ทำความรู้จักกับ “ข่าว Non farm ทอง”

“ข่าว Non-Farm ทอง” เป็นคำที่นักเทรดทองคำใช้เรียกช่วงการประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ซึ่งมีผลกระทบโดยตรงต่อราคาทองคำ เรียกได้ว่าเป็นข่าวใหญ่ที่คนเทรดทองต้องจับตามองเป็นพิเศษในทุกๆ เดือน

ที่เราใส่คำว่า “ทอง” ต่อท้าย “Non-Farm” เพราะเป็นการบ่งบอกว่าเรากำลังพูดถึงผลกระทบของข่าวนี้ต่อราคาทองคำโดยเฉพาะ เหมือนเป็นศัพท์เฉพาะที่คนในวงการเทรดทองคำใช้กัน เพราะข่าวนี้เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคาทองขึ้นลงแรงในแต่ละเดือนค่ะ

พูดง่ายๆ ก็คือ เป็นช่วงเวลาที่นักเทรดทองคำทั้งหลายต้องเฝ้าหน้าจอรอดูว่าตัวเลขจ้างงานจะออกมาเป็นอย่างไร เพราะมันจะส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อขายทองคำในทันทีนั่นเอง

ความสัมพันธ์ระหว่าง NFP กับราคาทองคำ

ทุกวันศุกร์แรกของเดือน ตลาดการเงินทั่วโลกจะจับตามองการประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ “ข่าว Non-Farm” อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในตลาดทองคำที่มักจะเห็นความผันผวนของราคาอย่างมีนัยสำคัญในวันประกาศ

ตัวเลข NFP ไม่ใช่แค่ตัวเลขการจ้างงานธรรมดา แต่เป็นเหมือนเทอร์โมมิเตอร์วัดสุขภาพเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และยังเป็นหนึ่งในข้อมูลสำคัญที่ Fed ใช้ประกอบการตัดสินใจนโยบายการเงิน ซึ่งมีผลโดยตรงต่อทิศทางของราคาทองคำอย่างมาก

เมื่อตัวเลข NFP ออกมา “ดีกว่าคาด” ที่ส่งผลต่อราคาทอง

เวลาที่ตัวเลขการจ้างงานออกมาดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ เช่น มีการจ้างงานเพิ่มขึ้นมากกว่า 200,000 ตำแหน่ง หรือมากกว่าตัวเลขคาดการณ์อย่างมีนัยสำคัญ มักจะส่งผลให้:

  • ราคาทองปรับตัวลง เพราะตัวเลขการจ้างงานที่แข็งแกร่งสะท้อนถึงเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่กำลังเติบโต ทำให้นักลงทุนกล้าที่จะเสี่ยงมากขึ้น จึงลดการถือครองทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย
  • เกิดแรงขายทองคำ จากนักลงทุนที่ต้องการนำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า เช่น หุ้น หรือสกุลเงินดิจิทัล
  • ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น เพราะนักลงทุนคาดว่า Fed อาจต้องขึ้นดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเศรษฐกิจไม่ให้ร้อนแรงเกินไป ทำให้ทองคำซึ่งซื้อขายในสกุลดอลลาร์มีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ซื้อที่ใช้สกุลเงินอื่น ส่งผลให้ความต้องการซื้อทองลดลง

2. เมื่อตัวเลข NFP ออกมา “แย่กว่าคาด” ที่ส่งผลต่อราคาทอง

เวลาที่ตัวเลขการจ้างงานออกมาต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ เช่น มีการจ้างงานเพิ่มขึ้นน้อยกว่า 100,000 ตำแหน่ง หรือแย่กว่าตัวเลขคาดการณ์อย่างมีนัยสำคัญ มักส่งผลให้:

