กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คืออะไร?
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund หรือ IMF) คือ องค์การระหว่างประเทศที่ทำหน้าที่ดูแลและรักษาเสถียรภาพของระบบการเงินโลก โดยก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2487 จากการประชุม United Nations Monetary and Financial Conference หรือที่รู้จักในนาม Bretton Woods Conference มีฐานะเป็นทบวงการชำนัญพิเศษของสหประชาชาติ และมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงวอชิงตัน ดีซี สหรัฐอเมริกา
IMF มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการค้าระหว่างประเทศให้เติบโตอย่างสมดุล ช่วยรักษาเสถียรภาพของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศ และให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ประเทศสมาชิกที่กำลังประสบปัญหาทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะปัญหาดุลการชำระเงิน
เราอาจเปรียบ IMF เสมือนเป็น “ธนาคารกลางของโลก” ที่คอยช่วยเหลือประเทศสมาชิกเมื่อเกิดวิกฤตทางการเงิน เช่นเดียวกับที่ธนาคารกลางของแต่ละประเทศดูแลระบบการเงินภายในประเทศของตน ปัจจุบัน IMF มีประเทศสมาชิกทั้งหมด 190 ประเทศ และมีสถานะเป็นทบวงการชำนัญพิเศษของสหประชาชาติ
IMF มีความสัมพันธ์กับไทยอย่างไร
ประเทศไทยมีความสัมพันธ์อันยาวนานกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) โดยเข้าเป็นสมาชิกลำดับที่ 44 เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2492
- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้รับมอบหมายให้เป็นตัวแทนของประเทศไทยตาม พ.ร.บ. ให้อำนาจปฏิบัติการเกี่ยวกับกองทุนการเงินและธนาคารระหว่างประเทศ พ.ศ. 2494 โดยผู้ว่าการและรองผู้ว่าการ ธปท. ทำหน้าที่เป็นผู้ว่าการและผู้ว่าการสำรองใน IMF ตามลำดับ
- ในด้านสถานะการเป็นสมาชิก ปัจจุบันประเทศไทยมีโควตา 3,211.9 ล้าน SDR คิดเป็นร้อยละ 0.67 ของจำนวนโควตาทั้งหมด ซึ่งเทียบเท่ากับ 33,578 คะแนนเสียง
- IMF มีหน้าที่ประเมินภาวะเศรษฐกิจไทยเป็นประจำทุกปีภายใต้พันธะข้อ 4 ของข้อตกลง
- นอกจากนี้ ตั้งแต่วันที่ 4 พฤษภาคม 2533 ไทยได้ดำเนินการตามพันธะข้อ 8 โดยยกเลิกการควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมการค้า
- ล่าสุดในต้นปี 2562 ไทยได้เข้าร่วมรับการประเมินเสถียรภาพภาคการเงินภายใต้กรอบ Financial Sector Assessment Program (รายงาน Article IV Staff Report ของไทยที่ผ่านมา)
ในด้านความช่วยเหลือทางการเงิน ประเทศไทยเคยได้รับความช่วยเหลือจาก IMF ภายใต้โครงการเงินกู้ Stand-by รวม 5 ครั้ง รวมวงเงินทั้งสิ้น 4,431 ล้าน SDR ได้แก่:
- ครั้งที่ 1: กรกฎาคม 2521 จำนวน 45.25 ล้าน SDR
- ครั้งที่ 2: มิถุนายน 2524 จำนวน 814.5 ล้าน SDR (เบิกจริง 345 ล้าน SDR)
- ครั้งที่ 3: พฤศจิกายน 2525 จำนวน 271.5 ล้าน SDR
- ครั้งที่ 4: มิถุนายน 2528 จำนวน 400 ล้าน SDR (เบิกจริง 260 ล้าน SDR)
- ครั้งที่ 5: สิงหาคม 2540 จำนวน 2,900 ล้าน SDR (เบิกจริง 2,500 ล้าน SDR)
วัตถุประสงค์หลักของ IMF
IMF มีวัตถุประสงค์หลัก 4 ประการที่เชื่อมโยงกัน เพื่อสร้างเสถียรภาพทางการเงินและเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ดังนี้
- การส่งเสริมความร่วมมือทางการเงินระหว่างประเทศ (Promote international monetary co-operation) เปรียบเสมือนการสร้างสะพานเชื่อมระบบการเงินของประเทศต่างๆ เข้าด้วยกัน ทำให้เกิดกฎเกณฑ์และมาตรฐานที่ทุกประเทศยอมรับร่วมกัน เช่น การกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนที่เหมาะสม หรือการวางระเบียบการโอนเงินระหว่างประเทศ
- การส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (Promote international trade) เมื่อระบบการเงินมีเสถียรภาพ การค้าขายระหว่างประเทศก็จะเติบโตได้ดี เพราะผู้ค้าสามารถคาดการณ์ต้นทุนและรายได้ได้แม่นยำขึ้น ไม่ต้องกังวลเรื่องความผันผวนของค่าเงิน
- การส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน (Foster sustainable economic growth) IMF ไม่เพียงมุ่งเน้นการเติบโตในระยะสั้น แต่ต้องการให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว โดยคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ เช่น การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การรักษาสิ่งแวดล้อม และความเท่าเทียมทางสังคม
