Spread คือ

ส่วนต่างในการเทรด โบรคเกอร์จะโควตราคา 2 ราคาที่แตกต่างกันในแต่ละคู่เงิน ซึ่ง ราคาที่เรียกนั้นว่า ราคา Bid และ ราคา Ask ส่วน Bid เป็นราคาที่คุณสามารถ Sell โดยขึ้นอยู่กับ Base Currency ขณะที่ Ask เป็นราคาที่คุณซื้อได้ตาม Base Currency โดยส่วนต่างของราคาทั้ง 2 นี้เรียกว่า Spread  ซึ่ง Spread ก็คือ วิธีการที่โบรคเกอร์จะทำกำไรได้จากเรา โดยเฉพาะโบรคเกอร์ที่ไมม่มีการเก็บค่าคอมมิชชั่นจากการซื้อขาย แทนที่จะทำการชาร์จค่าธรรมเนียมต่างหาก ต้นทุนจะถูกบวกเข้าไปในราคา Buy และ Sell ที่ลูกค้าได้รับแล้วตามค่าเงินที่คุณซื้อขาย ดังนั้นเมื่อโบรคเกอร์บอกเราว่า Zero commission หรือ No commission มันหมายถึงว่าจริง ๆ แล้วมันไม่ได้ไม่มีแต่ว่ามันบวกเข้าไปใน Spread  แล้ว สำหรับโบรคเกอร์ที่บอกว่าไม่มี Commission แต่ว่าคุณก็ยังจ่ายค่าธรรมเนียมอยู่เพราะมันบวกเข้าไปใน Spread ไปแล้วเท่านั้นเองครับ

Spread ใน Forex ทำงานอย่างไร?

Spread จะวัดเป็น Pips ซึ่งเป็นหน่วยย่อยที่สุดของการเคลื่อนไหวของราคาค่าเงิน อย่างไรก็ตามเดี๋ยวนี้โบรคเกอร์ได้เพิ่มจุดทศนิยมเพิ่มอีก 1 จุดเรียกว่า Points โดยเราจะดูค่าเงินที่เป็นที่นิยมได้แก่ ค่าเงิน EUR/USD ซึ่งจะเท่ากับราคา Bid และราคา Ask ดังตัวอย่างต่อไปนี้

ภาพที่ 1 Spread คืออะไร? – ภาพตัวอย่าง EURUSD Spread

ในวงกลม Sell คือราคา 1.12262 และ ราคา Buy คือ 1.12271 จำนวนทศนิยมในภาพ จะเห็นว่า 26 กับ 27 คือตัวเลขตัวใหญ่เพื่อให้สามารถคำนวนความแตกต่างของ pip ได้ ขณะที่ตัวยก เลขตัวเล็ก คือ 2 และ 1 คือ point ซึ่งเป็นทศนิยมหลักที่ 5 สำหรับการบอก Point

สำหรับค่าเงินบางค่าเงินก็จะมี จำนวน Pip และ จำนวน Point แตกต่างกัน เช่นค่าเงิน USDJPY ซึ่งจะมี Pip เพียง 2 pip และถ้าหากบางโบรคเกอร์จะมี 3 จุด หลักที่เพิ่มมาก็จะเป็น Point ดังตัวอย่างต่อไปนี้

ภาพที่ 2 Spread คืออะไร? – ภาพตัวอย่าง USDJPY Spread

ในตัวอย่างข้างต้นเป็นค่าเงิน USDJPY ซึ่งมีราคา 107.724 และ 107.731 จะเห็นว่า จำนวนทศนิยมมี 3 ตัว นั่นคือ point แสดงว่า Spread ก็จะแจกแจงได้ละเอียดมากยิ่งขึ้น ซึ่ง Spread ของค่าเงิน USDJPY นั้นไม่ถึง  1 คือ 0.007 หรือ 7 point เท่านั้นเอง Spread แบบนี้ก็จะทำให้การเทรดของ เทรดเดอร์ดีขึ้นเพราะว่า ต้นทุนนั้นต่ำลง แต่ว่าถ้าหากไม่รู้จังหวะการเข้าเทรดก็ขาดทุนอยู่ดีเช่นเดียวกันครับ

