สำหรับโบรกเกอร์ Oanda ถือว่าเป็นโบรกเกอร์ที่มีความน่าเชื่อถือสูงเนื่องจากเปิดให้บริการมามากกว่า 25 ปี ได้รับใบอนุญาตจากหน่วยงานระดับโลกหลายหน่วยงาน ได้แก่ NFA, UK FCA, ASIC (Australia), MAS (Singapore) และ FSA (Japan) เป็นต้น มีลูกค้าใช้บริการอยู่ทั่วโลก ทั้งอเมริกา, แคนาดา, ออสเตรเลีย, ยุโรป และเอเชีย มีสินทรัพย์ให้เลือกซื้อขายมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Forex, โลหะมีค่า, หุ้น, ดัชนี, สกุลเงินดิจิทัล และอีกมากมายรวมไปถึงหุ้นไทยด้วย และบทความนี้เราจะมาให้คะแนนความสะดวกในการเปิดบัญชีและการใช้งานต่าง ๆ ของโบรกเกอร์ Oanda กัน เพื่อเป็นข้อมูลในการตัดสินใจเลือกลงทุนกับโบรกเกอร์ระดับโลกนี้
การเปิดบัญชี
- การเปิดบัญชีทดลองเปิดได้ง่ายและรวดเร็ว กรอกแค่ประเทศที่อยู่ ชื่อ-สกุล อีเมล และเบอร์โทร ก็สามารถเปิดบัญชีทดลองได้ทันที แต่จะเป็นบัญชีพื้นฐานที่ระบบเปิดให้อัตโนมัติ โดยจะมีการแจ้งข้อมูลล็อกอินเข้าเทรดบนแพลตฟอร์ม MT5 ให้ทางอีเมลทันทีที่สมัครเสร็จเรียบร้อย
- การเปิดบัญชีจริงมีขั้นตอนที่ยุ่งยากและหลายขั้นตอน ตั้งแต่ยืนยันประเทศที่อยู่อาศัยตามระบบตรวจสอบได้ ข้อมูลส่วนตัว สัญชาติ ข้อมูลที่อยู่ ข้อมูลการทำงาน รายได้และเงินสะสม
- มีการตรวจสอบข้อมูลการสมัครที่ใช้ระยะเวลาไม่เกินน 3 วันทำการจึงได้อีเมลแจ้งผลและข้อมูลการเข้าสู่ Account Management Portal แต่จากการทดสอบสมัครจริงพบว่าใช้เวลาถึง 12 ชั่วโมง
- ต้องทำการเปลี่ยนรหัสผ่านการเข้าสู่ Account Management Portal ภายใน 24 ชม. ใช้รหัสเดีมที่ระบบสร้างมาให้ไม่ได้
- แบบฟอร์มกรอกข้อมูลสมัครเปิด Live Account เป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด
- ในขั้นตอนก่อนส่งใบสมัครเปิด Live Account ได้ให้ผู้สมัครได้ทำการตรวจสอบข้อมูลและแก้ไขก่อนซึ่งช่วยป้องกันการผิดพลาดที่เกิดขึ้นระหว่างการกรอกข้อมูลได้
- Live Account บัญชีจะถูกกำหนดประเภทบัญชีเป็นบัญชีเทรดประเภท Standard ให้อัตโนมัติหากต้องการเปลี่ยนเป็นบัญชีเทรดประเภท Core ต้องแจ้งขอเปลี่ยน ส่วนบัญชีเทรดประเภท Premium หรือ Premium Core ต้องทำตามเงื่อนไขที่กำหนด ซึ่งดูแล้วค่อนข้างยุ่งยาก
- คะแนน 2/10
การยืนยันตัวตน
- สามารถเปิดบัญชี Live Account ได้ทันทีโดยที่ไม่ต้องส่งเอกสารยืนยันตัวตน เนื่องไม่มีการกำหนดยอดฝากขั้นต่ำ
- กรณีต้องการฝากถอนเงินมากกว่า 9,000 ดอลลาร์จะต้องมีการส่งเอกสารยืนยันตัวตนที่เป็น Statement ธนาคารที่เป็นภาษาอังกฤษ สามารถขอผ่านแอปธนาคารบนมือถือได้สะดวก
- ระยะเวลาในการตรวจสอบเอกสารการยืนยันตัวตนใช้เวลาถึง 3 วันทำการถือว่านานมาก
