ข่าว PPI (Producer Price Index) คืออะไร
PPI หรือ Producer Price Index (ดัชนีราคาผู้ผลิต) คือ ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่ใช้วัดการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าและบริการที่ผู้ผลิตได้รับจากการขายในระดับค้าส่ง โดย PPI มักถูกมองว่าเป็นตัวบ่งชี้เงินเฟ้อในอนาคต เนื่องจากต้นทุนที่สูงขึ้นในระดับผู้ผลิตอาจถูกส่งต่อไปยังผู้บริโภค ส่งผลต่อดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และนโยบายการเงินของธนาคารกลาง
ข่าว PPI ได้รับความสนใจอย่างมากในวงการการเงิน โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจโลกเผชิญกับความผันผวนจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น ราคาพลังงานที่พุ่งสูง สงครามการค้า และการเปลี่ยนแปลงในห่วงโซ่อุปทาน การประกาศ PPI ที่สูงหรือต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ มักทำให้เกิดความผันผวนในตลาด Forex ทั้ง คู่เงินสินทรัพย์ ทองคำ หุ้น และพันธบัตร
เมื่อไหร่ที่ PPI กลายเป็นข่าวใหญ่?
- เมื่อ PPI สูงเกินคาด: บ่งชี้ว่าต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่เงินเฟ้อที่สูงขึ้น ธนาคารกลาง เช่น Federal Reserve (Fed) อาจพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทำให้สกุลเงินแข็งค่า
- เมื่อ PPI ต่ำเกินคาด: สะท้อนว่าต้นทุนการผลิตลดลงหรืออุปสงค์อ่อนแอ อาจนำไปสู่การผ่อนคลายนโยบายการเงิน เช่น ลดอัตราดอกเบี้ย ทำให้สกุลเงินอ่อนค่า
- ล่าสุดในเดือนมิถุนายน 2025 PPI สหรัฐฯ เดือนพฤษภาคมชะลอตัวจาก 0.5% เป็น 0.3% ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 0.4% สร้างความผันผวนใน USD และเพิ่มความคาดหวังว่า Fed อาจชะลอการขึ้นดอกเบี้ย
ข้อมูลพื้นฐานที่ต้องรู้เกี่ยวกับ PPI
PPI วัดการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าและบริการในระดับผู้ผลิต ซึ่งแตกต่างจาก CPI ที่วัดในระดับผู้บริโภค โดยครอบคลุมภาคส่วนต่าง ๆ เช่น การผลิต การเกษตร การก่อสร้าง และบริการ
- การคำนวณ PPI: คำนวณจากราคาขายของสินค้าและบริการในระดับค้าส่ง โดยเปรียบเทียบกับช่วงก่อนหน้า แสดงผลเป็นเปอร์เซ็นต์
- ประเภทของ PPI:
- PPI สินค้าสำเร็จรูป (Final Demand): วัดราคาสินค้าที่พร้อมจำหน่ายให้ผู้บริโภค
- PPI สินค้ากึ่งสำเร็จรูป: วัดราคาวัตถุดิบหรือสินค้าที่ใช้ในกระบวนการผลิต
- PPI ตามอุตสาหกรรม: วัดราคาในภาคส่วนเฉพาะ เช่น พลังงานหรือการก่อสร้าง
- ความถี่ในการประกาศ:
- สหรัฐฯ: ประกาศโดย Bureau of Labor Statistics (BLS) ทุกเดือน ราววันที่ 10-15 ของเดือนถัดไป
- ประเทศอื่น ๆ: เช่น ยูโรโซน (โดย Eurostat) และญี่ปุ่น (โดย Bank of Japan) มีกำหนดการคล้ายกัน
- ความสัมพันธ์กับเงินเฟ้อ: PPI มักนำหน้า CPI เนื่องจากต้นทุนที่สูงขึ้นในระดับผู้ผลิตอาจถูกส่งต่อไปยังผู้บริโภค
