รูปแบบแท่งเทียน High Wave Candlesticks คืออะไร?

รูปแบบแท่งเทียน High Wave คือ สัญญาณที่บ่งบอกถึง “ความลังเล” หรือความไม่แน่นอนอย่างรุนแรงในตลาด ปรากฏเป็นแท่งเทียนที่มี ลำตัว (Body) สั้น แต่มี ไส้เทียน (Shadows) ทั้งบนและล่างที่ยาวมาก ซึ่งแสดงให้เห็นว่าในระหว่างวันมีการต่อสู้กันอย่างดุเดือดระหว่างแรงซื้อและแรงขาย แต่สุดท้ายกลับมาปิดที่ราคาใกล้เคียงกับราคาเปิด ทำให้ไม่มีฝั่งใดเป็นผู้ชนะอย่างชัดเจน

แท่งเทียน High Wave Candlesticks เป็นได้ทั้งสัญญาณ ขาลง (Bearish) และ ขาขึ้น (Bullish) เนื่องจากเป็นรูปแบบที่บ่งบอกถึง “ความลังเล” หรือ ความไม่แน่นอนอย่างรุนแรงในตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเกิดขึ้นในช่วงท้ายของแนวโน้มใดแนวโน้มหนึ่งนั้นเอง

ความเป็นมา

High Wave เป็นหนึ่งในรูปแบบแท่งเทียนที่มีต้นกำเนิดมาจากการวิเคราะห์ราคาข้าวของญี่ปุ่นในศตวรรษที่ 18 โดย Munehisa Homma ซึ่งถือเป็นบิดาแห่งกราฟแท่งเทียน เทคนิคเหล่านี้ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อจับอารมณ์และจิตวิทยาของตลาด ไม่ใช่แค่การดูราคาเพียงอย่างเดียว

ความหมายทางจิตวิทยา

รูปแบบ High Wave สะท้อนถึงภาวะที่ตลาดกำลังสับสนอย่างหนัก:

  • ไส้เทียนด้านบนที่ยาว หมายถึง ในช่วงหนึ่งแรงซื้อ (กระทิง) พยายามผลักดันราคาขึ้นไปอย่างแข็งแกร่ง
  • ไส้เทียนด้านล่างที่ยาว หมายถึง ในอีกช่วงหนึ่งแรงขาย (หมี) ก็เข้ามาทุบราคาลงไปอย่างรุนแรงเช่นกัน
  • ลำตัวที่สั้น คือ บทสรุปของการต่อสู้ที่ไม่มีใครชนะ ทั้งสองฝ่ายหมดแรงและกลับมาสู่จุดเริ่มต้น

องค์ประกอบสำคัญของรูปแบบ High Wave Candlesticks 

องค์ประกอบสำคัญของรูปแบบแท่งเทียน High Wave มีอยู่ 3 ส่วนหลักที่ต้องพิจารณาร่วมกัน ซึ่งแต่ละส่วนจะบอกเล่าเรื่องราวทางจิตวิทยาของตลาดที่เกิดขึ้นในวันนั้นได้อย่างละเอียด

1. ลำตัวแท่งเทียนที่สั้นและเล็ก (Small Real Body)

  • “ลำตัว” (Body) คือ ส่วนที่เป็นทึบสีเขียวหรือแดง ซึ่งแสดงระยะห่างระหว่างราคาเปิดและราคาปิด การที่ลำตัว “สั้นและเล็ก” หมายความว่า ราคาปิดนั้นอยู่ใกล้เคียงกับราคาเปิดมาก แทบจะไม่แตกต่างกันเลย
  • ความหมายเชิงลึก: แม้ว่าในระหว่างวันราคาจะเหวี่ยงขึ้นลงอย่างรุนแรง (ซึ่งจะอธิบายในข้อต่อไป) แต่สุดท้ายเมื่อสิ้นสุดวัน ตลาดก็กลับมาสู่จุดสมดุลเดิม มันคือภาพสะท้อนของ ภาวะที่ตลาดหาทิศทางไม่เจอ ทั้งฝั่งซื้อ (กระทิง) และฝั่งขาย (หมี) ไม่มีใครคุมเกมได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด สีของลำตัว (เขียวหรือแดง) จึงมีความสำคัญน้อยกว่าขนาดที่เล็กของมัน

