Margin Call คืออะไร และทำไมต้องรู้ให้ลึก?

  • Margin Call คือจุดที่โบรกเกอร์แจ้งเตือนว่าเงินในบัญชีของคุณไม่พอสำหรับแบกรับออเดอร์ที่เปิดอยู่
  • มันเกิดขึ้นเมื่อมูลค่ารวมของพอร์ต (Equity) ลดลงจนต่ำกว่าระดับที่ต้องใช้ประกันการเทรด (Used Margin)
  • หากไม่เติมเงินหรือจัดการอะไรเลย โบรกเกอร์จะเริ่ม Stop Out หรือไล่ปิดออเดอร์อัตโนมัติ เพื่อหยุดการขาดทุนที่ลึกลง
  • จุดนี้คือ “ขาดทุนเกินทน” ไม่ใช่เพราะเทรดผิดแค่ครั้งเดียว แต่เพราะบริหารความเสี่ยงผิดพลาดต่อเนื่อง
  • Margin Call ไม่ได้เกิดกับคนเทรดพลาดเท่านั้น แต่เกิดกับคนที่ “ไม่รู้ว่าเสี่ยงอยู่” มากกว่า

ทำไม Margin Call ถึงเกิดขึ้น?

  • ตลาด Forex มีความผันผวนสูง ราคาสามารถเปลี่ยนแปลงได้รวดเร็วและรุนแรง
  • ถ้าคุณเปิดล็อตใหญ่เกินทุนที่มี หรือใช้ Leverage สูงเกินไป โดยไม่มีการบริหารความเสี่ยงที่ดี จะทำให้ Equity ร่วงลงอย่างรวดเร็ว
  • เมื่อ Equity ต่ำกว่า Used Margin ระบบจะส่งสัญญาณ Margin Call เพื่อแจ้งเตือนว่าเงินไม่พอรองรับความเสี่ยง
  • หากปล่อยให้สถานการณ์เป็นแบบนี้ต่อไป จะเข้าสู่ขั้น Stop Out ที่โบรกเกอร์จะปิดออเดอร์ให้เอง

ภาพแสดงถึงคำศัพท์ของการเทรด ซึ่งเหมือนกับ Timeline ว่าการก้าวเข้าสู่คำว่าพอร์ตแตกเป็นอย่างไร ?

ผลกระทบของ Margin Call ต่อพอร์ต

  • หากได้รับ Margin Call และไม่จัดการทันที จะทำให้โบรกเกอร์ปิดออเดอร์บางส่วนหรือทั้งหมดโดยอัตโนมัติ
  • บางครั้งอาจทำให้เสียโอกาสกลับมาได้ เพราะถูกบังคับปิดออเดอร์ในจังหวะที่ยังมีโอกาสฟื้นตัว
  • การโดน Margin Call บ่อย ๆ แสดงว่าการบริหารเงินและความเสี่ยงมีปัญหา อาจทำให้หมดทุนในที่สุด
  • จึงจำเป็นต้องมีแผนรับมือและจัดการความเสี่ยงอย่างเป็นระบบ

ใครบ้างที่เสี่ยงโดน Margin Call?

  • มือใหม่ที่ยังไม่เข้าใจระบบ Margin และ Leverage อย่างแท้จริง
  • เทรดเดอร์ที่ไม่มีแผนบริหารความเสี่ยงชัดเจน
  • คนที่เปิดล็อตใหญ่เกินทุน หรือใช้ Leverage สูงโดยไม่มีการควบคุม
  • เทรดเดอร์ที่ไม่ติดตามสถานะบัญชีและไม่สนใจสัญญาณเตือนของระบบ
  • แม้แต่เทรดเดอร์มืออาชีพ ถ้าเจอสภาพตลาดที่ผันผวนมาก ๆ ก็ยังมีโอกาสโดน Margin Call ได้

