Short Selling คืออะไร? 

Short Selling หรือ “การขายชอร์ต” คือการทำกำไรจากราคาที่ ลดลง ไม่ใช่ขึ้น ซึ่งตรงข้ามกับสิ่งที่คนทั่วไปเข้าใจว่าต้อง “ซื้อถูก ขายแพง” เท่านั้นถึงจะได้เงิน

  • ในการ Short Selling คุณจะเริ่มด้วย “การขาย” สินทรัพย์ก่อน ทั้งที่คุณ ยังไม่ได้เป็นเจ้าของมันจริง ๆ
  • เป้าหมายคือ: ขายตอนราคาสูง แล้วมาซื้อคืนตอนราคาต่ำ  ส่วนต่างของราคาคือกำไรของคุณ

เปรียบเทียบให้เห็นภาพง่าย ๆ

สมมติว่านักลงทุนคิดว่าหุ้น Apple (AAPL) ราคา 200 ดอลลาร์ต่อหุ้น “แพงเกินไป” และมีแนวโน้มจะลดลง
เขาจึงทำการ

  • ยืมหุ้น Apple จำนวน 10 หุ้นจากโบรกเกอร์
  • ขายหุ้นทันทีในตลาดที่ราคา 200 ดอลลาร์ เท่ากับว่า ได้เงินมา 2,000 ดอลลาร์

ต่อมา ราคาหุ้นลดลงเหลือ 150 ดอลลาร์

  • นักลงทุน ซื้อหุ้นคืน 10 หุ้นในราคา 1,500 ดอลลาร์
  • จากนั้น คืนหุ้นให้โบรกเกอร์
  • กำไรที่ได้คือ: 2,000 – 1,500 = 500 ดอลลาร์

แต่ถ้าราคาหุ้นกลับขึ้นเป็น 250 ดอลลาร์แทน

  • นักลงทุนต้องซื้อคืนในราคา 2,500 ดอลลาร์
  • ขาดทุนทันที: 2,000 – 2,500 = ขาดทุน 500 ดอลลาร์

ภาพแสดงถึง กระบวนการ Short Selling การยืมหุ้น Apple จำนวน 10 หุ้นจากโบรกเกอร์

สมมติว่าหุ้น Apple ปิดเมื่อวานที่ 100 ดอลลาร์
แต่วันนี้ราคาลดลงเหลือ 90 ดอลลาร์

เนื่องจากราคาลดลงมากกว่า 10% (จาก $100 ไป $90)
จึงเข้าเงื่อนไขของ “กฎการเพิ่มขึ้น”

กฎนี้ระบุว่า
นักลงทุน ไม่สามารถขายชอร์ต หุ้นนี้ได้ทันทีที่ราคา $90
เว้นแต่ว่า ราคาจะดีดกลับขึ้นมาเป็น $90.01 ขึ้นไปก่อน

วัตถุประสงค์ของกฎนี้

  • ลดโอกาสการเทขายแบบตื่นตระหนก
  • ป้องกันการกดราคาหุ้นลงอย่างรุนแรงจากการขายชอร์ต
  • ยังเปิดโอกาสให้ขายชอร์ตได้บ้าง เพื่อให้ตลาดมีสภาพคล่อง

ภาพประกอบแสดงถึง การใช้ กฎการเพิ่มขึ้น

แล้ว Short Selling ใช้ได้เฉพาะหุ้นเท่านั้นหรือ?

คำตอบคือ ไม่ใช่เลย!
ตลาด Forex, สินค้าโภคภัณฑ์ (เช่น น้ำมัน ทองคำ), Crypto หรือแม้แต่ดัชนี ก็สามารถทำ Short Selling ได้ทั้งนั้น โดยเฉพาะใน Forex ที่โครงสร้างตลาดออกแบบให้สามารถ Buy หรือ Sell ได้ทันที โดยไม่ต้องมีของจริงในมือเลย

จุดเริ่มต้นของ Short Selling มาจากตลาดหุ้นจริงหรือ?

