ถ้าคุณเคยสงสัยว่า MACD และ RSI คืออะไร? หรือใช้งานยังไงให้เก่งเหมือนมือโปร ไม่ต้องกังวล! บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักสองอินดิเคเตอร์สุดเจ๋งที่จะช่วยให้คุณเทรด Forex ได้แบบมืออาชีพมันทั้งง่าย สนุก และใช้งานได้จริง MACD และ RSI ไม่ใช่แค่เครื่องมือธรรมดาๆ แต่เป็นเหมือน “คู่หูนักวิเคราะห์” เพราะฉะนั้นเตรียมตัวสนุกไปกับการเรียนรู้เทคนิคใหม่ๆได้เลยครับ

MACD และ RSI คืออะไร? ไม่ต้องซีเรียส มารู้จักแบบง่ายๆ

รูปที่ 1 ตัวอย่างการแสดงผลของอินดิเคเตอร์ MACD และ RSI บนแพลตฟอร์มของ Trading view

MACD เครื่องมือตรวจจับแนวโน้มตลาดสุดคูล

MACD ช่วยบอกอะไร?
MACD (Moving Average Convergence Divergence) เป็นเครื่องมือที่ช่วยคุณจับการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้มตลาด เช่น จากขาขึ้นไปขาลง หรือกลับกัน โดยดูจากการเคลื่อนที่ของเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่สองเส้น และความแตกต่างระหว่างเส้นเหล่านั้นซึ่งจะสรุปได้ง่ายๆดังนี้ครับ

ส่วนประกอบที่ต้องรู้

  1. เส้น MACD (MACD Line)
    • แสดงความแตกต่างระหว่าง EMA ระยะสั้น (12 วัน) และ EMA ระยะยาว (26 วัน)
  2. Signal Line
    • เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 9 วันของเส้น MACD ใช้เป็นตัวกรองสัญญาณ
  3. Histogram
    • กราฟแท่งที่แสดงระยะห่างระหว่าง MACD Line และ Signal Line ใช้ดูแรงผลักดันของตลาด (Momentum)

ตัวอย่างเปรียบเทียบ
คิดว่า MACD เหมือน นักสืบตลาด ที่คอยบอกคุณว่า “ตอนนี้ตลาดกำลังจะพลิกหรือกลับตัวก็ได้!”

  • เส้น MACD ขึ้นเหนือ Signal Line = “ขาขึ้นกำลังมา!”
  • เส้น MACD ตัดต่ำกว่า Signal Line = “ระวัง! ขาลงใกล้มาแล้ว!”
    ส่วน Histogram เหมือนโน้ตของนักสืบที่บอกว่าแรงซื้อหรือแรงขายกำลังเพิ่มหรือลด

RSI  บารอมิเตอร์วัดพลังตลาด

RSI คืออะไร?
RSI (Relative Strength Index) เป็นเครื่องมือที่ช่วยวัด ความแรงของตลาด โดยเทียบระหว่างแรงซื้อและแรงขายในช่วงเวลาหนึ่ง (ปกติคือ 14 วัน) ค่า RSI จะมีช่วงตั้งแต่ 0-100 โดยใช้ดูว่า

  • ตลาดกำลัง “ร้อนแรงเกินไป” (Overbought) จากขาขึ้น อาจจะกลับ ตัวเป็นขาลง
  • หรือ “หมดแรงแล้ว” (Oversold) จากขาลง อาจจะกลับ ตัวเป็นขาขึ้น

ระดับ Overbought และ Oversold ทำงานยังไง?

  1. Overbought (เหนือ 70)
    • บอกว่าตลาดอาจขึ้นมากเกินไป มีความเสี่ยงที่จะกลับตัวลง
  2. Oversold (ต่ำกว่า 30)
    • บอกว่าตลาดลงหนักเกินไป อาจมีโอกาสเด้งกลับ

เปรียบเทียบ
RSI เหมือน บารอมิเตอร์วัดพลังตลาด หรือ เครื่องเตือนใจ ที่บอกว่า

  • “ตลาดกำลังวิ่งเร็วไป! ระวังล้ม!” (เมื่อค่า RSI เกิน 70)
  • หรือ “ตลาดหมดแรงแล้ว! อาจกำลังจะเด้งกลับ!” (เมื่อค่า RSI ต่ำกว่า 30)

ตัวอย่างง่ายๆ

  • RSI เกิน 70 = นักลงทุนกำลัง “บ้าพลัง” รีบซื้อจนราคาแพงเกินไป
  • RSI ต่ำกว่า 30 = ตลาดกำลัง “หมดแรง” นักลงทุนขายจนราคาอาจต่ำเกินจริง

ทำไม MACD และ RSI ต้องจับมือกัน? คู่หูนักวิเคราะห์

จุดแข็งของ MACD และ RSI เมื่อใช้งานร่วมกัน

MACD ช่วยดูแนวโน้ม ส่วน RSI ช่วยวิเคราะห์จุดซื้อ-ขาย
การใช้ MACD และ RSI ร่วมกันเปรียบเสมือนการใช้เครื่องมือสองชนิดที่เสริมกันได้อย่างลงตัว

