Official Cash Rate คืออะไร?
- Official Cash Rate เป็นชื่อเต็ม และใช้ตัวย่อว่า OCR
- Official Cash Rate (OCR) คือ อัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารกลางกำหนดขึ้น เป็นอัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารกลางใช้ในการจ่ายดอกเบี้ยให้กับธนาคารพาณิชย์ที่นำเงินมาฝาก หรือเรียกเก็บดอกเบี้ยจากธนาคารพาณิชย์ที่มากู้ยืมเงิน
- Official Cash Rate จัดเป็นข่าวเศรษฐกิจการเงินที่มีความสำคัญระดับมหภาค เพราะเป็นการประกาศอัตราดอกเบี้ยนโยบายจากธนาคารกลาง
- มีผลกระทบต่อระบบการเงินและเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ
- เป็นข่าวที่นักลงทุนและผู้เกี่ยวข้องในตลาดการเงินให้ความสนใจและติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะมีผลต่อการตัดสินใจในการลงทุนและการทำธุรกรรมทางการเงินต่างๆ
ความสำคัญของ OCR มีอะไรบ้าง?
- เป็นเครื่องมือสำคัญในการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลาง
- ใช้ควบคุมและรักษาเสถียรภาพของระดับเงินเฟ้อให้อยู่ในเป้าหมายที่กำหนด
- มีผลต่อการกำหนดอัตราดอกเบี้ยอื่นๆ ในระบบเศรษฐกิจ
- ส่งผลต่อต้นทุนการกู้ยืมและอัตราดอกเบี้ยเงินฝากของธนาคารพาณิชย์
- ช่วยควบคุมระดับกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการใช้จ่ายในประเทศ
- มีผลต่อพฤติกรรมการออมและการใช้จ่ายของประชาชน
- เป็นกลไกในการรักษาเสถียรภาพของระบบการเงิน
- เป็นเครื่องมือในการตอบสนองต่อภาวะเศรษฐกิจในสถานการณ์ฉุกเฉิน
- มีผลต่อการเคลื่อนย้ายเงินทุนระหว่างประเทศ
- ใช้เป็นอัตราอ้างอิงในการทำธุรกรรมทางการเงินระหว่างธนาคาร
ลักษณะของ Official Cash Rate (OCR)
- เป็นอัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารกลางใช้คิดกับธนาคารพาณิชย์
- เป็นอัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารกลางจ่ายให้เมื่อธนาคารพาณิชย์นำเงินมาฝาก
- เป็นอัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารกลางเรียกเก็บเมื่อธนาคารพาณิชย์มากู้ยืมเงิน
- มีการกำหนดและทบทวนอย่างสม่ำเสมอ
- ออสเตรเลีย: มีการประชุมทบทวน 8 ครั้งต่อปีในปี 2024 (ลดลงจาก 11 ครั้งในปีก่อนหน้า)
- นิวซีแลนด์: มีการทบทวน 7 ครั้งต่อปีตั้งแต่ปี 2016 (ลดลงจาก 8 ครั้งต่อปีก่อนปี 2015)
- มีผลต่อระบบการเงิน
- ส่งผลต่ออัตราดอกเบี้ยอื่นๆ ในระบบเศรษฐกิจ
- มีผลต่อต้นทุนการกู้ยืมในประเทศ
- มีอิทธิพลต่ออัตราดอกเบี้ยสินเชื่อที่อยู่อาศัยและเงินกู้ประเภทอื่นๆ
- เป็นเครื่องมือในการควบคุมนโยบายการเงิน
- ช่วยควบคุมระดับเงินเฟ้อ
- ช่วยรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ
- ใช้ควบคุมระดับกิจกรรมทางเศรษฐกิจ
- มีความยืดหยุ่นในกรณีพิเศษ
- สามารถปรับเปลี่ยนนอกรอบได้ในกรณีฉุกเฉิน เช่น เหตุการณ์ 11 กันยายน และช่วงการระบาดของ COVID-19
