Flash Manufacturing PMI คืออะไร?
Flash Manufacturing PMI หรือ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตเบื้องต้น คือ ตัวชี้วัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจในภาคการผลิตที่เผยแพร่เป็นข้อมูลเบื้องต้น (Preliminary) ก่อนการประกาศดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (Purchasing Managers’ Index – PMI) ฉบับสมบูรณ์ในแต่ละเดือน ถือเป็นตัวเลขที่นักลงทุนและนักวิเคราะห์เศรษฐกิจทั่วโลกจับตามองอย่างใกล้ชิด เนื่องจากเป็นเสมือน “สัญญาณเตือนภัยล่วงหน้า” ที่ให้ภาพรวมของภาวะเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็ว
คำอธิบายง่ายๆ
- PMI = Purchasing Managers’ Index = ดัชนีที่วัดสุขภาพของภาคเศรษฐกิจโดยสำรวจผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ
- Flash = ข้อมูลเบื้องต้นที่ออกมาก่อน PMI ฉบับสมบูรณ์ (Final PMI)
- Manufacturing PMI = เน้นภาคการผลิต เช่น โรงงาน อุตสาหกรรมหนัก และการผลิตสินค้า
- Flash Manufacturing PMI = ค่าประมาณการล่วงหน้าของดัชนี PMI ที่คำนวณจากข้อมูลที่รวบรวมได้ประมาณ 85% – 90% ของแบบสำรวจทั้งหมดในเดือนนั้นๆ
- Flash PMI: จะประกาศออกมาก่อน ประมาณ 1 สัปดาห์ ก่อนสิ้นเดือนปฏิทินนั้นๆ ทำให้เห็นทิศทางเศรษฐกิจได้ก่อนใคร
- Final PMI (ฉบับสมบูรณ์): จะประกาศในช่วงต้นเดือนถัดไป โดยใช้ข้อมูลจากแบบสำรวจครบ 100% ทำให้มีความแม่นยำสูงสุด แต่จะช้ากว่า
รู้จักกับ “PMI” หัวใจของการวัดเศรษฐกิจภาคการผลิต
Flash Manufacturing PMI เป็นตัวชี้วัดที่นักลงทุน นักวิเคราะห์ และผู้กำหนดนโยบายให้ความสนใจอย่างมาก เพราะภาคการผลิตเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญของการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในประเทศที่มีอุตสาหกรรมแข็งแกร่ง เช่น จีน เยอรมนี และสหรัฐ ข้อมูลที่ออกมาอย่างรวดเร็วนั้นช่วยให้สามารถคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจและนโยบายการเงินได้ก่อนตัวชี้วัดอื่นๆ
Flash Manufacturing PMI จัดทำโดยหน่วยงานอิสระ เช่น S&P Global หรือ Markit (ในบางภูมิภาค) โดยสำรวจผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อในภาคการผลิตเพื่อประเมินกิจกรรมต่างๆ เช่น การผลิต ยอดสั่งซื้อใหม่ การจ้างงาน และสต็อกสินค้า
นิยามเบื้องต้น
- Flash Manufacturing PMI เป็นดัชนีที่วัดระดับกิจกรรมในภาคการผลิต โดยตัวเลข 50 เป็นจุดแบ่ง:
- มากกว่า 50 = การขยายตัวของภาคการผลิต
- น้อยกว่า 50 = การหดตัวของภาคการผลิต
- เผยแพร่ประมาณ 1-2 สัปดาห์ก่อน PMI ฉบับสมบูรณ์ (Final PMI)
- ครอบคลุมด้านต่างๆ เช่น การผลิต ยอดสั่งซื้อใหม่ การจ้างงาน ราคาวัตถุดิบ และความคาดหวังทางธุรกิจ
- จัดทำในหลายประเทศ เช่น สหรัฐ ยูโรโซน จีน ญี่ปุ่น และสหราชอาณาจักร
สำรวจอะไรบ้าง?
การสำรวจจะครอบคลุม 5 ปัจจัยหลัก ซึ่งจะถูกนำมาคำนวณเป็นค่าดัชนี PMI ได้แก่:
- ยอดคำสั่งซื้อใหม่ (New Orders): สะท้อนความต้องการสินค้าในอนาคต
- ผลผลิต (Production): ปริมาณการผลิตสินค้าในปัจจุบัน
- การจ้างงาน (Employment): อัตราการจ้างงานในภาคการผลิต
- ระยะเวลาการส่งมอบสินค้าจากซัพพลายเออร์ (Suppliers’ Delivery Times): สะท้อนถึงความคึกคักในห่วงโซ่อุปทาน (ถ้ายิ่งช้าแสดงว่ามีความต้องการสูง)
- ปริมาณสินค้าคงคลัง (Inventories): ระดับสินค้าที่บริษัทเก็บไว้
แปลผลอย่างไร?