2. ไส้เทียนด้านบนที่ยาว (Long Upper Shadow)

  • คำอธิบาย: “ไส้เทียนด้านบน” (Upper Shadow) คือเส้นที่ลากจากด้านบนของลำตัวขึ้นไปหาจุดสูงสุดของวัน การที่ไส้เทียนนี้ “ยาว” (โดยทั่วไปยาวกว่าลำตัว 2-3 เท่า) หมายความว่า ในระหว่างวันมีแรงซื้อเข้ามาอย่างมหาศาล
  • ความหมายเชิงลึก: ณ จุดสูงสุดของวัน ฝั่งกระทิงเคยมีความหวังและสามารถผลักดันราคาขึ้นไปได้สูงมาก แต่สุดท้ายก็ ไม่สามารถรักษาโมเมนตัมไว้ได้ และถูกแรงขายตบกลับลงมาอย่างแรงจนมาปิดใกล้ราคาเปิด มันคือร่องรอยของ “การขึ้นที่ไม่สำเร็จ”

3. ไส้เทียนด้านล่างที่ยาว (Long Lower Shadow)

  • คำอธิบาย: “ไส้เทียนด้านล่าง” (Lower Shadow) คือเส้นที่ลากจากด้านล่างของลำตัวลงไปหาจุดต่ำสุดของวัน การที่ไส้เทียนนี้ “ยาว” เช่นกัน แสดงว่า ในระหว่างวันก็เคยมีแรงขายที่รุนแรงมาก เช่นกัน
  • ความหมายเชิงลึก: ณ จุดต่ำสุดของวัน ฝั่งหมีเคยควบคุมสถานการณ์และทุบราคาลงไปได้ต่ำมาก แต่ก็ ไม่สามารถกดดันตลาดได้ตลอดรอดฝั่ง และถูกแรงซื้อดันกลับขึ้นมาอย่างแข็งแกร่ง มันคือร่องรอยของ “การลงที่ไม่สำเร็จ”

ลักษณะของรูปแบบ High Wave Candlesticks

ลักษณะ Bullish (สัญญาณกลับตัวเป็นขาขึ้น)

รูปแบบ High Wave จะเป็นสัญญาณ Bullish เมื่อเกิดขึ้นในช่วงท้ายของ แนวโน้มขาลง (Downtrend) โดยเฉพาะเมื่อเกิดใกล้กับแนวรับที่สำคัญ

คำอธิบายและจิตวิทยา

  • สถานการณ์: ตลาดอยู่ในภาวะขาลงมาอย่างต่อเนื่อง แรงขาย (หมี) ควบคุมตลาดได้อย่างสมบูรณ์ นักลงทุนส่วนใหญ่กำลังสิ้นหวัง
  • การปรากฏของ High Wave: แท่งเทียนนี้คือสัญญาณแรกที่บอกว่า “สงครามได้เริ่มขึ้นแล้ว”
  • ไส้เทียนล่างที่ยาว แสดงให้เห็นว่า แม้แรงขายจะพยายามทุบราคาลงไปทำจุดต่ำสุดใหม่ แต่กลับถูกแรงซื้อ (กระทิง) ที่ซุ่มรออยู่ดันกลับขึ้นมาอย่างรุนแรงเป็นครั้งแรก
  • ไส้เทียนบนที่ยาว แสดงว่าฝั่งซื้อก็พยายามดันราคาขึ้น แต่ก็ยังถูกแรงขายที่เหลืออยู่ตบกลับลงมาเช่นกัน
  • อำนาจเบ็ดเสร็จของฝั่งขายได้ “จบลงแล้ว” แม้จะยังไม่มีผู้ชนะที่ชัดเจน แต่การที่แรงซื้อสามารถต่อสู้กลับขึ้นมาได้อย่างทัดเทียม สร้างความไม่มั่นใจให้กับฝั่งขาย และปลุกความหวังให้ฝั่งซื้อว่า “จุดต่ำสุด” อาจอยู่ใกล้แค่เอื้อม

