บทคัดย่อ

  • สัญญาณ Divergence: คือความขัดแย้งระหว่าง เครื่องมือกับราคา แสดงถึงราคาที่กำลังอ่อนแรง อาจจะเกิดการพักตัวหรือกลับตัว
  • เครื่องมือที่ใช้ดูสัญญาณ: อินดิเคเตอร์ยอดนิยม ที่สามารถใช้ดูสัญญาณได้ดี MACD, Stochastic Oscillator, RSI (Relative Strength Index)
  • เทคนิคในการกำหนด: สัญญาณ Divergence ทั้งขาขึ้นและขาลง (bullish divergence และ bearish divergence)

Divergence คืออะไร

Divergence เป็นสัญญาณอย่างหนึ่ง ที่เทรดเดอร์ส่วนใหญ่ให้ความสำคัญ คือความขัดแย้งระหว่างราคาและสัญญาณ เช่น ในแนวโน้มขาขึ้น ระหว่างที่กราฟกำลังไหลขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง

แต่ทันใดนั้น สัญญาณจากเครื่องมืออย่างเช่น อินดิเคเตอร์ กลับลดตัวต่ำลง หรือไม่สอดคลองกับกราฟที่กำลังไหลขึ้นอย่างต่อเนื่องนั่นเอง

จึงเป็นสัญญาณเตือนว่า ในระยะเวลาอันใกล้นี้ กำลังจะมีการพักตัวหรือกลับตัวได้ เทรดเดอร์จึง

Divergence สำคัญอย่างไร

รูปแบบกราฟ พฤติกรรมราคา หรือเครื่องมือทางเทคนิคที่วัดผลได้ คุณคิดว่าอะไรให้สัญญาณได้ชัวร์ที่สุด แน่นอนว่าในตลาดนี้ ไม่มีเครื่องมือใดที่ 100%

แต่สัญญาณ Divergence กำลังส่งสารหรือกระซิบบอกแทบจะทุกครั้ง ว่าราคาที่กำลังเคลื่อนที่อย่างรุนแรง กำลังเริ่มหมดแรงลงแล้วล่ะ

ภาพเปรียบเทียบ สัญญาณ Divergence คล้ายกับเสียงกระซิบบอกว่า กราฟเริ่มหมดแรงแล้วนะ! อาจจะมีการพักตัวหรือกลับตัวเร็ว ๆ นี้

เพียงแค่จะต้องรับรู้ถึงสัญญาณนั้น เพื่อที่จะต้องเตรียมตัวอย่างใดอย่างหนึ่งเช่น ปิดออเดอร์ที่มีอยู่ หาจังหวะเข้าใหม่ในแนวโน้มเดิม หรือหาจุดเข้าหากเกิดการเปลี่ยนแนวโน้ม

เป็นสัญญาณอย่างหนึ่งที่แน่นอน เพราะเกิดจากความขัดแย้งระหว่างเครื่องมือและราคาในปัจจุบัน และเกิดขึ้นได้ทั้งในแนวโน้มขาขึ้นและขาลง รวมไปถึงระหว่างแนวโน้มด้วยเช่นกัน

Bearish Divergence

ในแนวโน้มขาขึ้น ในระหว่างที่ราคากำลังไหลขึ้นอย่างต่อเนื่อง อยู่ ๆ อินดิเคเตอร์กลับลดตัวต่ำลง เกิดเป็นความขัดแย้งระหว่างเครื่องมือกับราคา

แสดงให้เห็นว่า ในแนวโน้มขาขึ้นนั้น กำลังเริ่มอ่อนตัวลง อาจจะมีการพักตัวหรือกลับตัวในเร็ว ๆ นี้