- การจัดสรรทรัพยากรช่วยเหลือประเทศสมาชิกที่มีปัญหาดุลการชำระเงิน (Make resources available to members experiencing balance of payments difficulties) เมื่อประเทศสมาชิกประสบปัญหาทางการเงิน IMF จะเข้ามาช่วยเหลือด้วยการให้เงินกู้และคำแนะนำในการแก้ไขปัญหา เพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหาลุกลามจนกระทบต่อระบบเศรษฐกิจโลก
ความเป็นมาของ International Monetary Fund หรือ IMF
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund หรือ IMF) มีจุดกำเนิดที่น่าสนใจในช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ระบบการเงินโลกต้องการการจัดระเบียบใหม่อย่างเร่งด่วน
จุดเริ่มต้นที่สำคัญเกิดขึ้นในวันที่ 22 กรกฎาคม 2487 ในการประชุมที่เรียกว่า United Nations Monetary and Financial Conference หรือที่รู้จักกันในชื่อการประชุมเบรตตันวูดส์ ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองเบรตตันวูดส์ มลรัฐนิวแฮมเชียร์ ประเทศสหรัฐอเมริกา การประชุมครั้งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งเพราะเป็นการรวมตัวของผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินและเศรษฐกิจจากนานาประเทศ
เหตุการณ์สำคัญที่ทำให้เกิด IMF คือผลพวงจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ทำให้ระบบการเงินโลกป่วนปั่นอย่างหนัก หลายประเทศประสบปัญหาเศรษฐกิจรุนแรง ทั้งเงินเฟ้อสูง ค่าเงินไม่มีเสถียรภาพ และการค้าระหว่างประเทศชะงักงัน จึงจำเป็นต้องมีองค์กรกลางมาช่วยจัดระเบียบใหม่
ในการประชุมครั้งประวัติศาสตร์นี้ มีการนำเสนอแนวคิดสำคัญจากนักเศรษฐศาสตร์ชั้นนำสองท่าน ได้แก่
-
แฮรี่ ไวท์ (Harry D. White)
- เป็นนักเศรษฐศาสตร์ชาวอเมริกัน
- นำเสนอแนวคิดที่เน้นการสร้างระบบการเงินที่มั่นคง
- เสนอให้สหรัฐอเมริกามีบทบาทนำในระบบการเงินโลก
- แนวคิดของเขาได้รับการยอมรับและนำไปสู่การก่อตั้ง IMF
-
จอห์น เมย์นาร์ด เคนส์ (John Maynard Keynes)
- เป็นนักเศรษฐศาสตร์ชาวอังกฤษผู้มีชื่อเสียง
- นำเสนอแนวคิดที่เน้นความร่วมมือระหว่างประเทศ
- มีวิสัยทัศน์เกี่ยวกับการสร้างสกุลเงินสากล
- แม้แนวคิดของเขาไม่ได้รับเลือก แต่หลายแนวคิดได้ถูกนำมาประยุกต์ใช้ในเวลาต่อมา
สิ่งที่น่าสนใจ คือ แม้ว่าข้อเสนอของจอห์น เมย์นาร์ด เคนส์ จะไม่ได้รับเลือก แต่แนวคิดของเขาหลายอย่างได้มีอิทธิพลต่อการทำงานของ IMF ในเวลาต่อมา โดยเฉพาะแนวคิดเรื่องการสร้างระบบการเงินที่เป็นธรรมระหว่างประเทศ
การพัฒนาขององค์กรแบ่งเป็นช่วงสำคัญดังนี้
นอกจากนี้ ระบบการทำงานของ IMF ยังมีความน่าสนใจ เพราะใช้ระบบ “โควตา” ในการกำหนดสิทธิและอำนาจของประเทศสมาชิก ซึ่งคล้ายกับการถือหุ้นในบริษัท ยิ่งประเทศมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ ก็จะได้โควตาและสิทธิออกเสียงมากขึ้น
ช่วงก่อตั้ง (2487-2488)
- เริ่มต้นด้วยสมาชิก 29 ประเทศ
- กำหนดระบบอัตราแลกเปลี่ยนแบบคงที่
- วางรากฐานความร่วมมือทางการเงินระหว่างประเทศ
ช่วงขยายตัว (2489-ปัจจุบัน)
- จำนวนสมาชิกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
- ปรับบทบาทตามการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลก
- รับมือกับวิกฤตการเงินในภูมิภาคต่างๆ
- ปัจจุบันมีสมาชิก 190 ประเทศ
- ประเทศล่าสุดที่เข้าร่วมคือมอนตินิโกร (มกราคม 2550)
ที่สำคัญ IMF ไม่ได้เป็นเพียงองค์กรที่ให้เงินกู้เท่านั้น แต่ยังทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจ ให้ความช่วยเหลือทางวิชาการ และเป็นเวทีสำหรับการหารือระหว่างประเทศเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจโลก
ปัจจุบัน IMF ยังคงมีบทบาทสำคัญในการรับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจต่างๆ ทั่วโลก และการทำงานขององค์กรนี้มีผลกระทบต่อชีวิตของผู้คนในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทยที่เคยขอความช่วยเหลือจาก IMF ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540
หลักการสำคัญในการดำเนินงานของ IMF ประกอบด้วย
- การสนับสนุนความร่วมมือทางการเงินระหว่างประเทศ
- การส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศให้เติบโตอย่างสมดุล
- การรักษาเสถียรภาพของอัตราแลกเปลี่ยน
- การพัฒนาระบบการชำระเงินระหว่างประเทศ
- การให้ความช่วยเหลือประเทศสมาชิกที่มีปัญหาดุลการชำระเงิน
