ข่าวนอนฟาร์ม (ข่าว Non Farm) คืออะไร?

เริ่มง่ายๆ เลย ข่าว Non-Farm คือ การรายงานตัวเลขการจ้างงานในสหรัฐอเมริกา ที่ไม่รวมการจ้างงานในภาคเกษตร โดยจะประกาศทุกวันศุกร์แรกของเดือน เวลา 19.30 น. ตามเวลาไทย (แต่อาจเลื่อนเป็น 20.30 น. ในบางเดือนที่สหรัฐฯ มีการปรับเวลาออมแสง)

  • ทำไมถึงเรียกว่า “Non-Farm”? เพราะเขาไม่นับรวมการจ้างงานในภาคเกษตร เนื่องจากการจ้างงานในภาคเกษตรมักผันผวนตามฤดูกาล เช่น ช่วงเก็บเกี่ยวก็จะมีคนงานเยอะ พอหมดฤดูก็น้อยลง ดังนั้นการไม่นับรวมจะทำให้เห็นภาพรวมการจ้างงานที่แท้จริงได้ชัดเจนกว่า

ทำไมข่าวนี้ถึงสำคัญมาก?

  1. เป็นตัวบ่งชี้สุขภาพเศรษฐกิจ – ถ้าตัวเลขการจ้างงานดี แสดงว่าบริษัทต่างๆ มีความเชื่อมั่น กล้าจ้างคนเพิ่ม เศรษฐกิจก็น่าจะดี
  2. ส่งผลต่อค่าเงินดอลลาร์ – เมื่อตัวเลขออกมาดีกว่าที่คาด เงินดอลลาร์มักจะแข็งค่าขึ้น แต่ถ้าแย่กว่าคาด ดอลลาร์ก็มักจะอ่อนค่าลง
  3. มีผลต่อนโยบายการเงิน – ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ใช้ข้อมูลนี้ประกอบการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ย ถ้าการจ้างงานดีมากๆ Fed อาจต้องขึ้นดอกเบี้ยเพื่อป้องกันเงินเฟ้อ
  4. กระทบตลาดการเงินทั่วโลก – ไม่ใช่แค่ค่าเงิน แต่ยังส่งผลถึงตลาดหุ้น ตลาดทองคำ และสินทรัพย์อื่นๆ ทั่วโลก

ทำไมถึงได้ชื่อว่าเป็น “ข่าวอันตราย”?

  • เพราะเมื่อมีการประกาศตัวเลขออกมา ตลาดมักจะผันผวนรุนแรงมาก
  • โดยเฉพาะถ้าตัวเลขออกมาไม่ตรงกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ราคาสินทรัพย์ต่างๆ อาจพุ่งขึ้นหรือร่วงลงอย่างรวดเร็วในเวลาไม่กี่นาที

เคล็ดลับสำหรับนักเทรด

  • ก่อนข่าวประกาศ 30-60 นาที ควรระวังการเปิดออเดอร์ใหม่
  • ตั้ง Stop Loss ให้กว้างกว่าปกติเพื่อรับมือความผันผวน
  • อาจรอให้ตลาดนิ่งสักพัก (15-30 นาทีหลังประกาศ) ค่อยเข้าเทรด
  • ศึกษาตัวเลขย้อนหลังและคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ประกอบการตัดสินใจ

ตัวเลข Non-Farm มีผลต่อเศรษฐกิจแบบลูกโซ่

  • ถ้าการจ้างงานดี → คนมีงานทำ → มีรายได้ → ใช้จ่ายมากขึ้น
  • การใช้จ่ายเพิ่ม → ธุรกิจขายดี → ขยายกิจการ → จ้างงานเพิ่ม
  • วนเวียนเป็นวัฏจักรแบบนี้ไปเรื่อยๆ

ที่น่าสนใจ คือ การจ้างงานนอกภาคเกษตรนี้ยังแบ่งเป็นหมวดหมู่ย่อยๆ ทำให้เราเห็นว่าภาคธุรกิจไหนกำลังเติบโตหรือหดตัว เช่น การผลิต การก่อสร้าง การบริการ การเงิน ฯลฯ

มาทำความรู้จักข่าวเศรษฐกิจสำคัญที่นักเทรดทั่วโลกจับตามองกัน

“Non-Farm Payrolls” หรือที่นิยมเรียกสั้นๆ ว่า NFP” นี่เป็นชื่อย่อที่คุ้นหูกันในวงการเทรด ชื่อเต็มๆ ของมันคือ “Non-Farm Employment Change” หรือ “การเปลี่ยนแปลงการจ้างงานนอกภาคเกษตร” นั่นเองค่ะ

ที่น่าสนใจ คือ ในวงการเทรดเดอร์มักเรียกข่าวนี้กันว่า “ข่าวอันตราย” เพราะมันสามารถสร้างความปั่นป่วนให้ตลาดได้อย่างรุนแรงในช่วงเวลาสั้นๆ ลองนึกภาพเหมือนคลื่นยักษ์ที่ซัดเข้ามาในตลาดการเงินทุกเดือน ทำให้ราคาสินทรัพย์ต่างๆ แกว่งตัวแรงในเวลาเพียงไม่กี่นาทีหลังประกาศข่าว

บางคนก็เรียกมันว่า “ข่าว Non-Farm” หรือแค่ Non-Farm” สั้นๆ แต่ไม่ว่าจะเรียกชื่อไหน มันก็คือหนึ่งในข่าวเศรษฐกิจที่ทรงพลังที่สุดที่ส่งผลต่อตลาดการเงินโลก โดยเฉพาะตลาด Forex ที่นักเทรดต้องจับตาดูกันอย่างใกล้ชิดทุกๆ วันศุกร์แรกของเดือนนั่นเองค่ะ

คิดง่ายๆ ว่า NFP ก็เหมือนเป็นไข้วัดอุณหภูมิเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่บอกว่าตอนนี้เศรษฐกิจกำลัง “ร้อนแรง” หรือ “เย็นตัว” ผ่านตัวเลขการจ้างงานนั่นเองค่ะ

