เทรด forex กับ หุ้น อันไหนดีกว่ากัน เทรดเดอร์หรือนักลงทุนมือใหม่ หลายคนคิดไม่ตก ตัดสินใจไม่ถูก ว่าจะเริ่มต้น ในสายการลงทุนทางไหนดี เพราะนักลงทุนในตลาดหุ้น ย่อมให้ความเห็นว่าหุ้นดีกว่า หรือนักลงทุนในตลาด Forex ย่อมให้ความเห็นว่า ตลาด Forex ดีกว่าเช่นกัน

มือใหม่ จะเริ่มต้น เทรด forex กับ หุ้น อันไหนดีกว่ากัน

จะว่าไปแล้ว ไม่มีอะไรดีกว่าอะไร มีแต่พอใจกับอะไรมากกว่ากัน เพราะทุก ๆ อย่างล้วนมีดีมีเสียที่แตกต่างกัน แต่เส้นทางเดินคล้าย ๆ แต่จะต้องพิจารณาให้เหมาะสมกับความต้องการ ความเสี่ยง หรือปัจจัยใด ๆ เพื่อประกอบการพิจารณา นักลงทุนในตลาดล้วนมีเหตุผลเป็นของตนเอง แนวทางในการพิจารณา มีดังต่อไปนี้

สิ่งที่ต้องพิจารณา ระหว่างหุ้น กับ Forex

ภาพแนวทางในการพิจารณาเปรียบเทียบระหว่าง ตลาดหุ้นกับตลาด Forex สำหรับมือใหม่ที่ยังติดสินใจไม่ได้ว่า จะเริ่มจากตลาดไหนดี

  • ตลาดการเงิน: ตลาดหุ้นและตลาด Forex ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของตลาดการเงิน ที่ผู้คนลงทุน หรือคาดหวังผลกำไร จากการซื้อขายแลกเปลี่ยนเพื่อทำกำไรจากส่วนต่างของราคา ซื้อถูกขายแพงหรือซื้อแพงขายถูก
  • การวิเคราะห์: ราคาตลาดมีขึ้นมีลง สามารถใช้ปัจจัยพื้นฐานหรือทางเทคนิคในการวิเคราะห์ หาจุดเข้าซื้อขายที่คาดว่าจะได้กำไร
  • กลยุทธ์การเทรด: สามาถใช้กลยุทธ์ซื้อขายที่แตกต่าง ไม่ว่าจะเป็นการเทรดสั้น กลาง ยาว หรือเครื่องมือต่าง ๆ เพื่อเข้ามาช่วยเทรด เช่น ระบบเทรดอัตโนมัติ หรือ EA
  • ความเสี่ยง: การลงทุนมีความเสี่ยงซึ่งแตกต่างกัน แต่ผู้ลงทุนสามารถดูแล ควบคุม ความเสี่ยงได้ตามสมควร

ภาพรวม เงื่อนไขการลงทุนในตลาดหุ้นและตลาด Forex

ภาพแสดงเหตุผล ของคนที่เข้ามาทั้งตลาดหุ้นและตลาด Forex ทั้งสองตลาดนี้แม้จะมีความแตกต่าง แต่สามารถให้ได้ในทุกเป้าหมายที่ต้องการ

ตลาด Forex และตลาดหุ้น เป็นตลาดทางการเงิน โดยส่วนใหญ่ในแต่ละประเทศ จะมีกฎหมายไม่เหมือนกัน ในการจำกัดอายุและผู้ลงทุน แต่สิ่งที่คล้าย ๆ กันนั่นก็คือ “บรรลุนิติภาวะ” ที่กฎกหมายรับรองการทำธุรกรรมทางการเงินได้

ตลาด Forex บางประเทศ เช่น ในประเทศอังกฤษ จะต้องมีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป หรือบางประเทศกำหนดเปิดบัญชีเทรดได้เมื่ออายุ 21 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ตลาดหุ้นในไทยอายุ 20 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป (ถ้าต่ำกว่าต้องมีผู้ปกครองให้ความยินยอม) และยังมีข้อกำหนดอื่น ๆ เพิ่มเติม

