หากคุณเป็นมือใหม่ที่สนใจการเทรด Forex คำว่า “โบรกเกอร์” หรือ “Forex Broker” อาจฟังดูซับซ้อน แต่จริง ๆ แล้วมันง่ายกว่าที่คิดมากๆครับ ลองจินตนาการว่าคุณอยากซื้อส้มจากต่างประเทศ โบรกเกอร์ก็คือคนกลางที่จะช่วยคุณหาแหล่งขายในราคาที่ดีที่สุด และจัดการทุกขั้นตอนให้เรียบร้อย โดยคุณไม่ต้องติดต่อกับตลาดโดยตรงเองได้นั้นเองครับ แต่ทั้งนี้ก็ยังคงมีรายละเอียดอีกพอสมควรดังนั้นแล้วไปรับชมกันครับว่าจะมีอะไรที่น่าสนใจในบทความหัวข้อนี้บ้าง
โบรกเกอร์ Forex (Forex Broker) คืออะไร?
โบรกเกอร์ Forex คือบริษัทหรือนายหน้าที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างคุณ (ผู้เทรด) กับตลาด Forex ซึ่งเป็นตลาดซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราที่ใหญ่ที่สุดในโลก โบรกเกอร์นั้นจะช่วยให้คุณสามารถซื้อหรือขายสกุลเงินได้ง่าย ๆ ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์โดยไม่ต้องเข้าถึงตลาดด้วยตัวเองซึ่งจะมีบทบาทสำคัญดังต่อไปนี้ครับ
รูปที่ 1 รูปภาพอธิบายบทบาทและหน้าที่สำคัญของโบรกเกอร์ในการเทรด Forex
บทบาทและหน้าที่สำคัญของโบรกเกอร์ในการเทรด Forex
- เป็นสะพานเชื่อมคุณกับตลาด
- โบรกเกอร์ทำหน้าที่เป็นตัวกลางที่ช่วยให้คำสั่งซื้อหรือขายของคุณถูกส่งไปยังตลาด Forex ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ
- ให้บริการแพลตฟอร์มเทรดที่ใช้งานง่าย
- เช่น แพลตฟอร์ม MT4 หรือ MT5 ซึ่งช่วยให้คุณดูกราฟราคา ตั้งคำสั่งซื้อ-ขาย และวิเคราะห์ตลาดได้ในที่เดียว
- สนับสนุนข้อมูลการตัดสินใจ
- โบรกเกอร์มักมีข้อมูลตลาด อัปเดตข่าวสาร และบทวิเคราะห์ทางด้านการเงินต่างๆที่จะช่วยให้คุณตัดสินใจเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- ดูแลเรื่องการเงิน
- จัดการเรื่องการฝาก/ถอน เงินเข้าบัญชีเทรด การถอนกำไร และการเก็บค่าธรรมเนียมอย่างโปร่งใส
- สนับสนุนลูกค้า
-
- มีทีมงานช่วยแก้ปัญหาหรือให้คำปรึกษา ทั้งในภาษาไทย(ในบางบางโบรกเกอร์)และภาษาอื่น ๆ เพื่อให้คุณใช้งานได้อย่างราบรื่นมากขึ้น
เปรียบเทียบการมีโบรกเกอร์กับการเทรดแบบไม่มีโบรกเกอร์
การมีโบรกเกอร์ในการเทรด Forex กับการเทรดโดยไม่มีโบรกเกอร์มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนในหลายด้านที่สำคัญดังต่อไปนี้ครับ
- ความสะดวกในการเข้าถึงตลาด
เมื่อคุณใช้โบรกเกอร์ Forex คุณสามารถเข้าถึงตลาดซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศได้ทันทีผ่านแพลตฟอร์มที่โบรกเกอร์ให้บริการ เช่น MetaTrader 4 หรือ MetaTrader 5 แต่ หากคุณไม่มีโบรกเกอร์ คุณจะต้องหาวิธีเข้าถึงตลาดด้วยตัวเอง ซึ่งอาจมีความซับซ้อนและใช้เวลามากกว่า - เครื่องมือช่วยในการเทรด
โบรกเกอร์มักจะมีเครื่องมือวิเคราะห์ตลาด เช่น กราฟราคา อินดิเคเตอร์ และข่าวสารการตลาด เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ในขณะที่การเทรดโดยไม่มีโบรกเกอร์ คุณต้องจัดหาข้อมูลเหล่านี้ด้วยตัวเอง หรืออาจจะต้องพึ่งพาแพลตฟอร์มอื่นๆแทน - การดำเนินการคำสั่งซื้อ-ขาย
โบรกเกอร์ช่วยให้คำสั่งซื้อ-ขายของคุณถูกส่งไปยังตลาดได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ในขณะที่การเทรดโดยไม่มีโบรกเกอร์ คุณจะต้องดำเนินการคำสั่งทั้งหมดด้วยตัวเอง ซึ่งอาจล่าช้าและเพิ่มความเสี่ยงในการพลาดโอกาสในการเทรด ณ ขณะนั้น - ต้นทุนการเทรด
การใช้โบรกเกอร์มักมาพร้อมกับต้นทุน เช่น ค่าธรรมเนียมหรือค่าสเปรด แต่ในทางกลับกัน การเทรดโดยไม่มีโบรกเกอร์ แม้จะไม่มีค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ แต่คุณอาจเสียเวลาและทรัพยากรในส่วนอื่น ๆ ที่สำคัญกว่า - ความเสี่ยงและความปลอดภัย