“Non-Farm Payrolls – เสียงหัวใจของตลาดการเงินโลก”

  • ในโลกของการเทรด มีข่าวเศรษฐกิจมากมายที่เทรดเดอร์ต้องติดตาม แต่มีข่าวหนึ่งที่ถือเป็น “ข่าวใหญ่” ที่ไม่มีเทรดเดอร์คนไหนกล้ามองข้าม นั่นคือ Non-Farm Payrolls หรือที่เรารู้จักกันในชื่อย่อว่า NFP
  • NFP เป็นเหมือน “การตรวจสุขภาพ” ของเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่างสหรัฐอเมริกา ตัวเลขการจ้างงานที่ประกาศออกมาในทุกวันศุกร์แรกของเดือน สามารถสร้างคลื่นยักษ์ในตลาดการเงินได้ในพริบตา ทั้งตลาด Forex ตลาดหุ้น ตลาดทองคำ ไปจนถึงตลาดพันธบัตร
  • สำหรับเทรดเดอร์แล้ว การรู้จักและเข้าใจ NFP ไม่ใช่แค่ “ควร” แต่เป็น “ต้อง” เพราะนี่คือหนึ่งในเครื่องมือที่ทรงพลังที่สุดในการคาดการณ์ทิศทางตลาด เป็นเหมือนเข็มทิศที่ชี้นำว่าเศรษฐกิจกำลังจะร้อนแรงหรือเย็นตัว ค่าเงินดอลลาร์จะแข็งหรืออ่อน และที่สำคัญ มันยังเป็นข้อมูลสำคัญที่ Fed ใช้ในการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ย
  • แต่สิ่งที่ทำให้ NFP พิเศษกว่าข่าวอื่นๆ คือการที่มันเป็นมากกว่าแค่ตัวเลข มันเป็นภาพสะท้อนของชีวิตผู้คนนับล้าน บอกเล่าเรื่องราวของธุรกิจที่กำลังเติบโตหรือถดถอย และแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในระบบเศรษฐกิจ
  • สำหรับเทรดเดอร์มือใหม่ การเริ่มต้นทำความรู้จักกับ NFP อาจดูน่ากลัว เพราะความผันผวนที่มันสร้างขึ้นในตลาด แต่นี่คือโอกาสทองในการเรียนรู้และพัฒนาทักษะการเทรด เพราะเมื่อคุณเข้าใจจังหวะการเต้นของหัวใจดวงนี้ คุณจะสามารถเต้นรำไปกับความผันผวนของตลาดได้อย่างมั่นใจ
  • จำไว้เสมอว่า ในโลกของการเทรด ความรู้คือพลัง และ NFP ก็เป็นหนึ่งในความรู้ที่ทรงพลังที่สุดที่เทรดเดอร์ทุกคนควรมี มันไม่ใช่แค่ข่าวที่คุณควรรู้ แต่เป็นข่าวที่คุณ “ต้องรู้” ถ้าต้องการประสบความสำเร็จในการเทรดระยะยาว
  • ในท้ายที่สุด NFP ไม่ใช่แค่ตัวเลขที่ประกาศทุกเดือน แต่เป็นเหมือนจังหวะการเต้นของหัวใจตลาดการเงินโลก ที่เทรดเดอร์ทุกคนต้องเรียนรู้ที่จะฟังและเข้าใจ เพื่อก้าวเดินในเส้นทางการเทรดอย่างมั่นคงและยั่งยืน

ตัวเลข Non-Farm

เมื่อตัวเลข NFP ลดลง

  • นั่นเป็นสัญญาณที่น่ากังวล เหมือนกับว่าเศรษฐกิจกำลังเป็นไข้ ภาพที่เราจะเห็น คือ ธุรกิจเริ่มชะลอการจ้างงาน หรือแย่กว่านั้น คือ มีการปลดพนักงาน
  • เมื่อคนมีงานทำน้อยลง กำลังซื้อก็จะลดลงตาม เงินในระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนช้าลง เหมือนเลือดที่สูบฉีดในร่างกายเริ่มเชื่องช้า และนี่คือสัญญาณของเศรษฐกิจที่กำลังหดตัว

** เมื่อตัวเลข NFP ลดลง สมมติว่าตัวเลขแสดง -150,000 หมายถึง มีการสูญเสียงานไป 150,000 ตำแหน่ง นี่เป็นสัญญาณที่น่ากังวล เพราะบ่งชี้ว่า

  • บริษัทเริ่มระมัดระวังเรื่องค่าใช้จ่าย ชะลอการจ้างงาน
  • คนตกงานมากขึ้น = รายได้ลดลง
  • กำลังซื้อในระบบหดตัว
  • การใช้จ่ายในประเทศชะลอตัว
  • เศรษฐกิจมีแนวโน้มถดถอย

ผลที่ตามมาคือ

  • เงินดอลลาร์มักจะอ่อนค่าลง
  • ตลาดหุ้นอาจปรับตัวลง
  • Fed อาจต้องพิจารณาลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

ในทางตรงกันข้าม เมื่อตัวเลข NFP เพิ่มขึ้น

  • เปรียบเสมือนเศรษฐกิจที่กำลังแข็งแรง มีพลัง ธุรกิจมีความเชื่อมั่นพอที่จะจ้างพนักงานเพิ่ม
  • คนมีงานทำมากขึ้น มีรายได้ไปจับจ่ายใช้สอย เงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจคล่องตัว เหมือนเลือดที่สูบฉีดอย่างแข็งแรง ส่งผลให้เศรษฐกิจขยายตัว

** เมื่อตัวเลข NFP เพิ่มขึ้น: สมมติว่าตัวเลขแสดง +200,000 หมายความว่ามีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 200,000 ตำแหน่งเมื่อเทียบกับเดือนก่อน นี่เป็นสัญญาณที่ดีมากๆ เพราะแสดงให้เห็นว่า

