รูปแบบแท่งเทียน Spinning Top Candlesticks คืออะไร?

Spinning Top คือ รูปแบบแท่งเทียนเดี่ยวที่บ่งบอกถึง ความลังเลอย่างยิ่งยวด ในตลาดอย่างชัดเจน ณ ช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง มันเป็นสัญญาณว่าทั้งฝ่ายซื้อ (Bulls) และฝ่ายขาย (Bears) ต่อสู้กันอย่างหนัก แต่สุดท้ายไม่มีฝ่ายใดสามารถควบคุมทิศทางราคาได้อย่างสมบูรณ์

Spinning Top ไม่ได้เป็นด้วยตัวของมันเอง แต่จะเป็นสัญญาณที่มีนัยยะ Bullish เมื่อเกิดในบริบทของขาลง และจะกลายเป็นสัญญาณที่มีนัยยะ Bearish เมื่อเกิดในบริบทของขาขึ้น โดยต้องมีการยืนยันจากแท่งเทียนถัดไปเสมอ

  • ดู “สถานที่เกิดเหตุ”: บริบทของแนวโน้ม (Context)
  • รอ “หลักฐานชี้ชัด”: การยืนยันจากแท่งเทียนถัดไป (Confirmation)
  • หา “พยานแวดล้อม”: การสอดคล้องกับสัญญาณอื่นๆ (Confluence)

มีที่มาอย่างไร?

Spinning Top มีต้นกำเนิดจาก ประเทศญี่ปุ่นในศตวรรษที่ 18 โดยมีชื่อดั้งเดิมว่า “โคมะ” (Koma) ซึ่งแปลว่า “ลูกข่าง” ถูกใช้โดยพ่อค้าข้าวในการวิเคราะห์ราคา ต่อมา สตีฟ นิสัน (Steve Nison) ได้นำความรู้นี้มาเผยแพร่ในโลกตะวันตกและแปลชื่อเป็น “Spinning Top” จนเป็นที่รู้จักแพร่หลายในปัจจุบัน

องค์ประกอบสำคัญของรูปแบบ Spinning Top Candlesticks

  • ตัวแท่งเทียนมีขนาดเล็ก (Small Body): หมายความว่าราคาเปิดและราคาปิดของแท่งเทียนนั้นอยู่ใกล้กันมาก
  • มีไส้เทียนยาวทั้งบนและล่าง (Long Upper and Lower Shadows): ไส้เทียนด้านบนที่ยาวแสดงว่าในระหว่างช่วงเวลาการซื้อขายนั้น แรงซื้อเคยพยายามดันราคาขึ้นไปสูง ส่วนไส้เทียนด้านล่างที่ยาวก็แสดงว่าแรงขายก็เคยพยายามกดราคาลงไปต่ำเช่นกัน แต่สุดท้ายไม่มีฝั่งไหนสามารถคุมตลาดไว้ได้ ราคาจึงกลับมาปิดใกล้กับราคาที่เปิด
  • สีของแท่งเทียนไม่สำคัญ: ไม่ว่าจะเป็นแท่งเทียนสีเขียว (ราคาปิดสูงกว่าเปิด) หรือสีแดง (ราคาปิดต่ำกว่าเปิด) ความหมายหลักของ Spinning Top คือความลังเลเหมือนเดิม

ความหมายในการเทรด

  • เมื่อเกิดขึ้นในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend): อาจเป็นสัญญาณว่าแรงซื้อเริ่มอ่อนกำลังลง และอาจมีการกลับตัวเป็นขาลงได้ในไม่ช้า
  • เมื่อเกิดขึ้นในแนวโน้มขาลง (Downtrend): อาจเป็นสัญญาณว่าแรงขายเริ่มหมดแรง และอาจมีการกลับตัวเป็นขาขึ้นได้

สิ่งสำคัญที่สุด: Spinning Top เป็นเพียงสัญญาณของความลังเล มันไม่ใช่สัญญาณของการกลับตัวเสมอไป การตัดสินใจซื้อขายจำเป็นต้องรอ สัญญาณยืนยัน (Confirmation) จากแท่งเทียนถัดไป เช่น แท่งเทียนถัดไปเป็นแท่งสีแดงใหญ่ที่ปิดต่ำกว่าราคาต่ำสุดของ Spinning Top เพื่อยืนยันการกลับตัวเป็นขาลง

