บทคัดย่อ

  • การลงทุนในตลาด Forex: การลงทุนคือการ นำเงินไปซื้อสินทรัพย์ และรอให้สินทรัพย์มีมูลค่าสูงขึ้น คือการซื้อถูกขายแพง หรือสร้างเครื่องมือ ที่ทำกำไรและปล่อยให้เครื่องมือนั้นทำกำไรให้อย่างต่อเนื่อง
  • การเก็งกำไรในตลาด Forex: คือการเทรด หรือซื้อมาขายไปเก็บกำไรในระยะสั้น ๆ ซื้อถูกขายแพง หรือขายแพงแล้วซื้อในราคาที่ถูกกว่า
  • วิธีการเลือกสไตล์ให้เหมาะกับเรา: ให้เลือกจากระยะเวลาในการเฝ้ากราฟ ถ้ามีเวลามากอาจจะเป็นนักเก็งกำไรในระยะสั้น ๆ หรือถ้ามีเวลาน้อย อาจจะเลือกเทรดในระยะยาว ๆ หรือหาเครื่องมือมาช่วยเทรด

การลงทุนในตลาด Forex

ถ้านึกถึงภาพของการลงทุน คือการนำเงินไปซื้อทรัพย์สิน โดยรอให้ทรัพย์สินนั้นมีมูลค่าสูงขึ้น ในบางทรัพย์สินยังมีปัญผล

แต่ในตลาด Forex คือการลงทุนในรูปแบบของการซื้อขายสัญญา ซึ่งไม่ได้นำทรัพย์สินนั้น ๆ มาถือครอง การซื้อขายสกุลเงิน ก็ไม่ได้ต้องการนำสกุลเงินนั้น ๆ มาเก็บไว้จริง ๆ

การลงทุนในตลาด Forex จึงเป็นการซื้อหรือขาย โดยเน้นถือไว้ยาว ๆ ก่อนที่จะขายเพื่อทำกำไรส่วนต่าง

การเก็งกำไรในตลาด Forex

การเก็งกำไร คือการซื้อมาขายไป ซื้อสินทรัพย์ในราคาถูกและขายในช่วงเวลาที่ราคาแพง อาจจะเป็นการซื้อขายรายวัน ไม่เน้นถือยาว หรือกลุ่มคนที่เรียนตัวเองว่าเทรดเดอร์

ความจริงของตลาด Forex

ความจริงของตลาด Forex เป็นการเทรดผ่านโบรกเกอร์ออนไลน์ ในรูปแบบ CFD คือการเทรดตราสารในรูปแบบของสัญญา ไม่ทำการซื้อขายเพื่อต้องการนำสินค้ามาเก็บไว้จริง ๆ เป็นเพียงการเก็งกำไรส่วนต่างเท่านั้น อาจจะไม่เหมาะนักที่จะซื้อสัญญาใดสัญญาหนึ่ง ที่จะเก็บไว้นาน ๆ 5 ปี หรือ 10 ปีเหมือนกับตลาดหุ้น

CFD (Contracts for Difference) คือ ตราสารอนุพันธ์ที่ให้เรา สามารถซื้อขายเก็งกำไรจากการเคลื่อนที่ของราคาของสินทรัพย์ต่าง ๆ เช่น หุ้น ดัชนี และสินค้าโภคภัณฑ์

คือการซื้อขาย โดยอ้างอิงราคาจากตลาดจริง ลักษณะสัญญาว่า ซื้อแล้วต้องขายคืนในเวลาต่อมา หรือขายก่อนที่จะซื้อในเวลาต่อมาเช่นกัน ไม่ได้ต้องการที่จะครอบครองสินทรัพย์ สกุลเงิน หรือสินค้าโภคภัณฑ์จริง ๆ

ทำให้สามารถเทรดได้ทั้งแนวโน้มขาขึ้นและขาลง Buy หรือ Sell โดยหน้าที่ของเทรดเดอร์ หรือผู้ที่เก็งกำไร จะต้องซื้อให้ได้ในราคาถูก และขายให้ได้ในราคาแพง

การเป็นนักลงทุนในตลาด Forex

แม้จะนิยามตัวเองว่าเป็นอะไร คุณก็สามารถเป็นได้ทั้งนักลงทุน หรือนักเก็งกำไรได้เช่นกัน แต่การเข้าใจตัวตน ว่ารูปแบบใดที่เหมาะสมกับตนเอง ก็จะยิ่งทำให้ค้นพบกับสไตล์ และประสบความสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว

  • เทรดสั้น: คือการเก็งกำไร รายชั่วโมง รายวัน หรือรายสัปดาห์ จะเรียกตัวเองว่าเป็นเทรดเดอร์ หรือนักเก็งกำไรได้เช่นกัน
  • เทรดยาว: เก็งกำไรในระยะ 3 สัปดาห์ หรือ 1 เดือนขึ้นไป จะเรียกตนเองว่านักเก็งกำไร หรือนักลงทุนก็ไม่ผิดกติกา
  • เทรดเดอร์: คือนักเก็งกำไร ที่ซื้อมาขายไป กำไรเล็ก ๆ น้อย ๆ เก็บเข้าพอร์ตไว้ตามระบบ
  • นักลงทุน: คือผู้ที่นำเงินมาลงทุน ไม่ว่าจะเป็นการเก็งกำไร ซื้อสินทรัพย์ เก็บกำไรตั้งแต่เล็ก ๆ น้อย ๆ ไปจนถึงก้อนโต ก็ใช้คำว่านักลงทุนได้เช่นกัน

สิ่งที่แตกต่างกันนั่นคือ ระยะเวลาในการลงทุน หรือเก็งกำไรต่างหาก ที่จะเป็นตัวกำหนดรูปแบบการทำงาน ความเครียด หรือวินัยในการลงทุน

คุณวางตัวเอง เป็นนักลงทุน หรือเป็นนักเก็งกำไร

ภาพแบบอย่าง การลงทุนสองสไตล์ จอร์ส โซรอสเป็นที่รู้จักในฐานะ พ่อมดการเงิน หรือนักเก็งกำไรระดับตำนานคนหนึ่ง เป็นคนที่โจมตีค่าเงินบาท ในวิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง ปี พ.ศ. 2540 และวอร์เรน บัฟเฟตต์ เป็นนักลงทุนระดับตำนานเช่นกัน

ถ้ามีเวลาน้อย สิ่งที่ควรทำ นั่นก็คือใช้เวลาให้น้อย การเทรดในระยะยาว ๆ นับว่าเป็นระยะเวลาที่เหมาะสม คนส่วนใหญ่เข้ามาในตลาด Forex แล้วผิดพลาด เพราะหวังอยากจะรวยเร็ว ๆ เทรดเยอะ ๆ ทำกำไรให้ได้มาก ๆ และบ่อย ๆ ทุกครั้งที่มีเวลา

แต่ตลาดนี้ไม่ง่ายขนาดนั้น ยิ่งเทรดบ่อย ยิ่งมีโอกาสที่จะเสียได้มากเท่านั้น คนกลุ่มนี้จึงมีโอกาสล้างพอร์ตได้อย่างรวดเร็ว

เลือกแนวทางการเทรดจาก เวลา

ภาพตัวอย่าง การเลือกแนวทางการเทรด สไตล์ หรือไทม์เฟรมให้เหมาะสมตัวนักลงทุน โดยใช้หลัก 1 ไทม์เฟรม ใช้เวลาดูกราฟ 1-2 ครั้ง เป็นเกณในการเลือก

  • 2 ครั้ง ใน 1 ไทม์เฟรม: ในไทม์เฟรม H1 ต้องมีเวลาดูกราฟอย่างน้อย 2 ครั้ง นั่นหมายความว่าถ้าใช้ไทม์เฟรมเล็กกว่านี้ จะต้องดูกราฟได้ 2 ครั้ง ในช่วงเวลาของไทม์เฟรมด้วยเช่นกัน
  • เทรดยาว: ถ้าใช้ไทม์เฟรม Week อาจจะใช้เวลาดูกราฟ วางแผนการเทรด เพียงสัปดาห์ละ 2 ครั้ง

คุณเลือกเทรดแบบไหน

ถ้าคุณเลือกเทรดสั้น คุณก็จะเป็นเทรดเดอร์ หรือนักเก็งกำไร ที่ซื้อมาขายไป เก็บกำไรสั้น ๆ ได้ตามจักหวะที่ควร แต่จะต้องมีเวลาในการวางแผน วิเคราะห์ และเทรดตามแผนและระบบที่วางไว้