  • ธุรกิจมีความเชื่อมั่น กล้าที่จะขยายกิจการและจ้างพนักงานเพิ่ม
  • คนมีงานทำมากขึ้น = มีรายได้มากขึ้น
  • กำลังซื้อในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น
  • การใช้จ่ายในประเทศคึกคักขึ้น
  • เศรษฐกิจมีแนวโน้มขยายตัว

ผลที่ตามมาคือ

  • เงินดอลลาร์มักจะแข็งค่าขึ้น
  • ตลาดหุ้นมีโอกาสปรับตัวขึ้น
  • Fed อาจพิจารณาขึ้นดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ

ตัวอย่างให้เห็นภาพชัดๆ

เปรียบเทียบให้เห็นภาพง่ายๆ เหมือนการวัดไข้คนไข้

  • NFP เพิ่มขึ้น = อุณหภูมิปกติ ร่างกายแข็งแรง
  • NFP ลดลง = มีไข้ ต้องรีบรักษาและดูแล

หรือเหมือนการตรวจสุขภาพธุรกิจ:

  • NFP เพิ่มขึ้น = ธุรกิจกำลังเติบโต กล้าลงทุน กล้าจ้างคน
  • NFP ลดลง = ธุรกิจเริ่มระมัดระวัง ต้องลดต้นทุน ลดคนทำงาน

ดังนั้น การติดตามตัวเลข NFP จึงเป็นเหมือนการจับชีพจรเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่บอกให้เรารู้ว่าขณะนี้เศรษฐกิจกำลังแข็งแรงหรืออ่อนแอ และช่วยให้นักลงทุนสามารถวางแผนการลงทุนได้อย่างเหมาะสมนั้นเอง

ข่าว non farm มีกี่ประเภทอะไรบ้างเหมือนและแตกต่างกันอย่างไร

ประเภทของข่าว Non-Farm โดยหลักๆ แล้วแบ่งได้เป็น 2 ข่าวใหญ่ที่สำคัญมากๆ คือ

ประเภทที่ 1 คือ ADP Non-Farm Employment Change

  • ประกาศทุกวันพุธแรกของเดือน เวลา 19:30 น. ตามเวลาไทย
  • จัดทำโดยบริษัท ADP (Automatic Data Processing)
  • ใช้ข้อมูลจากฐานลูกค้าบริษัทเอกชนกว่า 460,000 แห่ง
  • ครอบคลุมพนักงานมากกว่า 26 ล้านคน

ประเภทที่ 2 คือ Non-Farm Payrolls (NFP)

  • ประกาศทุกวันศุกร์แรกของเดือน เวลา 19:30 น. ตามเวลาไทย
  • จัดทำโดยกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ
  • เป็นตัวเลขทางการจากรัฐบาล
  • ครอบคลุมทั้งภาครัฐและเอกชน

ความแตกต่างที่สำคัญ NFP และ ADP

ความเหมือนกันของ NFP และ ADP

  • เรื่องเดียวกัน เป้าหมายเดียวกัน รู้มั้ยว่าทั้งสองรายงานนี้มีจุดประสงค์เหมือนกันเลย นั่นคือวัดสุขภาพการจ้างงานในสหรัฐฯ โดยไม่นับรวมภาคเกษตรนะ เพราะมันผันผวนตามฤดูกาลเกินไป เค้าจะประกาศให้เราได้ลุ้นกันทุกเดือนเลย!
  • เขย่าตลาดไม่แพ้กัน พอข่าวออกมาที แทบทุกตลาดสั่นสะเทือน ไม่ว่าจะเป็นค่าเงินดอลลาร์ ทองคำ หรือหุ้น น้องขอเตือนไว้ก่อนว่า Spread จะบานมากๆ ช่วงนี้ ระวังกันหน่อยนะ
  • ใครๆ ก็ใช้ประโยชน์ ไม่ใช่แค่เราที่รอลุ้นข่าวนี้ Fed เค้าก็ใช้ตัดสินใจเรื่องดอกเบี้ย นักลงทุนใช้วางแผนการเทรด ส่วนนักวิเคราะห์ก็เอาไปคาดการณ์เศรษฐกิจกันเลยทีเดียว
  • เทคนิคเทรดให้รอด มีเทคนิคมาฝาก คือ ควรดูให้ดีว่าตัวเลขทั้งสองออกมาไปทางเดียวกันมั้ย ถ้าใช่ก็มั่นใจได้มากขึ้น แต่ถ้าไม่ใช่ต้องระวังๆ หน่อย อย่าลืมตั้ง Stop Loss ให้กว้างกว่าปกติด้วย และที่สำคัญ – มีแผนสำรองไว้เสมอ เพราะตลาดช่วงนี้ผันผวนแรงมากๆ เลย

เวลาการประกาศข่าว

เรื่องเวลาการประกาศข่าว Non-Farm ถือว่าเป็นจังหวะสำคัญที่นักลงทุนทั่วโลกต้องจับตามอง โดย กำหนดการประกาศที่แน่นอน ข่าว NFP จะประกาศเป็นประจำทุกเดือน โดยยึดหลักง่ายๆ คือ “วันศุกร์แรกของเดือน” ซึ่งความแน่นอนนี้ช่วยให้นักลงทุนสามารถวางแผนกลยุทธ์การเทรดล่วงหน้าได้

เวลาประกาศตามไทม์โซน

  • ตามเวลาประเทศไทย: โดยปกติจะประกาศเวลา 19:30 น.
  • แต่มีข้อน่าสนใจ คือ บางเดือนเวลาอาจเลื่อนเป็น 20:30 น. เนื่องจากสหรัฐฯ มีการปรับเวลาตามฤดูกาล (Daylight Saving Time)
  • เวลาที่สหรัฐฯ: จะประกาศเวลา 8:30 น. ตามเวลาฝั่งตะวันออก (EST) เสมอ

ความสำคัญของช่วงเวลาประกาศ

  • ช่วงก่อนประกาศ 1-2 ชั่วโมง: ตลาดมักจะเงียบและมีความผันผวนต่ำ เพราะนักลงทุนรอดูตัวเลข
  • ช่วงประกาศ: ตลาดจะมีความผันผวนสูงมากในช่วง 5-15 นาทีแรกหลังประกาศ
  • ช่วงหลังประกาศ: อาจใช้เวลา 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมงกว่าตลาดจะกลับมานิ่ง