วิธีคำนวณ Margin และ Free Margin

  • Margin คือเงินที่ถูกกันไว้ในบัญชี เพื่อใช้เปิดออเดอร์ หมายความว่าเงินส่วนนี้ถูกล็อกชั่วคราว
  • Free Margin คือเงินที่เหลือในบัญชีซึ่งยังสามารถใช้เทรดเพิ่ม หรือรองรับการแกว่งของกราฟได้
  • ถ้า Free Margin เหลือน้อยมาก ออเดอร์จะไม่มีพื้นที่หายใจ หากกราฟแกว่งแรงก็อาจเกิด Margin Call
  • การเทรดที่ดีจึงไม่ใช่แค่เปิดออเดอร์ให้ได้ แต่ต้องเหลือ Free Margin ไว้เป็น “กันชน” เสมอ
  • นักเทรดที่รอดมาหลายรอบมักจะบอกเหมือนกันว่า “Free Margin สำคัญพอ ๆ กับเงินในบัญชี”

ตัวอย่างของ Trader B ที่ใช้ Lot Size ใหญ่ อื้อหือ! ออเดอร์นี้ 0.10 เลยทีเดียว แน่นอนว่าหากไปถูกทางก็กำไร แต่ผิดทางโอกาศเกิด Margin Call และ Stop Out ได้สูงมากเช่นกัน

สูตรคำนวณง่าย ๆ

  1. Margin = (ขนาดล็อต × Contract Size) ÷ Leverage
  2. Free Margin = Equity – Margin

อธิบายคำศัพท์ที่ใช้ในสูตร

  • ขนาดล็อต (Lot Size) คือปริมาณการเทรด เช่น 0.01 ล็อต (ล็อตเล็กสุดที่นิยมใน Forex)
  • Contract Size คือขนาดสัญญาของคู่เงินที่เทรด ปกติจะเป็น 100,000 หน่วยของสกุลเงินฐาน (สำหรับล็อตมาตรฐาน 1.0)
  • Leverage คืออัตราส่วนที่โบรกเกอร์ให้ยืม เช่น 1:100, 1:500 เป็นต้น
  • Equity คือยอดเงินรวมในบัญชีขณะนั้น (Balance + กำไร/ขาดทุนที่ยังไม่ปิดออเดอร์)

ตัวอย่างคำนวณแบบง่ายมาก

สมมติ:

  • มีทุน 1,000 ดอลลาร์
  • เปิดออเดอร์ขนาด 0.01 ล็อต
  • Contract Size = 100,000 (มาตรฐาน Forex)
  • ใช้ Leverage 1:100

คำนวณ Margin
= (0.01 × 100,000) ÷ 100
= 1,000 ÷ 100
= 10 ดอลลาร์

หมายความว่า
โบรกเกอร์จะกันเงิน 10 ดอลลาร์จากทุน 1,000 ดอลลาร์ไว้สำหรับเปิดออเดอร์นี้

สมมติ Equity ปัจจุบัน = 980 ดอลลาร์ (ขาดทุนไป 20 ดอลลาร์)

คำนวณ Free Margin
= Equity – Margin
= 980 – 10
= 970 ดอลลาร์

หมายความว่า
คุณยังมีเงินเหลือ 970 ดอลลาร์ ที่สามารถใช้เปิดออเดอร์ใหม่ หรือรองรับการแกว่งของราคาได้

ถ้า Free Margin ลดเหลือ 0 หรือเข้าใกล้ 0

  • แปลว่าคุณไม่มีเงินเหลือพอรองรับความเสี่ยง
  • โบรกเกอร์จะเตือน Margin Call และอาจปิดออเดอร์บางส่วนเพื่อปกป้องบัญชี
  • นี่คือสัญญาณให้รีบบริหารความเสี่ยงทันที

ภาพแสดงถึงอารมณ์คนกำลังบวก ที่กำไรได้กำไร และมี Free Margin เยอะ แต่สำหรับคนที่โดยเรียก Margin Call ต้องเครียดมาก ๆ เพราะเหลืออีกนิดพอร์ตก็จะระเบิดแล้ว