  • ใช่ครับ จุดเริ่มมาจากตลาดหุ้นก่อน
  • ในตลาดหุ้น ถ้าคุณอยาก Short ต้อง ยืมหุ้นจาก โบรกเกอร์ ก่อนแล้วค่อยขาย
  • ถ้าหุ้นราคาตก คุณค่อย “ซื้อคืน” เพื่อคืนหุ้นให้โบรกเกอร์ แล้วเก็บกำไรส่วนต่าง

ข้อจำกัดของตลาดหุ้นในการ Short

  • ต้องเปิดบัญชี Margin ถึงจะยืมหุ้นได้
  • หุ้นบางตัวอาจไม่ให้ Short ถ้าความผันผวนสูง
  • มีข้อจำกัดเรื่องเวลา เช่น ห้าม Short ในช่วงข่าวแรง ๆ

แต่ใน ตลาด Forex … ไม่ต้องยืม ไม่ต้องมีของจริง ก็ Short ได้ทันที

Forex ไม่มีตลาดขาลง? แล้วทำไมเทรดเดอร์ถึง Short ได้

  • Forex เป็นตลาดซื้อขาย คู่เงิน เช่น EUR/USD, USD/JPY
  • เวลากด Sell หมายถึงคุณคาดว่า สกุลเงินตัวหน้า (Base Currency) จะอ่อนค่าลง
  • เช่น Sell EUR/USD = คุณกำลัง Short EUR แล้ว Buy USD ไปพร้อมกัน

สิ่งที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้

  • ทุกครั้งที่คุณกด “Sell” ใน Forex นั่นคือคุณกำลัง Short อยู่
  • ไม่ต้องมี EUR อยู่ในมือ ไม่ต้องยืม USD ใด ๆ
  • ระบบโบรกเกอร์ทำงานให้หมด  คุณแค่เลือกทิศทางถูกก็พอ

โครงสร้างของตลาด Forex ที่เปิดโอกาสให้ Short Selling เป็นเรื่องธรรมดา

  • ตลาด Forex คือ OTC (Over-the-Counter) ไม่มีตลาดกลางเหมือนหุ้น
  • คุณเทรดกับโบรกเกอร์  โบรกไปต่อออเดอร์ให้กับ Liquidity Provider (LP)
  • โบรกไม่สนว่าคุณจะ Buy หรือ Sell  ระบบทำงานอัตโนมัติ

จุดเด่นที่ทำให้ Short ง่าย

  • ไม่มีขั้นตอนยืมสินทรัพย์ก่อน
  • กด Sell ได้ทันทีจากแพลตฟอร์มเทรด
  • เทรดจากมือถือก็ Short ได้ ไม่ต้องวุ่นวายเรื่องเอกสาร

สรุปง่าย ๆ
“Buy” คือคาดว่าราคาจะขึ้น
“Sell” คือคาดว่าราคาจะลง = คุณ Short อยู่แบบไม่รู้ตัว

ตัวอย่างจริง: เทรด Forex แบบ Short โดยไม่รู้ตัว

เหตุการณ์จริงจากประสบการณ์เทรดของผมช่วงข่าว NFP

  • ก่อนข่าวออก USD แข็ง ค่าเงิน GBP อ่อน
  • ผมเปิดออเดอร์ “Sell GBP/USD” ที่ราคา 1.2800
  • ข่าวออกปุ๊บ ราคาดิ่งลงมา 1.2700
  • ผมปิดทำกำไรได้ 100 pips ภายใน 10 นาที

แปลว่า

  • ผม Short GBP และ Long USD ในเวลาเดียวกัน
  • ไม่ต้องคิดเยอะ ไม่ต้องยืมอะไรทั้งนั้น แค่กด Sell  ได้กำไรทันที

ภาพแสดงตัวอย่างการเทรด Forex แบบ Short หรือ การกด เซลล์ ที่ทำกำไรได้ก่อนที่กราฟจะราคา พุ่งขึ้นไปเหมือนเดิม สามารถเก็บกำไรจากขาลงได้

ทำไม Short Selling ถึงกลายเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวันของสายเทรด

  • ทุกครั้งที่คุณไม่มั่นใจว่าตลาดจะขึ้น
  • แต่คุณมั่นใจว่ามัน “จะลง”
  • คุณเปิด Sell  เท่ากับคุณเลือกเส้นทางของการ Short

ทำไมมันถึงกลายเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว

  • แพลตฟอร์มเทรด (MT4, cTrader, TradingView) รองรับคำสั่ง Sell แบบเรียลไทม์
  • กราฟแท่งเทียน เทคนิคอลอินดิเคเตอร์ ใช้ได้ทั้งฝั่ง Buy และ Sell
  • กลยุทธ์ส่วนใหญ่ เช่น Breakout, Trend Following ก็ใช้ได้กับฝั่ง Short

หลายคนเทรดมาปีสองปีเพิ่งรู้ว่า “อ๋อ นี่เรากำลัง Short อยู่เหรอ” เพราะมันเป็นธรรมชาติของ Forex ไปแล้ว

