การเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และความต้องการดอลลาร์ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
- นาทีที่ 04:24 อธิบายถึง ผลกระทบของ DXY ว่าเมื่อ DXY แข็งค่า จะทำให้สกุลเงินในตะกร้าและสินค้าโภคภัณฑ์อย่างทองคำอ่อนค่าลง (และกลับกัน)
- นาทีที่ 04:48 ยกตัวอย่าง ผลกระทบของโควิด-19 ต่อ DXY ว่าดัชนีแข็งค่าขึ้นในตอนแรก แต่ก็อ่อนค่าลงอย่างมากเมื่อการระบาดกระจายไปทั่วสหรัฐฯ และยุโรป
- นาทีที่ 05:33 บอก สถานะของ DXY ณ เวลาที่บันทึกวิดีโอ ว่าอยู่ที่ระดับ 90.229 ซึ่งบ่งชี้ว่าเงินดอลลาร์กำลังอ่อนค่า
สรุป
ความสำคัญพื้นฐานของ Dollar Index (USDX) คือ การทำหน้าที่เป็นดัชนีชี้วัดหลัก (Key Indicator) สำหรับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐในภาพรวมมหภาค การเคลื่อนไหวของ USDX เป็นตัวแทนของอุปสงค์และอุปทานต่อเงินดอลลาร์ในตลาดโลกโดยตรง ซึ่งให้มุมมองที่กว้างกว่าการวิเคราะห์คู่สกุลเงินใดสกุลเงินหนึ่งเพียงอย่างเดียว
สำหรับเทรดเดอร์ Forex การวิเคราะห์ USDX มีความสำคัญในการยืนยันแนวโน้มของคู่เงินที่เกี่ยวข้องกับ USD โดยเฉพาะความสัมพันธ์แบบผกผันที่ชัดเจนกับ EUR/USD นอกจากนี้ยังใช้เป็นปัจจัยร่วมในการประเมินทิศทางของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น ทองคำและน้ำมัน ซึ่งอ้างอิงราคาเป็นดอลลาร์สหรัฐ
ดังนั้น การทำความเข้าใจและนำ USDX มาใช้เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการวิเคราะห์ จึงเป็นการตัดสินใจที่จำเป็นเพื่อเพิ่มความแม่นยำในการเข้าเทรดและบริหารความเสี่ยงในการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อ้างอิง
- BabyPips. (n.d.). What is the U.S. Dollar Index?. Retrieved from https://www.babypips.com/learn/forex/what-is-the-dollar-index
- International Monetary Fund. (n.d.). Homepage. Retrieved from https://www.imf.org/en
- Liberty Street Economics. (2022, June 1). Will the U.S. Dollar Continue to Dominate World Trade?. New York Fed. Retrieved from https://libertystreeteconomics.newyorkfed.org/2022/06/will-the-u-s-dollar-continue-to-dominate-world-trade/
- Wikipedia contributors. (n.d.). U.S. Dollar Index. Wikipedia, The Free Encyclopedia. Retrieved from https://en.wikipedia.org/wiki/U.S._Dollar_Index
FAQ — Dollar Index (USDX) คืออะไร? เกี่ยวอะไรกับการเทรด Forex