- 7/10
การเลือกประเภทบัญชีที่เหมาะสม
- ตารางเปรียบเทียบมีข้อมูลความแตกต่างของแต่ละบัญชีอย่างชัดเจนซึ่งช่วยให้สามารถการเลือกบัญชีที่เหมาะสมได้อย่างง่ายดาย ทั้งค่าสเปรดเริ่มต้น ค่าคอมมิชชั่น และอื่น ๆ แต่ไม่มีข้อมูลเรื่องเลเวอเรจ
- มีบัญชีให้เลือกใช้บริการหลากหลายมากถึง 5 ประเภท ได้แก่ Standard, Core, Swap-free, Premium และ Premium Core
- มีบัญชีที่ฟรีค่าสวอปโดยเฉพาะซึ่งฟรีทั้งค่าสวอปและค่าคอมมิชชั่น แต่ค่าสเปรดเริ่มต้นจะสูงที่สุด
- ในตารางเปรียบเทียบที่แสดงให้เห็นว่า นักลงทุนประเภทไหนเหมาะสมกับบัญชีเทรดประเภทไหน เช่น นักลงทุนพอร์ตใหญ่ควรเลือกบัญชีเทรดประเภท Premium หรือ Premium Core เป็นต้น
- ไม่มีข้อมูลแสดงยอดฝากขั้นต่ำแต่พบข้อมูลในส่วนของ Support ว่าบัญชีเทรดประเภท Standard และ Core ไม่มีการกำหนดยอดฝากขั้นต่ำ ส่วนบัญชี Premium และ Premium Core ต้องมียอดเงินในบัญชีอย่างน้อย 20,000 ดอลลาร์และมีการซื้อขาย 10 ล้านดอลลาร์ต่อเดือน
- คะแนน 8/10
การเพิ่มบัญชีเทรด
- สามารถเพิ่มบัญชีด้วยตนเองได้ง่าย สะดวกและรวดเร็ว แต่ระบบจะกำหนดเป็นบัญชีเทรดประเภท Standard เท่านั้นแต่ในระบบจะมีชื่อว่า Trading Account
- การเพิ่มบัญชีเทรดใหม่สามารถเลือกแพลตฟอร์มได้แค่ MT4 หรือ MT5 ไม่สามารถกำหนดเลเวอเรจได้
- ระบบจะส่งอีเมลข้อมูลบัญชีใหม่ที่ถูกสร้างให้ทางอีเมลทันทีโดยไม่ต้องมีการตรวจสอบใด ๆ ก่อน
- 6/10
การใช้งานในพื้นที่ส่วนบุคคล
- พื้นที่ส่วนบุคคลพมีการแสดงข้อมูลที่เป็นสัดส่วนชัดเจน มีแท็บ Account และ Transfer แยกออกมาช่วยลดความสับสนในการบริหารจัดการบัญชีและการฝากถอนเงิน การใช้งานสะดวกและง่าย
- การ Log In มีความสะดวกสามารถกรอกอีเมลและรหัสผ่านก็สามารถเข้าสู่ระบบได้เลย ไม่มีการตรวจสอบในเรื่องความปลอดภัยให้ยุ่งยาก มีระบบ Log Out แบบอัตโนมัติตามเว็บที่ระบบกำหนด
- การฝากถอนเงินมีช่องทางการฝากถอนเงินที่หลากหลายช่องทาง มีทั้ง Credit/Debit Card, Neteller , Skrill และธนาคารท้องถิ่นไทยได้ทุกธนาคาร
- สามารถฝากเงินด้วยวิธีสแกน QR Code ผ่านแอปธนาคารไทยได้ทุกธนาคาร
- การถอนเงินสำหรับการเพิ่มบัญชีธนาคารต้องมีขั้นตอนการตรวจบัญชีธนาคารที่ใช้เวลาประมาณ 24 ชั่วโมง และระยะเวลาในการถอนเงินใช้เวลาอย่างน้อย 1-3 วันทำการ
- การใช้งานพื้นที่ส่วนบุคคลสามารถรองรับการแสดงผลเป็นภาษาไทยช่วยให้สะดวกต่อการใช้งานมากขึ้น แต่ไม่มีการฝากถอนเงินด้วยสกุลเงินบาทไทย
- รองรับการใช้งานบนอุปกรณ์ไอทีได้ทุกประเภท
- คะแนน 6.5/10
การหาข้อมูลในเว็บไซต์