- ระบบการทำงาน
- ธนาคารพาณิชย์ต้องมีบัญชีเงินฝากที่ธนาคารกลาง
- ใช้สำหรับการชำระดุลระหว่างธนาคารในแต่ละวัน
- ธนาคารกลางไม่จำกัดจำนวนเงินที่จะให้กู้ยืมหรือรับฝากที่อัตรา OCR
- มีการเชื่อมโยงกับตลาดการเงินระหว่างประเทศ
- อัตราดอกเบี้ยในตลาดโดยเฉพาะระยะยาวได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยต่างประเทศ
- สถาบันการเงินในประเทศมีการกู้ยืมจากต่างประเทศ
- ผลต่อพฤติกรรมการออมและการใช้จ่าย
- เมื่ออัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น ประชาชนมีแนวโน้มที่จะออมมากขึ้น
- อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นทำให้การกู้ยืมมีต้นทุนสูงขึ้น ส่งผลให้การใช้จ่ายลดลง
- มีผลต่อแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ
- การลดการใช้จ่ายช่วยลดแรงกดดันด้านราคา
- ส่งผลต่อการควบคุมอัตราเงินเฟ้อในระยะยาว
- มีระบบการแจ้งและสื่อสารที่ชัดเจน
- มีการประกาศการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นทางการ
- มีการออกแถลงการณ์นโยบายการเงินเพื่อชี้แจงเหตุผล
- มีผลบังคับใช้ตามกำหนดเวลาที่แน่นอน
วันเวลาและการประกาศ OCR
แบ่งตามประเทศดังนี้
ออสเตรเลีย
- ประกาศโดย: Reserve Bank of Australia (RBA)
- การประชุม: จัดประชุมคณะกรรมการ RBA 8 ครั้งต่อปี (ในปี 2024 ลดลงจาก 11 ครั้งในปีก่อนหน้า)
- เวลาประกาศ: 14:30 น. ตามเวลาซิดนีย์
- มีผลบังคับใช้: วันถัดไปหลังจากการประกาศ
- รูปแบบการประชุม: ประชุมสองวันทุกเดือน ยกเว้นเดือนเมษายน กรกฎาคม และตุลาคม
นิวซีแลนด์
- ประกาศโดย: Reserve Bank of New Zealand
- การประชุม: จัดประชุม 7 ครั้งต่อปี (ตั้งแต่ปี 2016 ลดลงจาก 8 ครั้งในปีก่อนหน้า)
- รูปแบบ: มีการออกแถลงการณ์นโยบายการเงิน 4 ครั้งต่อปี และมีการประกาศ OCR ทุกครั้งที่มีการประชุม
- การปรับพิเศษ: สามารถปรับนอกรอบได้ในกรณีฉุกเฉิน (เคยเกิดขึ้น 2 ครั้ง คือ หลังเหตุการณ์ 11 กันยายน และช่วง COVID-19)
การปรับขึ้นลงของ Official Cash Rate (OCR)
กรณีปรับขึ้น บ่งชี้ว่า
- เศรษฐกิจกำลังเติบโต/ขยายตัว
- เงินเฟ้อมีแนวโน้มสูงขึ้น
- ธนาคารกลางต้องการควบคุมการใช้จ่าย
- มีความกังวลเรื่องเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ
- ต้องการดูดซับสภาพคล่องในระบบ
กรณีปรับลง บ่งชี้ว่า
- เศรษฐกิจชะลอตัว/หดตัว
- เงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ
- ธนาคารกลางต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ
- ต้องการเพิ่มสภาพคล่องในระบบ
- สนับสนุนการลงทุนและการใช้จ่าย
กรณีคงที่ บ่งชี้ว่า
- เศรษฐกิจมีเสถียรภาพ
- เงินเฟ้ออยู่ในระดับที่เหมาะสม
- นโยบายการเงินมีความสมดุล
- ไม่มีความจำเป็นต้องแทรกแซงตลาด