แต่ถ้าคุณเลือกเทรดยาว อาจจะไม่ต้องดูกราฟทุกวัน เพียงเข้าออเดอร์ให้ถูกที่ หลังจากนั้นก็ปล่อยให้กราฟมันเคลื่อนที่ รอเวลาในการปิดทำกำไรก้อนโต คล้ายกับการลงทุน ที่ซื้อสินทรัพย์ที่คาดการณ์แล้วว่า จะเติบโตในระยะยาว จากนั้นทำการเข้าซื้อ แล้วถือไปจนกว่าสินทรัพย์นั้นจะมีกำไรสูง หนือเป็นที่น่าพอใจ

สิ่งที่ต้องระวัง

หากเทรดเดอร์ หรือนักลงทุนเข้ามาในตลาดช่วงแรก ๆ ไม่รู้จักทำความเข้าใจตน ว่าเหมาะกับสไตล์การลงทุนแบบไหน ไม่ว่าจะเป็นการเทรดสั้น เทรดกลาง หรือเทรดยาว หรือคำถามฉุกคิดว่าจริง ๆ แล้ว เป็นนักเก็งกำไร หรือนักลงทุน

จะยิ่งทำให้มีโอกาสหลงทาง เพราะในโลกแห่งการลงทุน มีมากมายหลายกลยุทธ์ให้ใช้ทำกำไร แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกกลยุทธ์ จะใช้ได้ดีกับนักลงทุนทุกคน จึงต้องเลือกที่ชอบและเหมาะสมกับตัวเอง

แม้ในทุก ๆ กลยุทธ์จะมีส่วนช่วยให้ประสบความสำเร็จได้ก็ตาม แต่โปรดจงจำเอาไว้ว่า ไม่มีอัศวินคนไหน ขี่ม้าหลายตัวเข้าเส้นชัย ต้องเลือกเพียงม้าตัวใดตัวหนึ่งที่เหมาะสมเสมอ ก่อนที่จะเข้าเส้นชัย แล้วมีฟาร์มม้าในอนาคต

ดังนั้น ให้เลือกสไตล์ที่เหมาะสมกับตัวเองเสียก่อน เมื่อสำเร็จแล้วจะเพิ่มหรือหากลยุทธ์ใหม่ ๆ ก็ย่อมได้ ดีกว่าเรียนรู้ไปเรื่อยเปื่อย เทรดมั่วทุกทาง ไม่มีระบบ จนกระทั่ง ล้มเหลว ถอดใจเดินออกจากตลาดไป

ตัวอย่างการลงทุนในตลาด Forex

แม้ว่าจะไม่ได้ลงทุนกับสินทรัพย์โดยตรง แต่สามารถสร้างสินทรัพย์ด้วยเครื่องมือ ตัวอย่างเช่น

การลงทุน ไม่ใช่เพียงจะต้องใช้เงินซื้อสินทรัพย์เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการพัฒนาความรู้ หรือลงทุนกับตัวเอง และลงทุนกับเครื่องมือที่จะใช้หาเงินหรือทำกำไรให้นักลงทุนได้ในระยะยาว

  • มีระบบเทรดที่ดี: ที่สามารถทำกำไรในตลาดได้อย่างต่อเนื่อง ผ่านการใช้งานจริง จนกระทั่งเข้าใจอย่างถ่องแท้ ที่สำคัญทำกำไรได้อย่างต่อเนื่อง
  • พัฒนาเป็นเครื่องมือ: นำระบบมาพัฒนาให้เป็นระบบเทรดอัตโนมัติ ด้วยการสร้างเป็น EA (Expert Advisors) ปัจจุบันมีผู้รับสร้าง EA มากมาย ทั้งเขียนด้วยโค้ด หรือจะฝึกสร้างเองโดยที่ไม่ใช้โค้ด ก็สามารถทำได้
  • ทดสอบจนพอใจ: เมื่อได้ EA มา จะต้องนำมาทดสอบกับข้อมูลในอดีต เพื่อเป็นการเก็บสถิติ ก่อนที่จะใช้ EA เทรดในตลาดจริง ด้วยเงินจริง ปรับปรุงพัฒนา จนกระทั่งได้ผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจ
  • ใช้รันจริง: เมื่อระบบทำงานได้ดีแล้ว ที่เหลือแค่แบ่งเวลาเข้ามาดูผลประกอบการ และการทำงานของระบบเทรดอัตโนมัติ ว่ามีการทำงานเป็นอย่างไร

