บทเรียน ป.ตรี ปีที่ 4: สิ่งที่เทรดเดอร์มืออาชีพต้องรู้

 
 

สิ่งที่เทรดเดอร์มืออาชีพต้องรู้

ในการเทรดมีสิ่งสำคัญที่สุด คือ การรู้ว่า ลำดับความสำคัญคืออะไร และเมื่อไหร่ควรทำอะไร นั้นเอง

การไม่ได้ทำอะไร หรือว่าการเรียนรู้ที่จะอยู่นิ่งๆ ก็จะสามารถทำให้คุณไม่สูญเงินจากการเทรดได้ การเทรดเหมือนกับการคุมจังหวะ บางจังหวะเราก็ต้องปล่อยให้มันไปตามน้ำบ้าง บางจังหวะเราต้องรู้จักพัก ซึ่งในบทความนี้ จะแบ่งปันแนวคิด 3 อย่างที่เทรดเดอร์ต้องระลึกอยู่ตลอดเวลาคือ การรู้ว่าเมื่อไหร่ควรจะ Buy และ Sell การต้องรู้ว่าควรจะส่ง Lot เท่าไหร่ และสิ่งสุดท้าย คือการได้รู้ว่า เมื่อไหร่ควรจะหยุดเทรด การไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ควรจะหยุดเทรด มันทำให้เราอยู่ในตลาดตลอดเวลาและจะเผชิญกับความเสี่ยงสักวันหนึ่ง การเลือกที่จะหยุดทำให้เราได้พักผ่อน ทำให้เราได้มีเวลาคิดใคร่ครวญการตัดสินใจดังนั้น เทรดเดอร์ที่ดีต้องเรียนรู้ที่จะทำความเข้าใจกับสิ่งเหล่านี้

การเป็นเทรดเดอร์อาชีพ มีสิ่งที่จับต้องได้อยู่มากมาย ที่เทรดเดอร์ต้องทำความเข้าใจ แต่อีกด้านหนึ่งความยากของการเป็นเทรดเดอร์อาชีพ คือ การที่จะต้องพัฒนาสิ่งที่จับต้องไม่ได้ด้วย ตัวอย่างเช่น การู้ว่าควรทำอะไรหรือไม่ควรทำอะไร นอกจากความเสี่ยงแล้วสิ่งที่ควรรู้ต่อไปนี้ เป็นสิ่งที่ยากที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอมาในการเทรดอาชีพ ตลอดระยะเวลา 5 – 6 ปีหลัง การพัฒนาทักษะที่ไม่สามารถจับต้องได้เป็นอะไรที่หนักหนาสาหัส แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะพัฒนาไม่ได้ บ่อยครั้งที่มันนำมาซึ่งความรู้สึกว่า เราควรทำอะไรและไม่ควรทำอะไรเวลาไหน การเทรด มันจะเป็นตัวตัดสินชะตากรรมของการลงทุนของเรา แล้วอไรหล่ะที่เราควรรู้ว่าจะต้องทำอะไรยังไงเวลาไหน มาดูกัน

รู้ว่าเมื่อไหร่ควร Buy และ Sell

การรู้ว่าเมื่อไหร่ควร Buy และ Sell ตลอดการเทรด 13 ปีของผม มีช่วงเวลาหนึ่งที่เรามองกราฟไม่ออกแม้ว่า indicator มันจะบอกว่าให้ Buy หรือ Sell แต่เรากลับไม่ได้รู้สึกมั่นใจเลยว่า มันจะเป็นตามที่กราฟบอก จากประสบการณ์ของผม มันมักจะมีเหตุการณ์อย่างนี้อยู่เสมอ การเทรดนั้น เราจะต้องรู้สึกมั่นใจว่า กราฟที่บอกเราอยู่นั้นมันจะเป็นไปอย่างที่เราคิดจริงๆ เพราะ