ลักษณะของรูปแบบ Spinning Top Candlesticks

Spinning Top Candlesticks เป็นรูปแบบที่บ่งบอกถึงความลังเลในตลาด โดยทั่วไปจะมีลักษณะเหมือนกันคือ เนื้อเทียนเล็ก และมี ไส้เทียนยาวทั้งบนและล่าง แต่จะแตกต่างกันเล็กน้อยที่สีของเนื้อเทียน ซึ่งบ่งบอกถึงโมเมนตัมที่เอนเอียงไปในแต่ละฝั่ง

Bullish Spinning Top

Bullish Spinning Top คือแท่งเทียน Spinning Top ที่มี เนื้อเทียนเป็นสีเขียว (ราคาปิดสูงกว่าราคาเปิดเล็กน้อย) เป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าแม้ตลาดจะมีความลังเลสูง แต่ท้ายที่สุดแล้ว แรงซื้อสามารถเอาชนะแรงขายได้เล็กน้อย

ลักษณะสำคัญ

  • เนื้อเทียน (Body): เป็นสีเขียวขนาดเล็ก แสดงว่าราคาปิดอยู่สูงกว่าราคาเปิด แต่ไม่มากนัก
  • ไส้เทียน (Wicks/Shadows): มีไส้เทียนยาวทั้งด้านบนและล่าง สะท้อนว่าระหว่างวัน ราคามีการแกว่งตัวขึ้นลงอย่างรุนแรง แต่ไม่มีฝั่งใดคุมเกมได้เด็ดขาด
  • บริบทที่สำคัญ: มักจะมีความสำคัญเมื่อเกิดขึ้น หลังจากแนวโน้มขาลง (Downtrend) หรือใกล้บริเวณ แนวรับ (Support)

การตีความ

  • เมื่อ Bullish Spinning Top เกิดขึ้นในช่วงขาลง มันเป็นสัญญาณเตือนว่า แรงขายเริ่มอ่อนกำลังลง
  • แรงซื้อเริ่มกลับเข้ามาในตลาดและสามารถดันราคาปิดให้สูงกว่าราคาเปิดได้สำเร็จ แม้จะเพียงเล็กน้อยก็ตาม
  • เป็นสัญญาณว่าแนวโน้มอาจมีการ หยุดชะงัก หรือมีโอกาส กลับตัวเป็นขาขึ้น หากมีแท่งเทียนสีเขียวที่แข็งแกร่งเกิดขึ้นตามมาเพื่อเป็นการยืนยัน

Bearish Spinning Top

Bearish Spinning Top คือ แท่งเทียน Spinning Top ที่มี เนื้อเทียนเป็นสีแดง (ราคาปิดต่ำกว่าราคาเปิดเล็กน้อย) เป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าแม้ตลาดจะมีความลังเลสูง แต่ท้ายที่สุดแล้ว แรงขายสามารถเอาชนะแรงซื้อได้เล็กน้อย

ลักษณะสำคัญ

  • เนื้อเทียน (Body): เป็นสีแดงขนาดเล็ก แสดงว่าราคาปิดอยู่ต่ำกว่าราคาเปิด แต่ไม่มากนัก
  • ไส้เทียน (Wicks/Shadows): มีไส้เทียนยาวทั้งด้านบนและล่างเช่นกัน แสดงถึงการต่อสู้กันอย่างหนักระหว่างแรงซื้อและแรงขาย
  • บริบทที่สำคัญ: มักจะมีความสำคัญเมื่อเกิดขึ้น หลังจากแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) หรือใกล้บริเวณ แนวต้าน (Resistance)

การตีความ

  • เมื่อ Bearish Spinning Top เกิดขึ้นในช่วงขาขึ้น มันเป็นสัญญาณเตือนว่า แรงซื้อเริ่มอ่อนกำลังลง
  • แรงขายเริ่มเข้ามามีบทบาทและสามารถกดราคาปิดให้ต่ำกว่าราคาเปิดได้สำเร็จ
  • เป็นสัญญาณว่าแนวโน้มอาจมีการ หยุดชะงัก หรือมีโอกาส กลับตัวเป็นขาลง หากมีแท่งเทียนสีแดงที่แข็งแกร่งเกิดขึ้นตามมาเพื่อเป็นการยืนยัน