ความสำคัญของ IMF ยิ่งเพิ่มขึ้นในยุคปัจจุบัน เนื่องจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและการสื่อสารที่ทำให้ระบบการเงินโลกเชื่อมโยงกันอย่างซับซ้อนมากขึ้น องค์กรนี้จึงมีบทบาทสำคัญในการรักษาเสถียรภาพทางการเงินระหว่างประเทศและการแก้ไขวิกฤตการเงินในภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่กรุงวอชิงตัน ดีซี สหรัฐอเมริกา และมีสถานะเป็นทบวงการชำนัญพิเศษของสหประชาชาติ
หน้าที่และบทบาทของ IMF ในทุกแง่มุม
หน้าที่ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF)
IMF (กองทุนการเงินระหว่างประเทศ) มีหน้าที่ส่งเสริมเสถียรภาพทางการเงินระหว่างประเทศผ่าน 3 อย่างหลักๆ
-
การให้คำแนะนำเชิงนโยบาย (Policy Advice)
- IMF ทำหน้าที่เหมือนเป็น “แพทย์เศรษฐกิจ” ที่คอยติดตามและวิเคราะห์พัฒนาการทางเศรษฐกิจและการเงินของประเทศสมาชิก
- เช่น ดูแนวโน้มเงินเฟ้อ การเติบโตทางเศรษฐกิจ เสถียรภาพของระบบการเงิน และให้คำแนะนำเพื่อป้องกันหรือแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้น
- เปรียบเสมือนการตรวจสุขภาพและให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพทางการเงินของประเทศ
-
ความช่วยเหลือทางการเงิน (Financial Assistance)
-
- เมื่อประเทศสมาชิกประสบปัญหาทางการเงิน IMF จะทำหน้าที่เป็น “ผู้ให้ความช่วยเหลือ” โดยการปล่อยเงินกู้หรือให้ความช่วยเหลือทางการเงินในรูปแบบต่างๆ แต่การให้ความช่วยเหลือนี้มักมาพร้อมกับเงื่อนไขที่ประเทศผู้กู้ต้องปฏิบัติตาม เพื่อแก้ไขปัญหาที่เป็นสาเหตุของวิกฤตและป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำในอนาคต
-
- IMF ทำหน้าที่เป็น “ครู” ที่ช่วยพัฒนาความรู้และทักษะให้กับรัฐบาลและหน่วยงานของประเทศสมาชิก ผ่านการให้ความช่วยเหลือทางวิชาการและการฝึกอบรม
- เพื่อให้สามารถดำเนินนโยบายเศรษฐกิจที่ดีและมีประสิทธิภาพ เช่น การบริหารงบประมาณ การจัดเก็บภาษี การกำกับดูแลธนาคาร หรือการจัดทำสถิติเศรษฐกิจ
บทบาทที่สำคัญสามารถไปดูองค์ประกอบแต่ละด้าน ดังนี้
ด้านการเงินระหว่างประเทศ
- ดูแลเสถียรภาพการเงินของโลก – IMF ทำหน้าที่เสมือนเป็นแพทย์ใหญ่ที่คอยตรวจสุขภาพทางการเงินของประเทศต่างๆ ทั่วโลก เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาที่จะลุกลามเป็นวิกฤต
- ติดตามและประเมินเศรษฐกิจประเทศสมาชิก – มีการส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบและประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจในแต่ละประเทศอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้คำแนะนำที่เหมาะสม
- จัดทำรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลก – วิเคราะห์และคาดการณ์ทิศทางเศรษฐกิจโลกทุก 6 เดือน เพื่อให้ประเทศสมาชิกใช้เป็นข้อมูลในการวางแผนนโยบาย
ด้านการช่วยเหลือประเทศสมาชิก
- ให้เงินกู้ฉุกเฉิน – เมื่อประเทศสมาชิกประสบปัญหาวิกฤตการเงิน IMF จะเข้าไปช่วยเหลือด้วยการให้เงินกู้ฉุกเฉิน เพื่อให้ประเทศนั้นสามารถผ่านพ้นวิกฤตไปได้
- กำหนดแนวทางแก้ไขปัญหา – ไม่เพียงแค่ให้เงินกู้ แต่ยังช่วยวางแผนและกำหนดมาตรการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ เพื่อให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืน
- ติดตามการดำเนินการ – มีการตรวจสอบและติดตามว่าประเทศที่ได้รับความช่วยเหลือปฏิบัติตามแผนการแก้ไขปัญหาที่ตกลงกันไว้หรือไม่
ด้านการพัฒนาระบบการเงิน
- พัฒนาระบบการชำระเงิน – สร้างและพัฒนาระบบที่ช่วยให้การโอนเงินระหว่างประเทศมีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และน่าเชื่อถือ
- สนับสนุนการค้าระหว่างประเทศ – ช่วยให้การค้าขายระหว่างประเทศเป็นไปอย่างราบรื่น โดยการสร้างระบบการเงินที่เอื้อต่อการค้าระหว่างประเทศ
- รักษาเสถียรภาพอัตราแลกเปลี่ยน – ดูแลไม่ให้ค่าเงินของประเทศต่างๆ มีความผันผวนมากเกินไป ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ
ด้านวิชาการและการพัฒนา
- การให้คำปรึกษาด้านนโยบาย – IMF มีผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมให้คำแนะนำเกี่ยวกับการวางนโยบายการเงินและการคลังที่เหมาะสม เพื่อให้เศรษฐกิจของประเทศสมาชิกเติบโตอย่างมั่นคง
- การพัฒนาระบบข้อมูล – ช่วยประเทศสมาชิกพัฒนาระบบการจัดเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลทางเศรษฐกิจให้มีมาตรฐาน เพื่อใช้ในการวางแผนและตัดสินใจเชิงนโยบาย
- การจัดอบรมให้ความรู้ – มีการจัดสัมมนาและฝึกอบรมให้กับเจ้าหน้าที่ของประเทศสมาชิกอย่างสม่ำเสมอ เพื่อพัฒนาความรู้และทักษะในการบริหารเศรษฐกิจ
ด้านการกำกับดูแลและธรรมาภิบาล