  • ราคาทองปรับตัวขึ้น ทั้งนี้เพราะตัวเลขการจ้างงานที่อ่อนแอสะท้อนถึงความเปราะบางของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ทำให้นักลงทุนเริ่มกังวลและมองหาสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำมากขึ้น
  • เงินไหลเข้าตลาดทองคำ เนื่องจากนักลงทุนต้องการกระจายความเสี่ยงและป้องกันพอร์ตการลงทุน โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดหุ้นมีแนวโน้มปรับตัวลงจากความกังวลเรื่องเศรษฐกิจ
  • ดอลลาร์อ่อนค่า เพราะตลาดคาดว่า Fed อาจต้องชะลอการขึ้นดอกเบี้ยหรืออาจต้องลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้ทองคำมีราคาถูกลงสำหรับผู้ซื้อที่ใช้สกุลเงินอื่น ส่งผลให้ความต้องการซื้อทองเพิ่มขึ้นด้วย

ขนาดของผลกระทบระหว่าง ข่าว non farm กับราคาทอง (Gold)

การประกาศตัวเลข Non-Farm หรือข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ นั้น สร้างความผันผวนให้กับราคาทองคำอย่างมีนัยสำคัญในทุกๆ เดือน โดยเฉพาะในช่วง 15-30 นาทีแรกหลังประกาศ ที่ราคาทองอาจพุ่งขึ้นหรือร่วงลงอย่างรวดเร็วถึง 1-2% หรือประมาณ $20-30 ต่อออนซ์ เรียกได้ว่าเป็นช่วงที่นักลงทุนต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด มาดูขนาดแต่ละช่วง มีดังนี้

1. ผลกระทบระยะสั้น (ภายในวันประกาศ)

  • ความผันผวนสูงใน 15-30 นาทีแรก: ช่วงนี้เป็นช่วงที่อันตรายที่สุดสำหรับนักเทรด เพราะราคาทองอาจแกว่งตัวรุนแรงขึ้น-ลงอย่างรวดเร็ว บางครั้งอาจเห็นการเคลื่อนไหวของราคาถึง 1-2% ภายในไม่กี่นาที
  • Spread กว้างขึ้น 2-3 เท่า: โบรกเกอร์มักจะขยาย Spread (ส่วนต่างราคาซื้อ-ขาย) เพื่อป้องกันความเสี่ยง ทำให้ต้นทุนการเทรดสูงขึ้น นักเทรดควรระวังเรื่องนี้เป็นพิเศษ
  • ปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นมาก: จะเห็นปริมาณการซื้อขาย (Volume) พุ่งสูงขึ้นอย่างมาก เพราะทั้งนักลงทุนรายย่อยและสถาบันต่างเข้ามาทำธุรกรรมพร้อมกัน

2. ผลกระทบระยะกลาง (1-2 สัปดาห์)

  • การปรับตัวของราคา: หลังจากความผันผวนในช่วงแรกผ่านไป ราคาทองจะค่อย ๆ ปรับตัวตามการวิเคราะห์และตีความข้อมูลอย่างละเอียดมากขึ้น
  • การคาดการณ์นโยบาย Fed: ตลาดจะเริ่มประเมินว่าตัวเลข NFP จะส่งผลต่อการตัดสินใจของ Fed อย่างไร เช่น โอกาสในการขึ้นหรือลดดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไป
  • การปรับพอร์ตของนักลงทุนสถาบัน: กองทุนขนาดใหญ่มักจะทยอยปรับพอร์ตการลงทุนตามผลกระทบที่คาดว่าจะเกิดขึ้น ซึ่งอาจใช้เวลาหลายวันหรือหลายสัปดาห์

3. ผลกระทบระยะยาว

  • การกำหนดเทรนด์หลัก: ตัวเลข NFP ที่ออกมาต่อเนื่องหลายเดือนจะมีส่วนสำคัญในการกำหนดทิศทางหลักของราคาทองคำ เช่น ถ้าตัวเลขการจ้างงานแข็งแกร่งต่อเนื่อง 3-4 เดือน อาจทำให้ราคาทองอยู่ในเทรนด์ขาลง เพราะตลาดคาดว่า Fed จะคงนโยบายการเงินที่เข้มงวด
  • ผลต่อดอกเบี้ยระยะยาว: การคาดการณ์ทิศทางดอกเบี้ยในระยะ 6-12 เดือนข้างหน้าจะถูกปรับเปลี่ยนตามแนวโน้มของตัวเลขการจ้างงาน ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อต้นทุนการถือครองทองคำ
  • ความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจ: ตัวเลข NFP เป็นตัวบ่งชี้สำคัญของสุขภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯ การเปลี่ยนแปลงของตัวเลขนี้จะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนในระยะยาว และกระทบต่อการตัดสินใจลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ รวมถึงทองคำ

ทำไมถึงสำคัญมาก?

