Long Term Trade หรือ การเทรดระยะยาว หมายถึงกลยุทธ์การลงทุนในตลาดการเงินที่นักลงทุนถือครองสินทรัพย์หรือสถานะซื้อขายเป็นระยะเวลานาน ตั้งแต่หลายสัปดาห์จนถึงหลายปี วัตถุประสงค์หลักของการเทรดรูปแบบนี้คือการใช้ประโยชน์จากแนวโน้มของตลาดในระยะยาว แทนที่จะเน้นความผันผวนระยะสั้น

กลยุทธ์นี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีความอดทนและไม่ต้องการติดตามตลาดตลอดเวลา นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงที่เกิดจากความผันผวนระยะสั้น เช่น การปรับตัวของราคาที่เกิดจากข่าวสำคัญในตลาด

Long Term Trade คืออะไรในตลาด Forex

ในตลาด Forex การทำ Long Term Trade นั้นเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ยอดนิยมจริง ๆ ครับ โดยนักลงทุนที่ใช้วิธีนี้มักจะมองหาความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินในระดับมหภาค เช่น อัตราดอกเบี้ย, การเติบโตทางเศรษฐกิจ, หรือการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง

ตัวอย่างของการใช้ Long Term Trade ในตลาด Forex ได้แก่ การคาดการณ์ว่าค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) จะมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นในอนาคตเนื่องจากการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) นักลงทุนอาจเลือกที่จะซื้อค่าเงิน USD และถือครองไว้จนกว่าราคาจะขึ้นตามที่คาดการณ์ไว้

ข้อดีของการลงทุนแบบ Long Term Trade

การลงทุนระยะยาวมีข้อดีที่โดดเด่นหลายประการ ได้แก่:

  1. ลดความเครียดและความกังวลในระยะสั้น: การไม่ต้องติดตามตลาดตลอดเวลาช่วยให้นักลงทุนสามารถโฟกัสกับเป้าหมายในระยะยาวได้โดยไม่ต้องกังวลกับความผันผวนในแต่ละวัน
  2. ประหยัดเวลาและลดความซับซ้อน: นักลงทุนที่ใช้กลยุทธ์ Long Term Trade ไม่จำเป็นต้องเฝ้าหน้าจอหรือตัดสินใจซื้อขายบ่อยครั้ง
  3. ลดต้นทุนการซื้อขาย: เนื่องจากมีการซื้อขายไม่บ่อย ค่าธรรมเนียมและสเปรดก็จะน้อยลงเมื่อเปรียบเทียบกับกลยุทธ์การเทรดระยะสั้น
  4. โอกาสในการทำกำไรจากแนวโน้มระยะยาว: นักลงทุนสามารถทำกำไรได้มากขึ้นเมื่อถือครองสินทรัพย์ในช่วงที่ตลาดมีแนวโน้มขาขึ้นหรือขาลงในระยะยาว
  5. เสริมสร้างความมั่นคงทางการเงิน: การลงทุนในระยะยาวช่วยให้นักลงทุนสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงและลดความเสี่ยงที่อาจเกิดจากการตัดสินใจที่ผิดพลาดในระยะสั้น

ข้อเสียที่ควรรู้เกี่ยวกับ Long Term Trade

ถึงแม้การเทรดระยะยาวจะมีข้อดี แต่ก็มีข้อเสียที่ต้องระวัง:

  1. ต้องการความอดทนสูง: การถือครองสินทรัพย์ระยะยาวต้องใช้ความอดทนและความมั่นใจในกลยุทธ์ที่เลือกใช้อย่างมาก
  2. ความเสี่ยงจากปัจจัยมหภาค: การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ การเมือง หรือสถานการณ์โลก เช่น สงครามหรือการแพร่ระบาดของโรค อาจส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อราคาสินทรัพย์ในระยะยาว
  3. ค่าธรรมเนียมการถือครองตำแหน่ง (Swap): ในตลาด Forex การถือครองสถานะข้ามคืนมักมีค่าธรรมเนียมที่เรียกว่า Swap ซึ่งอาจสะสมเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงได้
  4. โอกาสที่พลาดไปในระยะสั้น: ในระหว่างที่ถือครองตำแหน่งระยะยาว นักลงทุนอาจพลาดโอกาสทำกำไรจากการเปลี่ยนแปลงของตลาดในระยะสั้น
  5. ต้องใช้เงินทุนมากขึ้น: การลงทุนระยะยาวมักต้องการเงินทุนที่สูงเพื่อรองรับความผันผวนของราคา