Decision Chart แสดงจุดตัดสินใจสำคัญ
ภาพที่ 1 แสดงจุดตัดสินใจสำคัญ

ในภาพที่ 1 ผมทำการแสดงจุด Mark ของการเข้าเทรดไว้ 3 จุด ใน 3 จุดนี้มี 2 จุดที่เป็นจุดเข้าเทรดที่มีความมั่นใจสูง เพราะว่าอะไร เพราะว่า MACD ขึ้นสูงมาก เมื่อมันขึ้นสูงโอกาสจะกลับตัวมันจึงสูง นั่นไม่ใช่ประเด็น แต่ว่า จุดที่วงกลมสีแดง เป็นจุดที่ผมมั่นใจมาก ๆ ขณะที่จุดสีฟ้าต่างหากที่เราจะมาพูดถึง

จุดสีฟ้า เป็นจุดที่กราฟก็เคลื่อนไหวขึ้นรุนแรงเช่นเดียวกัน จุดสีฟ้าทำให้เกิดการเคลื่อนไหวของกราฟ รุนแรงในขาขึ้นแต่ว่า กราฟ MACD ไม่ได้มีการเคลื่อนไหวรุนแรงก่อนหน้า สำหรับผมแล้ว ผมไม่รู้เลยว่ามันจะออกด้านไหน คือ Sell หรือว่า Buy ถ้าหากว่า นี่เป็นจุดตัดสินใจ ผมเลือกที่จะไม่เทรดในจุดสีฟ้า และเลือกที่จะเทรดเฉพาะจุดสีแดง หรืออีกตัวเลือกหนึ่งในการเทรดคือ ก็ถ้าหากผมไม่มั่นใจผมจะลด Lot ให้เหลือน้อยเช่น ครึ่งหนึ่งของที่เคยเทรด ซึ่งก็จะเกี่ยวข้องกับหัวข้อที่ 2 และ 3 ต่อไป

รู้ว่าควรส่ง Lot เท่าไหร่ ณ จุดไหน

อย่างที่ 2 ที่ควรรู้มากที่สุดคือ การรู้ว่าควรส่ง Lot เท่าไหร่ ณ ราคาช่วงนี้ กราฟแบบนี้ แม้ว่าเราจะใช้การส่ง Lot คงที่แต่จะมีรูปแบบกราฟรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งที่เราจะมีความมั่นใจมากกว่า ตอนอื่น ๆ เป็นพิเศษ ที่เราจะต้องดูว่าเราจะสามารถฉวยโอกาสในการส่ง Lot ที่กราฟมันเข้าลักษณะนั้นได้ โดยต้องมีตัวชี้วัดชัดเจน ว่าความเสี่ยงต่ำ โดยไม่อาศัยความรู้สึกในการวัด ว่าเฮ้ย เรารู้สึกว่า ตอนนี้มันจะกลับตัวหว่ะ เราก็เลยส่งขนาดใหญ่สักหน่อย นั่นคือ หายนะครับ

รู้ว่าเมื่อไหร่ควรหยุดเทรด

ถ้าหากผู้อ่านสามารถรู้สึกถึงข้อ 1 ได้ ข้อ 3 นี้ก็ไม่แตกต่างกัน เพราะมันเป็นความรู้สึกตรงกันข้าม ความรู้สึกที่ว่าคือ เราไม่แน่ใจเลยว่า กราฟจะออกทางไหน แม้ว่า indicator มันจะบอกว่า ให้ Sell แต่เรากลับคิดว่า มันสวนกับ Time Frame ใหญ่กว่า มันน่าจะออก Buy ได้ ทฤษฎีการตัดสินใจจะช่วยเราได้ในการตัดสินใจ เราลองมาดูตัวอย่างการตัดสินใจกัน

แสดงการตัดสินใจในจังหวะไม่แน่นอน
ภาพที่ 2 แสดงการตัดสินใจในจังหวะไม่แน่นอน

ในภาพที่ 2 เรามักจะตัดสินใจด้วยอารมณ์แบบนี้บ่อยมาก เพราะว่า เราไม่มั่นใจแต่อารมณ์เราก็โลภ ที่จะได้เงิน โดยเราเลือกที่จะอยู่ในตลาดแทนที่จะรอจังหวะในการเทรด การตัดสินใจแบบนี้นำมาแต่ความผิดพลาด ซึ่งสิ่งที่ควรทำคือ การรอจังหวะต่อไป จะดีกว่า