พี่ ๆ เคยสงสัยไหมคะว่าทำไมนักลงทุนทองคำทั่วโลกถึงให้ความสำคัญกับตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ มากขนาดนี้? เพราะเมื่อตัวเลขนี้ออกมา มันไม่เพียงแต่บอกว่ามีคนได้งานทำเพิ่มขึ้นหรือตกงานเพิ่มขึ้นเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่อทั้งนโยบายการเงิน อัตราดอกเบี้ย ค่าเงินดอลลาร์ และที่สำคัญที่สุดคือราคาทองคำ มาดูกันว่าทำไมข่าวนี้ถึงสำคัญนักสำหรับนักลงทุนทองคำ

เป็นตัวบ่งชี้สุขภาพเศรษฐกิจที่ทรงพลัง

  • NFP ครอบคลุมการจ้างงาน 80% ของประเทศ
  • สะท้อนกำลังซื้อและการบริโภคของประชาชน
  • บ่งบอกทิศทางเศรษฐกิจในอนาคต
  • เวลาคนมีงานทำมากขึ้น นั่นหมายถึง มีรายได้เข้าประเทศมากขึ้น มีกำลังซื้อในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น และธุรกิจมีความเชื่อมั่นและกล้าจ้างคนเพิ่มด้วย
  • มีผลโดยตรงต่อนโยบายของ Fed
  • เรื่องนี้สำคัญมากๆ เพราะ Fed ใช้ตัวเลข NFP เป็นหนึ่งในข้อมูลหลักในการตัดสินใจเรื่องดอกเบี้ย
  • ดอกเบี้ยมีผลโดยตรงต่อต้นทุนการถือทอง
  • นโยบาย Fed มีผลต่อค่าเงินดอลลาร์ซึ่งกระทบราคาทอง
  • ถ้าการจ้างงานดี: Fed มีแนวโน้มขึ้นดอกเบี้ยหรือคงดอกเบี้ยสูง แล้วทองคำจะถูกกดดัน เพราะต้นทุนการถือครองสูงขึ้น ทำให้นักลงทุนอาจขายทองไปลงทุนในสินทรัพย์ที่ได้ดอกเบี้ยแทน
  • ถ้าการจ้างงานแย่: Fed อาจต้องลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แล้วทองคำจะได้ประโยชน์ เพราะต้นทุนการถือครองลดลง อาจส่งผลให้นักลงทุนมักหันมาถือทองเพื่อป้องกันความเสี่ยง

กระทบความเชื่อมั่นทั่วโลก

  • เป็นตัวชี้วัดความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐฯ เพราะสหรัฐฯ เป็นเหมือนหัวจักรของเศรษฐกิจโลก
  • มีผลต่อการตัดสินใจลงทุนของนักลงทุนทั่วโลก
  • ตัวเลขดี: สร้างความเชื่อมั่นให้ตลาดทั่วโลก
  • ตัวเลขแย่: กระทบความเชื่อมั่นในวงกว้าง
  • กระทบ Sentiment ของตลาดโดยรวม

กลยุทธ์การเทรดทองคำในวันประกาศ NFP

1. การเตรียมตัวก่อนประกาศ

  • ติดตามการคาดการณ์จากสำนักวิเคราะห์ชั้นนำอย่างน้อย 5-10 แห่ง
  • คำนวณค่าเฉลี่ยของการคาดการณ์ (Consensus Forecast)
  • สังเกตช่วงการคาดการณ์ (Range) เช่น ถ้านักวิเคราะห์คาดการณ์ตั้งแต่ 150,000 – 250,000 ตำแหน่ง แสดงว่ามีความไม่แน่นอนสูง