ค่าดัชนี PMI จะมีตัวเลขระหว่าง 0 ถึง 100 และใช้เลข 50 เป็นเกณฑ์วัด ดังนี้
- สูงกว่า 50: บ่งชี้ว่าภาคการผลิตกำลัง ขยายตัว (Expansion)
- เท่ากับ 50: บ่งชี้ว่าภาคการผลิต ทรงตัว (No Change)
- ต่ำกว่า 50: บ่งชี้ว่าภาคการผลิตกำลัง หดตัว (Contraction)
ยิ่งตัวเลขอยู่ห่างจาก 50 มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งสะท้อนถึงอัตราการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วมากขึ้นเท่านั้น
ทำไม Flash Manufacturing PMI จึงมีความสำคัญ?
ความสำคัญของ Flash PMI อยู่ที่ “ความรวดเร็วในการให้ข้อมูล” ซึ่งทำให้มันกลายเป็นหนึ่งใน ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจชั้นนำ (Leading Economic Indicator) ที่มีอิทธิพลสูง
- ให้ภาพเศรษฐกิจที่ทันท่วงที: Flash PMI เป็นข้อมูลเศรษฐกิจชุดแรกๆ ที่ประกาศในแต่ละเดือน ช่วยให้นักลงทุนและผู้กำหนดนโยบายสามารถประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจได้ก่อนที่ข้อมูลจากภาครัฐ (เช่น GDP หรือข้อมูลการผลิตภาคอุตสาหกรรม) จะประกาศออกมา ซึ่งมักจะล่าช้ากว่าหลายสัปดาห์
- มีผลต่อตลาดการเงิน: เนื่องจากเป็นข้อมูลที่รวดเร็วและสะท้อนภาพรวมเศรษฐกิจได้ดี การประกาศตัวเลข Flash PMI จึงมักส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินอย่างมีนัยสำคัญ เช่น ตลาดหุ้น ตลาดปริวรรตเงินตรา (Forex) และราคาสินค้าโภคภัณฑ์
- หากตัวเลขออกมาดีกว่าคาด: อาจส่งผลให้ค่าเงินของประเทศนั้นๆ แข็งค่าขึ้น และตลาดหุ้นปรับตัวสูงขึ้น
- หากตัวเลขออกมาแย่กว่าคาด: อาจส่งผลในทางตรงกันข้าม
- เครื่องมือประกอบการตัดสินใจ: ธุรกิจต่างๆ ใช้ข้อมูลนี้เพื่อวางแผนการผลิต การลงทุน และการจ้างงาน ขณะที่ธนาคารกลางอาจใช้เป็นส่วนหนึ่งในการพิจารณากำหนดนโยบายการเงิน
การรวบรวมข้อมูล
- ดำเนินการโดย S&P Global หรือหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายในแต่ละประเทศ
- สำรวจผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อจากบริษัทในภาคการผลิตประมาณ 400-800 ราย
- ข้อมูลรวบรวมผ่านแบบสอบถามเกี่ยวกับการผลิต ยอดสั่งซื้อ สต็อก และแนวโน้มธุรกิจ
- Flash PMI ใช้ตัวอย่างข้อมูลประมาณ 80-90% ของ Final PMI เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่รวดเร็วและแม่นยำ
ความสำคัญของข้อมูล
- ข้อมูล Flash PMI มีความน่าเชื่อถือสูง เนื่องจากครอบคลุมตัวอย่างข้อมูลส่วนใหญ่ที่ใช้ใน Final PMI
- การสำรวจครอบคลุมอุตสาหกรรมหลากหลาย เช่น ยานยนต์ เครื่องจักร และอิเล็กทรอนิกส์
- ข้อมูลสะท้อนถึงทั้งอุปสงค์ในประเทศและการส่งออก ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้สำคัญของการค้าโลก
- การออกข้อมูลเร็วกว่า GDP รายไตรมาส ทำให้เป็นตัวชี้วัดที่ทันสมัยสำหรับนักลงทุน
ข้อดีข้อเสีย Flash Manufacturing PMI
ข้อดี
- ให้ข้อมูลที่ทันสมัย ช่วยนักลงทุนตัดสินใจก่อนที่ข้อมูลฉบับสมบูรณ์จะออก