จุดเริ่ม Margin Call มักเริ่มจากล็อตที่ไม่พอดี

  • หนึ่งในสาเหตุหลักที่พอร์ตพังคือการเปิดล็อตเกินตัว โดยเฉพาะกับมือใหม่ที่ไม่มีการคำนวณ
  • มีทุนอยู่แค่หลักพัน แต่เปิดล็อตใหญ่ระดับ 0.5 หรือ 1.0 โดยหวังว่ากราฟจะวิ่งในทางที่ต้องการ
  • พอกราฟสะบัดผิดทางเพียงนิดเดียว Equity จะร่วงลงเร็วมาก จนถึงจุด Margin Call โดยไม่ทันตั้งตัว
  • การเปิดล็อตใหญ่ทำให้ Margin ถูกใช้เยอะ เหลือ Free Margin น้อย เสมือนพอร์ตยืนอยู่บนขอบเหว
  • ทางออกไม่ใช่เลิกเทรด แต่ต้องเริ่มจากการคำนวณขนาดล็อตให้เหมาะกับเงินทุนจริง

ไม่อยากโดน Margin Call ต้องรู้ทันสัญญาณเหล่านี้

  • หากเห็น Free Margin เหลือต่ำกว่า 30% ของเงินในบัญชี ถือว่าเริ่มเข้าขั้นอันตราย ต้องเช็กสถานการณ์ทันที
  • Equity ที่เริ่มใกล้เคียงกับ Margin ที่ใช้อยู่ คือสัญญาณว่าออเดอร์กำลังแบกพอร์ตหนักเกินไป
  • หลายแพลตฟอร์มจะขึ้นคำเตือน เช่น “Low Margin Level” หรือ “Margin Warning” ควรรับฟังสัญญาณเหล่านี้
  • บางเทรดเดอร์ปิดเสียงแจ้งเตือนระบบ เพราะรำคาญ นั่นเท่ากับละเลยเครื่องเตือนภัยของพอร์ตตัวเอง
  • จุดสำคัญคืออย่าเพิกเฉยต่อสัญญาณเตือนเหล่านี้ เพราะมันคือ “สัญญาณสุดท้ายก่อนพอร์ตแตก”

ตัวอย่าง Trader A อยู่ในตลาดได้ยาว ๆ กับการบริหารความเสี่ยง ออก Lot Size แบบเบา ๆ 0.01 แน่นอนเลยว่า หากผิดทาง ก็มีโอกาสที่จะกลับมาได้นะ เป็นการเทรดแบบบริหารความเสี่ยง

วิธีรับมือ Margin Call จากประสบการณ์ของนักเทรด

  • เมื่อระบบเตือน Margin Call มีสองทางเลือกทันที หรือ เติมเงินเพิ่ม หรือปิดออเดอร์บางส่วน
  • ถ้ามั่นใจในเทรด และมีเงินสำรอง เติมเพิ่มได้ เพื่อให้ Equity สูงขึ้นและลดแรงกดดันจาก Margin
  • ถ้าไม่มั่นใจหรือกราฟยังวิ่งผิดทาง ควรปิดบางออเดอร์เพื่อให้ Margin ลดลง จะช่วยให้พอร์ตมีลมหายใจ
  • อย่าดันทุรังถือออเดอร์จนโดน Stop Out เพราะคุณจะไม่มีสิทธิ์เลือกว่าจะปิดไม้ไหน
  • การเตรียมใจรับ Margin Call ต้องมาพร้อมแผนล่วงหน้า ไม่ใช่รอให้เกิดก่อนแล้วค่อยคิด

การเตรียมแผนบริหารความเสี่ยงล่วงหน้า

  • กำหนดระดับ Stop Loss ที่ชัดเจนในทุกออเดอร์ เพื่อจำกัดความเสียหายก่อนเกิด Margin Call
  • วางแผนบริหารขนาดล็อตให้เหมาะสมกับทุนและความเสี่ยงที่รับได้
  • ตรวจสอบ Free Margin และ Equity อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้รู้สถานะพอร์ตตลอดเวลา

การตั้งจุดเติมเงินสำรองอย่างมีวินัย

  • เตรียมเงินสำรองไว้สำหรับเติม Margin ในกรณีที่ตลาดยังไม่วิ่งผิดทางมากเกินไป
  • เติมเงินเฉพาะเมื่อมั่นใจว่าพอร์ตยังมีโอกาสฟื้นตัว และไม่เติมเพื่อหวังแก้มือแบบใจร้อน
  • หลีกเลี่ยงการเติมเงินบ่อยเกินไปโดยไม่มีแผน เพราะอาจทำให้ขาดทุนหนักกว่าเดิม