ในตลาด Forex บางโบรกเกอร์ แม้อายุไม่ถึง ยังสามารถเปิดได้ หากมีหนังสือรับรองจากผู้ปกครอง ซึ่งข้อกำหนดแตกต่างกันไปในแต่ละโบรกเกอร์ ถึงอย่างไรก็ตามการลงทุนแม้เป็นสิ่งที่ดี ผู้ลงทุนควรมีความรู้และประสบการณ์ ที่จะรู้จักรับผิดรับชอบใด ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นในระหว่างลงทุน

ตลาดหุ้นถูกกฎหมาย แต่ตลาด Forex ผิดกฎหมาย จริงหรือ?

ภาพแสดงข้อสงสัย ว่าตลาด Forex ผิดกฎหมายจริงหรือ? แต่ในความเป็นจริง เพียงยังไม่มีกฎหมายรองรับ ไม่ได้แปลว่าผิดกฎหมาย เพราะในต่างประเทศซื้อขายได้อย่างถูกกฎหมายนั่นเอง

การเทรดหรือลงทุนในตลาดหุ้น ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ล้วนมีหน่วยงานที่กำกับดูแล เพื่อป้องกันการดำเนินกิจกรรมเพื่อเอาเปรียบผู้ลงทุน เช่น การปั่นหุ้น

ตลาด Forex แม้จะเป็นยักษ์ใหญ่ในโลกการเงิน  มีเงินหมุนเวียนมหาศาลในแต่ละวัน  แต่ตลาด Forex ก็ยังคงเป็นดินแดนไร้กฎหมายในหลายประเทศ  รวมถึงประเทศไทย

  • ตลาด Forex: ยังไม่มีการรับรอง ให้ทำการซื้อขายเก็งกำไร ได้อย่างถูกกฎหมายในประเทศไทย
  • โบรกเกอร์: ยังไม่มีโบรกเกอร์ Forex ที่ได้รับการรับรองหรือกำกับดูแลอย่างถูกต้องในประเทศไทย
  • ต้องเทรดผ่านโบรกเกอร์ต่างประเทศ: ปัจจุบันมีผู้ให้บริการเกิดขึ้นมากมาย ทั้งที่ถูกต้องและไม่ถูกต้อง ส่วนใหญ่ล้วนเป็นโบรกเกอร์จากต่างประเทศ และอยู่ภายใต้การควบคุมตามกฎหมายในประเทศนั้น ๆ

ข้อดี ข้อเสีย ของตลาดหุ้น

ตลาดหุ้น มีหลายหลายมุมทั้งข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป แต่ถ้าในมุมของเทรดเดอร์หรือนักลงทุน สิ่งที่จะต้องพิจารณา มีดังต่อไปนี้

  • อยู่ภายใต้ กลต.: หุ้นทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ โบรกเกอร์ ล้วนอยู่ภายใต้หน่วยงานกำกับดูแล มีความปลอดภัยในระดับหนึ่ง
  • เรียนรู้ยาก มีความซับซ้อน: กว่าจะเป็นเทรดเดอร์หรือนักลงทุนได้ นอกจากที่จะต้องเรียนรู้กราฟ จำเป็นที่จะต้องเรียนรู้ปัจจัยพื้นฐาน หรือข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับหุ้นตัวนั้น ๆ จึงจะสามารถเข้าใจและวิเคราะห์ได้
  • เงินทุนสูง: การลงทุนในตลาดหุ้น มักต้องใช้เงินทุนค่อนข้างสูง  โดยทั่วไป  การเปิดบัญชีซื้อขายหุ้น  ต้องมีเงินทุนขั้นต่ำประมาณ 5,000 บาท  ซึ่งอาจซื้อหุ้นได้ในจำนวนจำกัด  และส่งผลต่อโอกาสในการทำกำไร แน่นอนว่าถ้าคาดหวังผลกำไรมากๆ ย่อมต้องใช้เงินทุนที่มากพอเช่นกัน
  • ถูกควบคุมได้ง่าย: ตลาดหุ้น เป็นกิจการภายในประเทศ แต่แน่นอนว่าไม่ใช่ตลาดที่ใหญ่มากนัก ผู้มีเงินทุนสูง อาจจะสามารถควบคุมหรือปั่นราคาได้ และอาจะถูกแทรกแซงได้ง่ายเช่นกัน