เหตุผลที่ตลาดการเงินทั่วโลกรอคอย

  1. เป็นข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของประเทศที่มี GDP ใหญ่ที่สุดในโลก
  2. มีผลต่อการเคลื่อนไหวของ:
    • ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ
    • ตลาดหุ้นทั่วโลก
    • ราคาทองคำ
    • ตลาดพันธบัตร
  3. ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ใช้ข้อมูลนี้ประกอบการตัดสินใจนโยบายการเงิน

คำแนะนำสำหรับนักลงทุน

  1. ควรเตรียมตัวล่วงหน้าอย่างน้อย 1 ชั่วโมงก่อนประกาศ
  2. ระมัดระวังการเปิดออเดอร์ใหม่ในช่วงใกล้เวลาประกาศ
  3. ตั้ง Stop Loss ให้กว้างกว่าปกติในวันที่มีการประกาศ
  4. อาจรอให้ตลาดนิ่งหลังประกาศก่อนเริ่มเทรด
  5. ติดตามปฏิทินเศรษฐกิจเพื่อระวังช่วงที่สหรัฐฯ ปรับเวลา จะได้ไม่พลาดการประกาศ

การรู้และเข้าใจเรื่องเวลาประกาศอย่างละเอียดจะช่วยให้นักลงทุนสามารถวางแผนการเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลดความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดในช่วงประกาศข่าวนี้ได้

ลักษณะสำคัญของข่าว Non Farm

ข่าว NFP ไม่ใช่แค่ตัวเลขการจ้างงานธรรมดา แต่เป็นรายงานที่ให้ภาพรวมตลาดแรงงานสหรัฐฯ อย่างละเอียด โดยแสดงการเปลี่ยนแปลงการจ้างงานว่าเพิ่มขึ้นหรือลดลงเท่าไร พร้อมกับอัตราการว่างงานที่คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ และที่สำคัญยังบอกถึงค่าจ้างเฉลี่ยต่อชั่วโมงที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้กำลังซื้อของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี

  • ที่น่าสนใจคือ รายงานนี้ยังแยกแยะข้อมูลตามภาคส่วนต่างๆ ทั้งภาคการผลิต บริการ และก่อสร้าง ทำให้เห็นว่าการจ้างงานในแต่ละภาคส่วนเป็นอย่างไร ส่วนไหนกำลังเติบโต ส่วนไหนกำลังชะลอตัว
  • จุดพิเศษที่ทำให้ข่าวนี้แตกต่าง คือ การไม่นับรวมภาคเกษตร เหตุผลก็เพราะการจ้างงานในภาคเกษตรมักผันผวนไปตามฤดูกาล เช่น ช่วงเก็บเกี่ยวอาจมีการจ้างงานพุ่งสูง แต่นอกฤดูกาลอาจแทบไม่มีการจ้างงานเลย ถ้านำมารวมก็จะทำให้ภาพรวมตลาดแรงงานบิดเบือนไป
  • ความสำคัญของข่าว NFP นั้นใหญ่หลวงมาก เพราะไม่เพียงแต่เป็นตัวชี้วัดสุขภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯ แต่ยังมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ในการกำหนดนโยบายการเงิน
  • โดยเฉพาะเรื่องอัตราดอกเบี้ย ซึ่งส่งผลต่อเนื่องไปยังตลาดการเงินทั่วโลก ทั้งตลาดหุ้น ตลาดทองคำ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาด Forex ที่มักจะเห็นความผันผวนอย่างรุนแรงในช่วงประกาศข่าวนี้
  • ด้วยความสำคัญเช่นนี้ จึงไม่แปลกที่นักลงทุนและนักวิเคราะห์ทั่วโลกต้องจับตาดูข่าว NFP อย่างใกล้ชิด เพราะมันไม่ใช่แค่ตัวเลขการจ้างงานธรรมดา แต่เป็นเหมือนเครื่องวัดอุณหภูมิเศรษฐกิจที่ทรงพลังที่สุดตัวหนึ่งของโลกเลยทีเดียวค่ะ

การแปลความหมายตัวเลข ถ้าตัวเลขการจ้างงานเพิ่มขึ้น

  • แสดงว่าบริษัทต่างๆ มั่นใจในเศรษฐกิจ
  • คนมีงานทำมากขึ้น = มีรายได้มากขึ้น
  • การใช้จ่ายในประเทศน่าจะดีขึ้น
  • เศรษฐกิจมีแนวโน้มเติบโต

ถ้าตัวเลขการจ้างงานลดลง

  • อาจบ่งชี้ว่าบริษัทกำลังระมัดระวังการใช้จ่าย
  • เศรษฐกิจอาจชะลอตัว
  • การบริโภคอาจลดลง
  • Fed อาจต้องพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ

ลักษณะการเคลื่อนไหวของตลาด ช่วงก่อนประกาศ

  • ตลาดมักเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ
  • นักลงทุนส่วนใหญ่รอดูตัวเลข
  • Spread กว้างขึ้นกว่าปกติ
  • ปริมาณการซื้อขายน้อยลง

ช่วงประกาศ

  • ตลาดผันผวนสูงมาก
  • ราคาอาจพุ่งขึ้นหรือร่วงลงอย่างรุนแรง
  • การเคลื่อนไหวอาจไม่เป็นไปตามทฤษฎี
  • ต้องระวัง Slippage (ราคาเลื่อนไหล)

สิ่งที่ต้องดูประกอบ

  • ตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
  • ตัวเลขของเดือนก่อนที่อาจมีการปรับแก้
  • ข่าว ADP ที่ประกาศก่อนหน้า
  • สภาวะเศรษฐกิจโดยรวม

ผลต่อสินทรัพย์ต่างๆ ค่าเงินดอลลาร์

  • ตัวเลขดีกว่าคาด = ดอลลาร์แข็งค่า
  • ตัวเลขแย่กว่าคาด = ดอลลาร์อ่อนค่า

ทองคำ:

  • มักเคลื่อนไหวตรงข้ามกับดอลลาร์
  • เป็นที่พักเงินเมื่อเศรษฐกิจไม่แน่นอน

ตลาดหุ้น:

  • ตัวเลขดี = หุ้นมักขึ้น (แต่ไม่เสมอไป)
  • ต้องดูว่า “ดีเกินไป” หรือไม่ เพราะอาจทำให้ Fed ขึ้นดอกเบี้ย

ความน่าเชื่อถือ

  • เป็นตัวเลขทางการจากรัฐบาลสหรัฐฯ
  • มีการปรับแก้ตัวเลขย้อนหลังได้
  • มีวิธีการคำนวณที่เป็นมาตรฐาน
  • ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก

การนำไปใช้ประโยชน์ สำหรับนักเทรด:

  • วางแผนการเทรดล่วงหน้า
  • เตรียมรับมือความผันผวน
  • หาโอกาสทำกำไร

สำหรับนักลงทุน:

  • ประเมินทิศทางเศรษฐกิจ
  • ปรับพอร์ตการลงทุน
  • วางแผนระยะยาว

สำหรับภาคธุรกิจ:

  • วางแผนการจ้างงาน
  • ประเมินต้นทุน
  • คาดการณ์แนวโน้มตลาด

ข่าว Non-Farm จึงเป็นเหมือน “เครื่องวัดอุณหภูมิ” เศรษฐกิจที่สำคัญ ที่ทั้งนักลงทุน นักเทรด และผู้ประกอบการต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจในการลงทุนและดำเนินธุรกิจนั่นเอง

ข้อดีข้อเสีย Non-Farm

ข้อดี

  1. เป็นตัวชี้วัดเศรษฐกิจที่น่าเชื่อถือ เพราะมาจากข้อมูลจริงของรัฐบาลสหรัฐฯ
  2. ประกาศเวลาแน่นอน ทำให้นักลงทุนวางแผนได้ง่าย ไม่ต้องคอยลุ้นว่าจะออกตอนไหน
  3. มีผลชัดเจนต่อค่าเงิน ทำให้นักเทรดมองเห็นโอกาสในการทำกำไร
  4. แยกข้อมูลเป็นหมวดหมู่ชัดเจน ทำให้วิเคราะห์ได้ละเอียด เห็นภาพรวมชัด
  5. เป็นข้อมูลที่ Fed ใช้ตัดสินใจ ทำให้คาดการณ์ทิศทางดอกเบี้ยได้
  6. สะท้อนสุขภาพเศรษฐกิจจริงๆ เพราะไม่รวมภาคเกษตรที่ผันผวนตามฤดูกาล
  7. มีข้อมูลย้อนหลังให้เปรียบเทียบ ทำให้ดูเทรนด์ระยะยาวได้
  8. ตลาดให้ความสำคัญมาก เลยมีโอกาสทำกำไรสูงถ้าวิเคราะห์ถูก
  9. มีนักวิเคราะห์ติดตามเยอะ ทำให้มีบทวิเคราะห์ให้อ้างอิงเพียบ
  10. ข้อมูลครอบคลุมทั้งประเทศ ไม่ใช่แค่บางพื้นที่ ทำให้เห็นภาพรวมชัดเจน
  11. มี ADP เป็นตัวช่วยคาดการณ์ล่วงหน้า ทำให้เตรียมตัวได้ดีขึ้น
  12. ราคาเคลื่อนไหวแรง เหมาะกับนักเทรดที่ชอบความผันผวน
  13. มีผลต่อหลายตลาด ทำให้เลือกเทรดได้หลากหลาย
  14. ข้อมูลเข้าถึงง่าย ทุกคนดูได้พร้อมกัน ไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบ
  15. มีการปรับตามฤดูกาล ทำให้ตัวเลขสะท้อนความเป็นจริงมากขึ้น
  16. ประกาศเป็นภาษาอังกฤษ ทำให้นักลงทุนทั่วโลกเข้าใจตรงกัน
  17. มีการรายงานค่าจ้างด้วย ทำให้เห็นภาพรวมกำลังซื้อ
  18. เป็นข่าวที่มีประวัติยาวนาน ทำให้มีข้อมูลเปรียบเทียบเยอะ
  19. มีการแยกประเภทธุรกิจชัดเจน ดูได้ว่าภาคไหนแข็งแรง
  20. ตลาดรอคอยตัวเลขนี้ทุกเดือน แสดงว่าเป็นข้อมูลที่สำคัญจริงๆ

ข้อเสีย

  1. ตลาดผันผวนรุนแรงมาก อาจทำให้ขาดทุนง่ายถ้าไม่ระวัง
  2. Spread กว้างขึ้นตอนประกาศ ทำให้ต้นทุนการเทรดสูง
  3. อาจเกิด Slippage บ่อย โดนราคาไถลไปไกลกว่าที่ตั้งไว้
  4. มีการปรับแก้ตัวเลขย้อนหลังบ่อย ทำให้วิเคราะห์ยาก
  5. บางครั้งตลาดไม่วิ่งตามตัวเลข ทำให้งงว่าทำไมเป็นแบบนั้น
  6. ต้องดูปัจจัยอื่นประกอบเยอะ ไม่สามารถใช้ข้อมูลนี้อย่างเดียว
  7. คนเทรดเยอะ ทำให้ราคาวิ่งไปมาจนจับทิศทางยาก
  8. ถ้าพลาดจังหวะเข้า อาจโดนราคาย้อนกลับแรง
  9. บางครั้งข่าวออกมาแย่แต่ตลาดกลับวิ่งตรงข้าม ทำให้สับสน
  10. ต้องเตรียมตัวนานมาก กว่าจะรู้ว่าจะเทรดยังไง
  11. ถ้าใจร้อนเทรดเร็วเกินไป มักจะพลาดท่าเสียที
  12. ต้องมีทุนสำรองเยอะ เพราะต้องตั้ง Stop Loss กว้าง
  13. โบรกเกอร์บางที่ห้ามเทรดช่วงข่าว ทำให้พลาดโอกาส
  14. ถ้าข่าวออกผิดเวลา อาจทำให้พลาดจังหวะดีๆ
  15. นักวิเคราะห์แต่ละคนมองไม่เหมือนกัน ทำให้สับสนได้
  16. ต้องตื่นดึก (สำหรับคนไทย) ถ้าอยากเทรดตอนข่าว
  17. ความเครียดสูงมาก เพราะเงินเคลื่อนไหวเร็ว
  18. ถ้าไม่มีแผนสำรอง อาจเสียหายหนักเวลาตลาดไม่เป็นไปตามคาด
  19. ต้องใช้เวลาฝึกนาน กว่าจะเทรดข่าวนี้เป็น
  20. ไม่เหมาะกับมือใหม่ที่ยังควบคุมอารมณ์ไม่ได้