- สะท้อนแนวโน้มเศรษฐกิจในระยะสั้นได้ดี โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจผันผวน
- ลดความล่าช้าในการวิเคราะห์สถานะของภาคการผลิต
- เป็นที่นิยมในหมู่นักลงทุนฟอเร็กซ์ หุ้น และสินค้าโภคภัณฑ์ เนื่องจากสร้างความผันผวนในตลาด
ข้อเสีย
- อาจมีการปรับแก้เล็กน้อยเมื่อ Final PMI ออกมา
- ครอบคลุมเฉพาะภาคการผลิต ซึ่งมีสัดส่วนน้อยกว่าในเศรษฐกิจสมัยใหม่เมื่อเทียบกับภาคบริการ
- ความผันผวนอาจเกิดจากปัจจัยชั่วคราว เช่น การหยุดชะงักของซัพพลายเชน
- การตีความต้องพิจารณาควบคู่กับบริบท เช่น นโยบายการค้าหรือราคาวัตถุดิบ
Flash Manufacturing PMI มีความสำคัญต่อนโยบายทางการเงิน
Flash Manufacturing PMI มีความสำคัญเพราะภาคการผลิตเป็นตัวบ่งชี้ชั้นนำของสุขภาพเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในด้านการค้า การลงทุน และการจ้างงาน ข้อมูลที่ออกมาอย่างรวดเร็วนั้นสามารถสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงในอุปสงค์และอุปทานทั่วโลกได้ก่อนตัวชี้วัดอื่นๆ
ความสำคัญต่อนโยบายการเงิน
- ธนาคารกลาง เช่น Federal Reserve (Fed), European Central Bank (ECB), และ People’s Bank of China (PBOC) ใช้ Flash Manufacturing PMI ในการประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจ
- PMI ที่สูงกว่าคาดอาจบ่งชี้แรงกดดันเงินเฟ้อจากราคาวัตถุดิบ ส่งผลให้ธนาคารกลางพิจารณาขึ้นดอกเบี้ย
- PMI ที่ต่ำกว่าคาดอาจกระตุ้นนโยบายผ่อนคลาย เช่น การลดดอกเบี้ยหรือเพิ่มสภาพคล่อง
- นักวิเคราะห์มักใช้ Flash PMI ร่วมกับข้อมูลอื่น เช่น Producer Price Index (PPI) และ Industrial Production
การสะท้อนสุขภาพเศรษฐกิจ
- Flash Manufacturing PMI ที่สูงกว่า 50 สะท้อนถึงความเชื่อมั่นและการเติบโตในภาคการผลิต
- PMI ที่ต่ำกว่า 50 อาจบ่งชี้ถึงความอ่อนแอของอุปสงค์และการชะลอตัวของเศรษฐกิจ
- ช่วยให้นักลงทุนเห็นวงจรเศรษฐกิจ เช่น การฟื้นตัวหลังวิกฤตหรือการถดถอยที่กำลังมา
- สะท้อนถึงการค้าโลก เนื่องจากภาคการผลิตเชื่อมโยงกับการส่งออกและซัพพลายเชน
ความแตกต่างจาก Services PMI
- Manufacturing PMI เน้นภาคการผลิต เช่น โรงงานและอุตสาหกรรมหนัก ซึ่งมีสัดส่วนน้อยกว่าใน GDP ของเศรษฐกิจสมัยใหม่
- Services PMI เน้นภาคบริการ เช่น การเงินและการค้าปลีก ซึ่งมีสัดส่วนมากกว่า
- Manufacturing PMI มีอิทธิพลมากในประเทศที่เน้นการผลิต เช่น จีนและเยอรมนี
- Flash Manufacturing PMI มักมีผลต่อสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น น้ำมันและโลหะ มากกว่า Services PMI
การตีความและการใช้ประโยชน์จาก Flash Manufacturing PMI
การมีข้อมูล Flash Manufacturing PMI อยู่ในมือเป็นเพียงจุดเริ่มต้น การตีความและนำไปใช้อย่างถูกต้องจะช่วยให้นักลงทุนตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในส่วนนี้เราจะพูดถึงวิธีวิเคราะห์ PMI และกลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสม รวมถึงข้อควรระวังที่ต้องรู้
เกณฑ์การตีความ