รูปที่ 1 แสดงตัวอย่างข้อดีและข้อเสียของการเทรดระยะยาว หรือ Long term trading ซึ่งเทรดเดอร์ต้องชั่งน้ำหนักดูดี ๆ ก่อนตัดสินใจเลือกกลยุทธ์การเทรดครับ

วิธีเริ่มต้นทำ Long Term Trade อย่างมืออาชีพ

  1. ศึกษาข้อมูลพื้นฐาน: ก่อนเริ่มต้น นักลงทุนต้องเข้าใจปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาของสินทรัพย์ในระยะยาว เช่น การวิเคราะห์ทางเศรษฐกิจ การเมือง และสภาพแวดล้อมของตลาด
  2. เลือกสินทรัพย์หรือคู่เงินที่เหมาะสม: การเลือกคู่สกุลเงินในตลาด Forex เช่น EUR/USD หรือสินทรัพย์อื่นที่มีศักยภาพในการเติบโตในระยะยาวเป็นสิ่งสำคัญ
  3. กำหนดเป้าหมายการลงทุน: นักลงทุนควรวางแผนเป้าหมายที่ชัดเจน เช่น ระยะเวลาในการลงทุนหรือระดับกำไรที่ต้องการ
  4. ใช้การจัดการความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ: การตั้งค่า Stop Loss และ Take Profit จะช่วยป้องกันการสูญเสียเกินกว่าที่กำหนด
  5. ติดตามตลาดเป็นระยะ: ถึงแม้จะไม่ต้องติดตามทุกวัน แต่นักลงทุนควรตรวจสอบข่าวสารและข้อมูลที่อาจมีผลกระทบต่อสินทรัพย์

Long Term Trade กับการสร้างกำไรระยะยาว

การลงทุนระยะยาวเป็นหนึ่งในวิธีที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถสร้างกำไรที่มั่นคง โดยใช้แนวโน้มของตลาดที่ชัดเจน เช่น การเพิ่มขึ้นของราคาทองคำในช่วงเศรษฐกิจไม่แน่นอน หรือการแข็งค่าของสกุลเงินที่ได้รับผลประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น

ตัวอย่างเช่น หากนักลงทุนมองเห็นโอกาสในตลาด Forex และคาดการณ์ว่าค่าเงิน EUR จะมีแนวโน้มแข็งค่า นักลงทุนสามารถซื้อคู่สกุลเงิน EUR/USD และถือไว้จนกว่าราคาจะเพิ่มสูงขึ้นตามเป้าหมายที่กำหนด

5 เทคนิคสร้างกำไรในตลาด Forex แบบ Long Term Trade

การเทรดระยะยาว (Long Term Trade) ในตลาด Forex เป็นกลยุทธ์ที่นักลงทุนสามารถสร้างกำไรได้จากแนวโน้มระยะยาวของคู่สกุลเงิน โดยการใช้ความรู้เชิงลึกเกี่ยวกับปัจจัยพื้นฐานและการวิเคราะห์ตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ ต่อไปนี้คือ 5 กลยุทธ์ที่คุณสามารถนำไปใช้เพื่อเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จใน Long Term Trade

รูปที่ 2 แสดงการสรุป 5 เทคนิคที่สร้างกำไรในการเทรด forex แบบระยะยาว

1. การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis)

ความสำคัญ:

การเข้าใจเงินเฟ้อ เช่น อัตราดอกเบี้ย อัตราเงินเฟ้อ การเติบโตทางเศรษฐกิจ และนโยบายการเงินของธนาคารกลาง จะช่วยให้นักลงทุนสามารถทำนายแนวโน้มระยะยาวของคู่สกุลเงินได้