- การส่งเสริมความโปร่งใส – กำหนดมาตรฐานและแนวปฏิบัติในการเปิดเผยข้อมูลทางการเงิน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในระบบการเงินระหว่างประเทศ
- การติดตามตรวจสอบ – มีระบบการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานของประเทศสมาชิกอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้มั่นใจว่ามีการปฏิบัติตามมาตรฐานที่กำหนด
- การพัฒนาธรรมาภิบาล – ส่งเสริมให้ประเทศสมาชิกมีการบริหารจัดการที่ดี มีความรับผิดชอบ และคำนึงถึงผลประโยชน์ของส่วนรวม
ด้านการรับมือความท้าทายใหม่
- การจัดการปัญหาสิ่งแวดล้อม – ศึกษาและเสนอแนวทางรับมือกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
- การพัฒนาเทคโนโลยีการเงิน – ติดตามและให้คำแนะนำเกี่ยวกับการพัฒนาเทคโนโลยีทางการเงินใหม่ๆ เช่น สกุลเงินดิจิทัล และระบบการชำระเงินออนไลน์
- การลดความเหลื่อมล้ำ – เสนอนโยบายและมาตรการที่จะช่วยลดช่องว่างทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศพัฒนาแล้วและกำลังพัฒนา
ด้านความร่วมมือระหว่างประเทศ
- การประสานงานระหว่างองค์กร – ทำงานร่วมกับองค์กรระหว่างประเทศอื่นๆ เช่น ธนาคารโลก องค์การการค้าโลก เพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในระดับโลก
- การสร้างเครือข่าย – เชื่อมโยงความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิก สร้างเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์
- การพัฒนามาตรฐานสากล – กำหนดมาตรฐานและแนวปฏิบัติที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล เพื่อให้การทำงานร่วมกันระหว่างประเทศเป็นไปอย่างราบรื่น
ด้านการวิจัยและพัฒนา
- การศึกษาวิจัย – ดำเนินการวิจัยเชิงลึกเกี่ยวกับประเด็นทางเศรษฐกิจที่สำคัญ เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาที่มีประสิทธิภาพ
- การพัฒนาองค์ความรู้ – รวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลจากประสบการณ์การทำงาน เพื่อพัฒนาองค์ความรู้ใหม่ๆ ในการบริหารเศรษฐกิจ
- การเผยแพร่ความรู้ – จัดทำรายงาน บทความวิชาการ และสื่อการเรียนรู้ต่างๆ เพื่อเผยแพร่ความรู้ให้กับประเทศสมาชิกและสาธารณชน
ด้านการจัดการวิกฤตการณ์
- การเตือนภัยล่วงหน้า – IMF มีระบบการเฝ้าระวังและวิเคราะห์ความเสี่ยงทางการเงิน เพื่อแจ้งเตือนประเทศสมาชิกก่อนที่จะเกิดวิกฤตรุนแรง โดยใช้เครื่องมือและดัชนีชี้วัดต่างๆ ในการประเมินสถานการณ์
- การจัดการวิกฤต – เมื่อเกิดวิกฤตการเงิน IMF จะเข้าไปช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ทั้งด้านการให้เงินกู้ฉุกเฉิน การให้คำปรึกษา และการวางแผนฟื้นฟูระบบเศรษฐกิจ เช่น กรณีวิกฤตต้มยำกุ้งในเอเชียปี 2540
- การฟื้นฟูหลังวิกฤต – ช่วยวางแผนและติดตามการฟื้นฟูเศรษฐกิจในระยะยาว เพื่อให้ประเทศกลับมาแข็งแกร่งและมีภูมิคุ้มกันต่อวิกฤตในอนาคต
ด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน
- การส่งเสริมการเติบโตที่ยั่งยืน – ให้คำแนะนำและสนับสนุนนโยบายที่จะช่วยให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
- การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ – สนับสนุนการพัฒนาบุคลากรในด้านการเงินการคลังของประเทศสมาชิก ผ่านการฝึกอบรม การแลกเปลี่ยนความรู้ และการให้ทุนการศึกษา
- การสร้างความเท่าเทียม – ผลักดันนโยบายที่ช่วยลดความเหลื่อมล้ำและสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับทุกภาคส่วนของสังคม
ทั้ง 10 ด้านนี้แสดงให้เห็นถึงบทบาทที่ครอบคลุมและสำคัญของ IMF ในการดูแลระบบการเงินโลก โดยไม่เพียงแต่แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า แต่ยังมุ่งสร้างระบบที่แข็งแกร่งและยั่งยืนในระยะยาว ทำให้ IMF เป็นองค์กรที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อเสถียรภาพทางการเงินของโลก
ข้อมูลภาพรวมของประเทศไทย (At a Glance) กับ IMF
ประกาศจากเว็บไซต์ IMF (International Monetary Fund) ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทย
- การปรึกษาหารือคณะกรรมการบริหารตามมาตรา IV ครั้งสุดท้ายเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2568 รายการต่อไปนี้เป็นรายการที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทย
- GDP ที่คาดการณ์สำหรับปี 2025 อยู่ที่ 2.9%
- ประชากร 70.329 ล้านคน
- วันที่เข้าเป็นสมาชิก IMF: 3 พฤษภาคม 1949
- รายงานล่าสุด: 30 มกราคม 2024
- *ข้อมูล GDP จากการอัปเดตแนวโน้มเศรษฐกิจโลกประจำเดือนมกราคม 2025