โบรกเกอร์ที่มีใบอนุญาตและน่าเชื่อถือช่วยลดความเสี่ยงในการเทรดได้ เพราะพวกเขามีกฎระเบียบที่ต้องปฏิบัติตาม ในขณะที่การเทรดโดยไม่มีโบรกเกอร์ คุณต้องรับผิดชอบต่อทุกความเสี่ยงที่เกิดขึ้นเองทั้งหมด
ทำไมต้องใช้โบรกเกอร์ Forex
- การเชื่อมโยงผู้เทรดกับตลาด Forex
- โบรกเกอร์ทำหน้าที่เป็น “สะพานเชื่อม” ระหว่างผู้เทรดกับตลาด Forex ที่มีความซับซ้อนและขนาดของตลาดที่ใหญ่มหาศาลเลยทีเดียว
- ผู้เทรดไม่สามารถเข้าถึงตลาดได้โดยตรงด้วยตัวเอง แต่โบรกเกอร์ช่วยจัดการให้การเข้าถึงนี้ง่ายขึ้น ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น MT4 หรือ MT5
- คุณสามารถดูราคาซื้อขายแบบเรียลไทม์ ส่งคำสั่งซื้อ-ขาย และติดตามสถานะพอร์ตของคุณได้ในที่เดียว
- ตัวอย่างง่าย ๆ หากตลาด Forex เป็นเหมือนสนามกีฬาใหญ่ที่คนแน่นมาก โบรกเกอร์ก็คือบัตรผ่านที่จะพาคุณเข้าไปยังที่นั่งที่ดีที่สุดพร้อมเครื่องมือครบครัน
- การจัดการคำสั่งซื้อ-ขาย
-
- เมื่อคุณต้องการเปิดหรือปิดคำสั่งซื้อ-ขายในตลาด Forex โบรกเกอร์คือผู้ที่ช่วยดำเนินการให้ทุกคำสั่งของคุณเป็นจริงได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ
- ตลาด Forex ที่มีการเคลื่อนไหวของราคาที่เร็วมาก การที่คำสั่งซื้อ-ขายถูกส่งตรงไปยังตลาดแบบเรียลไทม์
- นอกจากนี้ โบรกเกอร์ยังช่วยอำนวยความสะดวกในเรื่อง
- ประเภทคำสั่งซื้อ-ขาย เช่น คำสั่งซื้อทันที (Market Order) หรือคำสั่งล่วงหน้า (Pending Order)
- การจัดการความเสี่ยง เช่น การตั้ง Stop Loss และ Take Profit เพื่อควบคุมการขาดทุนและล็อกกำไร เป็นต้น
โบรกเกอร์ช่วยให้การเทรดง่ายขึ้นอย่างไร?
โบรกเกอร์ไม่เพียงแค่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางเชื่อมต่อคุณกับตลาด Forex แต่ยังทำให้กระบวนการเทรดเป็นเรื่องง่ายและสะดวกมากขึ้นอีกด้วยครับ ด้วยการนำเสนอระบบและเครื่องมือที่ทันสมัยเข้ามาเพื่อช่วยให้คุณสามารถเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดนั่นเอง
รูปที่ 2 รูปภาพอธิบายโบรกเกอร์ช่วยให้การเทรดง่ายขึ้นอย่างไร
ระบบแพลตฟอร์มที่ใช้งานง่าย
หนึ่งในปัจจัยที่ทำให้โบรกเกอร์ช่วยให้การเทรดง่ายขึ้นคือ แพลตฟอร์มการเทรด ที่ออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงข้อมูลและจัดการคำสั่งซื้อ-ขายได้อย่างง่ายดาย
- ตัวอย่างแพลตฟอร์มยอดนิยม คือ MetaTrader 4 (MT4), MetaTrader 5 (MT5), cTrader ,Ninja trader และ TradingView เป็นต้น
- คุณสมบัติที่ใช้งานง่าย
- อินเทอร์เฟซที่เป็นมิตรกับผู้ใช้งาน ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หรือมืออาชีพ
- รองรับการเทรดหลายอุปกรณ์ ทั้งบนคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน และแท็บเล็ต
- ระบบการส่งคำสั่งซื้อ-ขายที่รวดเร็วและเสถียร
ตัวอย่างเช่น คุณสามารถเปิดคำสั่งซื้อ-ขาย ตั้ง Stop Loss หรือ Take Profit ได้ในไม่กี่คลิก และตรวจสอบสถานะพอร์ตได้แบบเรียลไทม์ เป็นต้น
เครื่องมือช่วยในการเทรด เช่น กราฟและอินดิเคเตอร์
โบรกเกอร์ยังมอบ เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิค ที่ช่วยให้ผู้เทรดตัดสินใจได้อย่างแม่นยำมากขึ้น โดยเครื่องมือเหล่านี้รวมถึง
- กราฟราคาแบบเรียลไทม์
แสดงการเคลื่อนไหวของราคาสกุลเงินในรูปแบบต่าง ๆ เช่น แท่งเทียน (Candlestick) เส้น (Line Chart) หรือบาร์ (Bar Chart) เพื่อช่วยให้คุณมองเห็นแนวโน้มตลาดชัดเจนขึ้น - อินดิเคเตอร์ (Indicators)
เป็นตัวช่วยวิเคราะห์ตลาดที่สำคัญ เช่น- Moving Average (MA) ดูแนวโน้ม
- Relative Strength Index (RSI) วัดแรงซื้อ-ขาย
- Bollinger Bands ประเมินความผันผวนของตลาด