ความเสี่ยงที่แฝงอยู่ในการ Short และวิธีรับมือ

แม้จะเทรดง่าย แต่ว่าฝั่ง Sell ก็มีความเสี่ยงเหมือน Buy ทุกประการ

สิ่งที่ต้องระวัง

  • เทรดผิดทาง  ขาดทุนไวมาก โดยเฉพาะตอนใช้ Leverage สูง
  • ราคาย่อลงหลอก  เทรดเดอร์เข้า Sell แล้วโดนลากกลับขึ้น
  • ช่วงข่าว  ราคาเหวี่ยงแรง เสี่ยงโดน SL หรือ Margin Call

แนวทางลดความเสี่ยง

  • วาง Stop Loss เสมอ อย่าคิดว่า “แค่ลงนิดเดียว เดี๋ยวก็กลับ”
  • รอ Confirmation ก่อนเข้า เช่น เส้น EMA ตัดลง, Break แนวรับ, Volume เพิ่ม
  • อย่าเทรด Short สวนเทรนด์ใหญ่ ถ้าไม่มั่นใจหรือไม่มีสัญญาณชัด

ภาพนี้แสดงให้เห็นว่ามีความเสี่ยงอยู่ในทุกช่วงเวลา เพราะกราฟอาจจะไม่กลับมา ไม่มี SL ช่วงข่าวแรงอาจจะทำให้พอร์ตของคุณ Stop Out

Short Selling ใน Forex เทียบกับตลาดอื่น

Forex

  • กด Sell ได้ทันที ไม่ต้องยืม
  • ใช้ได้ทุกคู่เงิน ทุกสถานการณ์
  • เหมาะมากกับสาย Scalping และ Day Trade
  • ข้อควรระวัง: ข่าวแรงอาจสวนทิศไวมาก

หุ้น (Stock)

  • ต้องยืมหุ้นก่อน Short
  • มีกฎจำกัด เช่น Short Ban หรือ Uptick Rule
  • ข้อควรระวัง: หุ้นเด้งแรง, กองทุนเข้าซื้อสวน

Futures

  • Short ได้ทันที ไม่มีขั้นตอนยืม
  • เทรดสินทรัพย์ใหญ่ เช่น ทอง, น้ำมัน, ดัชนี
  • ข้อควรระวัง: มีวันหมดอายุของสัญญา

Crypto

  • Short ได้ง่ายผ่านแพลตฟอร์มเช่น Binance
  • เทรด 24/7 ใช้ Leverage ได้
  • เหมาะกับเทรดขาลงแบบเร็ว ๆ
  • ข้อควรระวัง: ราคาเหวี่ยงหนัก, เสี่ยงโดนล้างพอร์ต

ตารางที่ 1 เปรียบเทียบตลาดสำหรับการ Short

ตลาดจุดเด่นของการ Shortข้อจำกัด/ข้อควรระวัง
ForexShort ได้ทันทีทุกคู่, เทรดได้ 24 ชม.ข่าวแรง, ราคาเหวี่ยงไว
หุ้นเล่นกับข่าวลบได้ดี, ใช้เทคนิคชัดเจนต้องยืมหุ้น, มีกฎห้าม Short บางช่วง
FuturesShort ง่าย, ใช้ Leverage สูงมีวันหมดอายุ, ต้องเข้าใจโครงสร้างสัญญา
Cryptoเทรด Sell ได้ 24/7, เหวี่ยงแรงทำกำไรไวเสี่ยงสูง, Leverage มากอาจโดน Liquidate

จิตวิทยาการเทรดกับ Short Selling: ความกลัว ความกล้า และความเข้าใจ

เรื่องที่เทรดเดอร์เจอบ่อย

  • รู้ว่าตลาดจะลง แต่ “ใจไม่กล้า” กด Sell
  • เคย Short แล้วโดนลาก เลยกลัวไม่กล้ากดอีก
  • เชื่อแบบฝังหัวว่า “ตลาดจะกลับขึ้นเสมอ” ทำให้ชอบสวนเทรนด์ขึ้น

เทคนิคปรับจิตใจให้พร้อม Short อย่างมั่นใจ

  • เปลี่ยนมุมมองว่า Short = การเทรดอีกรูปแบบ ไม่ใช่การสวนธรรมชาติ
  • ฝึกวิเคราะห์ด้วยข้อมูล ไม่ใช่อารมณ์  ถ้ากราฟบอกว่า Downtrend ก็ควรเทรดตาม
  • หมั่นบันทึกผลการเทรดฝั่ง Sell แยกออกมาตรวจสอบ  จะพบว่าฝั่ง Sell มีโอกาสเท่ากับฝั่ง Buy ถ้าเข้าให้ถูกจุด