- PMI > 50 = การขยายตัว ถือเป็นสัญญาณบวกสำหรับเศรษฐกิจและหุ้นอุตสาหกรรม
- PMI < 50 = การหดตัว อาจบ่งชี้ความเสี่ยงต่อการชะลอตัวและกดดันสินค้าโภคภัณฑ์
- การเปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อน = สำคัญกว่าตัวเลขเดี่ยวๆ เช่น PMI จาก 51 เป็น 53 แสดงถึงการเติบโตที่เร่งขึ้น
- เปรียบเทียบกับฉันทามติ = ความแตกต่างจากที่นักวิเคราะห์คาดการณ์มักสร้างความผันผวนในตลาด
- ส่วนประกอบของ PMI = ยอดสั่งซื้อใหม่และราคาวัตถุดิบเป็นตัวบ่งชี้ชั้นนำของเงินเฟ้อและอุปสงค์
กลยุทธ์การลงทุนตาม PMI
- PMI สูงกว่าคาด:
- ลงทุนในหุ้นภาคการผลิต เช่น บริษัทเครื่องจักรหรือยานยนต์
- ซื้อสกุลเงินของประเทศนั้น เช่น USD หรือ CNY
- เพิ่มน้ำหนักในสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น น้ำมันและโลหะอุตสาหกรรม
- PMI ต่ำกว่าคาด:
- ลดน้ำหนักในหุ้นที่ไวต่อเศรษฐกิจ เช่น วัสดุพื้นฐาน
- เพิ่มน้ำหนักในตราสารหนี้หรือสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น ทองคำ
- หลีกเลี่ยงสินค้าโภคภัณฑ์ที่ผันผวน เช่น ทองแดง
- การใช้ร่วมกับข้อมูลอื่น:
- เปรียบเทียบ PMI กับ Industrial Production และ Durable Goods Orders
- ติดตาม PPI เพื่อดูแรงกดดันเงินเฟ้อจากต้นทุนวัตถุดิบ
- วิเคราะห์ควบคู่กับการประชุมธนาคารกลาง เช่น FOMC หรือ ECB
- การเก็งกำไรระยะสั้น:
- นักเทรดฟอเร็กซ์สามารถใช้ PMI ในการซื้อ/ขายคู่สกุลเงิน เช่น USD/JPY
- นักลงทุนหุ้นอาจเก็งกำไรใน ETF ภาคอุตสาหกรรม เช่น XLI
ข้อจำกัดของ Flash PMI
- เป็นข้อมูลเบื้องต้น อาจมีการปรับแก้ใน Final PMI ซึ่งอาจเปลี่ยนการตีความ
- ครอบคลุมเฉพาะภาคการผลิต ซึ่งมีสัดส่วนน้อยกว่าใน GDP ของบางประเทศ เช่น สหรัฐ
- อาจผันผวนจากปัจจัยชั่วคราว เช่น การหยุดชะงักของซัพพลายเชนหรือราคาวัตถุดิบ
- การตีความต้องพิจารณาบริบท เช่น นโยบายการค้าหรือวิกฤตพลังงาน
เหตุใด Flash Manufacturing PMI จึงควรอยู่ในเรดาร์ของทุกนักลงทุน
Flash Manufacturing PMI ไม่ใช่แค่ตัวเลขธรรมดา แต่เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เราเข้าใจพลวัตของภาคการผลิตและการค้าโลก การติดตาม PMI อย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้นักลงทุนสามารถคาดการณ์ความผันผวนของตลาดและปรับพอร์ตการลงทุนได้อย่างเหมาะสม
ประเด็นสำคัญที่ควรจำไว้
- Flash Manufacturing PMI เป็นตัวชี้วัดที่ทันสมัยและมีอิทธิพลต่อนโยบายการเงินและการค้า
- การเคลื่อนไหวของ PMI สามารถสร้างโอกาสหรือความเสี่ยงในหุ้น ฟอเร็กซ์ และสินค้าโภคภัณฑ์
- PMI ที่แตกต่างจากฉันทามติมักนำไปสู่ความผันผวนในตลาด โดยเฉพาะในวันประกาศ
- การวิเคราะห์ PMI ควรร่วมกับตัวชี้วัดอื่น เช่น PPI, Industrial Production, และ Trade Balance
แนวทางการนำไปใช้ในการลงทุน
- การคาดการณ์นโยบายการเงิน:
- ใช้ Flash PMI ในการประเมินทิศทางดอกเบี้ยของธนาคารกลาง
- PMI ที่สูงอาจบ่งชี้การขึ้นดอกเบี้ย ส่งผลให้ลดน้ำหนักในพันธบัตรระยะยาว