- รอดูสถานการณ์และข้อมูลเพิ่มเติม
ขนาดการปรับเปลี่ยน บ่งชี้
- 25% – การปรับแบบค่อยเป็นค่อยไป
- 50% – การปรับที่เข้มข้นขึ้น
- มากกว่า 50% – สถานการณ์ไม่ปกติ/ฉุกเฉิน
- การปรับหลายครั้งต่อเนื่อง – นโยบายมีทิศทางชัดเจน
ความถี่ในการปรับ บ่งชี้
- การปรับบ่อย – สถานการณ์มีความไม่แน่นอนสูง
- การปรับนานๆ ครั้ง – สถานการณ์มีเสถียรภาพ
- การปรับนอกรอบ – มีเหตุการณ์ฉุกเฉิน/ไม่ปกติ
- การปรับตามกำหนด – สถานการณ์เป็นไปตามคาด
ผลกระทบของ Official Cash Rate ต่อตลาดการเงินต่างๆ
ตลาดเงิน
ผลต่ออัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคาร
- กระทบโดยตรงต่อต้นทุนการกู้ยืมระหว่างธนาคาร เพราะ OCR เป็นอัตราอ้างอิงหลักในการกู้ยืมระหว่างธนาคาร
- ส่งผลต่อการบริหารสภาพคล่องระยะสั้นของธนาคาร เพราะต้นทุนที่เปลี่ยนแปลงมีผลต่อการตัดสินใจถือครองเงินสด
- มีผลต่อการกำหนด BIBOR เพราะเป็นอัตราอ้างอิงพื้นฐานในการคำนวณ
- กระทบต่อต้นทุนธุรกรรม Overnight และ Term lending เพราะเป็นต้นทุนพื้นฐานในการคิดอัตราดอกเบี้ย
ผลต่อสภาพคล่องในระบบ
- กระทบการหมุนเวียนของเงินระหว่างสถาบันการเงิน เพราะมีผลต่อต้นทุนการยืมเงินระหว่างกัน
- ส่งผลต่อปริมาณการสำรองสภาพคล่องของธนาคาร เพราะต้นทุนที่เปลี่ยนแปลงมีผลต่อการบริหารเงิน
- มีผลต่อการบริหาร Cash position เพราะธนาคารต้องคำนึงถึงต้นทุนในการถือครองเงินสด
- กระทบต่อต้นทุนการถือครองเงินสด เพราะมีผลต่อค่าเสียโอกาสในการนำเงินไปลงทุน
ตลาดตราสารหนี้
ผลต่อพันธบัตรรัฐบาล
- กระทบโดยตรงต่อ Yield curve เพราะ OCR เป็นอัตราอ้างอิงพื้นฐานในการกำหนดผลตอบแทน
- ส่งผลต่อราคาพันธบัตรในตลาดรอง เพราะราคาพันธบัตรเคลื่อนไหวในทิศทางตรงข้ามกับอัตราดอกเบี้ย
- มีผลต่อต้นทุนการกู้ยืมของรัฐบาล เพราะ OCR เป็นฐานในการกำหนดอัตราดอกเบี้ยพันธบัตร
- กระทบการตัดสินใจลงทุนของนักลงทุนสถาบัน เพราะผลตอบแทนที่เปลี่ยนแปลงมีผลต่อความน่าสนใจในการลงทุน
- ส่งผลต่อความน่าสนใจของพันธบัตรเทียบกับการลงทุนอื่น เพราะนักลงทุนจะเปรียบเทียบผลตอบแทนที่ได้รับ
ผลต่อหุ้นกู้ภาคเอกชน
- กระทบ Credit spread เพราะความเสี่ยงด้านเครดิตจะถูกประเมินเทียบกับอัตราอ้างอิงที่เปลี่ยนไป
- ส่งผลต่อต้นทุนการระดมทุน เพราะ OCR เป็นฐานในการกำหนดอัตราดอกเบี้ยหุ้นกู้
- มีผลต่อการตัดสินใจออกหุ้นกู้ เพราะบริษัทจะพิจารณาจากต้นทุนที่ต้องจ่าย
- กระทบความสามารถในการ Refinance เพราะต้นทุนที่เปลี่ยนแปลงมีผลต่อความสามารถในการจ่ายดอกเบี้ย
- ส่งผลต่อความเสี่ยงด้านเครดิต เพราะต้นทุนที่สูงขึ้นอาจกระทบความสามารถในการชำระหนี้
ตลาดหุ้น
ผลต่อราคาหุ้น
- กระทบโดยตรงต่อราคาหุ้น เพราะ OCR มีผลต่อต้นทุนทางการเงินของบริษัท
- ส่งผลต่อการประเมินมูลค่าหุ้น เพราะอัตราดอกเบี้ยเป็นปัจจัยสำคัญในการคำนวณมูลค่าปัจจุบัน