ผลกระทบของการรายงาน ข่าว Non Farm ต่อตลาดการเงิน

ช่วงก่อนประกาศ (1-2 วันก่อนข่าว)

  • ตลาดจะมีลักษณะแบบนี้ เหมือนทะเลสงบก่อนพายุ ตลาดเคลื่อนไหวเบาๆ
  • นักเทรดส่วนใหญ่ “นั่งรอดูท่าที” ไม่ค่อยกล้าเปิดออเดอร์ใหม่
  • Spread เริ่มกว้างขึ้น โบรกเกอร์เตรียมรับมือความผันผวน
  • มีการคาดการณ์ตัวเลขจากนักวิเคราะห์ออกมาเพียบ

สิ่งที่นักเทรดควรทำ

  • เก็บเงินสดไว้ให้พร้อมรับโอกาส
  • ศึกษาตัวเลขคาดการณ์ให้ดี
  • เตรียมแผนรับมือหลายสถานการณ์
  • ดูข่าว ADP เป็นตัวช่วยคาดการณ์

ช่วงระหว่างประกาศ (15-30 นาทีแรก)

  • ตลาดจะเป็นแบบนี้ เหมือนภูเขาไฟระเบิด! ราคาพุ่งพรวดขึ้นหรือดิ่งลงแรงมาก
  • Spread บานเป็นดอกเห็ด กว้างกว่าปกติ 3-5 เท่า
  • ปริมาณการซื้อขายพุ่งพรวด ทุกคนรีบเข้าตำแหน่ง
  • บางครั้งราคาวิ่งสวนทางกับตัวเลขที่ประกาศ ทำให้งงได้

สิ่งที่ต้องระวัง

  • อย่ารีบร้อนเทรดทันที รอให้ตลาดนิ่งหน่อย
  • ระวัง Slippage ราคาอาจไถลไปไกลกว่าที่คิด
  • ตั้ง Stop Loss กว้างๆ หน่อย รับมือความผันผวน
  • อย่าใจร้อนตามราคา รอจังหวะที่ชัดเจน

ช่วงหลังประกาศ (1-4 ชั่วโมง)

  • ตลาดจะเป็นแบบนี้ เหมือนทะเลหลังพายุผ่าน เริ่มนิ่งและมีทิศทางชัดเจน
  • Spread เริ่มแคบลง กลับสู่ภาวะปกติ
  • นักวิเคราะห์เริ่มออกบทวิเคราะห์เชิงลึก
  • ราคามักจะวิ่งตามทิศทางหลักที่ควรจะเป็น

โอกาสทองของนักเทรด

  • เทรดตามเทรนด์ที่ชัดเจน
  • เริ่มใช้กลยุทธ์ปกติได้
  • ความเสี่ยงลดลง แต่โอกาสยังมี
  • มีข้อมูลวิเคราะห์ประกอบการตัดสินใจมากขึ้น

ผลกระทบ Non-Farm ต่อสินทรัพย์ต่างๆ

เคล็ดลับการเทรดช่วงข่าว

สุดท้ายนี้ การเทรดช่วงข่าว Non-Farm เป็นทั้งโอกาสและความเสี่ยง ถ้าเทรดเดอร์เอง เข้าใจธรรมชาติของตลาดในแต่ละช่วง ก็จะสามารถวางแผนรับมือได้ดีขึ้น แต่ที่สำคัญคือต้องมีวินัย ควบคุมความเสี่ยง และไม่โลภจนเกินไปนะ

ปัจจัยที่ส่งผลต่อ ข่าว non farm

ปัจจัยด้านเศรษฐกิจมหภาค

  1. การเติบโตทางเศรษฐกิจ:
  • ถ้า GDP โตดี บริษัทมักจ้างคนเพิ่ม
  • ถ้าเศรษฐกิจซบ มักมีการลดการจ้างงาน
  • เหมือนร้านอาหาร ถ้าขายดีก็จ้างพนักงานเพิ่ม ถ้าขายไม่ดีก็ต้องลดคน
  1. เงินเฟ้อ:
  • เงินเฟ้อสูง = ต้นทุนสูง = อาจจ้างคนน้อยลง
  • เงินเฟ้อต่ำ = ต้นทุนต่ำ = อาจจ้างคนเพิ่ม
  • เหมือนแม่ค้าขายข้าวแกง ถ้าของแพงก็อาจต้องลดพนักงาน
  1. อัตราดอกเบี้ย:
  • ดอกเบี้ยต่ำ = กู้เงินง่าย = ธุรกิจขยายตัว = จ้างงานเพิ่ม
  • ดอกเบี้ยสูง = กู้เงินยาก = ธุรกิจระวังตัว = ชะลอการจ้างงาน

ปัจจัยด้านธุรกิจ

  1. ฤดูกาลธุรกิจ:
  • ช่วงคริสต์มาส ร้านค้าจ้างคนเพิ่ม
  • ช่วงซบเซา การจ้างงานอาจลดลง
  • เหมือนร้านไอศกรีม หน้าร้อนขายดีจ้างคนเพิ่ม หน้าฝนขายไม่ดีอาจลดคน
  1. การลงทุนของบริษัท:
  • บริษัทลงทุนใหม่ = ต้องการคนเพิ่ม
  • บริษัทหยุดลงทุน = ชะลอการจ้างงาน
  • เหมือนเปิดสาขาใหม่ ต้องจ้างพนักงานเพิ่มแน่นอน