นี่คือ หนึ่งในรูปแบบของการลงทุนในตลาด Forex แม้จะไม่ได้ทำกำไรจากทรัพย์สินโดยตรง แต่พัฒนาเครื่องมือทำกำไรอัตโนมัติ เป็นทรัพย์สิน จากนั้นให้ทรัพย์สินที่สร้างขึ้น สร้างผลตอบแทนให้อย่างต่อเนื่อง แน่นอนว่าสามารถใช้ทำกำไรได้ทั้ง สั้น กลาง ยาว และสามารถใช้หลาย ๆ ระบบได้พร้อม ๆ กัน

คำถามพบบ่อย

  • การลงทุนและการเก็งกำไร แตกต่างกันอย่างไร: การลงทุน คือการนำเงินมาซื้อสินทรัพย์ และรอให้สินทรัพย์เติบโตมีมูลค่าที่สูงมากขึ้น และบางสินทรัพย์ยังมีปัญผลในทุก ๆ ปี ส่วนการเก็งกำไรคือการซื้อมาขายไป ซื้อถูกขายแพง มุ่งเน้นไปที่การจับจังหวะหรือหาโอกาสในการซื้อขายระยะสั้น ๆ เท่านั้น
  • การลงทุนในตลาด Forex ทำได้ไหม: สามารถทำได้ เช่น การเทรดในระยะยาว หรือการลงทุนในเครื่องมือ ถือเป็นสินทรัพย์ในการหารายได้จากการเทรดเช่นเดียวกัน
  • อยากเป็นนักลงทุนในตลาด Forex ต้องเริ่มต้นอย่างไร: สิ่งแรกที่จะต้องลงทุนให้มาก นั่นคือลงทุนกับความรู้ ด้วยการเรียนรู้และพัฒนาตนเอง และฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง คือการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุด
  • ทำไมต้องมีสไตล์ในการลงทุน: เพราะการเลือกสไตล์หรือวิธีการที่เหมาะสม จะทำให้การเลือกกลยุทธ์ที่ใช้ได้เหมาะสม มีโอกาสประสบความสำเร็จได้สูง
  • เลือกรูปแบบการลงทุนอย่างไร ให้เหมาะสมกับตัวเอง: ดังตัวอย่างที่กล่าวไปแล้วว่า ให้เลือกตามเวลาที่สามารถดูกราฟได้ คือในไทม์เฟรม จะต้องสามารถดูกราฟได้ 1-2 ครั้ง

สรุป

ไม่ว่าคุณจะเป็นนักลงทุน หรือเป็นนักเก็งกำไร จะมองตัวคุณเองเป็นแบบไหน แน่นอนว่าจะมีผลต่อมุมมอง การวางแผน และการตัดสินใจ แต่ไม่ควรที่จะนำสิ่งนี้มาเป็นข้อจำกัดในการลงทุน ถ้าเป้าหมายหลักนั่นคือการ หาเงินจากตลาด Forex

กลยุทธ์ในการเทรดสั้น กลาง หรือยาว ๆ แบบนักลงทุน ควรที่จะศึกษาและมีติดมือไว้ การเก็งกำไรรายวันอาจจะเป็นกลยุทธ์หนึ่งที่ทำเงินให้ได้ในทุก ๆ วัน และกลยุทธ์ในการเทรดระยะยาว ก็อาจจะเป็นกลยุทธ์หนึ่งในการหาเงินก้อนโต แต่จะต้องเลือกที่ชอบหรือเหมาะสมเสียก่อน ที่จะเพิ่มกลยุทธ์ใหม่ ๆ เข้ามาในการเทรด

ดังนั้น จะเป็นนักเก็งกำไร หรือนักลงทุนในตลาด Forex เพื่อให้สามารถใช้ประสิทธิภาพให้สูงที่สุด จะต้องรู้จักโอนอ่อนผ่อนตาม ปรับปรุงยืดหยุ่นให้อยู่ได้ในทุกสถานะการ ยอมแพ้บ้างในบางกรณี จึงจะเป็นผู้ชนะที่สุด ในสงคราม Forex