- เครื่องมือวาดเส้นขั้นพื้นฐาน
เช่น เส้นแนวรับ-แนวต้าน (Support/Resistance) หรือ Fibonacci Retracement เพื่อช่วยวางแผนการเข้าและออกคำสั่งซื้อ-ขาย
ด้วยเครื่องมือเหล่านี้ คุณไม่จำเป็นต้องค้นหาข้อมูลจากที่อื่นๆเลย เพราะโบรกเกอร์ได้รวมทุกอย่างที่จำเป็นไว้ในแพลตฟอร์มเดียวแล้ว เพื่อให้คุณสามารถวิเคราะห์และเทรดได้อย่างราบรื่นนั่นเอง
ประเภทของโบรกเกอร์ Forex
เมื่อพูดถึงโบรกเกอร์ Forex เรายังสามารถแบ่งออกประเภทโบรกเกอร์เป็นสองประเภทหลัก ๆ ได้อีกคือ Market Maker และ ECN/STP Broker โดยที่ทั้งสองมีจะรูปแบบการดำเนินงานที่แตกต่างกัน โดยขึ้นอยู่กับความต้องการและสไตล์การเทรดของผู้ใช้งานซึ่งจะมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
รูปที่ 3 รูปภาพเปรียบเทียบประเภทของโบรกเกอร์ Forex ระหว่าง Market Maker และ ECN/STP Broker
Market Maker
Market Maker หรือที่บางคนเรียกว่า “ผู้สร้างตลาด” เป็นโบรกเกอร์ที่ทำหน้าที่เป็นคู่สัญญากับผู้เทรด หมายความว่า เมื่อคุณเปิดคำสั่งซื้อหรือขาย โบรกเกอร์ Market Maker จะเป็นฝ่ายตรงข้ามของคำสั่งนั้นเอง
ข้อดีของ Market Maker
- สเปรดคงที่ Market Maker มักเสนอสเปรดที่คงที่ ไม่เปลี่ยนแปลงแม้ในช่วงตลาดผันผวน
- เงินฝากเริ่มต้นต่ำ โบรกเกอร์ประเภทนี้มักจะเปิดโอกาสให้มือใหม่เริ่มต้นด้วยเงินทุนต่ำ
- เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น มีแพลตฟอร์มที่ใช้งานง่ายและบริการช่วยเหลือที่ครอบคลุม
- ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ไม่เก็บค่าคอมมิชชั่นในคำสั่งซื้อ-ขาย
ข้อเสียของ Market Maker
- ผลประโยชน์ขัดแย้ง เนื่องจากโบรกเกอร์เป็นคู่สัญญาโดยตรง ความเสี่ยงของผลประโยชน์ขัดแย้งอาจเกิดขึ้นได้บางกรณี
- ราคาอาจไม่สะท้อนตลาดจริง ราคาที่เสนอโดย Market Maker อาจแตกต่างจากราคาตลาดเล็กน้อย
- การรีโควต (Requote) คำสั่งซื้อ-ขายอาจล่าช้าในช่วงตลาดเคลื่อนไหวเร็ว
ECN/STP Broker
ECN (Electronic Communication Network) และ STP (Straight Through Processing) Broker เป็นโบรกเกอร์ที่เชื่อมต่อผู้เทรดโดยตรงกับผู้ให้บริการสภาพคล่อง (Liquidity Providers) เช่น ธนาคารใหญ่หรือสถาบันการเงิน โดยไม่ผ่าน Market Maker
ข้อดีของ ECN/STP Broker
- ไม่มีผลประโยชน์ขัดแย้ง เนื่องจากโบรกเกอร์ทำหน้าที่เป็นตัวกลางเท่านั้น
- ราคาที่โปร่งใส ราคาสะท้อนตลาดจริงตามอุปสงค์และอุปทาน
- สเปรดแปรผันต่ำ โดยเฉพาะในช่วงตลาดปกติ
- ไม่มีการรีโควต คำสั่งซื้อ-ขายถูกดำเนินการทันที
ข้อเสียของ ECN/STP Broker
- ค่าคอมมิชชั่น มีค่าคอมมิชชั่นเพิ่มเติมต่อคำสั่งซื้อ-ขาย นอกเหนือจากสเปรด
- เงินฝากเริ่มต้นสูง มักกำหนดเงินฝากเริ่มต้นที่สูงกว่า Market Maker
- การผันผวนของสเปรด ในช่วงตลาดผันผวน สเปรดอาจกว้างขึ้นอย่างรวดเร็ว
เปรียบเทียบระหว่าง Market Maker และ ECN/STP
- การกำหนดราคา
- Market Maker ใช้ราคาที่ตั้งเองซึ่งอาจไม่ตรงกับราคาตลาด
- ECN/STP ใช้ราคาตลาดจริงตามอุปสงค์และอุปทาน
- สเปรด
- Market Maker เสนอ สเปรดคงที่
- ECN/STP มี สเปรดแปรผัน ซึ่งมักต่ำกว่าในช่วงตลาดปกติ
- ความเร็วในการดำเนินคำสั่ง
- ECN/STP มักดำเนินคำสั่งได้เร็วกว่า เนื่องจากไม่มีการรีโควต
- Market Maker อาจเกิดการรีโควตในบางกรณี
- ต้นทุน
- Market Maker ไม่มีค่าคอมมิชชั่น แต่มีสเปรดที่กว้างกว่า
- ECN/STP เก็บค่าคอมมิชชั่น แต่มีสเปรดที่ต่ำกว่า
สิ่งที่ควรรู้ก่อนเลือกโบรกเกอร์ Forex
ก่อนเริ่มต้นเทรด Forex การเลือกโบรกเกอร์ที่เหมาะสมถือเป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยให้คุณประสบความสำเร็จได้ง่ายขึ้นมากเลยล่ะครับ และนี่คือสิ่งที่คุณควรพิจารณาเพื่อให้แน่ใจว่าโบรกเกอร์ที่คุณเลือกตอบโจทย์ความต้องการและมีความน่าเชื่อถือมากพอให้คุณใช้งาน