ประเภทของ Spread ในตลาด Forex

ประเภทของ Spread ที่คุณเห็นในโปรแกรม Forex ขึ้นอยู่กับโปรแกรม และ วิธีการทำกำไรของโบรกเกอร์  ซึ่งหลัก ๆ แล้วจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่  สเปรดคงที่ และ สเปรดผันแปร หรือเรียกว่า Floating Spread

ภาพที่ 3 Spread คืออะไร? – ภาพตัวอย่าง Fixed กับ Variable Spread ในช่วงต่าง ๆ

สำหรับ Fixed Spread คือ  Spread จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ ซึ่งเทรดเดอร์จะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมผ่าน Spread ต่อธุรกรรมนี้คงที่ตลอดไป ส่วนมากแล้วโบรคเกอร์ที่มี Fixed Spread จะใช้วิธีการของ Market Maker หรือว่า Model ที่เรียกว่า dealing desk model การใช้ dealing desk model โบรคเกอร์จะซื้อ position จำนวนมากจากผู้ให้บริการสภาพคล่อง และกระจาย position นี้ให้กับเทรดเดอร์โดยซอย position ย่อย ๆ ออกไป หมายความว่า Broker ทำการซื้อขายตรงข้ามกับลูกค้าของพวกเขา เพราะเขาขายให้กับลูกค้าไป การที่โบรคเกอร์ทำแบบนี้ทำให้พวกเขาสามารถขาย Spread Fixed ได้ เพราะว่าเขาอาจจะสามารถควบคุมการเคล่อนไหวของราคาผ่านการเปลี่ยนแปลงในกราฟโบปรแกรมนั้น ๆ เช่น นี้เรียกว่าโกง

อะไรคือความได้เปรียบของการเทรดด้วย Fixed Spread?

ความได้เปรียบของ Fixed Spread คือ การใช้เงินทุนน้อย ดังนั้นการเทรด Fixed Spread จะทำให้เทรดเดอร์ไม่ต้องใช้เงินจำนวนมากในการเริ่มต้นเทรดเพราะว่ามีการซอย position เทรดเดอร์ที่ใช้ Fixed Spread ยังสามารถคำนวณต้นทุนธุรกรรมและสามารถคาดเดาเหตุการณ์หลายเหตุ์ได้ เนื่องจาก Spread ไม่เคยเปลี่ยนไปไหนเลย เราจะรู้ว่ามันจะได้กำไรเมื่อไหร่และจะเปิดออเดอร์เมื่อไหร่ เพราะมันตั้งค่าไว้แล้ว

ข้อเสียของ Fixed Spread

การเทรด Fixed Spread จะเกิด Requotes จะเกิดขึ้นบ่อย เนื่องจากราคานั้นได้มาจากโบรคเกอร์เพียงแห่งเดียว นั่นทำให้ราคาเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ เพราะราคาที่เราต้องการไม่สามารถส่งคำสั่งได้ เมื่อไม่สามารถส่งคำสั่งได้ จึงทำให้มันตีกลับคำสั่งของเรา  ซึ่งช่วงเวลาที่ว่านั้น เป็นเวลาที่ตลาดมีความผันผวนสูง ๆ และราคาเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากว่า Fixed Spread นั้นจะถูกทำให้ Fixed คงที่ โบรคเกอร์จะไม่สามารถที่จะทำให้ Spread กว้างขึ้นได้ เพื่อให้มันเป็นไปตามภาวะตลาด มันจึงเกิดไม่รับคำสั่งเทรดและให้ส่งใหม่ โดยมันจะทำการ Block คำสั่งใหม่ และส่งราคาใหม่ให้เรา และถามเราว่าจะยอมรับราคาใหม่ไหม ถ้ายอมรับเราก็จะได้สินค้ามาในมือ

การ requote จะปรากฏข้อความบนโปรแกรมเทรดและบอกเราว่าราคาได้เคลื่อนไหวไปแล้ว และถามเราว่า จะเอาราคาที่เราหามาให้คุณได้นี้หรือไม่

อะไรคือ Variable Spread ใน Forex?