กราฟนี้แสดงข้อมูลสำคัญสองตัว คือ การเติบโตของ GDP จริง (เส้นสีแดง) และอัตราเงินเฟ้อ (เส้นสีฟ้า) ตั้งแต่ปี 1980 จนถึงการคาดการณ์ในปี 2025
การมองภาพรวมระยะยาว เราจะเห็นว่าเศรษฐกิจไทยมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญหลายช่วง:
1.ช่วงเติบโตสูง (1985-1996):
- เศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมี GDP เติบโตสูงถึง 10-13%
- อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับปานกลางประมาณ 5%
2.วิกฤตการเงินเอเชีย (1997-1998):
- เห็นได้ชัดจากการลดลงอย่างรุนแรงของ GDP ถึง -7.6%
- เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของเศรษฐกิจไทย
3.ช่วงฟื้นตัวและเติบโตปานกลาง (2000-2019):
- การเติบโตของ GDP อยู่ในระดับ 3-5%
- อัตราเงินเฟ้อค่อนข้างต่ำและมีเสถียรภาพ
4.วิกฤตโควิด-19 (2020):
- GDP ลดลงรุนแรงถึง -6.2%
- อัตราเงินเฟ้อต่ำมาก
5.สถานการณ์ปัจจุบันและการคาดการณ์ (2024-2025):
- IMF คาดว่า GDP จะเติบโต 2.9% ในปี 2025
- อัตราเงินเฟ้อคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 1.2%
“การที่ประเทศไทยมีประชากร 70.329 ล้านคน และเป็นสมาชิก IMF มาตั้งแต่ปี 1949 แสดงให้เห็นว่า”
- ไทยเป็นประเทศขนาดกลางที่มีความสำคัญในภูมิภาค
- มีความร่วมมือกับองค์กรการเงินระหว่างประเทศ (IMF) มายาวนาน
- การคาดการณ์ GDP ที่ 2.9% แสดงว่าเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัวแต่ยังไม่กลับไปสู่อัตราการเติบโตที่สูงเหมือนในอดีต
ข้อมูล GDP จากการอัปเดตแนวโน้มเศรษฐกิจโลกประจำเดือนมกราคม 2025
ในกราฟประกาศจาก (อัปเดตแนวโน้มเศรษฐกิจโลก) ประเทศไทยถูกรวมอยู่ในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ (Emerging Markets หรือ EM) ซึ่งแสดงด้วยเส้นสีส้มในกราฟด้านขวา แต่ไม่ได้แสดงข้อมูลของประเทศไทยแยกออกมาต่างหาก
- กราฟนี้แสดงการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยล่วงหน้า 6 เดือน
- ประเทศไทยถูกรวมอยู่ในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ (เส้นสีส้ม) ซึ่งมีแนวโน้มลดลงจาก 5.8% ในมิถุนายน 2024 เหลือ 5.2% ในมกราคม 2025
- แต่ยังคงสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ (เส้นสีแดง) ที่อยู่ที่ 4.1% อย่างมีนัยสำคัญ
- สะท้อนว่าประเทศในกลุ่มตลาดเกิดใหม่รวมถึงไทยยังจำเป็นต้องรักษาระดับอัตราดอกเบี้ยให้สูงกว่าประเทศพัฒนาแล้ว เพื่อรักษาเสถียรภาพทางการเงินและดึงดูดเงินลงทุนจากต่างประเทศ
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) มีบทบาทสำหรับคนไทย
ประเทศไทยเข้าเป็นสมาชิก IMF ตั้งแต่วันที่ 3 พฤษภาคม 2492 เป็นสมาชิกลำดับที่ 44 โดยมีธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เป็นตัวแทนในการติดต่อและประสานงานกับ IMF ตามพระราชบัญญัติให้อำนาจปฏิบัติการเกี่ยวกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ พ.ศ. 2494
บทบาทสำคัญของ IMF ต่อประเทศไทยมีดังนี้
- การดูแลเสถียรภาพทางการเงิน IMF จะคอยติดตามและประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจของไทยอย่างใกล้ชิด เหมือนเป็นแพทย์ที่คอยตรวจสุขภาพทางการเงินของประเทศ มีการส่งเจ้าหน้าที่มาประเมินสถานการณ์เป็นประจำทุกปี และให้คำแนะนำในการปรับปรุงนโยบายการเงินการคลังให้แข็งแกร่ง
- การให้ความช่วยเหลือในยามวิกฤต เราคงจำกันได้ดีในช่วงวิกฤตต้มยำกุ้งปี 2540 เมื่อประเทศไทยประสบปัญหาทางการเงินอย่างหนัก IMF ได้เข้ามาช่วยเหลือด้วยการให้เงินกู้ฉุกเฉินและวางแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ แม้ว่าจะมีเงื่อนไขที่เข้มงวด แต่ก็ช่วยให้ประเทศไทยผ่านพ้นวิกฤตมาได้
- การพัฒนาระบบการเงิน IMF ช่วยให้คำแนะนำในการพัฒนาระบบการเงินของไทยให้ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ เช่น การพัฒนาระบบการชำระเงิน การกำกับดูแลสถาบันการเงิน และการบริหารเงินสำรองระหว่างประเทศ
- การให้ความช่วยเหลือทางวิชาการ IMF จัดการฝึกอบรมและสัมมนาให้กับเจ้าหน้าที่ไทยอย่างสม่ำเสมอ เพื่อพัฒนาความรู้และทักษะในการบริหารเศรษฐกิจ รวมถึงให้คำปรึกษาในการพัฒนาระบบสถิติและการวิเคราะห์ข้อมูลทางเศรษฐกิจ
- การเป็นสะพานเชื่อมกับเศรษฐกิจโลก การเป็นสมาชิก IMF ช่วยให้ประเทศไทยเชื่อมโยงกับระบบการเงินโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีเวทีในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับประเทศอื่นๆ และสามารถเข้าถึงข้อมูลและการวิเคราะห์เศรษฐกิจระดับโลก