ตัวอย่างการนำไปใช้:

หากธนาคารกลางของประเทศ A เพิ่มอัตราดอกเบี้ย สกุลเงินของประเทศนั้นมักจะแข็งค่าในระยะยาว

  • การติดตามรายงานเศรษฐกิจรายเดือน เช่น GDP และดัชนีผู้บริโภค (CPI)

เครื่องมือที่แนะนำ:

  • ปฏิทินเศรษฐกิจ (Economic Calendar): ช่วยให้นักลงทุนทราบถึงเหตุการณ์สำคัญที่อาจมีผลกระทบต่อตลาด

2. การใช้แนวโน้มระยะยาว (Trend Following)

ความสำคัญ:

แนวโน้มในตลาด Forex มักมีระยะเวลายาวนาน โดยการระบุแนวโน้มหลัก (Trend) และทำตามทิศทางนั้นสามารถช่วยให้คุณสร้างกำไรได้

ตัวอย่างการนำไปใช้:

  • หาก EUR/USD มีแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) นักเทรดอาจถือสถานะซื้อ (Long) ไว้จนกว่าแนวโน้มจะเปลี่ยนไป
  • ใช้เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages) เพื่อยืนยันแนวโน้ม

เครื่องมือที่แนะนำ:

  • Moving Average (MA): ช่วยระบุแนวโน้มหลักของคู่สกุลเงิน
  • Relative Strength Index (RSI): ตรวจสอบว่าคู่สกุลเงินอยู่ในสถานะซื้อมากเกินไป (Overbought) หรือขายมากเกินไป (Oversold)

3. การบริหารจัดการความเสี่ยง (Risk Management)

ความสำคัญ:

การลงทุนระยะยาวมักมีความผันผวนมากในบางช่วง การจัดการความเสี่ยงช่วยป้องกันไม่ให้นักลงทุนสูญเสียเงินทุนทั้งหมด

ตัวอย่างการนำไปใช้:

  • ตั้งค่า Moving ไว้ที่ระดับที่เหมาะสมเพื่อป้องกันการขาดทุนเกินกว่าแผนที่กำหนด
  • ใช้ Position Sizing เพื่อควบคุมจำนวนเงินที่เสี่ยงในแต่ละการเทรด

เครื่องมือที่แนะนำ:

  • Risk-to-Reward Ratio (R): คำนวณอัตราส่วนระหว่างความเสี่ยงและผลตอบแทน
  • Position Size Calculator: ช่วยกำหนดขนาดการลงทุนที่เหมาะสม

4. การใช้กรอบเวลาใหญ่ (Higher Timeframes)

ความสำคัญ:

กรอบเวลาใหญ่ เช่น กราฟรายวัน (Daily Chart) หรือรายสัปดาห์ (Weekly Chart) มักให้สัญญาณที่เสถียรกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับกรอบเวลาสั้น

ตัวอย่างการนำไปใช้:

  • การวิเคราะห์แนวรับ (Support) และแนวต้าน (Resistance) ในกรอบเวลาใหญ่เพื่อกำหนดจุดเข้าและออกจากตลาด
  • ใช้กราฟรายวันเพื่อดูแนวโน้มหลักก่อนที่จะเปิดการเทรด

เครื่องมือที่แนะนำ:

  • Candlestick Patterns: รูปแบบแท่งเทียน เช่น Hammer หรือ Engulfing ใช้เพื่อยืนยันจุดกลับตัว
  • Fibonacci Retracement: ช่วยระบุระดับการกลับตัวของราคา

5. การติดตามข่าวสารและเหตุการณ์สำคัญ (News and Events Monitoring)

ความสำคัญ:

เหตุการณ์เศรษฐกิจหรือข่าวสำคัญ เช่น การประชุมธนาคารกลาง (FOMC Meeting) หรือการเลือกตั้ง สามารถส่งผลกระทบต่อแนวโน้มระยะยาวของตลาด

ตัวอย่างการนำไปใช้:

  • หากคาดการณ์ว่าการปรับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางยุโรปจะส่งผลให้ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้น นักลงทุนอาจเลือกเปิดสถานะซื้อในคู่ EUR/USD
  • ติดตามข่าวสารเพื่อหลีกเลี่ยงการถือครองสถานะในช่วงที่มีความผันผวนสูง

เครื่องมือที่แนะนำ:

  • Bloomberg และ Reuters: สำหรับติดตามข่าวเศรษฐกิจล่าสุด
  • Economic Indicators: เช่น Non-Farm Payroll (NFP) หรือรายงานอัตราเงินเฟ้อ

ตัวอย่างการใช้ EA สำหรับการเทรดแบบ Long Term Trade

การเทรดแบบ Long Term Trade เป็นกลยุทธ์ที่นักลงทุนถือครองตำแหน่งการซื้อขายในตลาดการเงินเป็นระยะเวลานาน เพื่อทำกำไรจากแนวโน้มของตลาดในระยะยาว การใช้ Expert Advisor (EA) หรือโปรแกรมช่วยเทรดอัตโนมัติ สามารถช่วยให้นักลงทุนดำเนินกลยุทธ์นี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ หนึ่งใน EA ที่ออกแบบมาสำหรับการเทรดระยะยาวคือ “Japanese Trend EA”

รูปที่ 3 ตัวอย่าง EA ที่ใช้เทคนิคการเทรดแบบระยะยาว โดยอาศัยการเทรดตามเทรน หรือ แนวโน้ม ผสมกับการใช้ Martingale แบบมีหลักการ

คุณสมบัติของ Japanese Trend EA

Japanese Trend EA เป็นระบบการเทรดอัตโนมัติที่ใช้เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบเอ็กซ์โปเนนเชียล (EMA) ในการตรวจจับแนวโน้มขาขึ้นหรือขาลงของตลาด นอกจากนี้ยังใช้การวิเคราะห์การดึงกลับของราคา (Pullback) และดัชนีความแข็งแกร่งสัมพัทธ์ (RSI) เพื่อยืนยันสัญญาณการเข้าเทรด เมื่อพบสัญญาณที่ชัดเจน EA จะเปิดคำสั่งซื้อหรือขายตามแนวโน้มที่ตรวจพบ นอกจากนี้ยังมีการใช้กลยุทธ์การป้องกันความเสี่ยง (Hedging) เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น

การตั้งค่าพื้นฐานของ Japanese Trend EA

  • คู่สกุลเงินที่แนะนำ: USD/JPY
  • กรอบเวลา: H4 (4 ชั่วโมง)
  • เงินทุนเริ่มต้น: $300 – $1,000
  • อัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน: 1:17
  • ระดับมาร์ติงเกล: 1.3

สถิติการเทรด (ปี 2021-2024)

  • Max Drawdown: 49.78%
  • Relative Drawdown: 51.40%
  • CAGR (อัตราการเติบโตต่อปี): 441.58%
  • Profit Factor: 3.93
  • Winrate: 35.92%

ข้อดีของการใช้ Japanese Trend EA

  • การวิเคราะห์อัตโนมัติ: EA สามารถวิเคราะห์แนวโน้มของตลาดและเปิดคำสั่งซื้อขายโดยอัตโนมัติ ลดความจำเป็นในการติดตามตลาดตลอดเวลา
  • การจัดการความเสี่ยง: ด้วยการใช้กลยุทธ์ Hedging และการตั้งค่าอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนที่เหมาะสม ช่วยลดความเสี่ยงในการขาดทุน
  • ความยืดหยุ่น: สามารถปรับแต่งการตั้งค่าต่าง ๆ เช่น ระดับมาร์ติงเกล และอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน ให้สอดคล้องกับความต้องการของนักลงทุน

รูปที่ 4 แสดงผลการ Backtest ของ Japanese Trend EA ซึ่งกำไรอย่างจะไม่ได้เท่ากันทุกเดือนแต่เดือนไหนตลาดเป็นใจ คือ เป็นเทรนแรง ๆ ก็กำไรมหาศาลจริง ๆ ครับ