รูปที่ 4 รูปภาพสรุปสิ่งที่ควรรู้ก่อนเลือกโบรกเกอร์ Forex แบบรวบรัดทั้ง 5 ข้อ
ความน่าเชื่อถือและใบอนุญาต
โบรกเกอร์ที่ดีควรมี ใบอนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแล เพื่อให้คุณมั่นใจว่าเงินทุนของคุณปลอดภัยและโบรกเกอร์ปฏิบัติตามมาตรฐานที่กำหนด
- ตัวอย่างองค์กรกำกับดูแลที่น่าเชื่อถือ
- FCA (Financial Conduct Authority) สหราชอาณาจักร
- ASIC (Australian Securities and Investments Commission) ออสเตรเลีย
- CySEC (Cyprus Securities and Exchange Commission) ไซปรัส
การเลือกโบรกเกอร์ที่ได้รับการกำกับดูแลจากหน่วยงานเหล่านี้จะช่วยลดความเสี่ยงจากการถูกหลอกลวง และทำให้คุณมั่นใจว่าโบรกเกอร์มีความโปร่งใสและซื่อสัตย์
ค่าธรรมเนียมและสเปรด
ค่าธรรมเนียมและสเปรดคือส่วนสำคัญที่มีผลต่อกำไรของคุณ
- สเปรดแบบ Fixed
- อัตราสเปรดคงที่ ไม่เปลี่ยนแปลงตามสถานการณ์ตลาด
- เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นหรือในช่วงตลาดผันผวน
- สเปรดแบบ Variable
- สเปรดแปรผันตามอุปสงค์และอุปทานในตลาด
- มักต่ำกว่าในช่วงตลาดปกติ แต่สามารถกว้างขึ้นในช่วงตลาดผันผวน
ตรวจสอบโครงสร้างค่าธรรมเนียม เช่น ค่าสเปรด และ ค่าคอมมิชชั่น เพื่อเลือกสิ่งที่เหมาะกับกลยุทธ์การเทรดของคุณนะครับซึ่งสามารถพิจารณาตาม ประเภทของโบรกเกอร์ Forex ที่เคยกล่าวไปแล้วในหัวข้อก่อนหน้าได้
ระบบฝาก-ถอนเงิน
โบรกเกอร์ที่ดีควรมีระบบฝาก-ถอนที่สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย
- ตัวเลือกการฝากถอน
- การโอนผ่านธนาคาร
- บัตรเครดิต/เดบิต
- กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ เช่น Skrill, Neteller
- ระยะเวลาในการดำเนินการ
- การฝากเงินมักใช้เวลาทันทีหรือไม่เกิน 24 ชั่วโมง
- การถอนเงินควรดำเนินการภายใน 1-3 วันทำการ
เลือกโบรกเกอร์ที่รองรับวิธีฝาก-ถอนที่เหมาะสมกับคุณ และควรตรวจสอบว่าไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝงใดๆ
การบริการลูกค้า
การบริการลูกค้าเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ โดยเฉพาะสำหรับมือใหม่ที่อาจต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม
- ตรวจสอบว่าโบรกเกอร์มีบริการช่วยเหลือในภาษาไทยหรือไม่
- ดูรีวิวเกี่ยวกับความเร็วและคุณภาพของการตอบกลับ เช่น การช่วยแก้ปัญหาในกรณีฝากถอนเงิน หรือคำแนะนำเกี่ยวกับแพลตฟอร์ม ได้จริงไหม่…มีแบบขอไปทีก็ไม่น่าใช้เท่าไร
- การให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงจะช่วยให้คุณอุ่นใจมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเทรดในช่วงตลาดที่มีความเคลื่อนไหวสูง
แพลตฟอร์มเทรด
แพลตฟอร์มการเทรดที่ดีจะช่วยให้คุณใช้งานง่ายและเพิ่มประสิทธิภาพในการเทรด
ตัวอย่างแพลตฟอร์มยอดนิยม
- MT4 (MetaTrader 4) แพลตฟอร์มคลาสสิกที่มีฟีเจอร์ครบครันสำหรับการวิเคราะห์และการเทรด
- MT5 (MetaTrader 5) เวอร์ชันใหม่ที่เพิ่มความสามารถ เช่น การเทรดหลายสินทรัพย์
- cTrader แพลตฟอร์มที่เน้นการใช้งานง่ายและการดำเนินคำสั่งที่รวดเร็ว
ตรวจสอบว่าแพลตฟอร์มรองรับการใช้งานบนอุปกรณ์ที่คุณใช้ได้ด้วยหรือไม่ เช่น คอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ต เป็นต้น
ขั้นตอนวิธีเลือกโบรกเกอร์ Forex ให้เหมาะสม
การเลือกโบรกเกอร์ Forex ที่เหมาะสมเป็นขั้นตอนสำคัญสำหรับความสำเร็จในตลาด การตัดสินใจเลือกโบรกเกอร์ที่ตอบโจทย์สไตล์การเทรดและความต้องการของคุณจะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรและลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในระยะยาวได้เลยทีเดียวครับ