ข้อดี ข้อเสีย ของตลาด Forex

ตลาด Forex มีความแตกต่างจากตลาดหุ้นพอสมควร และมีข้อดีข้อเสีย จุดเด่นจุดด้อยเช่นเดียวกัน โดยลองพิจาณาได้ดังต่อไปนี้

  • เริ่มต้นง่าย: สำหรับมือใหม่ที่พึ่งจะก้าวสู่วงการ เงินทุนย่อมเป็นปัจจัยหลัก เพราะตลาด Forex ในปัจจุบัน สามารถเริ่มเทรดกับโบรกเกอร์ ที่ใช้เงินทุนเล็กน้อยในระดับหลักร้อยหรือหลักพันบาท จึงทำให้สามารถเปิดบัญชีและเข้าเทรดได้ง่าย
  • โบรกเกอร์ผู้ให้บริการ: ในประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายใดที่รองรับโบรกเกอร์ Forex จึงยังไม่สามารถเทรดได้อย่างถูกต้อง แต่สามารถเทรดได้ผ่านโบรกเกอร์ต่างประเทศ แม้ไม่ถูกกฎหมายไทย แต่หลายโบรกเกอร์ อยู่ภายใต้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจากต่างประเทศ
  • ตลาดทุนที่ใหญ่ที่สุด: มีเงินไหลเวียนในแต่ละวันมหาศาล จึงเป็นตลาดที่ยากที่จะควบคุมจากบุคคลใดบุคคลหนึ่ง
  • คาดหวังผลกำไรได้สูง: มีเทรดเดอร์หลายคน ที่สามารถใช้เงินก้อนเล็ก ๆ เพื่อทำกำไรก้อนใหญ่ในตลาด Forex ได้ โดยใช้เลเวอเรจ ที่ทางโบรกเกอร์มีให้ใช้ จึงสามารถทำกำไรได้จากเงินทุนก้อนเล็ก ๆ แต่นั่นก็มาพร้อมกับความเสี่ยงที่สูงมาก ๆ

มือใหม่เริ่มต้นจริง ๆ ควรไปตลาดไหน

ตลาดไหนก็ได้ แต่ถ้าจะให้ดี ต้องเลือกตลาดที่เหมาะสมกับนักลงทุนเอง ลองพิจารณาดังต่อไปนี้

1. ความเสี่ยง

ภาพเปรียบเทียบระหว่างตลาดหุ้น กับตลาด Forex ในเรื่องของความเสี่ยงในด้านที่แตกต่างเช่น ตลาด ผู้เล่น โบรกเกอร์ และกลยูทธ์การเทรด

การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษารายละเอียดทุกครั้ง การทำการลงทุน ไม่ว่าจะเสี่ยงกับตลาด โบรกเกอร์ หรือใด ๆ ก็ตาม ล้วนต้องทำความเข้าใจแต่ละตลาดให้ดี

ความเสี่ยงในตลาดหุ้น

  • ตลาดหุ้น: ขึ้นชื่อว่าลงทุน คงหนีไม่พ้นความเสี่ยง แต่ความเสี่ยงนั้น อยู่ภายใต้การควบคุมหรือไม่ การเข้าซื้อขาย หรือปัจจัยใด ๆ ก็ตาม สามารถจัดการได้โดยง่ายหรือไม่
  • ไม่ใช่ใครก็เทรดได้: การเปิดบัญชีเทรด อาจจะมีเงื่อนไขที่มากมายกว่าตลาด Forex เพราะโบรกเกอร์ผู้ให้บริการในไทย ล้วนอยู่ภายใต้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำกับดูแล เพื่อให้ถูกต้องและปลอดภัยสำหรับนักลงทุนมากที่สุด
  • โบรกเกอร์: หุ้นภายในประเทศ มีโบรกเกอร์ให้บริการอย่างแพร่หลาย มีความปลอดภัยในระดับหนึ่ง ส่วนหุ้นในต่างประเทศ จำเป็นต้องศึกษารายละเอียดต่าง ๆ ให้ชัดเจน และเสี่ยงพอ ๆ กับตลาด Forex หรือเทรดผ่านโบรกเกอร์ Forex ก็ได้เช่นกัน
  • การเทรด: กราฟเทคนิค สามารถใช้กลยุทธ์ที่เหมือน ๆ กับตลาดอื่น ๆ แต่ปัจจัยพื้นฐาน จะต้องศึกษารายละเอียดให้ลึก รวมถึงงบการเงินของหุ้นแต่ละตัว