ข้อควรระวัง

  • ความผันผวนของตลาด: แม้ EA จะมีการจัดการความเสี่ยง แต่ความผันผวนของตลาดยังคงเป็นปัจจัยที่ต้องพิจารณา
  • การตั้งค่าที่เหมาะสม: การปรับแต่งการตั้งค่าของ EA ควรทำด้วยความระมัดระวัง เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะตลาดและความเสี่ยงที่ยอมรับได้

บทวิเคราะห์สถิติการเทรดจริงของ Japanese Trend EA

Japanese Trend EA เป็นระบบเทรดอัตโนมัติที่เน้นการใช้แนวโน้มระยะยาวในการทำกำไรในตลาด Forex จากข้อมูลที่รวบรวมได้บน Myfxbook จะช่วยให้เราทำความเข้าใจถึงประสิทธิภาพและพฤติกรรมของ EA ตัวนี้ได้อย่างชัดเจน

1. ภาพรวมผลตอบแทน

  • กำไรรวม (Gain): +47.79%
  • กำไรสะสม (Abs. Gain): +47.79%
  • กำไรสุทธิ (Profit): $238.96
  • เงินฝากเริ่มต้น (Deposits): $500

การเติบโต: จากกราฟ “Growth” และ “Equity Growth” แสดงให้เห็นว่ากำไรเติบโตอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2024 จนถึงปัจจุบัน โดยมีช่วงที่การเติบโตสูงสุดในเดือนกันยายน (+36.21%)

การถอนเงิน: ยังไม่มีการถอนเงินออกจากบัญชี (Withdrawals: $0)

บทวิเคราะห์: EA มีความสามารถในการเติบโตของเงินทุนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงเดือนที่ตลาดมีแนวโน้มชัดเจน อย่างไรก็ตาม การลดลงในเดือนตุลาคม (-5.9%) อาจเกิดจากการปรับตัวของตลาด

รูปที่ 5 แสดงการบันทึกสถิติการเทรดจริงของ EA บน myfxbook

2. การจัดการความเสี่ยง

  • Drawdown สูงสุด: 15.21%
  • Daily Gain: 0.22%
  • Monthly Gain: 8.95%

บทวิเคราะห์: การรักษา Drawdown ต่ำกว่า 20% แสดงให้เห็นว่า EA มีการจัดการความเสี่ยงที่ดี และสามารถควบคุมการขาดทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

3. ประสิทธิภาพการเทรด

  • จำนวนเทรดทั้งหมด (Trades): 37 ครั้ง
  • อัตราการชนะ Longs: 26% (4/15)
  • อัตราการชนะ Shorts: 36% (8/22)
  • Pips รวม: 722.4 pips
  • กำไรเฉลี่ยต่อเทรด: $6.46

การเทรดที่ดีที่สุด:

  • กำไรสูงสุดต่อเทรด: $183.63 (วันที่ 30 กันยายน 2024)
  • Pips สูงสุดต่อเทรด: 601.8 pips (วันที่ 11 กันยายน 2024)

การขาดทุน ที่แย่ที่สุด:

  • ขาดทุนสูงสุดต่อเทรด: -$22.37 (วันที่ 27 กันยายน 2024)
  • Pips ต่ำสุดต่อเทรด: -51.6 pips

บทวิเคราะห์: แม้ว่าจะมีอัตราการชนะต่ำ แต่กำไรโดยรวมยังคงอยู่ในระดับที่น่าพอใจ เนื่องจากกำไรต่อการเทรดที่ชนะมีขนาดใหญ่กว่าการขาดทุน

4. ระยะเวลาในการถือครองเทรด

  • ค่าเฉลี่ยระยะเวลาต่อการเทรด: 21 ชั่วโมง 26 นาที
  • ระยะเวลาสูงสุด: มากกว่า 10 วัน (ตามกราฟ Duration)

บทวิเคราะห์: การถือครองเทรดระยะยาวเป็นหนึ่งในจุดเด่นของ EA ตัวนี้ ซึ่งสอดคล้องกับกลยุทธ์ Long Term Trade โดยมีการรอให้ตลาดพัฒนาแนวโน้มเพื่อทำกำไร