ปัจจัยด้านแรงงาน

  1. ทักษะแรงงาน:
  • ถ้าคนมีทักษะตรงความต้องการ การจ้างงานเพิ่ม
  • ถ้าขาดแคลนทักษะที่ต้องการ การจ้างงานชะลอ
  • เหมือนร้านกาแฟต้องการบาริสต้า ถ้าหาคนทำกาแฟเป็นไม่ได้ก็จ้างไม่ได้
  1. ค่าแรง:
  • ค่าแรงสูงขึ้น = ต้นทุนเพิ่ม = อาจจ้างคนน้อยลง
  • ค่าแรงคงที่ = ต้นทุนคงที่ = การจ้างงานปกติ

ปัจจัยจากต่างประเทศ

  1. สงครามการค้า:
  • กระทบการส่งออก
  • บริษัทอาจชะลอการจ้างงาน
  • เหมือนร้านส่งออกผลไม้ ถ้าส่งออกไม่ได้ก็ต้องลดคนงาน
  1. วิกฤตโลก:
  • เช่น โควิด-19 ทำให้ธุรกิจหลายอย่างต้องปิด
  • การจ้างงานลดลงทั่วโลก
  • ต้องใช้เวลาฟื้นตัว

ปัจจัยด้านเทคโนโลยี

  1. ระบบอัตโนมัติ:
  • หุ่นยนต์และ AI เข้ามาแทนที่แรงงานบางส่วน
  • งานบางประเภทหายไป แต่งานใหม่ๆ เกิดขึ้น
  • เหมือนร้านสะดวกซื้อที่ใช้ระบบเช็คเอาท์อัตโนมัติ ต้องการพนักงานน้อยลง
  1. งานออนไลน์:
  • รูปแบบการทำงานเปลี่ยนไป
  • การจ้างงานแบบ Remote เพิ่มขึ้น
  • บริษัทอาจจ้างคนน้อยลงแต่ได้งานมากขึ้น

ปัจจัยด้านนโยบายรัฐ

  1. นโยบายภาษี:
  • ภาษีต่ำ = บริษัทมีกำไรมากขึ้น = อาจจ้างคนเพิ่ม
  • ภาษีสูง = กำไรลดลง = อาจชะลอการจ้างงาน
  1. กฎหมายแรงงาน:
  • กฎเข้มงวด = ต้นทุนสูง = อาจจ้างคนน้อยลง
  • กฎยืดหยุ่น = บริหารจัดการง่าย = อาจจ้างคนเพิ่ม

ข่าว Non-Farm ใครได้รับผลกระทบมากที่สุด?

ผลกระทบจากข่าว Non-farm มีผลกระทบรุนแรงที่สุดต่อกลุ่มต่อไปนี้

นักลงทุนในตลาด Forex

  • เพราะตัวเลข NFP กระทบค่าเงินดอลลาร์โดยตรงและรุนแรง
  • ราคาสามารถเคลื่อนไหว 50-100 pips ในเวลาเพียงไม่กี่วินาที
  • นักเทรด Forex ต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิดเพราะสามารถสร้างกำไรหรือขาดทุนได้อย่างรวดเร็ว

นักลงทุนทองคำ

  • ทองคำมักเคลื่อนไหวในทิศทางตรงข้ามกับดอลลาร์
  • เมื่อการจ้างงานแย่ คนมักหันมาถือทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย
  • ความผันผวนของราคาทองคำในวันประกาศตัวเลขมักสูงกว่าปกติ

Federal Reserve (Fed)

  • Fed ใช้ข้อมูลนี้ประกอบการตัดสินใจเรื่องดอกเบี้ย
  • ตัวเลขที่ดีอาจนำไปสู่การขึ้นดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ
  • การตัดสินใจของ Fed ส่งผลต่อตลาดการเงินทั่วโลก

ภาคธุรกิจ

  • ใช้เป็นสัญญาณบอกทิศทางเศรษฐกิจ
  • ช่วยในการวางแผนธุรกิจและการลงทุน
  • บอกแนวโน้มต้นทุนค่าแรงในอนาคต
  • สะท้อนกำลังซื้อของผู้บริโภค

เหตุผลที่กลุ่มคนเหล่านี้ได้รับผลกระทบมากเป็นพิเศษ เพราะ

  • ต้องตัดสินใจเร็วทันทีที่มีข้อมูลใหม่
  • มีเงินลงทุนจำนวนมากเกี่ยวข้อง
  • ผลกำไร-ขาดทุนขึ้นอยู่กับการคาดการณ์ที่แม่นยำ
  • มีผลต่อการวางแผนระยะยาว

โดยผลกระทบจะเห็นได้ชัดที่สุดในช่วง 2-3 ชั่วโมงแรกหลังประกาศตัวเลข เนื่องจากตลาดกำลังปรับตัวรับข้อมูลใหม่ ทำให้เกิดโอกาสทั้งกำไรและความเสี่ยงสูงในช่วงเวลาดังกล่าว

คำศัพท์ที่เทรดเดอร์ต้องรู้เกี่ยวกับ ข่าว Non-Farm

คำศัพท์เหล่านี้เป็นส่วนสำคัญในการทำความเข้าใจและวิเคราะห์ผลกระทบของข่าว Non-Farm โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเทรดเดอร์มือใหม่ที่ต้องการวิเคราะห์ข่าวในปัจจุบันให้เก่ง