การปิดออเดอร์แบบมีเหตุผล

  • เลือกปิดออเดอร์ที่ทำให้ใช้ Margin มากที่สุดก่อน เพื่อลดแรงกดดันในพอร์ต
  • หากเปิดหลายออเดอร์ที่สวนทางกัน ควรปิดไม้ที่ขาดทุนหนักสุดก่อน
  • ปิดออเดอร์เป็นขั้นตอน อย่าปิดหมดทีเดียวเพื่อรักษาสภาพคล่องในพอร์ต

การฝึกวินัยและจิตใจนักเทรด

  • ยอมรับว่า Margin Call เป็นสัญญาณเตือนให้เรียนรู้และปรับปรุง ไม่ใช่ความล้มเหลว
  • ฝึกใจให้ไม่ตื่นตระหนก หรือแก้มือด้วยความใจร้อน เพราะจะเพิ่มความเสี่ยง
  • ใช้ประสบการณ์ Margin Call เป็นบทเรียนปรับกลยุทธ์เทรดในอนาคต

ภาพตัวอย่างการเกิด Margin Call และดูขนาดของ Lot Size สิ แรง ๆ ทั้งนั้น สุดท้ายก็ไม่พ้น Stop Out ซึ่งบางโบรกเกอร์ก็มีการแจ้งเตือนถึงความผันผวนนี้ด้วย

วาง Lot อย่างมีแผน ลดความเสี่ยง Margin Call

  • ควรคำนวณขนาดล็อตก่อนเปิดออเดอร์ทุกครั้ง โดยเทียบกับเงินทุนและระยะห่าง Stop Loss
  • ตัวอย่างเช่น มีทุน $100 ควรเปิดแค่ 0.01 เท่านั้น อย่าเกินกว่านี้ถ้าไม่มีประสบการณ์
  • ใช้เครื่องมืออย่าง Position Size Calculator จะช่วยให้วางแผนได้แม่นยำ
  • หลีกเลี่ยงการเปิดหลายไม้พร้อมกัน โดยเฉพาะไม้สวนทางกัน เพราะจะใช้ Margin สูงขึ้นโดยไม่รู้ตัว
  • อย่ามองว่าการเปิดล็อตใหญ่คือการหาเงินเร็ว มันคือความเสี่ยงที่ต้องจ่ายแพงถ้าไม่รอด

บริหาร Leverage ให้เป็น ไม่ใช่แค่เครื่องมือขยายพอร์ต

  • Leverage ที่โบรกเกอร์ให้ เช่น 1:500 หรือ 1:2000 เป็นเพียง “สิทธิ์” ในการใช้ Margin น้อยลง ไม่ใช่เงินเพิ่ม
  • หลายคนเข้าใจผิด คิดว่า Leverage สูงคือดีทั้งหมด ซึ่งจริงแค่บางส่วน
  • ยิ่ง Leverage สูง คุณสามารถเปิดล็อตใหญ่โดยใช้เงินน้อยได้ แต่นั่นก็แปลว่าความเสี่ยงยิ่งสูง
  • มือใหม่ควรใช้ Leverage ระดับกลาง เช่น 1:200 ถึง 1:500 จะควบคุมความเสี่ยงได้ง่ายกว่า
  • อย่าลืมว่า Leverage เป็นเพื่อนที่ดี หากคุณมีวินัย แต่เป็นศัตรูร้ายถ้าใช้แบบไม่มีแผน