ความเสี่ยงในตลาด Forex

  • ตลาด Forex: นับว่าเป็นตลาดที่มีความเสี่ยงสูง แม้จะเทรดได้ทั่วโลก แต่ในประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายหรือหน่วยงานใดรองรับ
  • ใคร ๆ ก็เทรดได้: บางครั้งเข้าเทรดตลาดนี้ได้ง่าย ๆ ไม่ได้หมายความว่า จะอยู่รอดหรือเอาชนะตลาดได้โดยง่าย ล้วนต้องอาศัยความรู้ ประสบการณ์ และการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง จึงจะสามารถเอาชนะตลาดเก็บกำไรได้
  • โบรกเกอร์: เทรดกับผู้ให้บริการที่อยู่ในต่างประเทศ มีทั้งโบรกเกอร์จริง และโบรกเกอร์เถื่อน หรือไม่ส่งตลาดจริง แต่งกราฟหรือใด ๆ ที่อาจจะเอาเปรียบนักลงทุน จึงควรศึกษารายละเอียดของแต่ละโบรกเกอร์ให้ดี
  • การเทรด: ไม่ว่าจะกลยุทธ์ในการเทรดใด ๆ เครื่องมือในการเทรด แม้ในในบางตลาดอาจจะใช้ได้เหมือน ๆ กัน แต่ในตลาด Forex มีความผันผวนสูง อาจจะต้องอาศัยประสบการณ์และการฝึกฝนพอสมควร

2. เงินทุน

ภาพแสดงถึงเงินทุน เป็นปัจจัยหลักในการเทรดหรือลงทุนให้ประสบความสำเร็จ ใช่ว่ามีเงินทุนแล้วจะเอาชนะตลาดได้ แต่เงินนั้นจะต้องเป็นเงินเย็น จำนวนที่หายไปไม่เสียดาย ลงทุนไว้ได้นาน เป็นเงินที่แบ่งไว้ลงทุนจริง ๆ และต้องไม่เป็นเงินที่กู้ยืมมาลงทุน

เงินทุนนับเป็นสิ่งที่สำคัญ คือจะต้องเป็นเงินที่พร้อมลงทุนจริง ๆ หรือเงินเย็น สามารถอยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้เป็นเวลานาน หรือหายไปไม่เสียดาย นั่นคือจำนวนเงินที่พร้อมจะลงทุน ไม่ควรใช้เงินสำรองครอบครัว เพียงเพราะหวังนำมาหมุนให้ได้กำไรในระยะเวลาสั้น ๆ

เทรดหุ้นต้องมีเงินเท่าไหร่

การลงทุนในหุ้น จะต้องมีเงินลงทุนขั้นต่ำในการซื้อขาย 1 Board Lot หรือ 100 หุ้น เช่น หากหุ้นนั้นราคา หุ้นละ 50 บาท จะต้องซื้อ 100 หุ้น จะต้องใช้เงินอยู่ที่ 5,000 บาท นั่นหมายถึงหุ้นเพียง 1 ตัว แน่นอนว่าการลงทุนเป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้าต้องการเป็นเทรดเดอร์อาชีพ ทุนเพียงเท่านี้อาจจะไม่เพียงพอ