- การสร้างความเชื่อมั่นระหว่างประเทศ การที่ประเทศไทยเป็นสมาชิก IMF และปฏิบัติตามมาตรฐานสากล ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนต่างชาติและคู่ค้าทางธุรกิจ ทำให้เศรษฐกิจไทยมีความน่าเชื่อถือในสายตาประชาคมโลก
- การรับมือกับความท้าทายใหม่ IMF ช่วยให้คำแนะนำแก่ประเทศไทยในการรับมือกับความท้าทายใหม่ๆ เช่น การพัฒนาเทคโนโลยีทางการเงิน การรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ
โดยสรุป IMF มีบทบาทสำคัญในการช่วยให้ประเทศไทยมีระบบการเงินที่มั่นคง สามารถรับมือกับวิกฤตการณ์ต่างๆ และพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน แม้จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์บ้างในบางครั้ง แต่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า IMF เป็นองค์กรที่มีส่วนสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจไทยมาโดยตลอด
ใครเป็นคนตัดสินใจของ IMF (International Monetary Fund)
- การตัดสินใจของ IMF มีลำดับชั้นที่ซับซ้อนและเป็นระบบ โดยอำนาจการตัดสินใจสูงสุดอยู่ที่ “สภาผู้ว่าการ” (Board of Governors) ซึ่งประกอบด้วยตัวแทนจากทุกประเทศสมาชิกรวม 190 ประเทศ
- แต่ละประเทศจะส่งผู้แทนระดับสูงเข้ามาทำหน้าที่ในสภานี้ โดยปกติจะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้ว่าการธนาคารกลางของประเทศนั้นๆ และยังมีผู้ว่าการสำรอง (Alternate Governor) เพื่อทำหน้าที่แทนเมื่อจำเป็น
- คณะกรรมการบริหาร (Executive Board) มีหน้าที่รับผิดชอบการดำเนินธุรกิจประจำวันของ IMF โดยประกอบด้วยกรรมการ 25 คน ซึ่งได้รับการเลือกตั้งจากประเทศสมาชิกหรือกลุ่มประเทศ
- มีกรรมการผู้จัดการทำหน้าที่เป็นประธาน คณะกรรมการมีการประชุมหลายครั้งในแต่ละสัปดาห์ โดยพิจารณาการทำงานจากเอกสารที่จัดเตรียมโดยฝ่ายบริหารและเจ้าหน้าที่ของ IMF
- ข้อมูลนี้อัปเดตล่าสุดเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2025
สิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับระบบการตัดสินใจของ IMF
- ระบบการตัดสินใจของ IMF มีความน่าสนใจในแง่ของการถ่วงดุลอำนาจระหว่างประเทศสมาชิก แม้ว่าจะมีการใช้ระบบโควตาที่ให้น้ำหนักตามขนาดเศรษฐกิจ แต่ก็มีกลไกที่ช่วยให้ประเทศเล็กมีเสียงในการตัดสินใจด้วย เช่น การมีคะแนนเสียงพื้นฐานที่เท่ากันสำหรับทุกประเทศ
- การตัดสินใจในระดับคณะกรรมการบริหารมีความน่าสนใจ เพราะแม้จะมีกรรมการเพียง 25 คน โดยที่แต่ละคนนั้น จะเป็นตัวแทนของกลุ่มประเทศ (constituency) ซึ่งมีผลประโยชน์ร่วมกัน ทำให้การตัดสินใจต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อกลุ่มประเทศต่างๆ อย่างรอบด้าน
- นอกจากนี้ ระบบการตัดสินใจของ IMF ยังให้ความสำคัญกับความโปร่งใสและการมีส่วนร่วม โดยมีการเผยแพร่ข้อมูลและรายงานต่างๆ ผ่านเว็บไซต์ขององค์กร เปิดโอกาสให้สาธารณชนสามารถติดตามและตรวจสอบการทำงานได้
- อีกประเด็นที่น่าสนใจคือ บทบาทของพนักงาน IMF จาก 190 ประเทศ ที่ทำงานในสำนักงานใหญ่ แม้จะไม่ได้มีอำนาจตัดสินใจโดยตรง แต่มีส่วนสำคัญในการวิเคราะห์ข้อมูล จัดทำรายงาน และให้คำแนะนำที่เป็นพื้นฐานสำหรับการตัดสินใจของผู้บริหารระดับสูง
- ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่า IMF มีระบบการตัดสินใจที่พยายามสร้างสมดุลระหว่างประสิทธิภาพ ความเป็นธรรม และการมีส่วนร่วมของประเทศสมาชิก เพื่อให้สามารถบรรลุภารกิจในการดูแลเสถียรภาพทางการเงินของโลกได้อย่างมีประสิทธิผล
IMF มีวิธีการตัดสินใจอย่างไร?
- IMF มีระบบการตัดสินใจคล้ายบริษัทใหญ่ระดับโลก โดยแต่ละประเทศมีสิทธิออกเสียงไม่เท่ากัน ประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่จะมีสิทธิออกเสียงมากกว่าประเทศเล็ก
- การบริหารงานแบ่งเป็น 3 ระดับหลัก คือ (1) คณะผู้ว่าการเป็นผู้ตัดสินใจสูงสุด (2) คณะกรรมการบริหารดูแลงานประจำวัน (3) กรรมการผู้จัดการพร้อมทีมงานเป็นผู้ปฏิบัติงานจริง
- ระบบนี้มีการปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลก เมื่อประเทศกำลังพัฒนาเติบโตขึ้น ก็จะได้สิทธิออกเสียงเพิ่มขึ้นตามไปด้วย เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมมากขึ้น
แผนผังนี้ แสดงให้เห็นว่า IMF มีระบบการบริหารที่มีการถ่วงดุลอำนาจ มีการรับฟังความคิดเห็นจากหลายฝ่าย และมีการกำกับดูแลที่เป็นระบบ เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและโปร่งใส
เงินทุนของ IMF มาจากไหน?