- การปรับพอร์ตการลงทุน:
- เพิ่มน้ำหนักในหุ้นอุตสาหกรรมเมื่อ PMI สูงต่อเนื่อง
- กระจายความเสี่ยงในสินทรัพย์ปลอดภัยเมื่อ PMI ต่ำกว่าคาด
- การเก็งกำไรระยะสั้น:
- ใช้ PMI ในการเทรดฟอเร็กซ์ เช่น ซื้อ USD เมื่อ PMI สหรัฐสูง
- เก็งกำไรในสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น น้ำมัน เมื่อ PMI จีนแข็งแกร่ง
- การติดตามแนวโน้มระยะยาว:
- วิเคราะห์ PMI 3-6 เดือนเพื่อจับสัญญาณวงจรเศรษฐกิจ
- เปรียบเทียบ PMI ระหว่างภูมิภาค เช่น สหรัฐและยูโรโซน เพื่อหาโอกาสลงทุน
ข้อควรระวังและข้อจำกัด
- Flash PMI เป็นข้อมูลย้อนหลัง ควรใช้ร่วมกับตัวชี้วัดที่ทันสมัย เช่น Export Orders
- อย่าตัดสินใจจาก PMI เพียงตัวเดียว ต้องพิจารณาปัจจัยอื่น เช่น นโยบายการค้าหรือวิกฤต geopolitical
- ความผันผวนของ PMI ในบางช่วงอาจเกิดจากปัจจัยชั่วคราว เช่น การขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์
- การตีความต้องคำนึงถึงบริบท เช่น การเปลี่ยนแปลงนโยบายของธนาคารกลางหรือสงครามการค้า
การวิเคราะห์กราฟ Flash Manufacturing PMI และการเชื่อมโยงกับข่าว
สรุปจากกราฟ
- ภาพจาก Forex Factory และกราฟ TradingView แสดงปฏิทินเศรษฐกิจและการเคลื่อนไหวของคู่สกุลเงิน EUR/USD
- หลังการประกาศ Flash Manufacturing PMI และ Flash Services PMI ของสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2565 (ตามเวลาเขต +7) ณ ช่วงเวลา 8:45 PM และ 9:00 PM ตามลำดับ
- ข้อมูลเผยว่า Flash Manufacturing PMI อยู่ที่ 52.0 (เท่ากับการคาดการณ์ 52.0 แต่สูงกว่าตัวเลขก่อนหน้า 51.1)
- Flash Services PMI อยู่ที่ 53.1 (ต่ำกว่าคาดการณ์ 53.7 แต่สูงกว่า 52.9 ก่อนหน้า)
- การประกาศนี้ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของ EUR/USD ซึ่งสังเกตได้จากกราฟที่แสดงการขึ้นต่อเนื่อง 2 แท่ง เริ่มตั้งแต่เวลา 2 ทุ่ม ถึง 3 ทุ่ม (ตามเวลาในกราฟ)
ผลกระทบ
- การที่ Flash Manufacturing PMI ออกมาตามคาดที่ 52.0
- บ่งชี้การขยายตัวของภาคการผลิตสหรัฐฯ ซึ่งเป็นสัญญาณบวกต่อเศรษฐกิจ แต่ไม่แข็งแกร่งเกินคาด
- ทำให้นักลงทุนมองว่าธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) อาจชะลอการขึ้นดอกเบี้ยอย่างรุนแรง
- ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์ (USD) อ่อนค่าลง
- เมื่อ USD อ่อนค่า คู่สกุลเงินที่จับคู่กับยูโร (EUR) เช่น EUR/USD มักแข็งค่าขึ้น
- กราฟแสดงการดีดตัวของราคาในแท่งเวลา 2:00 PM หลังข่าวเริ่มสะท้อนตลาด
- ตามด้วยการขึ้นต่อในแท่ง 3:00 PM ซึ่งบ่งบอกถึงโมเมนตัมที่แข็งแกร่งจากปฏิกิริยาของนักเทรด
คลิปที่น่าสนใจ
คลิปนี้จาก Guze Market นำเสนอการวิเคราะห์ข่าว Flash Manufacturing PMI และ Flash Services PMI ในวันที่ 6 ของโปรเจกต์ โดยเน้นกลยุทธ์การเทรดชนข่าว
พิธีกรอธิบายว่า Flash Manufacturing PMI จะประกาศเวลา 3:45 PM (เลื่อนจากเดิม 2:30 PM) ซึ่งเป็นข้อมูลเบื้องต้นจาก S&P Global วัดกิจกรรมภาคการผลิตสหรัฐฯ โดยใช้ข้อมูล 80-85% ของ Final PMI และมีความสำคัญรองจาก ISM PMI