- มีผลต่อความน่าสนใจของการลงทุนในหุ้น เพราะนักลงทุนเปรียบเทียบผลตอบแทนกับการลงทุนในตราสารหนี้
- กระทบการตัดสินใจของนักลงทุนต่างชาติ เพราะส่งผลต่อค่าเงินและผลตอบแทนที่คาดหวัง
ผลต่อผลประกอบการบริษัท
- กระทบต้นทุนทางการเงิน เพราะมีผลต่ออัตราดอกเบี้ยเงินกู้
- ส่งผลต่อความสามารถในการทำกำไร เพราะต้นทุนที่เปลี่ยนแปลงกระทบกำไรสุทธิ
- มีผลต่อการลงทุนขยายกิจการ เพราะต้นทุนเงินทุนที่เปลี่ยนแปลงมีผลต่อการตัดสินใจลงทุน
- กระทบนโยบายการจ่ายเงินปันผล เพราะบริษัทต้องพิจารณาภาระดอกเบี้ยที่ต้องจ่าย
ตลาดสินเชื่อ
ผลต่อสินเชื่อธุรกิจ
- กระทบอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ เพราะธนาคารใช้ OCR เป็นฐานในการกำหนดอัตราดอกเบี้ย
- ส่งผลต่อปริมาณการปล่อยสินเชื่อ เพราะต้นทุนที่เปลี่ยนแปลงมีผลต่อการตัดสินใจกู้
- มีผลต่อคุณภาพสินเชื่อ เพราะภาระดอกเบี้ยที่เปลี่ยนแปลงกระทบความสามารถในการชำระหนี้
- กระทบการแข่งขันในตลาดสินเชื่อ เพราะธนาคารต้องปรับกลยุทธ์ตามต้นทุนที่เปลี่ยนแปลง
ผลต่อสินเชื่อรายย่อย
- กระทบอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล เพราะเป็นฐานในการกำหนดอัตราดอกเบี้ย
- ส่งผลต่อความสามารถในการผ่อนชำระ เพราะภาระดอกเบี้ยที่เปลี่ยนแปลงกระทบรายจ่ายครัวเรือน
- มีผลต่อพฤติกรรมการใช้จ่าย เพราะต้นทุนการกู้ยืมที่เปลี่ยนแปลงมีผลต่อการตัดสินใจใช้จ่าย
- กระทบการเข้าถึงสินเชื่อ เพราะเกณฑ์การพิจารณาสินเชื่ออาจเข้มงวดขึ้นตามต้นทุนที่สูงขึ้น
ตลาดอสังหาริมทรัพย์
ผลต่อสินเชื่อที่อยู่อาศัย
- กระทบอัตราดอกเบี้ยเงินกู้บ้าน เพราะ OCR เป็นฐานในการกำหนดอัตราดอกเบี้ย
- ส่งผลต่อความสามารถในการซื้อที่อยู่อาศัย เพราะมีผลต่อภาระการผ่อนชำระรายเดือน
- มีผลต่อการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย เพราะต้นทุนที่เปลี่ยนแปลงมีผลต่อการวางแผนการเงิน
- กระทบปริมาณการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัย เพราะธนาคารต้องพิจารณาความเสี่ยงตามต้นทุนที่เปลี่ยนแปลง
ผลต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์
- กระทบราคาอสังหาริมทรัพย์ เพราะต้นทุนการกู้ยืมมีผลต่ออุปสงค์ในตลาด
- ส่งผลต่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ เพราะผลตอบแทนต้องแข่งขันกับการลงทุนประเภทอื่น
- มีผลต่อการพัฒนาโครงการใหม่ เพราะต้นทุนทางการเงินมีผลต่อการตัดสินใจลงทุน
- กระทบความสามารถในการขายโครงการ เพราะกำลังซื้อของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงตามภาระดอกเบี้ย
ตลาดเงินตราต่างประเทศ
ผลต่ออัตราแลกเปลี่ยน
- กระทบค่าเงินโดยตรง เพราะส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยระหว่างประเทศมีผลต่อการเคลื่อนย้ายเงินทุน