ข้อควรจำ

Spinning Top ทั้งสองรูปแบบเป็นเพียง สัญญาณเตือนถึงความลังเล ไม่ใช่สัญญาณการกลับตัวที่ชัดเจน การตัดสินใจเข้าเทรดควร รอแท่งเทียนถัดไปเพื่อยืนยันทิศทาง และควรใช้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคอื่นๆ เพื่อเพิ่มความแม่นยำ

 

คลิปที่น่าสนใจ

Spinning Top Candlestick Pattern โดย Mind Math Money 

วิดีโออธิบายเกี่ยวกับ Spinning Top Candlestick Patterns และช่วงเวลาที่สำคัญที่กล่าวถึงมีดังนี้

  • [00:23] อธิบายลักษณะทั่วไปของ Spinning Top Candlestick
  • [01:14] เจาะลึกถึงวิธีการระบุ Spinning Top Candlestick จากส่วนประกอบต่างๆ
  • [02:02] อธิบายความหมายหรือสิ่งที่ Spinning Top Candlestick บ่งบอก
  • [03:05] อธิบายความหมายของ Spinning Top ที่เกิดขึ้นหลังการพุ่งขึ้นของราคา (Rally)
  • [03:47] สรุปว่า Spinning Top อาจเป็นเบาะแสแรกของการกลับตัวของราคา แต่ต้องมีการยืนยันเสมอ

สรุป

Spinning Top คือ ภาพสะท้อนของ ‘สงคราม’ ที่ยังไม่รู้ผลแพ้ชนะในตลาด เนื้อเทียนเล็กๆ และไส้ยาวทั้งสองฝั่งฟ้องว่าตลาดกำลังลังเลอย่างหนัก ความน่าสนใจคือ แม้ตัวมันจะเป็นกลาง แต่กลับเป็นสัญญาณเตือนชั้นดี ว่าแนวโน้มที่แข็งแกร่งก่อนหน้าอาจถึงจุดเปลี่ยนที่สำคัญ ทำให้เทรดเดอร์ต้องหยุดและรอการยืนยันจากตลาดอย่างใจจดใจจ่อ

แหล่งอ้างอิง

FAQ — รูปแบบแท่งเทียน Spinning Top Candlesticks

นั่นคือการยืนยันว่าแนวโน้มเดิมยังคงแข็งแกร่งอยู่ครับ Spinning Top เป็นเพียงสัญญาณเตือนถึงความลังเล ไม่ใช่สัญญาณกลับตัวเสมอไป หากแท่งเทียนถัดไปเลือกที่จะไปต่อทางเดิม แสดงว่าสัญญาณเตือนนั้นได้ถูกปฏิเสธแล้ว
จุดที่น่าเชื่อถือน้อยที่สุดคือบริเวณกลางกรอบราคาที่ไม่ชัดเจน หรือในตลาดที่วิ่งด้านข้าง (Sideways) ครับ เพราะสภาวะตลาดช่วงนั้นเต็มไปด้วยความลังเลเป็นปกติอยู่แล้ว การเกิด Spinning Top จึงไม่ได้ให้ข้อมูลใหม่ที่มีนัยสำคัญ
มีความสำคัญน้อยมากครับ สิ่งที่สำคัญกว่าคือ “ตำแหน่ง” ที่มันเกิด (เช่น ปลายเทรนด์ขาขึ้น/ขาลง) และ “การยืนยัน” จากแท่งเทียนถัดไป สีเป็นเพียงรายละเอียดที่บอกว่าในวันนั้นแรงซื้อหรือแรงขายชนะไปเล็กน้อยเท่านั้น
ไม่เท่ากัน โดยทั่วไปยิ่ง Timeframe ใหญ่ (เช่น Day, Week) ยิ่งมีความน่าเชื่อถือสูงกว่ามาก เพราะมันสะท้อนจิตวิทยาของตลาดในภาพรวมที่ใหญ่กว่า ในขณะที่ Timeframe เล็กอาจเป็นเพียงความผันผวนระยะสั้น (Noise)
ควรดูสัญญาณอื่นประกอบ (Confluence) เช่น การเกิด Spinning Top บริเวณแนวรับ-แนวต้านที่สำคัญ หรือการที่อินดิเคเตอร์อย่าง RSI แสดงสภาวะซื้อ/ขายมากเกินไป จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือของสัญญาณได้มาก

เขียนโดย

Poomipat Wonganun

ผู้ตรวจทานความถูกต้อง

Chonthicha Poomidon