- ผลกระทบต่อตลาด:
- PPI สูงเกินคาด: สกุลเงินแข็งค่า (Hawkish signal)
- PPI ต่ำเกินคาด: สกุลเงินอ่อนค่า (Dovish signal)
ข้อดีและข้อเสียของข่าว PPI
ข้อดี
- ตัวบ่งชี้เงินเฟ้อล่วงหน้า: PPI ช่วยคาดการณ์แนวโน้มเงินเฟ้อก่อนที่ CPI จะสะท้อน ทำให้นักลงทุนสามารถเตรียมตัวล่วงหน้า
- สร้างโอกาสในตลาด: การประกาศ PPI มักทำให้เกิดความผันผวนในคู่สกุลเงิน เช่น USD/JPY หรือ EUR/USD สร้างโอกาสทำกำไร
- ครอบคลุมหลายภาคส่วน: PPI วัดราคาในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น พลังงาน การผลิต และบริการ ทำให้เป็นตัวชี้วัดที่ครอบคลุม
- ข้อมูลโปร่งใส: รายงาน PPI เผยแพร่โดยหน่วยงานที่น่าเชื่อถือ เช่น BLS พร้อมคำอธิบาย ทำให้เทรดเดอร์วิเคราะห์ได้ง่าย
- ช่วยคาดการณ์นโยบายการเงิน: PPI ที่สูงหรือต่ำเกินคาดช่วยให้นักลงทุนคาดการณ์การตัดสินใจของธนาคารกลาง เช่น การขึ้นหรือลดดอกเบี้ย
- สนับสนุน Carry Trade: PPI ที่สูงอาจนำไปสู่ดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ทำให้สกุลเงินนั้นน่าสนใจสำหรับ Carry Trade
ข้อเสีย
- ความผันผวนที่รุนแรง: หาก PPI ผิดจากที่คาดการณ์มาก อาจทำให้ตลาดผันผวนเกินคาด เสี่ยงต่อการขาดทุน
- ผลกระทบจากปัจจัยชั่วคราว: ราคาวัตถุดิบ เช่น น้ำมันหรือโลหะ อาจผันผวนจากเหตุการณ์ชั่วคราว ทำให้ PPI ไม่สะท้อนภาพรวมที่แท้จริง
- ความซับซ้อนในการตีความ: PPI มีหลายประเภท เช่น สินค้าสำเร็จรูปหรือกึ่งสำเร็จรูป ซึ่งอาจทำให้การวิเคราะห์ซับซ้อน
- ขึ้นอยู่กับบริบท: PPI เพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ ต้องพิจารณาควบคู่กับ CPI, การจ้างงาน หรือ GDP
- ความแตกต่างระหว่างประเทศ: การคำนวณ PPI อาจแตกต่างกันในแต่ละประเทศ ทำให้เปรียบเทียบข้ามสกุลเงินได้ยาก
- อาจถูกตีความผิด: การสื่อสารจากนักวิเคราะห์หรือธนาคารกลางเกี่ยวกับ PPI อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดในตลาด
รู้จัก PPI: ดัชนีราคาผู้ผลิต
ประวัติและการพัฒนา
- เริ่มใช้เมื่อใด: PPI เริ่มใช้ในสหรัฐฯ ตั้งแต่ปี 1902 โดย BLS เดิมชื่อ Wholesale Price Index (WPI) และเปลี่ยนเป็น PPI ในปี 1978 เพื่อครอบคลุมภาคบริการ
- หน่วยงานที่รับผิดชอบ:
- สหรัฐฯ: Bureau of Labor Statistics (BLS)
- ยูโรโซน: Eurostat
- ญี่ปุ่น: Bank of Japan (BOJ)
- วัตถุประสงค์: วัดต้นทุนการผลิตเพื่อติดตามเงินเฟ้อในระดับค้าส่ง และสนับสนุนการกำหนดนโยบายการเงิน
โครงสร้างการคำนวณ
- ตะกร้าสินค้าและบริการ: ครอบคลุมสินค้าวัตถุดิบ สินค้ากึ่งสำเร็จรูป และสินค้าสำเร็จรูป รวมถึงบริการ เช่น การขนส่ง
- น้ำหนักของหมวดหมู่: ขึ้นอยู่กับความสำคัญของอุตสาหกรรม เช่น พลังงานและการผลิตมีน้ำหนักสูง
- การเก็บข้อมูล: รวบรวมจากผู้ผลิตและผู้ให้บริการทั่วประเทศ
ทำไม PPI ถึงสำคัญกับการเทรด Forex?