รูปที่ 5 รูปภาพสรุปขั้นตอนวิธีเลือกโบรกเกอร์ Forex ให้เหมาะสมทั้ง 4 ข้อ
กำหนดเป้าหมายการเทรดของคุณ
ก่อนเลือกโบรกเกอร์ คุณควรเริ่มต้นด้วยการประเมินตัวเองว่าเป็นนักเทรดประเภทใด และมีเป้าหมายการเทรดอย่างไร
- สาย Day Trade
- เทรดรายวัน เปิดและปิดคำสั่งภายในวันเดียว
- ควรเลือกโบรกเกอร์ที่มีสเปรดต่ำและการดำเนินคำสั่งรวดเร็ว
- สาย Swing Trade
- ถือคำสั่งซื้อ-ขายข้ามวันหรือนานเป็นสัปดาห์
- โบรกเกอร์ที่มีสเปรดคงที่หรือแปรผันในระดับที่เหมาะสมจะช่วยลดต้นทุนได้
- สาย Scalping
- เทรดสั้นและเร็ว เปิด-ปิดคำสั่งภายในไม่กี่นาที
- โบรกเกอร์ที่มีการดำเนินคำสั่งรวดเร็วและไม่มี Requote เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
การกำหนดสไตล์การเทรดของคุณจะช่วยให้สามารถเลือกโบรกเกอร์ที่รองรับความต้องการในระยะยาวได้
ตรวจสอบความน่าเชื่อถือ
โบรกเกอร์ที่น่าเชื่อถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่คุณควรใส่ใจ
- เช็คใบอนุญาต
- ตรวจสอบว่าโบรกเกอร์ได้รับใบอนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแลที่น่าเชื่อถือ เช่น FCA, ASIC, CySEC
- ดูรีวิวจากผู้ใช้งานจริง
- อ่านรีวิวและคำแนะนำจากเทรดเดอร์คนอื่น ๆ เพื่อประเมินประสบการณ์ที่ผ่านมาของผู้ใช้งาน จาก Pantip หรือ Trust pilot เป็นต้น
การเลือกโบรกเกอร์ที่ได้รับการรับรองและมีรีวิวดีจะช่วยลดความเสี่ยงจากการถูกหลอกลวงและเพิ่มความมั่นใจในการใช้งานได้เป็นอย่างดี
เริ่มจากทดลองใช้งานบัญชี Demo
บัญชี Demo เป็นตัวช่วยสำคัญที่ช่วยให้คุณสามารถทดลองใช้บริการของโบรกเกอร์ได้โดยไม่ต้องเสี่ยงกับเงินจริง
- ประโยชน์ของบัญชี Demo
- ทดสอบการทำงานของแพลตฟอร์ม เช่น ความเร็วในการดำเนินคำสั่งและการใช้งานอินดิเคเตอร์
- ฝึกฝนกลยุทธ์การเทรดก่อนเริ่มใช้งานบัญชีจริง
- สิ่งที่ควรพิจารณา
- ตรวจสอบว่าโบรกเกอร์ให้ระยะเวลาในการทดลองใช้บัญชี Demo มากพอหรือไม่
- แพลตฟอร์มมีฟีเจอร์ครบครันตามที่คุณต้องการหรือเปล่า
พิจารณาเรื่องการฝากถอน
ระบบฝาก-ถอนเงินที่สะดวกและรวดเร็วเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ควรพิจารณา
- ความสะดวกในการฝากถอน
- เลือกโบรกเกอร์ที่รองรับวิธีการฝาก-ถอนที่คุณสะดวก เช่น โอนผ่านธนาคาร, บัตรเครดิต, หรือกระเป๋าเงินดิจิทัล
- ระยะเวลาในการดำเนินการ
- ฝากเงินควรได้รับการปรับยอดทันทีหรือตามกำหนดที่เหมาะสม
- การถอนเงินควรดำเนินการได้ภายใน 1-3 วันทำการ
- ค่าธรรมเนียม
- ตรวจสอบว่ามีค่าธรรมเนียมแอบแฝงหรือไม่ เช่น ค่าธรรมเนียมการถอนหรือฝากเงิน
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับโบรกเกอร์ Forex
รูปที่ 6 รูปภาพสรุปคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับโบรกเกอร์ Forex
โบรกเกอร์ Forex ต้องมีใบอนุญาตหรือไม่?
ต้องมีครับ…โบรกเกอร์ Forex ที่ดีและน่าเชื่อถือควรมี ใบอนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแล ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ใบอนุญาตเหล่านี้เป็นการรับรองว่าโบรกเกอร์มีความโปร่งใสและปฏิบัติตามกฎระเบียบที่เข้มงวด เช่น การจัดเก็บเงินลูกค้าในบัญชีแยก และการดำเนินงานที่ซื่อสัตย์ เป็นต้นครับ
ตัวอย่างหน่วยงานกำกับดูแลที่สำคัญ:
- FCA (Financial Conduct Authority) สหราชอาณาจักร
- ASIC (Australian Securities and Investments Commission) ออสเตรเลีย
- CySEC (Cyprus Securities and Exchange Commission) ไซปรัส
ค่าธรรมเนียมของโบรกเกอร์สูงไหม ?