รูปแบบ Bearish divergence

ภาพตัวอย่างรูปแบบ Bearish divergence เป็นสัญญาณกลัวตัวจากแนวโน้มขาขึ้นเป็นขาลง

  • ในแนวโน้มขาขึ้น: ราคายังคงไหลขึ้นอย่างต่อเนื่องสร้าง New High และยังเป็นโครงสร้างของแนวโน้มขาขึ้น
  • อินดิเคเตอร์: กลับไม่สามารถสร้าง New High ได้ แต่ High กลับลดตัวต่ำลง
  • เป็นสัญญาณ: ความขัดแย้งระหว่างราคากับอินดิเคเตอร์ ที่อินดิเคเตอร์ไม่สามารถทำ New High ในแบบที่ควรจะเป็นสำหรับแนวโน้มขาขึ้น แสดงให้เห็นว่าราคากำหลังหมดแรง แม้จะยังไหลขึ้นก็ตาม
  • จะโอกาสในการ: ปิดออเดอร์ สำหรับเทรดเดอร์ที่มีออเดอร์ Buy อยู่ หรืออาจจะเป็นสัญญาณในการพักตัว หรืออาจจะมีการเปลี่ยนแนวโน้ม 

วิธีการระบุ Bearish Divergence ในกราฟ

  • ความขัดแย้งของสัญญาณ: ระหว่างที่อินดิเคเตอร์ที่ลดตัวต่ำลง กับราคาที่ยกตัวสูงขึ้น
  • แสดงให้เห็นว่า: ราคาที่ยังเคลื่อนที่ในแนวโน้มเดิม “อ่อนแรงลง”
  • เป็นสัญญาณ: ราคาอาจจะไปต่อ พักตัว หรือกลับตัวก็ได้ แต่จะยังไม่ไปในทันที

ตัวอย่างการใช้ Bearish divergence ในการเทรด

  • เมื่อเห็นสัญญาณ: ถ้ามีออเดอร์อยู่ อาจจะพิจารณาหรือหาจังหวะในการปิด
  • รอสัญญาณที่ชัดเจน: ว่าราคาจะทำการพักตัวเพื่อไปต่อหรือไม่ หรือกำลังจะกลับตัวเปลี่ยนแนวโน้ม เมื่อเห็นสัญญาณอย่างใดอย่างหนึ่งยืนยัน จึงควรวางแผนเข้าเทรดอีกที

Bullish Divergence 

ในแนวโน้มขาลง ในระหว่างที่ราคากำลังไหลลงอย่างต่อเนื่อง อยู่ ๆ อินดิเคเตอร์กลับยกตัวสูงขึ้น เกิดเป็นความขัดแย้งระหว่างเครื่องมือกับราคา

แสดงให้เห็นว่า ในแนวโน้มขาลงนั้น กำลังเริ่มอ่อนแรงลง อาจจะมีการพักตัวหรือกลับตัวในเร็ว ๆ นี้

รูปแบบ Bullish divergence 

ภาพตัวอย่าง รูปแบบ Bullish divergence ในแนวโน้มขาลง เมื่อมีสัญญาณเกิดขึ้น กราฟจึงทำการกลับตัวจากแนวโน้มขาลง เป็นแนวโน้มขาขึ้นในเวลาต่อมา

  • ในแนวโน้มขาลง: ราคายังคงไหลลงอย่างต่อเนื่องสร้าง New Low และยังเป็นโครงสร้างของแนวโน้มขาลงอย่างต่อเนื่อง
  • อินดิเคเตอร์: กลับไม่สามารถสร้าง New Low ได้ และ Low กลับยกตัวสูงขึ้นกว่า Low ก่อนหน้า
  • เป็นสัญญาณ: ความขัดแย้งระหว่างราคากับอินดิเคเตอร์ ที่อินดิเคเตอร์ไม่สามารถทำ New Low ในแบบที่ควรจะเป็นสำหรับแนวโน้มขาลง แสดงให้เห็นว่าราคาเริ่มหมดแรง แม้จะยิ่งคงไหลลงก็ตาม
  • จะโอกาสในการ: ปิดออเดอร์ สำหรับเทรดเดอร์ที่มีออเดอร์ Sell อยู่ หรืออาจจะเป็นสัญญาณในการพักตัว หรืออาจจะมีการเปลี่ยนแนวโน้มในเร็ว ๆ นี้ก็เป็นได้