อีกผลิตภัณฑ์ตัวหนึ่ง ที่หลาย ๆ โบรกเกอร์ได้จัดไว้สำหรับคนที่งบน้อย ด้วยการออมหุ้น โดยการฝากเงินตามกำหนดขั้นต่ำ เป็นประจำในทุก ๆ เดือนเท่า ๆ กัน เป็นการซื้อด้วยการถัวเฉลี่ยนในทุกราคา แต่จะต้องถือในระยะยาวจึงจะได้ผลกำไร

เทรด Forex ต้องมีเงินเท่าไหร่

ในยุคแรกของตลาด Forex ผู้ที่จะเข้ามาซื้อขาย 1 Lot ได้ จะต้องใช้เงินอยู่ที่ 100,000 เสมือนเป็นเกมคนรวย สถาบันการเงิน และบรรษัทข้ามชาติซื้อขายไว้ป้องกันความเสี่ยง

ปัจจุบันสามารถซื้อขายได้ผ่านโบรกเกอร์ โดยใช้เงินเริ่มต้นเพียงหลักร้อย มีหลากหลายประเภทบัญชีให้เลือก แม้เงินทุนไม่สูงแต่สามารถคาดหวังผลกำไรสูงได้ ด้วยการใช้เลเวอเรจ ตลาด Forex จึงเหมาะกับเทรดเดอร์นักลงทุนรายย่อยทั่วไป ที่มีเงินทุนน้อย ๆ หรือจำนวนมากสามารถเก็งกำไรเป็นอาชีพอย่างจริงจังได้

3. ความรู้

ภาพแสดงถึงสิ่งที่เทรดเดอร์มือใหม่ หรือนักลงทุนจะต้องเรียนรู้ คือ พื้นฐานทั้งหมด เครื่องมือหรือโปรแกรมที่ใช้เทรด ทฤษฎีในการวิเคราะห์ และการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

การลงทุนที่ดีที่สุด คือการลงทุนกับความรู้ หากไร้ซึ่งความรู้ ไม่ว่าตลาดใด ๆ ก็จะไม่สามารถเอาชนะได้ เป็นเพียงหมูที่รอให้คนที่มีความรู้กว่าเชือด หนทางในการเรียนรู้เป็นเทรดเดอร์หรือนักลงทุน มีดังต่อไปนี้

  • พื้นฐาน: ไม่ว่าจะเป็นตลาดหุ้นหรือตลาด Forex พื้นฐานในตลาดนั้น ๆ นับว่ามีความสำคัญ
  • เครื่องมือที่ใช้: โปรแกรมเทรดต่าง ๆ วิธีการซื้อขายหรือออคำสั่ง เครื่องมือในการวิเคราะห์ เช่น เส้นแนวรับแนวต้าน อินดิเคเตอร์
  • การวิเคราะห์: แนวทางการวิเคราะห์ มีสองกลุ่มหลัก ๆ วิเคราะห์ด้วยปัจจัยพื้นฐาน และวิเคราะห์ด้วยปัจจัยทางเทคนิค แม้จะแตกต่างกันที่ตลาด แต่ทางเทคนิคสามารถใช้ทางเดียวกันได้ ส่วนปัจจัยพื้นฐานย่อมแตกต่างกันออกไป
  • การฝึกฝน: ไม่ใช่ว่าเรียนรู้แล้วจะสามารถเทรดทำกำไรได้เลย แต่ในความเป็นจริง จะต้องนำมาฝึกฝนอย่างซ้ำ ๆ พบกับปัญหาซ้ำ ๆ จนกระทั่งจะสามารถเอาชนะตลาดได้แบบซ้ำ ๆ จึงจะสามารถเข้าเทรดตลาดจริง และเงินทุนจริง ๆ ได้

4. สไตล์การลงทุน

การเลือกผลิตภัณฑ์ในการลงทุน ให้เหมาะสมกับนักลงทุน ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จะช่วยให้ประสบความสำเร็จได้เร็วขึ้น โดยตลาดหุ้นกับตลาด Forex ย่อมมีลักษณะที่แตกต่างกัน