ลักษณะ Bearish (สัญญาณกลับตัวเป็นขาลง)

รูปแบบ High Wave จะเป็นสัญญาณ Bearish เมื่อเกิดขึ้นในช่วงท้ายของ แนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) โดยเฉพาะเมื่อเกิดใกล้กับแนวต้านที่สำคัญ

คำอธิบายและจิตวิทยา

  • สถานการณ์: ตลาดอยู่ในภาวะขาขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง แรงซื้อ (กระทิง) ควบคุมตลาดได้อย่างสมบูรณ์ นักลงทุนเต็มไปด้วยความมั่นใจ
  • การปรากฏของ High Wave: แท่งเทียนนี้คือ “รอยร้าวแรก” ของแนวโน้มขาขึ้น
  • ไส้เทียนบนที่ยาว แสดงให้เห็นว่า แม้แรงซื้อจะพยายามผลักดันราคาขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่ แต่กลับถูกแรงขาย (หมี) ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน สกัดกลับลงมาอย่างรุนแรง
  • ไส้เทียนล่างที่ยาว แสดงว่าฝั่งขายก็พยายามทุบราคาลง แต่ก็ยังถูกแรงซื้อที่เหลืออยู่ดันกลับขึ้นไปเช่นกัน
  • ความเชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยมของฝั่งซื้อได้ “ถูกทำลายลงแล้ว” การที่แรงขายสามารถต่อต้านการขึ้นของราคาได้อย่างทัดเทียม สร้างความกลัวและความลังเลให้นักลงทุนฝั่งซื้อเริ่มคิดที่จะ “ขายทำกำไร” และเป็นสัญญาณให้ฝั่งขายรู้ว่า “จุดสูงสุด” อาจมาถึงแล้ว

คลิปที่น่าสนใจ

อ้างอิง Bookistic Zone. High Wave Candlestick Pattern I High Wave Candle I Technical Analysis in Hindi [วิดีโอ]. YouTube. เข้าถึงเมื่อ 17 กันยายน 2568

นาทีที่สำคัญ

  • 0:30 – เริ่มต้นอธิบายว่ารูปแบบ High Wave คืออะไร และมีลักษณะสำคัญคือลำตัวที่เล็ก แต่มีไส้เทียนบนและล่างที่ยาว
  • 0:59 – อธิบายส่วนประกอบของแท่งเทียน High Wave อย่างละเอียด ได้แก่ ลำตัว (Body), ไส้เทียนบน (Upper Shadow) และไส้เทียนล่าง (Lower Shadow)
  • 1:42 – เน้นย้ำว่า “สี” ของแท่งเทียน (เขียวหรือแดง) ในรูปแบบ High Wave นั้น ไม่มีความสำคัญ
  • 2:19 – อธิบายว่ารูปแบบ High Wave มักจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่และที่ไหน โดยระบุว่ามักจะเกิดขึ้นเมื่อฝั่งผู้ขายเริ่มอ่อนแรง และมักจะปรากฏในช่วงท้ายของแนวโน้มขาลง
  • 2:52 – พูดถึง ความน่าเชื่อถือ (Reliability) ของรูปแบบ ซึ่งระบุว่ามีความน่าเชื่อถือต่ำ และแนะนำให้ใช้การยืนยันอื่นๆ ประกอบ