การเปรียบเทียบกับข้อมูลในอดีต

  • ดูตัวเลขจริงย้อนหลัง 3 เดือน
  • เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
  • วิเคราะห์ความแตกต่างระหว่างตัวเลขคาดการณ์กับตัวเลขจริงในอดีต

การวิเคราะห์แนวโน้ม

  • ศึกษาทิศทางการจ้างงานในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา
  • คำนวณค่าเฉลี่ยการจ้างงาน 3 เดือนและ 6 เดือน
  • ระบุจุดสูงสุด-ต่ำสุดของการจ้างงานในรอบปี

การดูการปรับประมาณการ

  • ดูขนาดของการปรับแก้ตัวเลขย้อนหลัง (มักมีการปรับ 2 เดือนล่าสุด)
  • สังเกตรูปแบบการปรับแก้ เช่น ถ้ามีการปรับขึ้นติดต่อกัน 3 เดือน อาจบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจกำลังแข็งแกร่งกว่าที่คิด
  • คำนวณค่าเฉลี่ยของการปรับแก้ในรอบ 6 เดือน

การประเมินผลกระทบ

  • วิเคราะห์ว่าการปรับแก้กระทบต่อแนวโน้มโดยรวมอย่างไร
  • ดูว่าภาคส่วนไหนมีการปรับแก้มากที่สุด
  • ประเมินผลต่อนโยบายการเงินของ Fed

การวางแผนรับมือเตรียมแผนการเทรด 2 สถานการณ์

กรณีที่ 1 คือ ตัวเลขดีกว่าคาด:

  • เตรียมจุดขายทองที่แนวต้านสำคัญ (เช่น เหนือราคาปัจจุบัน 1%, 2% และ 3%)
  • กำหนดจุดเข้าซื้อถ้าเกิด False Break
  • ระบุระดับราคาที่อาจเกิด Stop Hunt
  • วางแผนรับมือกรณีที่ดอลลาร์แข็งค่าแรง

กรณีที่ 2 คือ กรณีตัวเลขแย่กว่าคาด:

  • เตรียมจุดซื้อทองที่แนวรับสำคัญ
  • ระบุระดับที่ราคาอาจดีดตัวกลับ
  • กำหนดเป้าหมายกำไรเป็นช่วงๆ
  • วางแผนเพิ่มสถานะถ้าทิศทางชัดเจน

การกำหนดจุด Stop Loss และ Take Profit

Stop Loss:

  • ตั้งไว้ห่างจากจุดเข้า 5-2 เท่าของความผันผวนปกติ
  • ถ้าปกติทองผันผวน $10 ต่อวัน ให้ตั้ง Stop Loss ห่าง $15-20
  • พิจารณาระดับ Support/Resistance สำคัญประกอบ
  • ใช้ ATR (Average True Range) ช่วยคำนวณ

Take Profit:

  • ตั้งหลายระดับ เช่น TP1: Risk:Reward = 1:1, TP2 = 1:2, TP3 = 1:3
  • สอดคล้องกับแนวต้าน/แนวรับทางเทคนิค
  • คำนึงถึงความผันผวนเฉลี่ยในวันประกาศ NFP (มักอยู่ที่ $20-30)

การคำนวณขนาดการเทรด

การจัดสรรเงินทุน

  • ใช้ไม่เกิน 2-3% ของพอร์ตต่อการเทรด 1 ครั้ง
  • แบ่งเงินเป็น 3-4 ส่วนสำหรับทยอยเข้า
  • สำรองเงินไว้อย่างน้อย 30% สำหรับโอกาสที่อาจเกิดขึ้น

การคำนวณ Position Size

  • ตัวอย่าง: พอร์ต $10,000
  • Risk ต่อเทรด 2% = $200
  • Stop Loss = $20
  • Position Size = ($200/$20) = 10 ออนซ์