  • Payroll Employment – การจ้างงานที่มีการจ่ายค่าจ้าง
  • Labor Force Participation Rate – อัตราการมีส่วนร่วมในกำลังแรงงาน
  • Average Hourly Earnings – รายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมง
  • Unemployment Rate – อัตราการว่างงาน
  • Wage Growth – การเติบโตของค่าจ้าง
  • Bureau of Labor Statistics (BLS) – สำนักงานสถิติแรงงานสหรัฐฯ
  • Market Volatility – ความผันผวนของตลาด
  • Economic Indicators – ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจ
  • Labor Market Conditions – สภาวะตลาดแรงงาน
  • Seasonal Adjustment – การปรับค่าตามฤดูกาล
  • Fed Watch – การจับตาดูนโยบาย Federal Reserve
  • Job Creation – การสร้างงานใหม่
  • Private Sector Employment – การจ้างงานภาคเอกชน
  • Headline Number – ตัวเลขหลักที่ประกาศ
  • Data Revision – การปรับปรุงข้อมูลย้อนหลัง
  • Market Sentiment – ความรู้สึกของตลาด
  • Trading Volume – ปริมาณการซื้อขาย
  • Price Action – การเคลื่อนไหวของราคา
  • Economic Recovery – การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
  • Monetary Policy – นโยบายการเงิน
  • Market Reaction – ปฏิกิริยาของตลาด
  • Economic Growth – การเติบโตทางเศรษฐกิจ
  • Labor Cost Index – ดัชนีต้นทุนแรงงาน
  • Job Losses – การสูญเสียงาน
  • Initial Claims – จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายใหม่
  • Full Employment – การจ้างงานเต็มที่
  • Market Consensus – การคาดการณ์ของตลาด
  • Economic Outlook – แนวโน้มเศรษฐกิจ
  • Inflation Pressure – แรงกดดันเงินเฟ้อ
  • Consumer Spending – การใช้จ่ายของผู้บริโภค
  • Sector Analysis – การวิเคราะห์รายภาคส่วน
  • Trend Analysis – การวิเคราะห์แนวโน้ม
  • Technical Support – แนวรับทางเทคนิค
  • Technical Resistance – แนวต้านทางเทคนิค
  • Market Liquidity – สภาพคล่องของตลาด
  • Trading Strategy – กลยุทธ์การเทรด
  • Risk Management – การบริหารความเสี่ยง
  • Position Sizing – การกำหนดขนาดการลงทุน
  • Stop Loss – จุดตัดขาดทุน
  • Take Profit – จุดทำกำไร
  • Market Gap – ช่องว่างของราคา
  • Pre-Market Analysis – การวิเคราะห์ก่อนตลาดเปิด
  • Post-Market Review – การทบทวนหลังตลาดปิด
  • Economic Calendar – ปฏิทินเศรษฐกิจ
  • Fundamental Analysis – การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน
  • Market Psychology – จิตวิทยาตลาด
  • Trade Volume Index – ดัชนีปริมาณการซื้อขาย
  • Market Momentum – แรงเหวี่ยงของตลาด
  • Breakout Trading – การเทรดแนวทะลุ
  • Range Trading – การเทรดในกรอบ

สรุป

  • ข่าว Non-Farm คืออะไร? ง่ายๆ คือ “รายงานการจ้างงาน” ในสหรัฐอเมริกา ที่บอกว่าเดือนนี้มีคนได้งานทำเพิ่มขึ้นหรือลดลงเท่าไหร่ แต่ไม่นับรวมคนทำงานในภาคเกษตร (เพราะงานเกษตรมักเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาล)
  • ทำไมถึงสำคัญ? เปรียบเหมือน “ตรวจสุขภาพเศรษฐกิจ” ของสหรัฐฯ คือ ถ้าคนมีงานทำเยอะ = เศรษฐกิจแข็งแรง , ถ้าคนตกงานเยอะ = เศรษฐกิจอาจไม่ดี
  • มีผลต่อตลาดการเงินอย่างไร? เวลาประกาศข่าวนี้ จะกระทบ 3 อย่างหลักๆ
    • ค่าเงินดอลลาร์: ตัวเลขดี = ดอลลาร์แข็ง, ตัวเลขแย่ = ดอลลาร์อ่อน
    • ตลาดหุ้น: ตัวเลขดี = หุ้นมักขึ้น (แต่ถ้าดีเกินไปอาจทำให้หุ้นลงได้)
    • ทองคำ: มักจะวิ่งสวนทางกับดอลลาร์
  • จะรู้ได้ไงว่าตัวเลขดีหรือแย่? ดูว่าตัวเลขจริงเทียบกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ คือ ถ้าจริง > คาด = ดีกว่าที่คิด , ถ้าจริง < คาด = แย่กว่าที่คิด

เทคนิคการเทรดช่วงประกาศข่าว

  • ก่อนข่าว: อย่าเพิ่งเปิดออเดอร์ใหม่
  • ระหว่างประกาศ: ตลาดจะผันผวนมาก รอให้นิ่งก่อน
  • หลังประกาศ 15-30 นาที: ค่อยพิจารณาเข้าเทรด
  • ตั้ง Stop Loss กว้างๆ หน่อย เพราะตลาดแกว่งแรง

มีข่าวกี่ตัว? มี 2 ตัวหลักๆ

  • ADP (ประกาศวันพุธ): เป็นตัวเลขเบื้องต้น
  • NFP (ประกาศวันศุกร์): เป็นตัวเลขทางการ มีผลต่อตลาดมากกว่า

ทำไมต้องสนใจ?

  • นักเทรด Forex: เพราะกระทบค่าเงินโดยตรง
  • นักเทรดทอง: ใช้คาดการณ์ทิศทางราคาทอง
  • นักลงทุนหุ้น: ช่วยดูแนวโน้มเศรษฐกิจ

ข้อควรระวัง

  • ตลาดผันผวนมากช่วงประกาศ
  • Spread จะกว้างขึ้น
  • อย่ารีบร้อนเทรดทันทีที่ประกาศ
  • ควรรอดูทิศทางให้ชัดเจนก่อน

เคล็ดลับสุดท้าย: “อย่าดูแค่ตัวเลข Non-Farm อย่างเดียว” ควรดูปัจจัยอื่นๆ ประกอบด้วย เหมือนหมอที่ไม่ได้แค่วัดไข้ แต่ต้องตรวจหลายๆ อย่างถึงจะรู้ว่าคนไข้เป็นอะไร