ตามชื่อของมันเลย Variable Spread ก็คือมันเปลี่ยนไปตลอดเวลา และความต่างของ Bid และ Ask ก็จะเปลี่ยนไปตลอดเวลาอีกด้วย  Variable Spread ส่วนมากจะมีในโบรคเกอร์ประเภท non-dealing desk ที่ได้ราคามาจากผู้ให้บริการสภาพคล่องหลายๆ เจ้าในมือและนำราคาไปให้เทรดเดอร์โดยไม่มีการแทรกแซงจากโต๊ะเทรดของตัวเอง

ด้วยเหตุนี้มันหมายความว่าโบรคเกอร์ไม่สามารถควบคุม Spread และไม่สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของราคาได้ เมื่อ Spread มันกว้าง และแคบ มันหดและยืดเองได้เป็นไปตามกลไกวัตถุประสงค์และอุปทาน ของตลาดที่ทำให้เกิดความผันผวน

โดยทั่วไปแล้ว Spread จะแกว่งตัวสูงในช่วงที่ข่าวเศรษฐกิจต่าง ๆ ออกมา ซึ่งทำให้ภาวะตลาดเพิ่มหรือลดดลงได้เช่นกัน ถ้าหากจะให้ยกตัวอย่าง สมมุติว่า เราซื้อ Buy EURUSD ที่เราซื้อ มี Spread อยู่ที่ 2 pip แต่ขณะที่กำลังจะซ้อเท่านั้นแหละ ราคาช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาที่ข่าวออกการเทรดพุ่งไปไกล 20 pip ทำให้เทรดเดอร์ได้รับผลกระทบจากการเทรด

ข้อได้เปรียบของการเทรดด้วย Variable Spread?

ภาพที่ 4 Spread คืออะไร? – ภาพตัวอย่าง EURUSD Spread  กรอบ TF 1M

Variable Spreads นั้นจะทำให้การ Requotes ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป เพราะว่า ความผันผวนของ Spread นั้นเปลี่ยนไปตามราคาสภาพตลาดที่เปลี่ยนไป และไม่มมีการ Requote แต่ว่า ถ้าไม่มี Requote คุณก็อาจจะต้องเจอ เหตุการณ์ Slippage นั่นก็คือ ซื้อราคาอีกราคาหนึ่งแต่ไปได้อีกราคาหนึ่ง ซึ่งแตกต่างกันไปตามค่าเงินกำหนดอีกเช่นกัน การเทรด Variable Spread นั้นจะทำให้การซื้อขายมีความโปร่งไสมาก ๆ มากกว่าการเทรดแบบ Fixed Spread ซึ่งปัจจุบันการเทรดส่วนใหญ๋จะเป็น Variable Spread กันหมด

ข้อเสียของการเทรด Spread ผันแปร

เมื่อเทรด Variable Spread ไม่ใช่การเทรดที่เหมาะกับ Scalper ซึ่ง Spread ที่กว้างในบางช่วงอาจจะทำให้กำไรที่ได้มานั้นหายไปเพราะว่าความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น ซึ่งการเทรดแบบนี้ไม่เหมาะกับเทรดเดอร์ที่เทรดตามเทรนด์และทำให้จากกำไรก็กลายเป็นขาดทุนก็มี

แล้ว Fixed กับ Variable Spread อันไหนดีกว่า?

ภาพที่ 5 Spread คืออะไร? – เทียบ Spread

แล้วอะไรดีกว่ากันระหว่าง Fixed กับ Variable Spread ก็ต้องตอบว่า ประเภทของเทรดเดอร์ที่คุณเป็น วิธีการที่คุณเทรดเป็นวิธีการแบบไหน ซึ่งการเทรดแบบ Fixed Spread อาจจะดีสำหรับคนที่เป็น Scalper เพราะว่า ทำให้รู้ว่า 2 pip จะสามาถรทำกำไรได้ ขณะที่ Variable Spread บางครั้งอาจจะโดนมากกว่า 2 pip การขดุทนมากกว่า 2 pip สำหรับบางช่วงเวลาอาจจะเกิดขึ้นได้ นั่นเป็นปัญหา สำหรับบัญชีเทรดที่มีขนาดเล็กก็จะได้เปรียบจาก Fixed Spread มากหน่อยที่จะไม่โดนกินกำไรจากความผันแปรของ Spread ขณะที่ บัญชีขนาดใหญ่ควรเทรด Variable Spread และสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการให้การส่งคำสั่งเป็นไปอย่างรวดเร็วก็ควรใช้ Variable Spread เป็นต้น

ทีมงาน : www.thaibrokerforex.com

เขียนโดย

Somchai Witthtaya

ผู้ตรวจทานความถูกต้อง

Chatchawal Nakcharoen