2. ระหว่างประกาศ

  • การปรับลดขนาด Position ลดเหลือ 30-50% ของขนาดปกติ
  • ตัวอย่าง: ถ้าปกติเทรด 1 lot ให้ลดเหลือ 3-0.5 lot
  • ถ้าใช้หลายจุดเข้า ให้แบ่งขนาดให้เท่าๆ กัน

การจัดสรรเงินทุน

  • แบ่งเป็น 3-4 ส่วนเท่าๆ กัน
  • ส่วนที่ 1: 30% สำหรับจังหวะแรก
  • ส่วนที่ 2: 30% เมื่อทิศทางชัดเจน
  • ส่วนที่ 3: 40% สำหรับเพิ่มสถานะหรือทำกำไร

3.การตั้ง Stop Loss ในวันประกาศ NFP

  • การคำนวณระยะ Stop Loss ปกติถ้าทองผันผวนวันละ $10-15 ในวันประกาศต้องขยายเป็น $20-45
  • ตัวอย่างการคำนวณ
    • ATR ปกติ = $12
    • คูณด้วย 2.5 เท่า = $30 (ระยะ Stop Loss ขั้นต่ำที่ควรตั้ง)
    • อาจเพิ่มเป็น $35-40 ในกรณีที่คาดว่าตลาดจะผันผวนมาก

การป้องกัน Stop Hunt

  • หลีกเลี่ยงการตั้ง Stop ที่ระดับกลมๆ เช่น $1,900, $1,850
  • ไม่ตั้ง Stop ใกล้แนวรับ/แนวต้านที่เห็นชัดเจนเกินไป
  • ตัวอย่างเช่น ถ้าแนวรับอยู่ที่ $1,880 อาจตั้ง Stop ที่ $1,873 หรือ $1,868
  • ใช้ Hidden Stop Loss (ตั้งในใจแต่ไม่ใส่ในระบบ) ในช่วง 5-10 นาทีแรก

การใช้ Trailing Stop

  • เริ่มใช้หลังราคาเคลื่อนไหวในทิศทางที่ต้องการ 5 เท่าของ Stop เริ่มต้น
  • ตัวอย่าง: Stop เริ่มต้น $30
    • เริ่ม Trail เมื่อกำไร $45
    • ระยะ Trail = $20-25 (แคบกว่า Stop เริ่มต้น)
    • ปรับทุก $15-20 เคลื่อนไหว

4.การระวัง Slippage

  • การประเมิน Slippage ที่อาจเกิดขึ้น ในช่วง 1-2 นาทีแรกหลังประกาศ Slippage อาจสูงถึง $5-10 ต่อออนซ์
  • 5-15 นาทีถัดมา อาจมี Slippage $2-5 ต่อออนซ์
  • หลัง 30 นาที Slippage มักลดลงเหลือ $1-2 ต่อออนซ์

การใช้คำสั่งซื้อขายแบบมีเงื่อนไข

  • Limit Orders:
    • ใช้เมื่อต้องการราคาที่แน่นอน
    • ตั้งห่างจากราคาตลาด 0.5-1%
    • ยอมรับความเสี่ยงที่อาจไม่ได้เข้าเทรด
  • Stop Limit Orders:
    • กำหนดช่วงราคาที่ยอมรับได้
    • ตัวอย่าง: Stop ที่ $1,900 Limit ที่ $1,903
    • ป้องกันการเข้าในราคาที่แย่เกินไป

ช่วงเวลาที่ควรหลีกเลี่ยง

  • 0-5 นาทีแรกหลังประกาศ (Slippage สูงสุด)
  • ช่วงที่มีการประกาศตัวเลขอื่นๆ พร้อมกัน
  • เวลาที่ Spread กว้างกว่า 3 เท่าของปกติ

5.เทคนิคลด Slippage

  • ใช้โบรกเกอร์ที่มี Deep Liquidity
  • แบ่งคำสั่งใหญ่เป็นคำสั่งย่อยๆ
  • รอให้ Spread เริ่มแคบลงก่อนเข้าเทรด
  • ใช้ Time-Weighted Average Price (TWAP) ในการเข้าสถานะ