1. ขับเคลื่อนสกุลเงิน (Currency Driver)
PPI สูงเกินคาด = สกุลเงินแข็งค่า
- ตัวอย่างจริง: ถ้า PPI สหรัฐฯ ออกมา 0.5% แต่คาดการณ์ไว้ 0.3% → USD จะแข็งค่าทันที
- กลไก: ตลาดคาดว่า Fed จะขึ้นดอกเบี้ยเร็วขึ้น → นักลงทุนซื้อ USD → ราคา USD ขึ้น
- ข้อมูลประกอบ: USD/JPY อาจพุ่งขึ้น 50-100 pips ภายใน 15 นาทีแรก
PPI ต่ำเกินคาด = สกุลเงินอ่อนค่า
- ตัวอย่างจริง: PPI ออกมา 0.1% แต่คาดไว้ 0.4% → USD อ่อนค่าลง
- เหตุผล: แรงกดดันเงินเฟ้อน้อย → Fed ไม่ต้องรีบขึ้นดอกเบี้ย → USD น่าสนใจน้อยลง
- ผลกระทบ: EUR/USD อาจขึ้น 60-120 pips ในวันเดียว
2. สร้างความผันผวน (Volatility Creation)
ความเคลื่อนไหวรุนแรงในช่วงสั้น
- ก่อนข่าว: คู่เงิน USD/JPY เคลื่อนไหว 20-30 pips/ชั่วโมง (ปกติ)
- หลังข่าว PPI: อาจเคลื่อนไหว 80-150 pips ใน 30 นาทีแรก
- โอกาสการเทรด: Scalper สามารถทำกำไร 30-50 pips ภายใน 10 นาที
ตัวอย่างการเคลื่อนไหวจริง:
- EUR/USD: จาก 1.0850 เป็น 1.0920 ใน 20 นาที (70 pips)
- GBP/USD: จาก 1.2650 เป็น 1.2580 ใน 15 นาที (70 pips)
- AUD/USD: มักผันผวนมากกว่าคู่อื่น เพราะเป็นสกุลเงิน Risk-On
3. ให้สัญญาณเงินเฟ้อระยะยาว (Long-term Inflation Signal)
PPI เป็นตัวนำ CPI 1-2 เดือน
- กลไก: ต้นทุนผู้ผลิตเพิ่ม → ราคาสินค้าแพงขึ้น → CPI สูงตาม
- ตัวอย่าง: PPI สูง 3 เดือนติด → คาดว่า CPI จะสูงตาม → Fed ขึ้นดอกเบี้ยแน่นอน
การวิเคราะห์แนวโน้ม:
- PPI เฉลี่ย 6 เดือน > 0.4%/เดือน = สัญญาณเงินเฟ้อกดดัน
- แนวโน้มขาขึ้น: Fed อาจขึ้นดอกเบี้ย 0.25-0.50% ในการประชุมถัดไป
- ผลต่อ USD: แข็งค่าค่อยเป็นค่อยไป 2-3% ใน 3-6 เดือน
4. ส่งผลต่อสกุลเงินอื่น (Spillover Effect)
PPI สหรัฐฯ กระทบ Commodity Currencies
- CAD (ดอลลาร์แคนาดา): PPI สหรัฐฯ สูง → ความต้องการน้ำมันเพิ่ม → ราคาน้ำมันขึ้น → CAD แข็งค่า
- AUD (ดอลลาร์ออสเตรเลีย): PPI สูง → ความต้องการโลหะเพิ่ม → ราคาทองแดง/เหล็กขึ้น → AUD แข็งค่า
- NZD (ดอลลาร์นิวซีแลนด์): มักเคลื่อนไหวตาม AUD เพราะเศรษฐกิจคล้ายกัน
- ความเชื่อมโยงทางการค้า:
- สหรัฐฯ-แคนาดา: การค้า 70% → PPI สหรัฐฯ กระทบ CAD โดยตรง
- สหรัฐฯ-เม็กซิโก: MXN มักอ่อนค่าเมื่อ USD แข็ง เพราะเป็นคู่ค้าหลัก
5. โอกาส Carry Trade (Interest Rate Differential)
PPI สูง → ดอกเบี้ยสูง → Carry Trade
- กลไก: PPI สหรัฐฯ สูงต่อเนื่อง → Fed ขึ้นดอกเบี้ยเป็น 5.5% → ส่วนต่างดอกเบี้ย USD-JPY เป็น 5.0%
- กลยุทธ์: กู้เงินเยน (ดอกเบี้ยต่ำ 0.5%) ไปลงทุน USD (ดอกเบี้ยสูง 5.5%) = กำไร 5.0%/ปี
- ความเสี่ยง: ถ้า USD อ่อนค่า 5% จะขาดทุนแม้ได้ดอกเบี้ย
- ตัวอย่างการคำนวณ Carry Trade:
- เงินลงทุน: $100,000
- ส่วนต่างดอกเบี้ย: 5%/ปี = $5,000/ปี = $416/เดือน