ค่าธรรมเนียมของโบรกเกอร์ขึ้นอยู่กับประเภทและโครงสร้างของโบรกเกอร์นั้น ๆ โดยส่วนใหญ่จะแบ่งเป็น
- สเปรด (Spread)
- ค่าต่างระหว่างราคาซื้อ (Bid) และราคาขาย (Ask)
- สเปรดแบบ Fixed (คงที่) เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการคาดการณ์ต้นทุนการเทรดล่วงหน้า
- สเปรดแบบ Variable (แปรผัน) มักต่ำกว่าในช่วงตลาดปกติ แต่จะกว้างขึ้นในช่วงตลาดผันผวน
- ค่าคอมมิชชั่น (Commission)
- บางโบรกเกอร์ โดยเฉพาะประเภท ECN/STP จะเก็บค่าคอมมิชชั่นเพิ่มเติมต่อคำสั่งซื้อ-ขาย แต่โดยทั่วไปจะแลกมากับสเปรดที่ต่ำกว่า
เคล็ดลับ : ก่อนเลือกโบรกเกอร์ ตรวจสอบค่าธรรมเนียมทั้งหมดให้ครบถ้วน รวมถึงค่าธรรมเนียมแอบแฝง เช่น ค่าฝากถอนเงิน หรือค่าธรรมเนียมบัญชีที่ไม่ได้ใช้งาน (Inactive Fee)
โบรกเกอร์ Forex ที่เหมาะสำหรับมือใหม่ควรพิจารณาเรื่องใดบ้าง?
- บัญชี Demo
ต้องมีบัญชีให้ทดลองเทรดในสภาวะตลาดจริงโดยไม่ต้องใช้เงินจริง เหมาะสำหรับฝึกฝนและทำความเข้าใจแพลตฟอร์ม - แหล่งเรียนรู้
ต้องมีบทเรียน วิดีโอ และคู่มือสำหรับมือใหม่ เช่น วิธีการใช้แพลตฟอร์ม และแนวทางการวิเคราะห์ตลาด - การสนับสนุนลูกค้า
ต้องมีบริการช่วยเหลือในภาษาไทยหรือภาษาที่คุณถนัด เพื่อแก้ไขปัญหาหรือให้คำปรึกษา
ความลับเบื้องหลังโบรกเกอร์ Forex สิ่งที่เทรดเดอร์ควรรู้
เมื่อพูดถึงโบรกเกอร์ Forex หลายคนมองว่าเป็น “ผู้ช่วย” ที่ทำให้เราสามารถเทรดในตลาดใหญ่ระดับโลกได้อย่างสะดวก แต่เบื้องหลังการทำงานของโบรกเกอร์ก็มีสิ่งที่น่าสนใจและควรรู้เพื่อให้คุณเข้าใจบทบาทของพวกเขาได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งผมจะขอเล่าให้ฟังดังเนื้อหาต่อไปนี้
รูปที่ 7 รูปภาพสรุปความลับเบื้องหลังโบรกเกอร์ Forex สิ่งที่เทรดเดอร์ควรรู้
Market Maker ไม่ใช่แค่ตัวกลาง แต่เป็นคู่สัญญา
อย่างที่เคยบอกไปในหัวข้อต้นๆว่าโบรกเกอร์ประเภท Market Maker มีวิธีการทำกำไรที่แตกต่างจาก ECN/STP Broker เนื่องจากพวกเขา “สร้างตลาด” ขึ้นเอง
- เบื้องหลังที่ควรรู้
Market Maker จะเป็นฝ่ายตรงข้ามกับคำสั่งซื้อ-ขายของคุณ เช่น เมื่อคุณเปิดสถานะ Buy โบรกเกอร์อาจถือสถานะ Sell ตรงข้าม การทำเช่นนี้หมายความว่า หากคุณขาดทุน โบรกเกอร์จะมีกำไร….ดังนั้นเขาชอบครับที่คุณขาดทุนและนั่นเป็นสิ่งที่น่ากลัว - สิ่งที่ควรระวัง
แม้ว่าสิ่งนี้จะดูขัดแย้งกับผลประโยชน์ของเทรดเดอร์ แต่โบรกเกอร์ที่มีชื่อเสียงมักมีมาตรการควบคุมเพื่อให้ดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใสได้
ECN/STP โบรกเกอร์ที่โปร่งใสจริงหรือ ?
โบรกเกอร์ ECN (Electronic Communication Network) และ STP (Straight Through Processing) เป็นที่นิยมในหมู่เทรดเดอร์มืออาชีพเพราะพวกเขาส่งคำสั่งของคุณไปยังตลาดจริง แต่…
เบื้องหลังที่ควรรู้
- แม้ว่าโบรกเกอร์เหล่านี้มักโปร่งใสมากกว่า แต่บางรายอาจเก็บค่าธรรมเนียมแอบแฝง เช่น ค่าคอมมิชชั่นสูง หรือเพิ่มสเปรดในบางช่วงตลาดผันผวน
- ไม่ใช่ทุกโบรกเกอร์ ECN จะมีการส่งคำสั่งไปยังตลาดจริงเสมอ บางรายอาจส่งไปยัง “พูลสภาพคล่อง” …..ที่พวกเขากำหนดเองซึ่งเรื่องนี้ต้องคุยกันอีกยาว
โบรกเกอร์บางรายมี Stop Loss Hunting
คุณอาจเคยได้ยินคำว่า Stop Loss Hunting ซึ่งหมายถึงการที่โบรกเกอร์จงใจเคลื่อนราคาให้ไปแตะจุด Stop Loss ของลูกค้าเพื่อปิดคำสั่งซื้อ-ขายก่อนที่ตลาดจะเปลี่ยนทิศทางตามแบบฉบับ SMC …ซึ่งก็ต้องไปศึกษาข้อมูลกันดีๆนะครับ
เบื้องหลังที่ควรรู้
- ไม่ใช่โบรกเกอร์ทุกเจ้าจะทำเช่นนี้ แต่พบได้ในโบรกเกอร์ที่ไม่มีใบอนุญาตหรือมีชื่อเสียงไม่ดี….ซึ่งเอาจริงๆโบรกเกอร์ใหญ่ๆผมว่าก็มีนะ(ความคิดเห็นส่วนตัว)
- พฤติกรรมนี้ทำให้ลูกค้าสูญเสียเงินโดยไม่จำเป็น
ระบบ Leverage โอกาสหรือความเสี่ยง ?