บทเรียนจากคนเคยพังเพราะ Margin Call และทางรอดที่เจอ

  • เคยเปิดล็อตใหญ่ด้วยความมั่นใจแบบไม่ดูทุน ขาดทุนไม่ถึง 30 จุด พอร์ตหายครึ่งในวันเดียว
  • ตอนนั้นไม่เข้าใจว่าตัวเลข Margin Level ที่เหลือ 100% แปลว่าอะไร รู้แค่ว่า “ยังเปิดได้”
  • จนวันหนึ่งโดน Stop Out ไล่ปิดไม้หมด เหลือเงิน 20 บาท ตาสว่างเลยทันที
  • จากวันนั้นเริ่มเรียนรู้เรื่อง Risk Management จริงจัง ฝึกเทรดบนบัญชี Cent ใช้ล็อตเล็ก เน้นความอยู่รอด
  • สุดท้ายก็ค่อย ๆ โตกลับมาได้ ไม่ใช่เพราะเทรดแม่นขึ้น แต่เพราะบริหารเงินดีขึ้นต่างหาก

การไม่เข้าใจ Margin Level ทำให้พลาดหนัก

  • Margin Level คือเปอร์เซ็นต์ที่บอกว่ายอด Equity มีความสัมพันธ์กับ Used Margin อย่างไร
  • เมื่อตัวเลข Margin Level ลดลงต่ำกว่าเกณฑ์ที่โบรกเกอร์กำหนด เช่น 100% หรือ 50% จะเริ่มมีความเสี่ยงถูกเรียก Margin Call หรือ Stop Out
  • ช่วงแรก ๆ มักจะเข้าใจผิดคิดว่า Margin Level 100% หมายถึง “ยังปลอดภัย” ทั้งที่จริงคือจุดวิกฤติใกล้หมดพื้นที่หายใจแล้ว
  • การไม่รู้จักอ่านตัวเลขนี้ ทำให้เปิดล็อตใหญ่เกินไปโดยไม่รู้ตัว

การเริ่มต้นใหม่ด้วยบัญชี Cent และล็อตเล็ก

  • บัญชี Cent คือบัญชีที่ใช้เงินลงทุนจริงแต่ขนาดล็อตเล็กลงมาก เหมาะกับการฝึกบริหารเงิน
  • ใช้ล็อตเล็กอย่าง 0.01-0.02 เพื่อควบคุมความเสี่ยงและให้พอร์ตมีโอกาสรอดจากความผันผวน
  • การเทรดในบัญชีนี้ช่วยสร้างวินัยบริหารเงิน และฝึกอ่านสถานะ Margin ได้ชัดเจนขึ้น
  • จากประสบการณ์นี้ทำให้เข้าใจว่าการ “อยู่รอดในตลาด” สำคัญกว่าการทำกำไรเร็ว

การปรับ mindset จากการล้มเหลวสู่ความสำเร็จ

  • เรียนรู้ที่จะไม่โทษโชคชะตาหรือการตลาด แต่เริ่มโฟกัสที่การจัดการความเสี่ยงและวินัยตัวเอง
  • เข้าใจว่า “ขาดทุนคือส่วนหนึ่งของการเทรด” แต่ต้องควบคุมให้ไม่ขาดทุนจนหมดตัว
  • ฝึกการวางแผนก่อนเปิดออเดอร์ทุกครั้ง โดยเฉพาะการตั้ง Stop Loss และการคำนวณล็อตให้เหมาะสม
  • ปรับตัวช้า ๆ แต่มั่นคงจนสร้างพอร์ตที่เติบโตอย่างยั่งยืน

บทเรียนสำคัญที่อยากบอกต่อ

  • อย่าเทรดเกินทุน และอย่าดันทุรังเปิดล็อตใหญ่เกินกว่าที่เงินจะรองรับ
  • ติดตามสถานะ Margin Level และ Free Margin อย่างใกล้ชิดเสมอ
  • เตรียมแผนรับมือ Margin Call ไว้ล่วงหน้า ไม่ใช่รอให้เกิดก่อนแล้วค่อยแก้ไข
  • ใช้บัญชีทดลองหรือบัญชี Cent ฝึกบริหารความเสี่ยงก่อนลงสนามจริง
  • สุดท้าย ความสำเร็จไม่ได้มาจากโชค แต่เกิดจากการเรียนรู้และปรับปรุงวิธีเทรดอย่างต่อเนื่อง