การจัดการหลังประกาศ NFP

1. การรอให้ตลาดสงบ

  • 15-30 นาทีแรก
    • ราคามักผันผวนสูง Spread กว้าง 2-3 เท่า
    • Volume การซื้อขายพุ่งสูง 5-10 เท่าของปกติ
    • ควรใช้เวลานี้สังเกตการณ์และวิเคราะห์
  • 30-60 นาที
    • ตลาดเริ่มมีทิศทางชัดเจนขึ้น
    • Spread เริ่มกลับสู่ปกติ
    • สามารถเริ่มพิจารณาเข้าเทรดได้

การสังเกตทิศทางราคา

  • ดูการ Break แนวรับ/แนวต้านสำคัญ
  • สังเกต Candlestick Patterns ที่บ่งชี้ทิศทาง
  • ตรวจสอบว่าราคาอยู่เหนือ/ใต้ Moving Average สำคัญ

การประเมิน Volume

  • ดู Volume เฉลี่ย 5 นาที เทียบกับค่าปกติ
  • สังเกตการลดลงของ Volume สู่ระดับปกติ
  • ตรวจสอบ Volume Profile ในแต่ละระดับราคา

2. การทยอยเข้า-ออก

  • การแบ่งเงินลงทุน
  • ส่วนที่ 1 (30%)
    • เข้าเมื่อเห็นสัญญาณแรก
    • Stop Loss กว้างกว่าปกติ 2 เท่า
    • Take Profit ที่แนวต้าน/แนวรับแรก
  • ส่วนที่ 2 (40%)
    • เข้าหลังทิศทางชัดเจน
    • Stop Loss แคบลงตามสถานการณ์
    • Take Profit ที่เป้าหมายถัดไป
  • ส่วนที่ 3 (30%)
    • เก็บไว้เผื่อโอกาสพิเศษ
    • อาจใช้เพิ่มสถานะหรือ Counter Trade

การทยอยปิดกำไร

  • Take Profit 1 (40% ของสถานะ)
    • ที่ 1:1 R:R
    • ปิดเมื่อถึงแนวต้าน/แนวรับแรก
  • Take Profit 2 (30% ของสถานะ)
    • ที่ 1.5:1 หรือ 2:1 R:R
    • ย้าย Stop Loss เป็น Break Even
  • Take Profit 3 (30% ที่เหลือ)
    • ใช้ Trailing Stop
    • ปล่อยวิ่งตามเทรนด์

สรุป

สำหรับพี่ๆผู้ที่สนใจลงทุนในทองคำ แนะนำให้ทำความเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างข่าว Non-Farm กับราคาทองคำก่อนเพราะเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลย เนื่องจากข่าวนี้ไม่ใช่แค่ตัวเลขการจ้างงานธรรมดา แต่เป็นตัวบ่งชี้สำคัญที่ส่งผลกระทบต่อทั้งนโยบายการเงิน ค่าเงินดอลลาร์ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งราคาทองคำ

การเข้าใจความสัมพันธ์แบบผกผันระหว่าง NFP กับราคาทอง จะช่วยให้นักลงทุนสามารถคาดการณ์ทิศทางและเตรียมพร้อมรับมือกับความผันผวนที่อาจเกิดขึ้นได้ดียิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดคือการบริหารความเสี่ยงที่ดี โดยเฉพาะในช่วงวันประกาศที่ราคาอาจเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงในเวลาอันรวดเร็ว

ดังนั้น พี่ๆนักลงทุนทองคำจึงควรติดตามข่าว NFP อย่างใกล้ชิดทุกเดือน วางแผนการลงทุนให้รอบคอบ และมีกลยุทธ์การบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสม เพื่อที่จะสามารถใช้ประโยชน์จากความผันผวนของราคาในการสร้างผลตอบแทน และป้องกันพอร์ตการลงทุนจากความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพนั้นเอง