- ส่งผลต่อการลงทุนจากต่างประเทศ เพราะนักลงทุนพิจารณาผลตอบแทนที่แท้จริงหลังหักผลกระทบค่าเงิน
- มีผลต่อดุลบัญชีเดินสะพัด เพราะค่าเงินที่เปลี่ยนแปลงกระทบมูลค่าการนำเข้าและส่งออก
- กระทบต้นทุนการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน เพราะส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยมีผลต่อ Forward premium
ผลต่อการเคลื่อนย้ายเงินทุน
- กระทบทิศทางการไหลของเงินทุน เพราะนักลงทุนแสวงหาผลตอบแทนที่สูงกว่า
- ส่งผลต่อดุลการชำระเงิน เพราะการเคลื่อนย้ายเงินทุนมีผลต่อดุลบัญชีทุน
- มีผลต่อเสถียรภาพค่าเงิน เพราะการเคลื่อนย้ายเงินทุนกระทบอุปสงค์และอุปทานของเงินตรา
- กระทบความผันผวนในตลาดเงินตราต่างประเทศ เพราะการเคลื่อนย้ายเงินทุนอย่างรวดเร็วสร้างความผันผวน
ตลาดเงินฝาก
ผลต่อดอกเบี้ยเงินฝาก
- กระทบอัตราดอกเบี้ยเงินฝากทุกประเภท เพราะ OCR เป็นฐานในการกำหนดอัตราดอกเบี้ย
- ส่งผลต่อการแข่งขันระดมเงินฝาก เพราะธนาคารต้องปรับกลยุทธ์ตามต้นทุนที่เปลี่ยนแปลง
- มีผลต่อโครงสร้างเงินฝาก เพราะผู้ฝากอาจเปลี่ยนประเภทเงินฝากตามผลตอบแทนที่ได้รับ
- กระทบต้นทุนการระดมทุนของธนาคาร เพราะต้องจ่ายดอกเบี้ยตามภาวะการแข่งขัน
ผลต่อพฤติกรรมการออม
- กระทบการตัดสินใจออมเงิน เพราะผลตอบแทนที่เปลี่ยนแปลงมีผลต่อแรงจูงใจในการออม
- ส่งผลต่อการเลือกรูปแบบการออม เพราะผู้ออมเปรียบเทียบผลตอบแทนกับการลงทุนประเภทอื่น
- มีผลต่อระยะเวลาการฝากเงิน เพราะส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยระหว่างระยะสั้นและระยะยาวเปลี่ยนแปลง
- กระทบปริมาณเงินฝากในระบบ เพราะผู้ออมอาจเลือกลงทุนในทางเลือกอื่นที่ให้ผลตอบแทนดีกว่า
ตลาดประกันภัย
ผลต่อผลตอบแทนการลงทุน
- กระทบผลตอบแทนจากการลงทุนของบริษัทประกัน เพราะส่วนใหญ่ลงทุนในตราสารหนี้ที่อิงกับ OCR
- ส่งผลต่อความสามารถในการทำกำไร เพราะรายได้หลักมาจากการลงทุน
- มีผลต่อการจัดสรรการลงทุน เพราะต้องปรับพอร์ตตามสภาพแวดล้อมอัตราดอกเบี้ย
- กระทบเงินสำรองทางเทคนิค เพราะการคำนวณมูลค่าปัจจุบันของภาระผูกพันใช้อัตราดอกเบี้ยเป็นตัวคิดลด
ผลต่อผลิตภัณฑ์ประกัน
- กระทบการออกแบบผลิตภัณฑ์ เพราะต้องคำนึงถึงผลตอบแทนที่สามารถจ่ายให้ผู้เอาประกัน
- ส่งผลต่อเบี้ยประกัน เพราะการคำนวณเบี้ยประกันใช้อัตราดอกเบี้ยเป็นปัจจัยสำคัญ
- มีผลต่อความน่าสนใจของกรมธรรม์แบบสะสมทรัพย์ เพราะต้องแข่งขันกับผลิตภัณฑ์การลงทุนอื่น
- กระทบยอดขายประกันชีวิต เพราะผลตอบแทนที่เปลี่ยนแปลงมีผลต่อการตัดสินใจซื้อ
ตลาดกองทุนรวม
ผลต่อการจัดสรรสินทรัพย์
- กระทบการตัดสินใจลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ เพราะ OCR มีผลต่อผลตอบแทนของสินทรัพย์แต่ละประเภท
- ส่งผลต่อสัดส่วนการลงทุนในตราสารหนี้และตราสารทุน เพราะต้องปรับตามสภาวะอัตราดอกเบี้ย