เป็นบทเรียนจากคนเคยพอร์ตแตกแบบสั้น ๆ ที่เมื่อหันมาบริหารความเสี่ยงแล้ว ผลมันดีกว่าการรวยเร็วเป็นไหนๆ

คลิปที่น่าสนใจ

  • ขอแนะนำคลิปที่ให้ความรู้เรื่อง Margin Call / Stop Out คืออะไร รู้ไว้ก่อนพอร์ตแตก ล้างพอร์ต | พื้นฐาน forex เบื้องต้น โดยจะต้องได้เห็นการเทรดจริงจะได้เข้าใจง่ายขึ้น 

สรุป

  • Margin Call คือสัญญาณเตือนว่าพอร์ตคุณ “เสี่ยงเกินไป” ต้องรีบปรับแผนก่อนพอร์ตพัง
  • การอยู่รอดในตลาดไม่ใช่เรื่องโชค แต่เป็นเรื่องของการวางแผนและบริหารความเสี่ยงอย่างมีวินัย
  • อย่าเปิดล็อตใหญ่เกินตัวเพียงหวังรวยเร็ว เพราะอาจเจอ Margin Call ที่ทำให้เสียหมดตัวได้
  • Free Margin คือ “พื้นที่หายใจ” ของพอร์ต ถ้ามีน้อย แปลว่าพอร์ตกำลังจะติดขัด
  • เมื่อเจอสัญญาณ Margin Call ให้เลือกเติมเงินหรือปิดออเดอร์บางส่วน ไม่ควรถือจนโดน Stop Out
  • การตั้ง Stop Loss และบริหารขนาดล็อตให้เหมาะสม เป็นวิธีป้องกัน Margin Call ที่ดีที่สุด

อ้างอิง

FAQ — Margin Call คืออะไรในการเทรด Forex: ความสำคัญและวิธีรับมือ

Margin Call คือสัญญาณเตือนจากโบรกเกอร์ว่าเงินในบัญชีของคุณใกล้จะไม่พอสำหรับออเดอร์ที่เปิดอยู่ ถ้าไม่จัดการให้ดี อาจโดนปิดออเดอร์อัตโนมัติจนหมดเงิน เรียกง่าย ๆ ว่า “พอร์ตกำลังเจอปัญหา ต้องรีบแก้ไข” ครับ
ถึงจะเปิดล็อตเล็ก แต่ถ้าใช้ Leverage สูง หรือทุนไม่พอรองรับเวลาเทรดแล้วราคาผันผวนแรง ก็เสี่ยงโดน Margin Call ได้เหมือนกันนะครับ เพราะมันขึ้นกับว่าคุณมี Free Margin เหลือพอหรือเปล่า ไม่ใช่แค่ขนาดล็อตอย่างเดียว
ส่วนใหญ่แพลตฟอร์มเทรดจะโชว์คำเตือน เช่น “Low Margin” หรือดูจากตัวเลข Margin Level ถ้ามันลดต่ำกว่า 100% หรือ Free Margin เหลือน้อยมาก ๆ แปลว่ากำลังเสี่ยงครับ ต้องรีบเช็กพอร์ตและวางแผนรับมือทันที
คุณมีทางเลือกหลัก ๆ สองทาง คือเติมเงินเพิ่มในพอร์ต หรือถ้าไม่มั่นใจให้ปิดออเดอร์บางส่วนเพื่อลดการใช้ Margin อย่าดันทุรังถือออเดอร์ไว้ เพราะโบรกเกอร์จะปิดให้เอง (Stop Out) ซึ่งเราไม่สามารถเลือกไม้ที่อยากปิดได้
เพราะ Margin Call ไม่ได้ดูแค่กำไร-ขาดทุน แต่มันดูที่ความสัมพันธ์ของเงินทุน (Equity) กับ Margin ที่กันไว้ ถ้า Equity ลดลงจนใกล้ Margin ที่ใช้ ระบบจะเตือนทันที แม้กำไร-ขาดทุนยังไม่มาก แต่ถ้าปล่อยไว้อาจทำให้พอร์ตพังได้เร็ว

 

เขียนโดย

Pakornkiat Poonsuk

ผู้ตรวจทานความถูกต้อง

Chonthicha Poomidon