วิธีการระบุ Bullish Divergence ในกราฟ

  • ความขัดแย้งของสัญญาณ: ระหว่างที่อินดิเคเตอร์ที่ยกตัวสูงขึ้น กับราคาที่ยังคงลดตัวต่ำลงตามแนวโน้ม
  • แสดงให้เห็นว่า: ราคาที่ยังเคลื่อนที่ในแนวโน้มเดิม “อ่อนแรงลง”
  • เป็นสัญญาณ: ราคาอาจจะลงต่อ พักตัว หรือกลับตัวก็ได้ แต่จะยังไม่ไปในทันที

ตัวอย่างการใช้ Bullish divergence ในการเทรด

  • เมื่อเห็นสัญญาณ: ถ้ามีออเดอร์อยู่ อาจจะพิจารณาหรือหาจังหวะในการปิด
  • รอสัญญาณที่ชัดเจน: ว่าราคาจะทำการพักตัวเพื่อไปต่อหรือไม่ หรือกำลังจะกลับตัวเปลี่ยนแนวโน้ม เมื่อเห็นสัญญาณอย่างใดอย่างหนึ่งยืนยัน จึงควรวางแผนเข้าเทรดอีกที

เครื่องมือที่ใช้ divergence 

เครื่องมือหรืออินดิเคเตอร์ ที่สามารถใช้ดูสัญญาณ divergence สามารถใช้ได้มากมายหลายตัว แต่ที่นิยมส่วนใหญ่จะเป็นอินดิเคเตอร์ประเภท ฮิสโตแกรม อย่างเช่น MACD และยังมีอีกหลาย ๆ ตัวที่สามารถใช้ได้ดีเช่นเดียวกัน ขึ้นอยู่กับประสบการณ์และความพอใจของผู้ใช้ แต่ไม่ในนำให้ใช้หลาย ๆ ตัวที่ให้สัญญาณในประเภทเดียวกัน

ตัวอย่างอินดิเคเตอร์ที่นิยมใช้

ภาพตัวอย่าง สัญญาณ Divergence จากอินดิเคเตอร์ยอดนิยมทั้ง 3 รูปแบบ

  1. MACD: เป็นอินดิเคเตอร์ยอดนิยม ใช้ได้ดี มีหลากหลายสัญญาณที่เทรดเดอร์ใช้วิเคราะห์ร่วมกับกับระบบอื่น ๆ วิธีนำมาใช้สำหรับดูสัญญาณ divergence คือ ฮิสโตแกรม ที่คล้ายกับภูเขามีขนาดและความเคลื่อนไหว ตามสวิงของราคา
  2. Stochastic Oscillator: ใช้ง่ายไม่ซับซ้อน ในการดูสัญญาณ divergence เพียงสังเกตุดูเส้นทั้งสองที่ตัดกัน สร้างเป็นสวิงที่คล้ายกับการเคลื่อนที่ของราคา เพิ่มความมีนัยสำคัญเมื่อสั้นทิ้งสอง ตัดกันนอกเขต Oversold & Overbought
  3. RSI (Relative Strength Index): เป็นอีกหนึ่งอินดิเคเตอร์ที่นิยมอย่างมาก นอกจากจะใช้ดูสัญญาณ Oversold & Overbought แล้ว ยังสามารถดูสวิงของเครื่องมือเมื่อเปรียบเทียบกับราคา

ตัวอย่างการเทรดด้วยสัญญาณ Divergence

ภาพตัวอย่าง สัญญาณ Divergence กราฟทองในโปรแกรม MT5 ด้วยเครื่องมือ MACD

ภาพตัวอย่างที่ 1 จากภาพเป็นแนวโน้มขาขึ้นอย่างต่อเนื่องในไทม์เฟรม H4 จนกระทั่งเกิดความขัดแย้งระหว่างราคากับ MACD แสดงให้เห็นว่าแนวโน้มนั่นกำลังก่อนแรง ความน่าจะเป็นก็คือ อาจจะมีการกลับตัวหรือพักตัวในไม่ช้า

จากนั้นกราฟเริ่มไหลออกข้าง เป็นการพักตัว ก่อนที่จะกลับขึ้นไปต่อ แต่ในบริเวณนั้นอาจจะยังไม่เห็นสัญญาณอะไรนอกจาก MACD จึงทำการย่อกราฟลงไปที่ H1 ไปดูกันต่อไปภาพที่ 2