- การแสดงข้อมูลของเว็บไซต์รองรับการแสดงผลภาษาไทยช่วยให้คนไทยค้นหาและเข้าถึงข้อมูลได้ง่าย
- มีเมนูที่ตอบโจทย์นักลงทุนครบถ้วนอยู่ในเมนูเดียวและเมนูแรกก็คือ เมนูผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็น รายการสินทรัพย์ที่ให้บริการซื้อขาย ข้อมูลบัญชี และการฝากถอนเงิน ช่วยลดเวลาในการค้นหาข้อมูล
- มีเมนู Support ที่ช่วยตอบคำถามพื้นฐานต่าง ๆ โดยมีการแยกเป็นหัวข้อที่สำคัญช่วยให้ค้นหาได้ง่าย
- การค้นหาด้วยภาษาไทยสามารถใช้งานได้จริงเพิ่มความสะดวกในการค้นหาข้อมูล
- มีปัญหาในการเปลี่ยนภาษา หากเปิดหน้าใดหน้าหนึ่งแล้วทำการเปลี่ยนภาษาเว็บไซต์จะกลับมาสู่หน้าหลักหรือหน้าแรกของเว็บไซต์
- เมื่อเข้าสู่หน้า Support หรือ การช่วยเหลือ และทำการค้นหาข้อมูลเรียบร้อยแล้วจะหาทางกลับหน้าแรกของเว็บไซต์ไม่พบ
- คะแนน 7/10
การสื่อสารกับเจ้าหน้าที่
- การเข้าถึงเจ้าหน้าที่ค่อนข้างยากมีหลายขั้นตอน บนเว็บไซต์จะไม่มี Live Chat แต่จะพบ Live Chat ซึ่งเป็นบอท OANDA Virtual Assistant ในหน้าเมนู Support หรือ การช่วยเหลือ เท่านั้น
- ช่องทางการเข้าถึงเจ้าหน้าที่ฝ่ายสนับสนุนจะอยู่ด้านล่างสุดของคำถามที่พบบ่อยในแต่ละข้อ
- การสื่อสารกับเจ้าหน้าที่หรือบอท OANDA Virtual Assistant ไม่รองรับภาษาไทยต้องสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษซึ่งบางครั้งอาจเกิดปัญหาจากภาษาที่ใช้สื่อสารได้
- ไม่สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ได้ตลอด 24 ชั่วโมงตลอดสัปดาห์ จะมีช่วงเวลาที่ให้บริการที่แน่นอน เนื่องจากทางโบรกเกอร์จะเปิดให้ทำการตั้งแต่ 06.00 น.ของวันจันทร์และปิดทำการในเวลา 18.00 น.ของวันเสาร์
- คะแนน 4/10
การใช้งานแพลตฟอร์ม
- มีแพลตฟอร์มให้เลือกเทรดได้ตามมาตรฐาน ได้แก่ MT4, MT5 และ fxTrade mobile app ซึ่งถือว่ามีแพลตฟอร์มให้บริการเทรดค่อนข้างน้อย
- รองรับอุปกรณ์ไอทีได้ทุกประเภท ทั้ง Desktop, Web Trade และมือถือ
- สามารถดาวน์โหลดแพลตฟอร์มต่าง ๆ จากลิงก์ของอีเมลที่แจ้งข้อมูลล็อกอินเข้าสู่แพลตฟอร์มต่าง ๆ ติดตั้งง่ายและใช้งานได้สะดวก
- มีฟังก์ชันการใช้งานพื้นฐานครบรองรับความต้องการของนักลงทุนได้ทุกระดับ
- คะแนน 6/10
สรุปคะแนนความง่าย สะดวก คล่องตัว ของ Oanda
สรุปคะแนนภาพรวมความง่าย สะดวก คล่องตัว ของ Oanda อยู่ที่ 6/10
- คะแนนการเปิดบัญชี 2/10
- คะแนนการยืนยันตัวตน 7/10
- คะแนนการเลือกประเภทบัญชีที่เหมาะสม 8/10
- คะแนนการเพิ่มบัญชีเทรด 6/10
- คะแนนการใช้งานในพื้นที่ส่วนบุคคล 6.5/10
- คะแนนการหาข้อมูลในเว็บไซต์ 7/10
- คะแนนการสื่อสารกับเจ้าหน้าที่ 4/10
- คะแนนการให้งานแพลตฟอร์ม 6/10