Leverage เป็นหนึ่งในจุดเด่นของการเทรด Forex ที่ช่วยให้คุณสามารถควบคุมสถานะการซื้อ-ขายที่ใหญ่กว่าทุนจริงได้
เบื้องหลังที่ควรรู้
- Leverage ที่สูง เช่น 1:1000 อาจดึงดูดใจ แต่ก็มาพร้อมความเสี่ยงที่สูงเช่นกัน เพราะการขาดทุนจะถูกขยายขึ้นด้วยเช่นกัน
- โบรกเกอร์บางรายอาจเสนอ Leverage สูงเพื่อดึงดูดมือใหม่ แต่ในความเป็นจริง อาจทำให้คุณหมดตัวได้เร็วกว่าที่คิด
โบนัสและโปรโมชัน ของฟรีที่ไม่ฟรีเสมอไป
หลายโบรกเกอร์เสนอ โบนัสเงินฝาก หรือโปรโมชันต่าง ๆ เพื่อดึงดูดลูกค้า เช่น โบนัส 100% สำหรับการฝากเงินครั้งแรก
เบื้องหลังที่ควรรู้
- โบนัสเหล่านี้มักมาพร้อมเงื่อนไขที่ซับซ้อน เช่น ต้องเทรดให้ครบจำนวน Lot ที่กำหนดก่อนถึงจะถอนเงินได้ เป็นต้น
- บางครั้ง โบนัสอาจทำให้เทรดเดอร์ติดอยู่กับโบรกเกอร์โดยไม่สามารถเปลี่ยนไปใช้บริการที่ดีกว่านี้ได้
มีใบอนุญาตใช่ว่าจะปลอดภัยเสมอไป
แม้ว่าการเลือกโบรกเกอร์ที่มีใบอนุญาตจะเป็นสิ่งสำคัญ แต่…
เบื้องหลังที่ควรรู้
- ใบอนุญาตบางแห่ง เช่น จากประเทศที่มีกฎระเบียบผ่อนปรน อาจไม่ได้รับการตรวจสอบที่เข้มงวดเท่ากับหน่วยงานใหญ่ เช่น FCA หรือ ASIC
- โบรกเกอร์ที่มีใบอนุญาตจากหน่วยงานเล็ก ๆ อาจมีความเสี่ยงมากกว่าที่คุณคิด
โบรกเกอร์เถื่อนกับสิ่งที่ต้องระวังสำหรับคนไทย
การเลือกโบรกเกอร์ Forex เป็นหนึ่งในก้าวสำคัญสำหรับการเริ่มต้นเทรดอย่างมั่นใจ แต่ในปัจจุบันมี โบรกเกอร์เถื่อน ที่อาจหลอกลวงและสร้างความเสียหายให้กับผู้ลงทุนมากมาย โดยเฉพาะในประเทศไทยที่ตลาด Forex ยังไม่ถูกกำกับดูแลอย่างเข้มงวด นี่คือสิ่งที่ต้องระวังเพื่อป้องกันการตกเป็นเหยื่อของโบรกเกอร์เถื่อน
รูปที่ 8 รูปภาพสรุปโบรกเกอร์เถื่อนกับสิ่งที่ต้องระวังสำหรับคนไทย
ไม่มีใบอนุญาตที่น่าเชื่อถือ
โบรกเกอร์เถื่อนมักไม่มีใบอนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแลที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล
สิ่งที่ควรระวัง
- ตรวจสอบว่ามีใบอนุญาตจากองค์กรที่เชื่อถือได้ เช่น FCA, ASIC, CySEC
- โบรกเกอร์บางรายอ้างว่ามีใบอนุญาตจากหน่วยงานที่ไม่เป็นที่รู้จัก หรือมาจากประเทศที่มีกฎระเบียบผ่อนปรน (เช่น หมู่เกาะเล็ก ๆ)
เคล็ดลับ เข้าไปเช็คสถานะใบอนุญาตบนเว็บไซต์ของหน่วยงานกำกับดูแลโดยตรง หากไม่พบชื่อโบรกเกอร์ในฐานข้อมูล อาจเป็นสัญญาณของโบรกเกอร์เถื่อน
เว็บไซต์และการตลาดที่ดูดีเกินจริง
โบรกเกอร์เถื่อนมักใช้กลยุทธ์การตลาดที่ดูหรูหราและน่าดึงดูด เช่น
- สัญญาว่าจะให้ผลตอบแทนสูงเกินจริง
- โฆษณาว่า “ลงทุนง่าย ได้กำไรทุกวัน” หรือ “ไม่มีความเสี่ยงเลย”
สิ่งที่ควรระวัง
- เว็บไซต์ที่เน้นโปรโมชันเกินจริง หรือมีข้อมูลที่ไม่ชัดเจนเกี่ยวกับการเทรด
- ข้อความที่โน้มน้าวให้คุณรีบลงทุน โดยไม่มีการอธิบายความเสี่ยง
ช่องทางการฝาก-ถอนที่ไม่โปร่งใส
โบรกเกอร์เถื่อนมักให้บริการฝากเงินผ่านช่องทางที่ไม่เป็นทางการ เช่น
- โอนผ่านบัญชีส่วนตัวของบุคคล
- ใช้ช่องทางฝากเงินที่ยากต่อการติดตาม เช่น e-wallet ที่ไม่รู้แหล่งที่มา
สิ่งที่ควรระวัง
- ไม่มีระบบฝากถอนที่ชัดเจนและรองรับธนาคารในประเทศไทย
- การถอนเงินมีขั้นตอนที่ยุ่งยากหรือไม่ได้รับเงินตามที่แจ้ง
สัญญาณของการ “ล็อกกำไร”
โบรกเกอร์เถื่อนอาจมีพฤติกรรมที่ไม่โปร่งใส เช่น