- มีผลต่อการลงทุนในต่างประเทศ เพราะส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยมีผลต่อต้นทุนการป้องกันความเสี่ยง
- กระทบกลยุทธ์การลงทุน เพราะต้องปรับให้เหมาะสมกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย
ผลต่อการไหลเวียนของเงินลงทุน
- กระทบการเลือกประเภทกองทุน เพราะนักลงทุนปรับการลงทุนตามสภาพแวดล้อมอัตราดอกเบี้ย
- ส่งผลต่อยอดขายกองทุนรวมตราสารหนี้ เพราะผลตอบแทนเปลี่ยนแปลงตาม OCR
- มีผลต่อการไถ่ถอนหน่วยลงทุน เพราะนักลงทุนอาจย้ายเงินไปลงทุนในทางเลือกอื่น
- กระทบมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน เพราะราคาสินทรัพย์เปลี่ยนแปลงตามอัตราดอกเบี้ย
ตลาดสินเชื่อเพื่อการบริโภค
ผลต่อสินเชื่อส่วนบุคคล
- กระทบอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อส่วนบุคคล เพราะ OCR เป็นฐานในการกำหนดอัตราดอกเบี้ย
- ส่งผลต่อปริมาณการใช้สินเชื่อ เพราะต้นทุนที่เปลี่ยนแปลงมีผลต่อการตัดสินใจกู้
- มีผลต่อความสามารถในการชำระหนี้ เพราะภาระดอกเบี้ยที่เปลี่ยนแปลงกระทบรายจ่าย
- กระทบคุณภาพสินเชื่อ เพราะอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นอาจทำให้เกิดหนี้เสียมากขึ้น
ผลต่อบัตรเครดิตและสินเชื่อผ่อนชำระ
- กระทบอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิต เพราะใช้ OCR เป็นส่วนหนึ่งในการกำหนดอัตราดอกเบี้ย
- ส่งผลต่อพฤติกรรมการใช้จ่ายผ่านบัตร เพราะต้นทุนการผ่อนชำระเปลี่ยนแปลง
- มีผลต่อการเลือกระยะเวลาผ่อนชำระ เพราะต้นทุนดอกเบี้ยมีผลต่อการวางแผนการผ่อน
- กระทบยอดการใช้จ่ายผ่านบัตร เพราะผู้บริโภคอาจชะลอการใช้จ่ายเมื่อต้นทุนสูงขึ้น
ตัวอย่างการวิเคราะห์
จากการวิเคราะห์ข่าวนี้ คือ ข่าวการประกาศอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (OCR) ของธนาคารกลางนิวซีแลนด์ล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2024
ประกาศเวลา 8:00 น. ตามที่ระบุในข้อมูล “8:00am” ซึ่งเป็นเวลาที่ธนาคารกลางนิวซีแลนด์มักจะประกาศนโยบายการเงิน
ข่าวอ้างอิงจาก: forexfactory
ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ (RBNZ) มีการประกาศอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (OCR) ล่าสุดที่
- ระดับ 25%
- ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ที่ 75%
- ประกาศเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2024
สาระสำคัญคือ
- นี่คือ ดอกเบี้ยที่ธนาคารกลางใช้ในการให้ธนาคารพาณิชย์กู้ยืมเงินข้ามคืน
- มีการประชุมและประกาศ 7 ครั้งต่อปี
- การประชุมครั้งถัดไปจะเป็นวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2025
ความสำคัญต่อนักลงทุน
- อ้างอิง: Official Cash Rate (OCR) (updated at end of month)
- อัตราดอกเบี้ยนี้มีผลโดยตรงต่อค่าเงินนิวซีแลนด์