5. การวิเคราะห์ความเสี่ยงจากกราฟ MAE/MFE

จากกราฟ “MAE vs. MFE”

  • จุดสีเขียวแสดงการเทรดที่มีกำไรสูง โดยเฉพาะบางรายการที่ทำกำไรได้สูงถึง 600 pips
  • จุดสีแดงแสดงการขาดทุน ซึ่งส่วนใหญ่มีขนาดไม่เกิน -300 pips

บทวิเคราะห์: ระบบสามารถควบคุมความเสี่ยงของการขาดทุนในระดับที่ไม่สูงมาก ขณะเดียวกันยังสามารถปล่อยกำไรในเทรดที่ชนะให้เติบโตจนถึงระดับสูงสุด

รูปที่ 6 แสดงกราฟ MAE/MFE ของ EA แสดงความสัมพันธ์ระหว่างจำนวน Pip ของการเทรดที่ชนะ (Winners) และการเทรดที่แพ้ (Losers) พร้อมเน้นผลลัพธ์ที่ทำกำไรสูงสุดถึง 600 Pip ในระบบเทรดระยะยาว

6. กำไรรายเดือน (Monthly Gain)

  • เดือนสิงหาคม 2024: +20.6%
  • เดือนกันยายน 2024: +36.21%
  • เดือนตุลาคม 2024: -5.9%

บทวิเคราะห์: กำไรในเดือนกันยายนแสดงถึงศักยภาพของ EA ในการทำกำไรในช่วงที่ตลาดมีแนวโน้มชัดเจน ขณะที่การลดลงในเดือนตุลาคมอาจเกิดจากความผันผวนที่เพิ่มขึ้นหรือตลาดไม่มีแนวโน้มที่ชัดเจน

สรุปภาพรวมของ Japanese Trend EA

จุดเด่น:

  • มีการเติบโตของเงินทุนอย่างต่อเนื่อง (+79%)
  • การจัดการความเสี่ยงดี (Drawdown ต่ำ)
  • ระบบสามารถปล่อยกำไรให้เติบโตในเทรดที่ชนะได้ดี

ข้อพิจารณา:

  • อัตราการชนะต่ำ (Longs 26%, Shorts 36%) ซึ่งอาจต้องการกลยุทธ์เสริม
  • กำไรในบางเดือนอาจลดลงจากปัจจัยตลาด

รูปที่ 7 แสดงภาพสถิติการเทรดแสดงอัตราการชนะต่ำเพียง 32% แต่ยังคงสร้างกำไรรวม $238.96 ด้วยกลยุทธ์การบริหารความเสี่ยงที่ดี พร้อมการเติบโตเด่นชัดในเดือนกันยายน (+36.21%)

สรุป

Long Term Trade ซึ่งเป็นกลยุทธ์การลงทุนระยะยาวที่เน้นการถือครองสถานะการเทรดในตลาดการเงินเป็นเวลาหลายสัปดาห์หรือปี เพื่อใช้ประโยชน์จากแนวโน้มระยะยาวของตลาด ข้อดีของกลยุทธ์นี้รวมถึงลดความเครียด ประหยัดเวลา และมีโอกาสทำกำไรสูง แต่ก็มีข้อเสีย เช่น ต้องการความอดทน เงินทุนที่มากขึ้น และความเสี่ยงจากปัจจัยมหภาค วิธีเริ่มต้นทำ Long Term Trade ประกอบด้วยการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน การจัดการความเสี่ยง และเลือกกรอบเวลาที่เหมาะสม นอกจากนี้ยังมีตัวอย่าง การใช้ EA เช่น Japanese Trend EA ที่ช่วยเทรดอัตโนมัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อ้างอิง

  1. https://mtrading.com/th/education/articles/forex-strategy/steps-to-plan-successful-long-term-strategies-th
  2. https://www.startrader.com/th/knowledge-basics/long-term-trading/
  3. https://www.investopedia.com/
  4. https://www.dailyfx.com/
  5. https://www.mql5.com/en/market/product/118425?source=Site+Market+My+Products+Page#description
  6. https://www.myfxbook.com/