ภาพแสงดให้เห็นถึงสไตล์ ความชอบ และการเลือกให้เหมาะสมกับตลาด เพราะจะเอาชนะตลาดไม่ได้ หากไม่ชนะที่ตนเองก่อน ดังนั้นจะต้องวิเคราะห์ตัวเองให้ออกว่า ชอบแบบไหน แล้วจึงเลือกลงทุนในรูปแบบนั้น ๆ

สไตล์การลงทุนในตลาดหุ้น

  • สภาพคล่อง: อาจจะไม่สูงเหมือนตลาด Forex แต่ก็เพียงพอที่จะสามารถเทรดสั้น ๆ หรือเข้าไวออกไวได้
  • ชอบความมั่นคง: มีกฎหมายและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำกับดูแล ให้มีความโปร่งใส ป้องกันการทุจริตในการลงทุน เป็นเครื่องการันตีในเบื้องต้น เหมาะกับผู้ที่ชอบความปลอดภัยเป็นหลัก
  • กลยุทธ์การลงทุน: ไม่ว่าจะเป็นการถือสั้นหรือถือยาว ย่อมทำได้ แต่จะเหมาะกับการลงทุนในระยะยาวมากกว่า เทรดไวทำกำไรสั้น ๆ
  • เวลา: ตลาดหุ้นเปิดและปิดตามเวลาทำการ เทรดเดอร์สายสั้น จะมีเวลาจำกัดในการวางแผนการเทรด

สไตล์การลงทุนในตลาด Forex

  • สภาพคล่อง: เป็นตลาดที่มีสภาพคล่องสูง อีกทั้งยังมีความผันผวนสูงอีกด้วย เนื่องจากมีปริมาณเงินไหลเวียนมหาศาลในแต่ละวัน ไม่ว่าจะเทรดสั้น กลาง ยาว สามารถเทรดได้ทั้งหมด ขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ของเทรดเดอร์
  • ความมั่นคง: แม้ตลาด Forex อาจจะไม่ได้ถูกต้องในประเทศไทย แต่ไม่ได้หมายความว่าจะถูกต้องในต่างประเทศ หากผิดพลาดหรือเลือกโบรกเกอร์ผิด เทรดเดอร์ชาวไทยไม่อาจจะเรียกร้องใด ๆ ตามกฎหมายได้ การเลือกโบรกเกอร์ที่ถูกต้อง จะต้องเลือกที่มีการดำเนินกิจการอย่างถูกต้องจริง ๆ
  • กลยุทธ์การลงทุน: ในตลาด Forex สามารถใช้ได้ทั้งปัจจัยพื้นฐานและทางเทคนิค อีกทั้งยังใช้ในเรื่องของกลยุทธ์ต่าง ๆ เช่น EA หรือเครื่องมือช่วยเทรดอัตโนมัตได้อีกด้วย
  • เวลา: ตลาด Forex สามารถเทรดได้ตลอด 24 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์ เนื่องด้วยตลาดในหลาย ๆ ประเทศ เปิด-ปิด โดยมีเวลาที่ทับซ้อนกัน สามารถวางแผนการเทรดในแต่ละคู่เงิน หรือในช่วงเวลาที่สะดวก ก็ได้เช่นกัน

แม้ว่าสไตล์การเทรด หรือลักษณะของแต่ละตลาดจะไม่เหมือนกัน แต่เทรดเดอร์สามารถเลือกที่ตรงหรือถูกกับจริตได้ เช่น ไม่มีเวลาดูกราฟในช่วงกลางวัน อาจจะต้องเอนในไปที่ตลาด Forex แล้วเลือกเทรดกลางคืน

มีอะไรน่าสนใจ ในตลาด Forex

ภาพแสดงถึง โบรกเกอร์ Forex ที่มีสินทรัพย์ให้เทรดอย่างหลากหลายในรูปแบบ CFD ไม่ว่าจะเป็นหุ้น ทองคำ น้ำมัน หรือสกุลเงินดิจิทัลหลายร้อยรายการ

ปัจจุบันโบรกเกอร์ Forex ไม่ได้มีเฉพาะการซื้อขายสกุลเงินเท่านั้น แต่ยังมีสินทรัพย์อื่น ๆ ให้เลือกเทรด ไม่ว่าจะเป็น ดัชนี หุ้น น้ำมัน ทองคำ คริปโทเคอเรนซี่ ในรูปแบบของ CFD