- แม้ตลาดมักคาดการณ์ตัวเลขไว้แล้ว แต่สิ่งที่สำคัญคือแถลงการณ์ของธนาคารกลางเกี่ยวกับทิศทางในอนาคต
- นักเทรดใช้ข้อมูลนี้เป็นปัจจัยหลักในการประเมินค่าเงิน
เวลาธนาคารกลางลดดอกเบี้ย จะเกิดผลกระทบ
- ผลต่อค่าเงิน:
- เงินนิวซีแลนด์ดอลลาร์จะอ่อนค่าลง
- เพราะเมื่อดอกเบี้ยต่ำ นักลงทุนต่างชาติจะไม่สนใจมาลงทุน
- เมื่อความต้องการถือครองเงินนิวซีแลนด์น้อยลง ค่าเงินก็จะอ่อนลง
- ผลต่อเศรษฐกิจ:
- การกู้เงินจะถูกลง ทำให้คนและธุรกิจกู้เงินได้ง่ายขึ้น
- กระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายและการลงทุนมากขึ้น
- ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวม
- ผลต่อการค้าระหว่างประเทศ:
- เงินอ่อนค่าทำให้ส่งออกได้เปรียบขึ้น (สินค้าถูกลงในสายตาต่างชาติ)
- แต่การนำเข้าจะแพงขึ้น (ต้องใช้เงินนิวซีแลนด์มากขึ้นในการซื้อสินค้าต่างประเทศ)
สรุป
- Official Cash Rate (OCR) หรืออัตราดอกเบี้ยนโยบาย เป็นเครื่องมือสำคัญที่นักลงทุนต้องจับตา เพราะเป็นตัวชี้วัดทิศทางเศรษฐกิจและการเงินของประเทศ โดยการปรับขึ้นลงของ OCR ส่งผลโดยตรงต่อต้นทุนการกู้ยืม การลงทุน และค่าเงิน
- นักลงทุนใช้ OCR เป็นเครื่องมือในการคาดการณ์แนวโน้มตลาดการเงิน เพราะมีผลต่อการเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์ทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นหุ้น พันธบัตร อสังหาริมทรัพย์ หรือสกุลเงิน
- การติดตาม OCR จึงช่วยให้นักลงทุนวางแผนการลงทุนได้แม่นยำขึ้น สามารถบริหารความเสี่ยงและแสวงหาโอกาสทางการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังช่วยในการตัดสินใจเข้า-ออกจากการลงทุนได้อย่างเหมาะสมตามจังหวะตลาด
- นอกจากนี้ OCR ยังสะท้อนมุมมองของธนาคารกลางต่อภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญที่นักลงทุนใช้ประกอบการตัดสินใจ โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจมีความผันผวน
- ดังนั้น การติดตาม OCR จึงเป็นพื้นฐานสำคัญของนักลงทุนที่ต้องการประสบความสำเร็จในตลาดการเงิน เพราะช่วยให้เข้าใจทิศทางและแนวโน้มของตลาด นำไปสู่การตัดสินใจลงทุนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
แหล่งอ้างอิง
- ธนาคารแห่งประเทศนิวซีแลนด์. (27 พฤศจิกายน 2567). OCR 4.25% – OCR ปรับลดลงเพิ่มเติมเมื่อเงินเฟ้อกลับสู่เป้าหมาย. สืบค้นเมื่อ 18 ธันวาคม 2567, จาก https://www.rbnz.govt.nz/hub/news/2024/11/ocr-425-ocr-lowered-further-as-inflation-returns-to-target
- BNN Bloomberg. (24 พฤศจิกายน 2567). RBNZ Rate Cut Wagers Leave New Zealand Dollar Eyeing 2022 Low. สืบค้นเมื่อ 18 ธันวาคม 2567, จาก https://www.bnnbloomberg.ca/rbnz-rate-cut-wagers-leave-new-zealand-dollar-eyeing-2022-low-1.2024112