- แต่: ถ้า USD/JPY ลดลง 2% = สูญเสีย $2,000 ใน 1 เดือน
6. ตัวชี้วัดความเชื่อมั่น (Confidence Indicator)
PPI สูง = เศรษฐกิจแข็งแกร่ง
- ตรรกะ: ผู้ผลิตขายได้ราคาสูง → อุปสงค์แข็งแกร่ง → เศรษฐกิจดี
- ผลต่อ Risk Appetite: นักลงทุนกล้าเสี่ยงมากขึ้น → ซื้อสกุลเงิน Risk-On (AUD, NZD, SEK)
- ขายสกุลเงิน Safe Haven: ขาย JPY, CHF, USD (ในบางกรณี)
Risk-On vs Risk-Off:
- Risk-On (PPI สูง): AUD/JPY, NZD/JPY, EUR/JPY ขึ้น
- Risk-Off (PPI ต่ำมาก): USD/JPY, EUR/CHF ลง, Gold ขึ้น
7. ปฏิทินเศรษฐกิจชัดเจน (Predictable Schedule)
การวางแผนล่วงหน้า
- กำหนดการ: PPI สหรัฐฯ ออกวันที่ 12-15 ของทุกเดือน เวลา 20:30 น. (เวลาไทย)
- การเตรียมตัว: เทรดเดอร์สามารถ:
- ศึกษาข้อมูลล่วงหน้า 1-2 วัน
- ตั้ง Pending Order ไว้ก่อนข่าว
- วางแผน Risk Management
กลยุทธ์เฉพาะ:
- ก่อนข่าว 30 นาที: ปิดทุก Position ที่ไม่จำเป็น
- ช่วงข่าว: ใช้ OCO Order (Buy Stop + Sell Stop)
- หลังข่าว 1 ชั่วโมง: วิเคราะห์แนวโน้มใหม่
ปัจจัยที่ส่งผลต่อ PPI
ปัจจัยภายในประเทศ
- ราคาวัตถุดิบ: การเปลี่ยนแปลงของราคาน้ำมัน โลหะ หรือสินค้าเกษตร ส่งผลโดยตรงต่อ PPI
- ต้นทุนการผลิต: ค่าแรงที่สูงขึ้นหรือต้นทุนพลังงานเพิ่ม ส่งผลให้ PPI สูงขึ้น
- อุปสงค์ในภาคอุตสาหกรรม: ความต้องการสินค้าสูงขึ้นอาจผลักดันราคาในระดับผู้ผลิต
ปัจจัยระหว่างประเทศ
- ราคาสินค้าโภคภัณฑ์โลก: ราคาน้ำมันหรือโลหะที่พุ่งสูง ส่งผลต่อ PPI ในหลายประเทศ
- ห่วงโซ่อุปทาน: การหยุดชะงัก เช่น จากสงครามการค้าหรือ COVID-19 เพิ่มต้นทุนการผลิต
- อัตราแลกเปลี่ยน: สกุลเงินที่อ่อนค่าทำให้วัตถุดิบนำเข้าแพงขึ้น ผลักดัน PPI
ปัจจัยด้านความเสี่ยง
- ภัยธรรมชาติ: เช่น ภัยแล้งหรือน้ำท่วม อาจทำให้ราคาวัตถุดิบสูงขึ้น
- ความไม่แน่นอนทางการเมือง: สงครามหรือความขัดแย้งอาจเพิ่มต้นทุนพลังงานและวัตถุดิบ
ปัจจัยด้านเทคโนโลยี
- นวัตกรรมการผลิต: เทคโนโลยีที่ลดต้นทุนอาจทำให้ PPI ลดลง
- การเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรม: การใช้พลังงานหมุนเวียนอาจลดต้นทุนในบางภาคส่วน
ตัวอย่างข่าว PPI สหรัฐฯ
สรุปข่าวเศรษฐกิจ 12 มิถุนายน 2025
เหตุผลที่ต้องจับตา USD (7:30pm) – ข่าวหลัก
- ข้อมูล Core PPI และ PPI ออกมา ต่ำกว่าคาดการณ์อย่างมาก
- Core PPI ที่ 0.1% ต่ำกว่าคาดการณ์ 0.3%
- PPI m/m ที่ 0.1% ต่ำกว่าคาดการณ์ 0.2%
- Unemployment Claims เท่ากับก่อนหน้าที่ 248K แต่สูงกว่าคาดการณ์เล็กน้อย
ผลกระทบ
- USD อ่อนค่าลงอย่างรุนแรง หลังข้อมูล PPI ต่ำกว่าคาดการณ์ แสดงว่า:
- แรงกดดันเงินเฟ้อลดลง
- Fed อาจชะลอการขึ้นดอกเบี้ย
- โอกาส Short USD ในระยะสั้น
- GBP สัญญาณผสม – ภาคก่อสร้างดี แต่การผลิตและการค้ายังอ่อนแอ