  • MACD: ช่วยระบุแนวโน้มตลาด ไม่ว่าจะเป็นขาขึ้น ขาลง หรือการเปลี่ยนแนวโน้ม
  • RSI: ช่วยเจาะลึกว่าในแนวโน้มเหล่านั้น จุดไหนเหมาะสำหรับการเปิดออเดอร์ เช่น ซื้อเมื่อ Oversold หรือขายเมื่อ Overbought

เปรียบเทียบการใช้งาน MACD เหมือนแผนที่ ส่วน RSI คือ GPS
ลองจินตนาการว่าคุณกำลังเดินทาง

  • MACD: เปรียบเหมือนแผนที่ที่บอกเส้นทางใหญ่ๆ ว่าคุณจะไปเหนือ ใต้ ออก หรือ ตก
  • RSI: เปรียบเหมือน GPS ที่บอกจุดเลี้ยว จุดหยุด หรือทางลัดที่เหมาะสมที่สุด

ตัวอย่าง
MACD บอกว่าตลาดกำลังอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น แต่ RSI จะช่วยบอกว่าคุณควร “ซื้อ” ตรงไหนเพื่อได้ราคาที่ดีที่สุด

ข้อดีของการใช้ทั้งสองตัวพร้อมกัน

  1. ลดสัญญาณหลอก
    • MACD อาจให้สัญญาณซื้อหรือขายได้เร็วเกินไปในบางครั้งแต่จะใช้บอกแนวโน้มหลักได้ดีกว่า
    • RSI จะช่วยคัดกรองสัญญาณเหล่านั้น เช่น ตรวจสอบว่าแนวโน้มที่ MACD ชี้ไว้นั้นมีแรงหนุนที่แท้จริงหรือไม่
  2. เพิ่มความมั่นใจในการเทรด
    • การใช้ MACD และ RSI ร่วมกันจะทำให้คุณมั่นใจในการตัดสินใจมากขึ้น เพราะคุณกำลังใช้อินดิเคเตอร์สองตัวที่ทำหน้าที่ต่างกันแต่สนับสนุนกันได้ดี
    • ตัวอย่าง MACD บอกว่าขาขึ้นเริ่มชัดเจนแล้ว RSI ยืนยันว่าราคายังไม่เข้าสู่ Overbought หมายความว่าจะยังไม่มีการกลับตัวในช่วงนี้นะ

วิธีใช้ MACD และ RSI ในการวิเคราะห์กราฟ Forex

รูปที่ 2 ตัวอย่างวิธีใช้ MACD และ RSI ในการวิเคราะห์กราฟ Forex ในคู่เงิน XAUUSD H1 ในการออกออเดอร์ Buy

3 ขั้นตอนพื้นฐานที่ใช้ MACD และ RSI

  1. อ่านเส้น MACD เพื่อดูแนวโน้มตลาด
  • ดูว่าเส้น MACD Line อยู่เหนือหรือใต้เส้น Signal Line
    • MACD Line ตัดขึ้นเหนือ Signal Line แนวโน้มขาขึ้น
    • MACD Line ตัดลงใต้ Signal Line แนวโน้มขาลง
  • ใช้ Histogram ดูแรงผลักดันของตลาด (Momentum) ว่าแนวโน้มแข็งแกร่งแค่ไหน
    • Histogram > 0 มีแนวโน้มเทรนขาขึ้นที่แข็งแรง
    • Histogram < 0 มีแนวโน้มเทรนขาลงที่แข็งแรง
  1. ตรวจสอบ RSI ว่ามีสัญญาณ Overbought หรือ Oversold หรือไม่
    • RSI > 70: ตลาดอยู่ในภาวะ Overbought (แรงซื้อสูงเกินไป อาจปรับตัวลงเร็วๆ นี้)
    • RSI < 30: ตลาดอยู่ในภาวะ Oversold (แรงขายมากเกินไป อาจมีการดีดตัวกลับ)
  2. กำหนด SL / TP ตาม RR โดยวัดจาก Swing Low/High ล่าสุด

สรุป

MACD และ RSI คืออินดิเคเตอร์ที่เปรียบเสมือนคู่หูสุดเจ๋งในโลกของการเทรด Forex เมื่อใช้งานร่วมกัน พวกเขาจะช่วยให้คุณวิเคราะห์ตลาดได้อย่างลึกซึ้งและแม่นยำมากขึ้น MACD ช่วยจับแนวโน้มและแรงผลักดันของตลาด ส่วน RSI จะช่วยวิเคราะห์จุดซื้อ-ขายที่เหมาะสม และกรองสัญญาณหลอกได้ จึงทำให้การตัดสินใจของคุณมั่นคงขึ้น การรวมพลังของทั้งสองจะช่วยเพิ่มความมั่นใจ ลดความเสี่ยง และทำให้คุณเทรดได้อย่างชาญฉลาดและมีระบบมากขึ้นนั่นเอง

“เครื่องมือดี อยู่ที่คนใช้ ฉลาดเทรด ต้องรู้จักปรับตัว”