เงินทุนของ IMF มาจาก 3 แหล่งหลัก ได้แก่
- โควตาจากประเทศสมาชิก
- ข้อตกลงการกู้ยืมแบบพหุภาคี
- ข้อตกลงการกู้ยืมแบบทวิภาคี
- โควตาจากประเทศสมาชิก (Member Quotas)
- โควตาจากประเทศสมาชิกเป็นแหล่งเงินทุนหลักของ IMF โดยโควตาของแต่ละประเทศสมาชิกจะสะท้อนถึงขนาดและตำแหน่งของประเทศนั้นในเศรษฐกิจโลก IMF มีการทบทวนโควตาอย่างสม่ำเสมอ
- โควตาและอำนาจการลงคะแนนของสมาชิก IMF และคณะผู้ว่าการ IMF (12 กุมภาพันธ์ 2025)
- ข้อตกลงการกู้ยืมแบบใหม่ (New Arrangements to Borrow – NAB)
- NAB เป็นข้อตกลงระหว่าง IMF กับกลุ่มประเทศสมาชิกและสถาบันต่างๆ ทำหน้าที่เป็นแหล่งเงินทุนสำรองหลักนอกเหนือจากระบบโควตา ในปี 2021 มีการเพิ่มขนาดของ NAB เป็นสองเท่า
- ปัจจุบัน NAB มีส่วนช่วยเพิ่มทรัพยากรของ IMF จำนวน 364 พันล้าน SDR หรือประมาณ 489 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
- IMF สรุปขั้นตอนเพื่อรักษาศักยภาพในการให้สินเชื่อ (8 มกราคม 2564)
- ข้อตกลงการกู้ยืมแบบทวิภาคี (Bilateral Borrowing Agreements – BBAs)
- ประเทศสมาชิกยังได้ให้คำมั่นสนับสนุนทรัพยากรผ่านข้อตกลงการกู้ยืมแบบทวิภาคี ในปี 2020 คณะกรรมการบริหาร IMF ได้อนุมัติการทำข้อตกลง BBAs รอบใหม่
- ซึ่งปัจจุบันมีส่วนช่วยเพิ่มทรัพยากรของ IMF จำนวน 141 พันล้าน SDR หรือประมาณ 189 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
- IMF สรุปขั้นตอนเพื่อรักษาศักยภาพในการให้สินเชื่อ (8 มกราคม 2564)
- ระบบการระดมทุนที่หลากหลายนี้ช่วยให้ IMF มีทรัพยากรทางการเงินที่เพียงพอในการสนับสนุนประเทศสมาชิกที่ประสบปัญหาทางเศรษฐกิจและการเงิน พร้อมทั้งรักษาเสถียรภาพของระบบการเงินโลก
ณ กลางเดือนธันวาคม 2023 IMF มีทรัพยากรทางการเงินรวมประมาณ 982 พันล้าน SDR (สิทธิพิเศษถอนเงิน) ซึ่งแปลงเป็นความสามารถในการปล่อยกู้ได้ประมาณ 695 พันล้าน SDR หรือคิดเป็นเงินประมาณ 932 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
หมายเหตุ: SDR (Special Drawing Rights) คือ สินทรัพย์สำรองระหว่างประเทศที่ IMF สร้างขึ้น มีมูลค่าอ้างอิงจากตะกร้าเงินตราสำคัญของโลก ใช้เป็นหน่วยคำนวณในการดำเนินงานของ IMF
IMF มีวิธีการช่วยเหลือประเทศสมาชิกอย่างไรบ้าง?
IMF มีวิธีการช่วยเหลือประเทศสมาชิกใน 3 ด้านหลัก ดังนี้
การให้คำปรึกษาด้านนโยบายและการกำกับดูแล IMF ทำหน้าที่เสมือนที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจ
- ทบทวนและติดตามพัฒนาการทางเศรษฐกิจของประเทศสมาชิกอย่างต่อเนื่อง มีการวิเคราะห์ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่สำคัญ
- เช่น อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อ ดุลการชำระเงิน และสถานะการคลัง เพื่อประเมินความเสี่ยงและโอกาสทางเศรษฐกิจของแต่ละประเทศ
- ให้คำปรึกษาด้านนโยบายเศรษฐกิจแก่ประเทศสมาชิก โดยวิเคราะห์จากสถานการณ์และบริบทเฉพาะของแต่ละประเทศ
- นำเสนอแนะแนวทางการดำเนินนโยบายที่เหมาะสม เพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและส่งเสริมการเติบโตอย่างยั่งยืน
- ให้เงินกู้แก่ประเทศสมาชิกที่มีปัญหาดุลการชำระเงิน โดยจัดทำโครงการเงินกู้ที่มีเงื่อนไขและระยะเวลาที่เหมาะสม
- คอยติดตามการใช้เงินกู้และการดำเนินการตามแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด
- จัดส่งผู้เชี่ยวชาญให้คำแนะนำในด้านต่างๆ โดยเฉพาะการพัฒนาระบบการเงินการคลัง การบริหารหนี้สาธารณะ และการกำกับดูแลสถาบันการเงิน
- เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจและการเงินของประเทศสมาชิก
การสอดส่องดูแลระบบเศรษฐกิจ IMF มีระบบการติดตามและประเมินเศรษฐกิจใน 3 ระดับ
ก. การสอดส่องดูแลระดับประเทศ
- ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจโดยละเอียด ครอบคลุมทั้งนโยบายการเงิน การคลัง อัตราแลกเปลี่ยน และการพัฒนาภาคการเงิน
- โดยคำนึงถึงสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจและความต้องการเฉพาะของแต่ละประเทศ
- คอยติดตามประเมินผลนโยบายการเงินและอัตราแลกเปลี่ยนอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้มั่นใจว่านโยบายที่ดำเนินการอยู่มีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ
- จัดทำรายงานการปรึกษาหารือตามมาตรา 4 (Article IV Consultations) เป็นประจำทุกปี โดยมีการวิเคราะห์สถานการณ์เศรษฐกิจอย่างรอบด้าน และให้ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ
ข. การสอดส่องดูแลระดับโลก
- ติดตามแนวโน้มเศรษฐกิจโลกอย่างต่อเนื่อง วิเคราะห์ผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่อาจส่งผลต่อเสถียรภาพทางการเงินและเศรษฐกิจของประเทศสมาชิก
- จัดทำรายงาน World Economic Outlook ที่นำเสนอการวิเคราะห์และคาดการณ์เศรษฐกิจโลก พร้อมข้อเสนอแนะเชิงนโยบายที่จะช่วยให้ประเทศสมาชิกรับมือกับความท้าทายต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- วิเคราะห์ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในระบบการเงินโลก เพื่อเตือนภัยล่วงหน้าและเสนอแนะมาตรการป้องกันที่เหมาะสม