“ใจที่มั่นคง มีวินัย และกล้าตัดสินใจตามแผน คือกุญแจที่ทำให้ Short ได้อย่างเป็นระบบ ไม่ใช่แค่เดาสุ่ม”

  • ฝั่ง Sell ไม่ใช่ฝั่ง “อันตรายกว่า” แต่เป็นฝั่งที่ “ต้องมีวินัยกว่า”
  • ถ้าคุณควบคุมความคิด-ความกลัว-ความโลภได้  ฝั่ง Short จะเป็นอีกช่องทางทำกำไรที่ทรงพลัง
  • เทรดเดอร์ที่อยู่รอดในตลาดระยะยาว มัก “เข้าใจและใช้” การ Short ได้อย่างมีกลยุทธ์

ภาพนี้แสดงให้เห็นว่ามีความกลัวเมื่อจะทำการ Sell เพราะตลาดขาขึ้น แน่นอนเลยว่าพบเจอแน่สำหรับเทรดเดอร์ 1 วัน 1,000 อารมณ์

Short Selling ในปัจจุบัน: เทรนด์ใหม่ที่เทรดเดอร์ไม่ควรมองข้าม

ปัจจุบันโลกของการเทรดเปลี่ยนไปเยอะมาก และ Short Selling กลายเป็นเครื่องมือที่หลายสายเทรดใช้ แบบมือโปร

สถานการณ์ในปี 2024–2025

  • ความผันผวนของตลาดสูงมากจากข่าวเศรษฐกิจ สงคราม และนโยบายการเงิน
  • ตลาดมีเทรนด์ลงให้เทรดบ่อยกว่าสมัยก่อน
  • เทรดเดอร์สาย Day Trade และ Scalper ชอบใช้ฝั่ง Short ทำกำไรรายวัน

เหตุผลที่ Short กลายเป็นเรื่อง “ธรรมชาติ”

  • แพลตฟอร์มเทรดสมัยใหม่เปิดให้ใช้ Short ได้ทันที ทั้งบนมือถือและเว็บ
  • อินดิเคเตอร์, Signal, Robot ต่าง ๆ ก็รองรับฝั่ง Sell เหมือนฝั่ง Buy
  • Prop Firm ส่วนใหญ่ให้สิทธิ์เทรดทั้ง Buy และ Sell โดยไม่มีข้อจำกัด

ทิศทางที่ควรจับตา

  • เทรดเดอร์เริ่ม “ไม่ยึดติดว่าฝั่ง Buy ดีกว่า” แต่เปลี่ยนเป็น “ฝั่งไหนก็ได้ ถ้าทำกำไรได้”
  • คอร์สเทรดหลายแห่งเริ่มสอนกลยุทธ์ Short อย่างจริงจังมากขึ้น
  • กลุ่มเทรด แชร์โซน Sell มากขึ้นกว่าสมัยก่อนที่เน้นแต่ Buy

คลิปที่น่าสนใจ

ขอแนะนำคลิปอธิบายจาก ดร.วิทย์ ที่จะทำให้คุณเข้าใจง่ายเกี่ยวกับ “Short Selling คืออะไร ต่างกับการขายหุ้นแบบทั่วไปอย่างไร” จากช่อง THE STANDARD เป็นคลิปสั้น ที่ให้ความหมายเรื่องนี้ได้อย่างเข้าใจ 

สรุป

  • การเปิดออเดอร์ Sell = คุณกำลัง Short คู่เงินอยู่
  • โครงสร้างตลาดเปิดอิสระให้คุณเทรดทั้งสองฝั่งแบบไม่มีข้อจำกัด
  • โอกาสทำกำไรได้ทั้งตลาดขาขึ้นและขาลง
  • เครื่องมือวิเคราะห์ใช้ได้ทั้งสองฝั่ง
  • ฝึกเทคนิคการดูจังหวะ Sell ได้เหมือนฝั่ง Buy

อ้างอิง

FAQ — Short Selling ไม่ใช่แค่หุ้น! ทำไมสายเทรด Forex ใช้ทุกวันโดยไม่รู้ตัว?