- Manipulation ของราคา หรือก็คือ ราคาที่แสดงในแพลตฟอร์มอาจไม่สอดคล้องกับตลาดจริง
- การปิดคำสั่งซื้อ-ขายโดยไม่มีเหตุผล บางครั้งคำสั่งของคุณอาจถูกปิดโดยไม่ได้รับการแจ้งเตือนใดๆ
สิ่งที่ควรระวัง
- ตรวจสอบความโปร่งใสของแพลตฟอร์ม โดยทดลองใช้บัญชี Demo ก่อน
- หากพบว่ามีคำสั่งซื้อ-ขายผิดปกติ ให้ติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าทันที
ไม่มีบริการลูกค้าที่ชัดเจน
โบรกเกอร์ที่ดีควรมีบริการลูกค้าที่เข้าถึงง่ายและพร้อมช่วยเหลือในกรณีฉุกเฉิน
โบรกเกอร์เถื่อนมักมีลักษณะดังนี้
- ไม่มีช่องทางการติดต่อที่ชัดเจน
- การบริการลูกค้าล่าช้าหรือไม่ตอบกลับ
- ไม่มีบริการช่วยเหลือในภาษาไทย
สิ่งที่ควรระวัง
- ตรวจสอบรีวิวและความคิดเห็นจากผู้ใช้งานจริง
- เลือกโบรกเกอร์ที่มีการสนับสนุนตลอด 24 ชั่วโมง และมีช่องทางติดต่อหลากหลาย เช่น โทรศัพท์, อีเมล, แชทสด
โบนัสและโปรโมชันที่ดูเกินจริง
โบรกเกอร์เถื่อนมักใช้โบนัสสูงหรือข้อเสนอพิเศษที่ดูน่าดึงดูด เช่น
- โบนัสเงินฝาก 200%-500%
- แจกกำไรทันทีเพียงแค่เปิดบัญชี บลาๆๆ
สิ่งที่ควรระวัง
- อ่านเงื่อนไขโบนัสให้ละเอียด เพราะมักมีข้อจำกัดที่ยากต่อการทำตาม เช่น การเทรด Lot สูงเกินไป
- โปรโมชันที่ให้โบนัสเกินจริงมักใช้เป็นกลยุทธ์เพื่อดึงเงินลงทุนจากคุณ
พฤติกรรมหลอกลวงอื่น ๆ
โบรกเกอร์เถื่อนอาจใช้วิธีการหลอกลวงที่ซับซ้อน เช่น
- อ้างว่ามีผู้เชี่ยวชาญจัดการเงินให้คุณโดยไม่ต้องเทรดเอง
- ส่งผลการเทรดปลอมเพื่อโน้มน้าวให้คุณฝากเงินเพิ่ม
สิ่งที่ควรระวัง
- หลีกเลี่ยงโบรกเกอร์ที่อ้างว่า “การันตีผลกำไร”
- อย่าให้ข้อมูลส่วนตัว เช่น บัญชีธนาคาร หรือข้อมูลบัตรเครดิตกับโบรกเกอร์ที่ไม่น่าเชื่อถือ
สรุป
โบรกเกอร์ Forex สำคัญต่อการเทรดเพราะเป็นตัวกลางที่ช่วยให้ผู้เทรดเข้าถึงตลาด Forex ได้อย่างสะดวกและปลอดภัย โดยมีบทบาทสำคัญในการดำเนินคำสั่งซื้อ-ขายแบบเรียลไทม์ ให้บริการแพลตฟอร์มเทรด พร้อมเครื่องมือวิเคราะห์และข้อมูลตลาดที่ครบครัน อีกทั้งโบรกเกอร์ยังช่วยจัดการเรื่องการฝาก-ถอนเงินและลดความยุ่งยากในการเทรดให้เราอีกด้วย ซึ่งเหมาะสำหรับทั้งมือใหม่และมืออาชีพที่ต้องการโฟกัสกับการวางกลยุทธ์เพื่อสร้างกำไรในตลาดครับ
ข้อมูลแหล่งอ้างอิง
- BabyPips. Broker https://www.babypips.com/forexpedia/broker#:~:text=In%20forex%2C%20a%20broker%20is,initiator%20or%20by%20both%20parties
- Investopedia. Currency trading forex brokers. https://www.investopedia.com/terms/forex/c/currency-trading-forex-brokers.asp
- IG. How to choose a UK forex broker. https://www.ig.com/en/trading-need-to-knows/how-to-choose-uk-forex-broker
- Aron Groups. What is a forex broker? https://arongroups.co/forex-articles/what-is-a-forex-broker/
- IFC Markets. Forex brokers. https://www.ifcmarkets.com/en/about-forex/forex-brokers
- B2Core. What types of forex brokers exist? https://b2core.com/news/what-types-of-forex-brokers-exist/
- Kantox. Foreign exchange broker. https://www.kantox.com/glossary/foreign-exchange-broker
- Investopedia. How forex brokers make money. https://www.investopedia.com/articles/forex/041515/how-forex-brokers-make-money.asp