ช่วงเวลาที่เกี่ยวข้องกับข่าว Flash Manufacturing PMI
- นาทีที่ 05:00-06:00: พูดถึงการเลื่อนเวลาประกาศเป็น 3:45 PM และความสำคัญของ Flash PMI ในการสะท้อนทิศทางเศรษฐกิจ โดยหากตัวเลข >50 บ่งบอกการขยายตัว (USD แข็งค่า ทองคำอ่อน) แต่ถ้า <50 บ่งบอกการหดตัว (USD อ่อนค่า ทองคำแข็ง)
- นาทีที่ 12:00-15:00: วิเคราะห์ผลกระทบ หาก Flash Manufacturing PMI อยู่ที่ 51.5+ จะเป็นบิ๊กอิมแพคทำให้ DXY ดีดขึ้นและทองคำร่วง แต่ถ้า 51.3-51.4 อาจกระทบน้อยและกลับมาเล่นตามโครงสร้างหลัง 5-10 นาที
- นาทีที่ 25:00-28:00: เน้นการรอแท่งเทียน M30 จบหลังข่าว (ประมาณ 4:00 PM) เพื่อดูการยืนยันทิศทาง และแนะนำให้เทรดหลังข่าวมากกว่าในช่วงประกาศ
เพิ่มเติม
- คลิปยังเปรียบเทียบกับยูโรโซน ซึ่งภาคบริการแย่ลงแต่การผลิตดีขึ้น ส่งผลให้ EUR อ่อนค่าและ DXY แข็งขึ้นตั้งแต่บ่าย 3 โมง
- นอกจากนี้ วิเคราะห์ทิศทางทองคำที่อาจย่อตัวลงในกรอบ Sideway Down เนื่องจากปัจจัยสงครามและการค้าลดลง โดยโซนสำคัญอยู่ที่ 2877-2916 หากหลุด 2877 อาจเปลี่ยนโครงสร้างขาขึ้น
- พิธีกรแนะนำรอโซนซื้อหรือเซลล์หลังข่าว โดยใช้ Fibonacci และ RSI วิเคราะห์สัญญาณกลับตัว
- คลิปนี้เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการวางแผนจากข่าว PMI
สรุป
Flash Manufacturing PMI เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการทำความเข้าใจแนวโน้มของภาคการผลิตและการค้าโลก การติดตามและวิเคราะห์ PMI อย่างรอบคอบจะช่วยให้นักลงทุนสามารถคาดการณ์ความผันผวนของตลาดและปรับกลยุทธ์ได้อย่างเหมาะสม การลงทุนที่ประสบความสำเร็จต้องอาศัยการผสมผสานระหว่างความรู้ การวิเคราะห์ข้อมูล และการตอบสนองต่อบริบทที่เปลี่ยนแปลง Flash Manufacturing PMI เป็นส่วนสำคัญของปริศนาเศรษฐกิจที่ช่วยให้เห็นภาพรวมของการเติบโตและความท้าทายในภาคการผลิตได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
อ้างอิง
- S&P Global. (2568). Flash Manufacturing PMI. https://www.spglobal.com/marketintelligence/en/mi/products/pmi.html
- สำนักสถิติแรงงานสหรัฐอเมริกา. (2568). ข้อมูลเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้อง. https://www.bls.gov/
- ธนาคารกลางเซนต์หลุยส์ สหรัฐอเมริกา. (2568). US Manufacturing PMI. FRED ฐานข้อมูลเศรษฐกิจ. https://fred.stlouisfed.org/series/USAMANPMI
- ทีมเศรษฐศาสตร์ ING. (23 มกราคม 2568). US Manufacturing PMI สะท้อนการเติบโตท่ามกลางความท้าทายทางการค้า. ING Think. https://think.ing.com/snaps/us-manufacturing-pmi-2025
- Caixin Global. (2568). China Caixin Manufacturing PMI. https://www.caixinglobal.com/pmi/
FAQ — Flash Manufacturing PMI คืออะไร?
- PMI สูงกว่าคาด: สกุลเงินแข็งค่า หุ้นอุตสาหกรรมขึ้น น้ำมันและโลหะปรับขึ้น
- PMI ต่ำกว่าคาด: สกุลเงินอ่อนค่า หุ้นลง สินค้าโภคภัณฑ์ปรับลง