ข่าวครั้งนี้เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ
สำหรับ USD: เงินเฟ้อที่ลดลงกว่าคาด หมายถึง Fed มีพื้นที่ในการผ่อนคลายนโยบาย นักลงทุนเริ่มขายทิ้ง USD เพื่อหาผลตอบแทนที่สูงกว่าในสกุลเงินอื่น
สำหรับตลาดโดยรวม
- Risk-on Sentiment เพิ่มขึ้น เพราะดอกเบี้ย USD อาจไม่ขึ้นต่อ
- Carry Trade กลับมาน่าสนใจ
- ตลาดหุ้น อาจได้รับประโยชน์จากการลดดอกเบี้ย
Bottom Line
- PPI ต่ำกว่าคาดการณ์อย่างมาก ทำให้ USD ถูกขายหนัก ตลาดคาดว่า Fed จะผ่อนคลายนโยบายการเงิน นี่คือสัญญาณเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในนโยบายการเงินสหรัฐ
วิเคราะห์การเคลื่อนไหวจากกราฟ USD/JPY
การเคลื่อนไหวจากกราฟ
- ก่อนข่าว: ราคาอยู่ที่ประมาณ 145.000-145.200 ในช่วงท้ายวันที่ 11 มิ.ย.
- หลังข่าว PPI: ราคาดิ่งลงอย่างรุนแรงจาก 145.000+ มาที่บริเวณ 143.500-143.800
- ปัจจุบัน: ราคาพยายาม Rebound เล็กน้อยขึ้นมาที่ 143.592 แต่ยังอยู่ใกล้ Support
- การเปลี่ยนแปลง: ลดลงประมาณ 150-170 pips จากจุดก่อนข่าว
สิ่งที่เห็นชัดเจน
- เกิด Gap Down อย่างรุนแรงหลังข่าว PPI
- ราคาทะลุ Support ลำดับต่างๆ ลงมา
- ตอนนี้กำลังติดอยู่ในโซน 143.068-143.592
- แรงขายยังคงแรงมาก จากการที่ราคายังไม่สามารถกลับขึ้นไปหาระดับเดิมได้
นี่เป็นการเคลื่อนไหวที่รุนแรงมากหลังข่าว PPI ที่ออกมาต่ำกว่าคาดการณ์ทำให้ USD อ่อนค่าลงอย่างชัดเจน
คลิปที่น่าสนใจ
สรุปข้อมูลสำคัญ Producer Price Index (PPI)
- นาทีที่ 0:15-0:19
- ผู้เผยแพร่: Bureau of Labor Statistics (BLS) – หน่วยงานสถิติแรงงานสหรัฐฯ
- ชื่อเต็ม: Producer Price Index หรือ PPI
- นาทีที่ 0:28-0:37
- PPI = ตัวชี้วัดเงินเฟ้ออย่างเป็นทางการ ของสหรัฐฯ
- วัดการเปลี่ยนแปลงเฉลี่ยของราคาขายสินค้าและบริการที่ผลิตในสหรัฐฯ
- วัดจากมุมมองผู้ขาย (Seller’s perspective) ไม่ใช่ผู้บริโภค
- ออกมาในรูปแบบดัชนีราคา (Price Indexes)
- นาทีที่ 0:41-0:54
- ครอบคลุม 10,000 ดัชนี สำหรับสินค้าแต่ละประเภทและกลุ่มสินค้า
- เผยแพร่ทุกเดือน อย่างสม่ำเสมอ
- ครอบคลุมอุตสาหกรรม: เกือบทุกเหมืองแร่และการผลิต
- รวมบริการ: การค้า, ขนส่ง, สุขภาพ, และบริการวิชาชีพ
- นาทีที่ 1:00-1:05
- ผู้ใช้หลัก: รัฐบาลและธุรกิจใช้เพื่อตัดสินใจทางธุรกิจที่มีข้อมูลครบถ้วน
- นาทีที่ 1:05-1:19
- การใช้งานเฉพาะของธุรกิจ:
- การปรับสัญญา (Contract adjustment)
- ติดตามสินค้าและอุตสาหกรรมเฉพาะ
- การพยากรณ์ (Forecasting)
- การประเมินสินค้าคงคลัง LIFO (Last-In-First-Out inventory valuation)
- ตัวชี้วัดเศรษฐกิจ (Economic indicator)
- การใช้งานเฉพาะของธุรกิจ:
- นาทีที่ 1:26-1:32
- ความน่าเชื่อถือ: ข้อมูล PPI แม่นยำและทันเวลา
- มาตรฐานคุณภาพ: เผยแพร่รายเดือนและตรงตามมาตรฐานคุณภาพสูงสุด
