รูปแบบแท่งเทียน Hanging Man Candlestick Pattern คืออะไร?

รูปแบบแท่งเทียน Hanging Man คือ รูปแบบแท่งเทียนที่ส่งสัญญาณการกลับตัวเป็นขาลง (Bearish Reversal Pattern) โดยมักจะเกิดขึ้น ณ จุดสูงสุดของแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) เพื่อเตือนว่าแรงซื้อกำลังจะหมดลง และตลาดอาจเปลี่ยนทิศทางเป็นขาลง

ความเป็นมาของชื่อเรียกรูปแบบแท่งเทียน “Hanging Man” มาจากการเปรียบเทียบรูปลักษณ์ของแท่งเทียนกับภาพที่สื่อความหมายได้อย่างชัดเจน มาจากลักษณะทางกายภาพของแท่งเทียนที่ดู “คล้ายกับคนแขวนคอซึ่งมีขาทั้งสองข้างห้อยลงมา” ภาพลักษณ์ดังกล่าวถูกนำมาใช้เป็นสัญลักษณ์เพื่อเตือนถึงสภาวะตลาดที่อันตรายและเป็นสัญญาณของการสิ้นสุดแนวโน้มขาขึ้น

Hanging Man เป็นรูปแบบการกลับตัวที่เป็นขาลง (Bearish) ไม่ใช่ขาขึ้น (Bullish) โดยจะเกิดขึ้นที่จุดสูงสุดของแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) เพื่อส่งสัญญาณเตือนว่าแนวโน้มขาขึ้นนั้นอาจกำลังจะสิ้นสุดลง

ความหมายและจิตวิทยา

Hanging Man สะท้อนให้เห็นถึงสภาวะตลาดที่แม้ว่าแรงซื้อจะสามารถดันราคากลับขึ้นมาปิดใกล้เคียงกับราคาเปิดได้ แต่การที่ราคาเคยถูกเทขายอย่างหนักจนเกิดไส้เทียนล่างที่ยาวนั้น เป็นสัญญาณเตือนว่า แรงขายได้เริ่มเข้ามาในตลาดแล้ว และแรงซื้อที่เคยควบคุมตลาดมาตลอดเริ่มอ่อนกำลังลง ซึ่งเป็นสัญญาณแรกของการสิ้นสุดแนวโน้มขาขึ้น

องค์ประกอบสำคัญของรูปแบบ Hanging Man Candlestick Pattern

  • ลำตัวเล็ก (Small Body): มีลำตัวของแท่งเทียนขนาดเล็กอยู่บริเวณด้านบนของช่วงราคา
  • ไส้เทียนล่างยาว (Long Lower Shadow): มีไส้เทียนด้านล่างที่ยาวกว่าขนาดของลำตัวอย่างน้อย 2-3 เท่า ซึ่งแสดงให้เห็นว่าในระหว่างช่วงเวลาการซื้อขายนั้น ราคาเคยถูกแรงขายกดลงไปต่ำมาก แต่มีแรงซื้อเข้ามาดันราคากลับขึ้นมาได้สำเร็จ
  • ไส้เทียนบนสั้นหรือไม่มีเลย (Little to No Upper Shadow): มีไส้เทียนด้านบนที่สั้นมากหรือไม่มีเลย
  • สีของแท่งเทียน: สีของลำตัวอาจเป็นสีเขียว (ราคาปิดสูงกว่าราคาเปิด) หรือสีแดง (ราคาปิดต่ำกว่าราคาเปิด) ก็ได้ แต่แท่งเทียนสีเขียวจะให้สัญญาณขาขึ้นที่แข็งแกร่งกว่าเล็กน้อย

ลักษณะของรูปแบบ Hanging Man Candlestick Pattern

Bearish

รูปแบบแท่งเทียนที่บ่งชี้ถึงการกลับตัวเป็นขาลง (Bearish Reversal) โดยจะเกิดขึ้น ณ จุดสูงสุดของแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) เพื่อเป็นสัญญาณเตือนว่าแรงซื้อกำลังอ่อนแอและตลาดอาจเปลี่ยนทิศทางเป็นขาลง และรูปแบบ Hanging Man ถูกจัดว่าเป็น สัญญาณ Bearish (ขาลง) เพียงอย่างเดียวเท่านั้น