ภาพตัวอย่าง สัญญาณ Divergence กราฟทองในโปรแกรม MT5 ด้วยเครื่องมือ MACD

ภาพตัวอย่างที่ 2 จากในภาพ ถ้ามองเฉพาะในไทม์เฟรม H1 อาจจะมองเห็นเป็นแนวโน้มขาลง แต่ถ้าดูมาตั้งแต่ภาพแรกนั่น คือการพักตัวมาจาก H4 

เมื่อย่อกราฟลงมา จะเห็นสัญญาณ Divergence ที่ MACD ทำการยกตัวขึ้น ในระหว่างที่ราคามีสวิงที่ต่ำลง จากนั้นกราฟเคลื่อนที่ไปต่อ พร้อม ๆ กับสัญญาณ MACD ตัดขึ้น จึงเป็นสัญญาณยืนยันที่จะขึ้นต่อ

จะเห็นได้ว่า ทุกครั้งที่เกิดสัญญาณดังกล่าวขึ้น มีความน่าจะเป็นที่จะเกิดสองสิ่งนี้ นั่นก็คือ การพักตัวและการกลับตัว ดังนั้นเมื่อไหร่ก็ตามที่เห็นสัญญาณดังกล่าว ควรมองหาสัญญาณยืนยัน เช่น แท่งเทียน อินดิเคเตอร์ หรือสัญญาณในไทม์เฟรมเล็ก เพื่อเป็นการยืนยันในการเข้า และถ้าเกิดขึ้นจากไทม์เฟรมเล็ก และเป็นสัญญาณให้ไปต่อในแนวโน้มใหญ่ การเข้าเทรดจะยิ่งมีความน่าจะเป็นมากยิ่งขึ้น

คำถามที่พบบ่อย

สัญญาณความขัดแย้งระหว่างเครื่องมือและราคา แสดงให้เห็นว่า แนวโน้มนั้นเริ่มอ่อนแรง มีโอกาสพักหรือกลับตัวได้เร็ว ๆ นี้
สามารถใช้ได้หลากหลาย โดยเครื่องมือที่ใช้ควรเป็นเครื่องมือประเภทบอกสวิง เพราะต้องใช้เปรียบเทียบระหว่างราคากับสวิงที่เกิดขึ้นในเครื่องมือ
ไม่มีอะไร 100% เมื่อเกิดสัญญาณ divergence อาจจะเป็นการพักตัวแล้วไปต่อ หรือกลับตัวก็ได้ ขึ้นอยู่กับอีกหลายปัจจัย

ข้อมูลอ้างอิง

สรุป

Bullish Divergence และ Bearish Divergence เป็นสัญญาณหนึ่งที่เทรดเดอร์ไม่ควรมองข้าม เพื่อไม่ให้เข้าผิดที่ผิดเวลา เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่เห็นสัญญาณเหล่านี้ นั่นคือกราฟกำลังอ่อนแรงลง แม้ว่าจะเคลื่อนที่อย่างปกติก็ตาม

เมื่อเกิดสัญญาณ divergence จะต้องเกิดการพักตัวเป็นไซด์เวย์ก่อนไปต่อ หรือกลับตัวเปลี่ยนแนวโน้ม หรืออย่างใดอย่างหนึ่งในเวลาต่อมา

แต่ถ้าไม่ดูสัญญาณเหล่านี้เลย คุณอาจจะกำลังเข้าถูกที่ผิดทาง ในเวลาต่อมาก็เป็นได้ การเทรดโดยใช้สัญญาณจากอินดิเคเตอร์ คือการเทรดที่ใช้เครื่องมือ ผ่านการวัดผลทางสถิติ มากกว่าการใช้ความเห็นหรือความรู้สึก ที่ไม่ได้มีการวัดผลใด ๆ เลย จึงเกิดความแม่นยำ และเทรดเดอร์มืออาชีพหลายคน เลือกใช้

เขียนโดย

Pakornkiat Poonsuk

ผู้ตรวจทานความถูกต้อง

Chatchawal Nakcharoen