- นาทีที่ 1:32-1:38
- ความเป็นกลาง: ข้อมูล PPI เป็นกลางทางการเมือง
- หลักการ: BLS ผลิตข้อมูลไม่ใช่ความเห็น – ให้ผู้ใช้ตัดสินใจเองว่าจะใช้อย่างไร
- นาทีที่ 1:43-1:48
- การพัฒนาอย่างต่อเนื่อง: PPI ปรับปรุงดัชนีหลายพันตัวอย่างต่อเนื่อง
- ขยายความครอบคลุม: เพิ่มการครอบคลุมเศรษฐกิจสหรัฐฯ ให้มากขึ้น
- นาทีที่ 1:53-1:58
- การเข้าถึงฟรี: ข้อมูล PPI เข้าถึงได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
- การยอมรับ: ใช้กันอย่างแพร่หลายและได้รับการยอมรับ ในวงกว้าง
- นาทีที่ 2:03-2:17
- ความโปร่งใส: BLS เปิดเผยวิธีการและกระบวนการ เพื่อสร้างความเชื่อมั่น
- การปกป้องข้อมูล: PPI เป็นการสำรวจแบบสมัครใจ และปกป้องความลับของผู้ตอบแบบสำรวจ
สรุป
PPI มีบทบาทสำคัญในการบ่งชี้แนวโน้มเงินเฟ้อในอนาคต เนื่องจากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นอาจถูกส่งต่อไปยังผู้บริโภคผ่านดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ส่งผลกระทบต่อนโยบายการเงินของธนาคารกลาง เช่น Federal Reserve (Fed) หรือธนาคารกลางยุโรป (ECB) การประกาศ PPI แต่ละครั้งได้รับความสนใจจากนักลงทุนและเทรดเดอร์ในตลาด Forex เนื่องจากมักก่อให้เกิดความผันผวนในคู่สกุลเงินหลัก เช่น USD/JPY, EUR/USD หรือ GBP/USD รวมถึงสินทรัพย์อื่น ๆ เช่น ทองคำ หุ้น และพันธบัตร
สัญญาณสำคัญจาก PPI มีดังนี้:
- PPI สูงเกินคาด: บ่งชี้ว่าต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่เงินเฟ้อที่สูงขึ้น ธนาคารกลางอาจตอบสนองด้วยการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ ส่งผลให้สกุลเงินแข็งค่า (Hawkish signal) ตัวอย่างเช่น หาก PPI สหรัฐฯ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ ค่าเงิน USD อาจแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับ JPY หรือ EUR
- PPI ต่ำเกินคาด: สะท้อนถึงต้นทุนการผลิตที่ลดลงหรืออุปสงค์ในตลาดที่อ่อนแอ ซึ่งอาจนำไปสู่การผ่อนคลายนโยบายการเงิน เช่น การลดอัตราดอกเบี้ย ส่งผลให้สกุลเงินอ่อนค่าลง (Dovish signal) เช่น หาก PPI สหรัฐฯ ต่ำกว่าคาด USD อาจอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่น
อ้างอิง
- Bureau of Labor Statistics. (2025). Producer Price Index Summary. https://www.bls.gov/ppi
- Federal Reserve. (2025). Monetary Policy Reports. https://www.federalreserve.gov/monetarypolicy
- Trading Economics. (2025). United States PPI Data. https://tradingeconomics.com/united-states/producer-prices
- Investing.com. (2025). USD Currency Analysis and PPI News. https://www.investing.com/currencies/usd-jpy
FAQ — ข่าว PPI (Producer Price Index) คืออะไร?