  • ลักษณะสำคัญที่สุดคือ ไส้เทียนด้านล่างที่ยาว (Long Lower Shadow) ซึ่งบ่งบอกว่าในช่วงเวลานั้น มีแรงขายเข้ามาอย่างหนักจนสามารถกดดันราคาให้ร่วงลงไปได้อย่างมีนัยสำคัญ
  • แม้ว่าในท้ายที่สุดแรงซื้อจะสามารถดันราคากลับขึ้นมาปิดใกล้กับราคาเปิดได้ (ทำให้เกิด ลำตัวเทียนขนาดเล็ก ที่ด้านบน) แต่การเกิดแรงขายที่รุนแรงระหว่างวันนั้นถือเป็นสัญญาณเตือนภัยแรกที่แสดงให้เห็นว่าผู้ขาย (Bears) เริ่มมีอำนาจมากขึ้น
  • เป็นภาพสะท้อนของตลาดที่ผู้ซื้อ (Bulls) เริ่มสูญเสียการควบคุม และแรงกดดันฝั่งขายกำลังเข้ามาแทนที่

การยืนยันสัญญาณ

  • Hanging Man เป็นเพียงสัญญาณเตือนถึงความเป็นไปได้ที่จะเกิดการกลับตัว
  • นักลงทุนส่วนใหญ่มักจะรอ “การยืนยัน” จากแท่งเทียนถัดไป เช่น แท่งเทียนถัดไปเป็นแท่งสีแดงที่ปิดต่ำกว่าราคาปิดของแท่ง Hanging Man เพื่อยืนยันว่าแนวโน้มได้เปลี่ยนเป็นขาลงแล้วจริงๆ ก่อนที่จะตัดสินใจเข้าทำธุรกรรม

สีของแท่งเทียนบอกความรุนแรงของสัญญาณ

  • Hanging Man สีแดง (ราคาปิดต่ำกว่าราคาเปิด): เป็นสัญญาณ Bearish ที่แข็งแกร่งกว่า เพราะแสดงให้เห็นว่าในตอนท้ายของวัน แรงขายสามารถเอาชนะแรงซื้อและกดราคาให้ปิดต่ำกว่าราคาเปิดได้
  • Hanging Man สีเขียว (ราคาปิดสูงกว่าราคาเปิด): ยังคงเป็นสัญญาณ Bearish แต่มีความรุนแรงน้อยกว่า มันบ่งชี้ว่าแม้จะมีความพยายามซื้อกลับเข้ามาจนปิดบวกได้ แต่แรงขายที่เกิดขึ้นระหว่างวันก็ยังคงเป็นเรื่องที่น่ากังวล

Hammer กับ Hanging Man Candlestick Pattern ต่างกันอย่างไร?

Hammer กับ Hanging Man หน้าตาเหมือนกันเป๊ะ แต่ความหมายตรงข้ามกันเลย และแม้ว่ารูปร่างของแท่งเทียนจะเหมือนกัน แต่ “ตำแหน่งที่เกิด” คือกุญแจสำคัญที่สุดในการตีความและแยกแยะความแตกต่างระหว่าง Hammer และ Hanging Man

  • เหมือนกัน: รูปร่างเหมือนค้อน (ลำตัวเล็กอยู่บน, ไส้เทียนล่างยาว)
  • ต่างกัน: อยู่ที่ “ตำแหน่งที่เกิด”
  • Hammer (ค้อน): เกิดตอน ตลาดกำลังลง เป็นสัญญาณ “จะขึ้น” (Bullish)
  • Hanging Man (คนแขวนคอ): เกิดตอน ตลาดกำลังขึ้น เป็นสัญญาณ “จะลง” (Bearish)

คลิปที่น่าสนใจ

ชื่อวิดีโอ: Hanging Man Candlestick Pattern Master the Hanging Man Pattern (In JUST 4 Minutes) URL:

  • นาที 00:07 – ผู้บรรยายกล่าวว่า Hanging Man คือรูปแบบการกลับตัวเป็นขาลง (Bearish Reversal)
  • นาที 00:15 – พูดถึงวิธีการระบุลักษณะของแท่งเทียน Hanging Man
  • นาที 00:39 – อธิบายถึงความแตกต่างระหว่าง Hanging Man และ Hammer
  • นาที 00:57 – อธิบายลักษณะทางกายภาพของ Hanging Man ว่ามีลำตัวเล็ก และมีไส้เทียนด้านล่างที่ยาวอย่างน้อย 2 เท่าของลำตัว
  • นาที 01:43 – ย้ำอีกครั้งว่า Hanging Man เป็นรูปแบบที่บ่งชี้การกลับตัวเป็นขาลง
  • นาที 02:06 – ระบุเงื่อนไขที่สำคัญที่สุดว่า Hanging Man จะต้องปรากฏตัวหลังจากช่วงที่เป็นแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) เท่านั้น
  • นาที 02:49 – เริ่มแสดงตัวอย่างของ Hanging Man ที่เกิดขึ้นจริงบนกราฟราคา
  • นาที 03:13 – อธิบายเรื่องสีของแท่งเทียนว่าสามารถเป็นได้ทั้งสีแดงและสีเขียว แต่แท่งสีแดงจะให้สัญญาณขาลงที่ชัดเจนและแข็งแกร่งกว่า