ด้วยเงินลงทุนเริ่มต้นเพียงหลักร้อยหรือหลักพัน อีกทั้งยังให้ใช้เลเวอเรจสูง มือใหม่จึงไม่ต้องกังวลว่า จะมีเงินทุนไม่เพียงพอ ขอเพียงมีความรู้ มีฝีมือ ก็สามารถทำกำไรในตลาดนี้ได้เช่นกัน

เทรดได้ตลอด 24 ชั่วโมง หมายความว่าเทรดเดอร์ สามารถวางแผนการเทรดได้ในเวลาว่าง มีงานประจำก็เทรดได้ ไม่จำเป็นต้องเทรดตลอดเวลา นี่จึงเป็นเหตุผลที่ ตลาด Forex ผู้คนนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน

โบรกเกอร์ Forex ที่แตกต่างจากหุ้นในประเทศ

แม้โบรกเกอร์ Forex ไม่ได้มีการจดจัดตั้ง หรือถูกต้องเป็นที่ยอมรับภายในประเทศ แต่ภายนอกประเทศ ล้วนมีหน่วยงานกำกับดูแล และมีกฎหมายรองรับอย่างชัดเจนในหลาย ๆ โบรก อีกทั้งยังมีข้อดีในหลาย ๆ อย่างอีกด้วย

  • รับรองหลายหน่วยงาน: แม้ว่าการรับรอง จะไม่การันตีความมั่นคงของโบรกเกอร์ แต่เป็นเครื่องการันตีได้ว่า โบรกเกอร์มีความพยายามที่จะทำตามกฎต่าง ๆ หรือทำทุกอย่างด้วยความถูกต้องนั่นเอง
  • เป็นอิสระในการลงทุน: ตัวเลือกในการลงทุนมากกว่า เป็นอิสระในการเลือก โดยที่ไม่มีข้อห้ามใด ๆ ในการเทรด
  • มีโปรแกรมสนับสนุน: นอกจากการเลือกทีมงานซัพพอร์ตของแต่ละโบรกเกอร์แล้ว โบรกเกอร์ Forex ส่วนใหญ่ มีกิจกรรม โบนัส แข็งขันเทรด รวมถึงสัมมนาฟรี ที่ให้เทรดเดอร์ได้พัฒนากันอย่างต่อเนื่อง

การเลือกโบรกเกอร์ เป็นปัจจัยหนึ่งที่จะช่วยส่งเสริม ให้เทรดเดอร์พัฒนาได้ไว ทำกำไรได้เร็ว จะต้องเป็นโบรกเกอร์ที่ให้ความสำคัญกับการเรียนรู้ในทุกรูปแบบ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ในตลาดหุ้น มีน้อยนัก

สรุป

เทรด Forex กับ หุ้น อันไหนดีกว่ากัน แม้ว่าจะเป็นการลงทุนหรือเก็งกำไรเหมือนกัน ในรายละเอียดลึก ๆ ย่อมแตกต่างกัน ไม่มีอันไหนดีกว่าอันไหน ขึ้นอยู่กับว่า ตลาดไหนที่จะเหมาะกับเทรดเดอร์หรือนักลงทุนมากกว่ากัน

จะเริ่มจากตลาด Forex ในการเทรดสั้น ๆ เพื่อหาเงินมาซื้อหุ้นถือยาว ๆ ก็ไม่ผิดกติกา แต่เทรดเดอร์หรือนักลงทุนจะต้องเรียนรู้ และฝึกฝนกับสิ่งที่เลือกให้มาก ๆ และอยู่ให้ได้ อยู่ให้รอดในตลาด ยืนให้ได้ในระยะยาว มากกว่าหวังรวยภายในหนึ่งวัน จึงจะนับว่าประสบความสำเร็จอย่างแท้จริง

ทุกการลงทุนมีความเสี่ยง แต่การไม่ลงทุน เสี่ยงกว่า…