ไม่มี เพราะตลาด Forex เป็น OTC (Over the Counter) ไม่มีศูนย์กลางแบบตลาดหุ้น เลยไม่มี Circuit Breaker ในตลาดหุ้น ถ้าราคาดิ่งหนัก ๆ เช่น -10%, -20% จะมีหยุดการซื้อขายชั่วคราว (เพื่อป้องกัน Panic Sell) แต่ใน Forex เทรดได้ 24 ชั่วโมง แบบไม่มีหยุด ยิ่งข่าวแรง ราคาเคลื่อนไหวได้เป็นร้อย pip ภายในไม่กี่วินาที เพราะไม่มีใครมากดปุ่มเบรก
ไม่จริงเสมอไป ถึงแม้จะมีสำนวนที่ชอบพูดกันว่า “ขึ้นบันได ลงลิฟต์” แต่จะใช้อธิบายลักษณะการเคลื่อนที่ของราคาในภาพรวมของตลาดหุ้นมากกว่า จะใช้เปรียบเทียบความเร็วในการขาดทุนระหว่าง Long กับ Short โดยตรงใน Forex หลัก ๆ แล้วการเจ๊งเร็วหรือช้าจะขึ้นอยู่กับ Leverage, Volatility, Position Size, และ Stop Loss
ไม่เสมอไป ค่า Swap จะเป็นบวกหรือลบขึ้นอยู่กับ “ส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ย” ระหว่างสองสกุลเงินในคู่ที่คุณถือสถานะ และทิศทางที่ถือ (Long หรือ Short) รวมถึง Markup ที่โบรกเกอร์บวกเพิ่มเข้าไป จากต้นทางที่รับมาจาก LP (กรณีที่เป็น Book A — ไม่ได้รับกินเอง) ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา อัตราดอกเบี้ยของสกุลเงินหลัก (เช่น JPY, CHF, EUR) อยู่ในระดับต่ำมากหรือติดลบ ในขณะที่สกุลเงินอื่น (เช่น USD, AUD, NZD) มีอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่า ทำให้การ Short คู่เงินที่มีสกุลเงินดอกเบี้ยสูงเป็นตัวหน้า (Base) และถือสกุลเงินดอกเบี้ยต่ำเป็นตัวหลัง (Quote) อาจมีแนวโน้มที่จะได้ Swap เป็นบวก (เช่น Sell AUD/JPY ในบางช่วง) แต่ก็ไม่ใช่กฎตายตัว และมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามนโยบายการเงินของแต่ละประเทศ
Uptick Rule (หรือ Alternative Uptick Rule – SEC Rule 201) เป็นกฎที่ใช้ใน “ตลาดหุ้นสหรัฐฯ” มันจะถูกบังคับใช้เมื่อราคาหุ้นลดลง 10% หรือมากกว่าจากราคาปิดวันก่อน เมื่อถูกบังคับใช้ การ Short Sell หุ้นนั้น จะทำได้ก็ต่อเมื่อราคาเสนอขายสูงกว่าราคาเสนอซื้อที่ดีที่สุดในขณะนั้น (ต้องมี “uptick”) แต่กฎนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการเทรด Forex โดยตรง ตลาด Forex ไม่มีข้อจำกัดนี้

เป็นเรื่องที่มีสองด้านและเป็นที่ถกเถียงกัน

  • มุมมองเชิงลบ (ที่ว่า “ทำลายตลาด”) — การ Short Selling ในปริมาณมาก อาจทำให้เกิด Panic Sell และนักลงทุนรายย่อยที่ถือ Long อยู่ ก็ขาดทุนหนักได้ และยังสามารถถูกใช้เป็นเครื่องมือในการโจมตีค่าเงินหรือราคาหุ้นได้อีก
  • มุมมองเชิงบวก — Short Selling คือกลไกตามธรรมชาติของตลาดเสรี ที่ช่วยให้ราคาสะท้อนความจริงเร็วขึ้น, เปิดโอกาสให้คนทำกำไรในขาลง, กดดันบริษัทให้มีธรรมาภิบาล (เพราะถ้าบริษัทแย่ คนก็จะ Short) และที่สำคัญ!! ตลาดที่ไม่มี Short มักฟองสบู่หนัก เช่น ตลาดหุ้นจีนช่วงก่อนปี 2015 เพราะห้าม Short ทำให้ราคาถูกปั่นง่ายมากๆ พอพัง → คนเจ๊งยกแผง (ลงไปเกือบ 50% YoY)

 

เขียนโดย

Pakornkiat Poonsuk

ผู้ตรวจทานความถูกต้อง

Chatchawal Nakcharoen