สรุป

รูปแบบแท่งเทียน High Wave คือแท่งเทียนที่มีลำตัวสั้นแต่มีไส้เทียนยาวมากทั้งบนและล่าง เป็นสัญลักษณ์ของ ความลังเล และความไม่แน่นอนอย่างรุนแรงในตลาด สะท้อนถึงการต่อสู้ที่ดุเดือดระหว่างแรงซื้อและแรงขาย แต่สุดท้ายไม่มีฝั่งใดชนะ ความหมายจะขึ้นอยู่กับบริบท โดยมักเป็นสัญญาณเตือนการ กลับตัว ของแนวโน้มเดิม เทรดเดอร์จึงไม่ควรซื้อขายทันที แต่ต้องรอแท่งเทียนถัดไปเพื่อ ยืนยัน สัญญาณก่อนเสมอ

แหล่งอ้างอิง

 FAQ — รูปแบบแท่งเทียน High Wave Candlesticks

ทั้งสองรูปแบบสื่อถึงความลังเลเหมือนกัน แต่ High Wave จะเน้นย้ำถึง ความผันผวนที่รุนแรง จากไส้เทียนที่ยาวมาก ในขณะที่ Doji ทั่วไปอาจมีไส้สั้นก็ได้ พูดง่ายๆ คือ High Wave เป็นเหมือน Doji เวอร์ชันที่ตลาดมีการเหวี่ยงตัวอย่างสุดขั้ว
สำคัญอย่างยิ่งค่ะ High Wave ที่มาพร้อมกับ Volume ที่สูงกว่าปกติ จะช่วยยืนยันว่า “การต่อสู้” ระหว่างแรงซื้อและแรงขายนั้นเกิดขึ้นจริงและมีนัยสำคัญ ในทางกลับกัน หากเกิด High Wave แต่ Volume เบาบาง สัญญาณอาจไม่น่าเชื่อถือและเป็นเพียงความผันผวนระยะสั้น
สัญญาณ High Wave มักจะมีความน่าเชื่อถือน้อยที่สุดเมื่อเกิดขึ้นใน สภาวะตลาดที่ไร้ทิศทาง (Sideways) เพราะตลาดเต็มไปด้วยความลังเลอยู่แล้ว การเกิด High Wave จึงไม่ได้บอกข้อมูลใหม่อะไร รูปแบบนี้จะทรงพลังที่สุดเมื่อเกิดท้ายแนวโน้มที่ชัดเจนเพื่อส่งสัญญาณ “การเปลี่ยนแปลง”
จุดที่ปลอดภัยที่สุดคือการตั้ง Stop Loss ไว้ที่ปลายไส้เทียนของแท่ง High Wave ค่ะ หากคุณคาดการณ์ว่าราคาจะขึ้น (Bullish) ควรตั้ง Stop Loss ไว้ที่ จุดต่ำสุด (Low) ของไส้เทียนล่าง หากคาดการณ์ว่าราคาจะลง (Bearish) ก็ควรตั้งไว้ที่ จุดสูงสุด (High) ของไส้เทียนบน เพื่อป้องกันความเสี่ยงหากตลาดเคลื่อนไหวสวนทางกับที่คาดการณ์ไว้
มีความสำคัญน้อยมากค่ะ หัวใจหลักของ High Wave คือ “ความลังเล” ที่สะท้อนผ่านลำตัวที่สั้นและไส้ที่ยาว ไม่ว่าลำตัวจะเป็นสีเขียวหรือแดงก็ยังคงสื่อความหมายเดียวกันว่าไม่มีฝั่งใดชนะขาด สิ่งที่สำคัญกว่าคือแท่งเทียน “ยืนยัน” ที่จะเกิดขึ้นตามมา ซึ่งจะเป็นตัวบอกทิศทางที่ชัดเจนกว่า

 

เขียนโดย

Poomipat Wonganun

ผู้ตรวจทานความถูกต้อง

Chonthicha Poomidon