ค. การสอดส่องดูแลระดับภูมิภาค
- ร่วมมือกับองค์กรระดับภูมิภาค เช่น สหภาพยุโรป อาเซียน APEC ในการติดตามและวิเคราะห์พัฒนาการทางเศรษฐกิจ รวมถึงประสานนโยบายเพื่อส่งเสริมการเติบโตและเสถียรภาพในระดับภูมิภาค
- ติดตามพัฒนาการทางเศรษฐกิจในแต่ละภูมิภาคอย่างใกล้ชิด วิเคราะห์ความเชื่อมโยงและผลกระทบระหว่างประเทศในภูมิภาค เพื่อป้องกันการลุกลามของปัญหาทางเศรษฐกิจ
- ประสานงานกับกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจต่างๆ เพื่อส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจและการเงินในระดับภูมิภาคอย่างมีประสิทธิภาพ
การให้ความช่วยเหลือทางวิชาการ
- ส่งผู้เชี่ยวชาญไปให้คำแนะนำในด้านต่างๆ เช่น การพัฒนาระบบภาษี การบริหารการคลัง การกำกับดูแลสถาบันการเงิน และการพัฒนาตลาดทุน โดยคำนึงถึงบริบทและความต้องการเฉพาะของแต่ละประเทศ
- จัดฝึกอบรมให้บุคลากรของประเทศสมาชิกในหลากหลายด้าน เพื่อเสริมสร้างความรู้และทักษะที่จำเป็นในการบริหารเศรษฐกิจและการเงิน รวมถึงการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างประเทศสมาชิก
- พัฒนาระบบข้อมูลและสถิติทางเศรษฐกิจให้ได้มาตรฐานสากล เพื่อให้การวิเคราะห์และตัดสินใจเชิงนโยบายอยู่บนพื้นฐานของข้อมูลที่ถูกต้องและน่าเชื่อถือ
- ให้คำปรึกษาด้านกฎหมายเศรษฐกิจการเงิน เพื่อพัฒนากรอบกฎหมายและกฎระเบียบให้ทันสมัยและสอดคล้องกับมาตรฐานสากล
“การช่วยเหลือทั้ง 3 ด้านนี้แสดงให้เห็นถึงบทบาทที่ครอบคลุมของ IMF ในฐานะที่ปรึกษาและผู้ดูแลระบบการเงินระหว่างประเทศ ที่มุ่งสร้างความเข้มแข็งและเสถียรภาพให้กับระบบเศรษฐกิจของประเทศสมาชิกและเศรษฐกิจโลกโดยรวม”
สรุป IMF ผู้พิทักษ์เสถียรภาพการเงินโลก
- กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF เปรียบเสมือน “แพทย์เศรษฐกิจ” ระดับโลกที่คอยดูแลสุขภาพทางการเงินของประเทศสมาชิกทั่วโลก
- ก่อตั้งขึ้นในปี 1944 หลังสงครามโลกครั้งที่สอง ด้วยความมุ่งหวังที่จะป้องกันไม่ให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจรุนแรงเช่นในอดีต
- ในโลกปัจจุบันที่เศรษฐกิจมีความเชื่อมโยงกันอย่างซับซ้อน IMF ทำหน้าที่สำคัญสามประการ คือ เป็นที่ปรึกษาให้คำแนะนำด้านนโยบาย เป็นแหล่งเงินทุนฉุกเฉินยามวิกฤต และเป็นศูนย์พัฒนาความรู้ ความสามารถให้แก่ประเทศสมาชิก
- สิ่งที่ทำให้ IMF แตกต่างจากองค์กรระหว่างประเทศอื่นๆ คือ ระบบการตัดสินใจที่สะท้อนความเป็นจริงทางเศรษฐกิจ
- “ประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่จะมีสิทธิออกเสียงมากกว่า” แต่ก็มีการปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับพลวัตของเศรษฐกิจโลก เช่น การเพิ่มบทบาทของจีนและอินเดียที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว
- สำหรับประเทศไทย IMF ไม่ใช่เพียงแค่ผู้ให้เงินกู้ในช่วงวิกฤตต้มยำกุ้ง แต่เป็นพันธมิตรสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ระบบเศรษฐกิจการเงินของไทยมาตั้งแต่ปี 2492 ผ่านการให้คำปรึกษา การประเมินความเสี่ยง และการพัฒนาบุคลากร
ในยุคที่โลกเผชิญความท้าทายใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การระบาดของโรค หรือการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี IMF ก็ยังคงทำหน้าที่เป็นเสาหลักของระบบการเงินโลก พร้อมปรับตัวและพัฒนาเครื่องมือใหม่ๆ เพื่อรับมือกับความท้าทายเหล่านี้ โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือการสร้างเสถียรภาพและความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจให้แก่ประเทศสมาชิกทั้ง 190 ประเทศทั่วโลก
แหล่งอ้างอิง
- IMF Concludes Steps to Maintain its Lending Capacity. https://www.imf.org/en/News/Articles/2021/01/08/pr214-imf-concludes-steps-to-maintain-its-lending-capacity
- Article IV Staff Reports – Thailand https://www.imf.org/en/countries/tha?selectedfilters=Article%20IV%20Staff%20Reports#whatsnew
- Capacity Development Partners. https://www.imf.org/en/Capacity-Development/Partners
- Executive Board Members and Voting Power. https://www.imf.org/en/About/executive-board/eds-voting-power
- IMF Capacity Development. https://www.imf.org/en/About/Factsheets/imf-capacity-development
- IMF Lending. https://www.imf.org/en/About/Factsheets/IMF-Lending
- IMF Surveillance. https://www.imf.org/en/About/Factsheets/IMF-Surveillance
- Thailand and the IMF. https://www.imf.org/en/Countries/THA
- Where the IMF Gets Its Money. http://www.imf.org/en/About/Factsheets/Where-the-IMF-Gets-Its-Money
- The Bretton Woods Conference, 1944. U.S. Department of State. https://history.state.gov/milestones/1937-1945/bretton-woods
- ความร่วมมือระหว่างประเทศไทยกับ IMF https://www.bot.or.th/th/our-roles/international-cooperation/interorg/imf.html#accordion-ef023deb70-item-df58271802