สรุป

Hanging Man ไม่ใช่เป็นเพียงแค่รูปแบบแท่งเทียน แต่เปรียบเสมือน “สัญญาณเตือนภัย” ที่ปรากฏขึ้น ณ จุดสูงสุดของแนวโน้มขาขึ้น เพื่อส่งสารอย่างเงียบๆ ว่า “งานเลี้ยงอาจใกล้จะเลิกแล้ว” มันคือภาพสะท้อนของการต่อสู้ที่ดุเดือด ซึ่งแม้ว่าแรงซื้อจะยังคงพยายามพยุงราคาไว้ แต่รอยร้าวแรกของแนวโน้มขาขึ้นก็ได้ปรากฏขึ้นแล้ว

Hanging Man ไม่ได้อยู่ที่ลำตัวเทียนขนาดเล็กที่อยู่ด้านบน แต่อยู่ที่ “ไส้เทียนด้านล่างที่ยาวเหยียด” ไส้เทียนนี้บอกเล่าเรื่องราวว่า ในระหว่างวันนั้นมีแรงขายมหาศาลเทลงมาจนสามารถทุบราคาให้ร่วงลงไปได้อย่างน่าตกใจ แม้ท้ายที่สุดแรงซื้อจะฮึดสู้กลับมาดันราคาให้ปิดสูงขึ้นได้ แต่การที่แรงขายสามารถแสดงพลังได้ขนาดนั้น คือสัญญาณที่ชัดเจนว่า ผู้ซื้อเริ่มสูญเสียการควบคุมตลาดแล้ว

สิ่งสำคัญที่สุดที่ต้องจดจำคือ บริบทสำคัญกว่ารูปร่าง แท่งเทียนลักษณะนี้จะถูกเรียกว่า Hanging Man ก็ต่อเมื่อมันปรากฏตัวหลังแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่งเท่านั้น เพราะหากแท่งเทียนหน้าตาเดียวกันนี้ไปปรากฏที่จุดต่ำสุดของแนวโน้มขาลง มันจะกลายเป็น “Hammer” ซึ่งเป็นสัญญาณกลับตัวเป็นขาขึ้นในทันที

แหล่งอ้างอิง

FAQ — รูปแบบแท่งเทียน Hanging Man Candlestick Pattern

เพราะ Hanging Man เป็นเพียงสัญญาณเตือน ไม่ใช่การยืนยันการกลับตัว 100% สัญญาณอาจล้มเหลวในตลาดที่ผันผวน ดังนั้นจึงควรรอแท่งเทียนยืนยันในวันถัดไป หรือใช้ร่วมกับอินดิเคเตอร์อื่นเพื่อเพิ่มความแม่นยำและลดความเสี่ยง
แม้ลำตัวจะเป็นสีเขียว แต่หัวใจสำคัญของ Hanging Man คือไส้เทียนล่างที่ยาว ซึ่งสะท้อนถึงแรงขายมหาศาลที่เกิดขึ้นระหว่างวัน การที่แรงซื้อทำได้เพียงดันราคากลับมาปิดบวกเล็กน้อย แสดงให้เห็นถึงความอ่อนแอเมื่อเทียบกับแรงขายที่เกิดขึ้น
จุดแตกต่างสำคัญที่สุดคือ “บริบทของแนวโน้ม” ที่เกิดขึ้นก่อนหน้า Hanging Man จะต้องเกิดหลังแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) เพื่อเป็นสัญญาณ Bearish ในขณะที่ Hammer จะเกิดหลังแนวโน้มขาลง (Downtrend) และเป็นสัญญาณ Bullish
Volume มีความสำคัญอย่างยิ่ง Volume ที่สูงขึ้นในวันที่เกิด Hanging Man บ่งชี้ว่ามีการซื้อขายอย่างหนักและมีการต่อสู้กันอย่างรุนแรง ซึ่งช่วยยืนยันว่าการกลับตัวของแนวโน้มนั้นอาจมีความน่าเชื่อถือและมีนัยสำคัญมากขึ้น
โดยทั่วไป รูปแบบที่เกิดใน Timeframe ที่สูงกว่า เช่น กราฟรายวัน จะมีความน่าเชื่อถือมากกว่า เพราะมันสะท้อนจิตวิทยาของตลาดในภาพรวมที่ใหญ่กว่าและกรองสัญญาณรบกวนระยะสั้นออกไป การเกิด Hanging Man ในกราฟรายวันจึงมักจะมีนัยสำคัญมากกว่าในกราฟรายชั่วโมง

 

เขียนโดย

Pakornkiat Poonsuk

ผู้ตรวจทานความถูกต้อง

Chatchawal Nakcharoen