Thrusting Candlesticks Pattern คืออะไร?

Thrusting Candlesticks Pattern คือ รูปแบบแท่งเทียนที่บ่งชี้ถึงการ “ไปต่อ” ของแนวโน้มขาลง (Bearish Continuation Pattern) โดยประกอบด้วยแท่งเทียน 2 แท่งที่เกิดขึ้นต่อเนื่องกันในช่วงที่ตลาดเป็นขาลง (Downtrend) รูปแบบนี้สะท้อนให้เห็นถึงการต่อสู้ระหว่างแรงซื้อ (Bulls) และแรงขาย (Bears) ซึ่งท้ายที่สุดแล้วฝ่ายขายยังคงเป็นผู้คุมเกมอยู่

องค์ประกอบสำคัญของรูปแบบ

  • เงื่อนไขเบื้องต้น: ตลาดต้องอยู่ใน แนวโน้มขาลง (Downtrend) อย่างชัดเจน ซึ่งสังเกตได้จากการที่ราคาสร้างจุดสูงสุดที่ต่ำลง (Lower Highs) และจุดต่ำสุดที่ต่ำลง (Lower Lows)
  • แท่งเทียนที่ 1 (First Period): เป็นแท่งเทียน สีดำหรือสีแดงยาว (Long Black/Red Candlestick) ที่เกิดขึ้นตามทิศทางของแนวโน้มขาลงเดิม แสดงให้เห็นถึงแรงขายที่แข็งแกร่งในวันนั้น
  • แท่งเทียนที่ 2 (Second Period): เป็นแท่งเทียน สีขาวหรือสีเขียว (White/Green Candlestick) ซึ่งมีลักษณะเฉพาะดังนี้:
    • ราคาเปิด (Open): เปิดต่ำกว่าราคาปิดของแท่งเทียนที่ 1 (เกิด Gap Down เล็กน้อย)
    • ราคาปิด (Close): สามารถดีดตัวขึ้นมาปิดในกรอบของ “เนื้อเทียน” (Real Body) ของแท่งที่ 1 ได้ แต่ต้องปิดในระดับที่ “ต่ำกว่าจุดกึ่งกลาง” ของเนื้อเทียนแท่งแรก

หัวใจของรูปแบบนี้คือ “ความล้มเหลว” ของแท่งเทียนที่ 2 ที่ไม่สามารถผลักดันราคาให้ปิดเหนือจุดกึ่งกลางของแท่งเทียนแรกได้ การ “แทง” หรือ “Thrusting” ขึ้นมาได้เพียงครึ่งทางนี้เองที่เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าแรงซื้อยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะเปลี่ยนทิศทางแนวโน้มได้

ลักษณะของรูปแบบ Thrusting Candlesticks Pattern

ลักษณะที่ 1

ภาพนี้คือแผนผังของรูปแบบแท่งเทียนที่เรียกว่า Thrusting Line Candlestick Pattern ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนว่าราคา “น่าจะลงต่อ”

ความหมายสำคัญของภาพนี้คือ

ภาพนี้กำลังแสดงให้เห็นว่า ถึงแม้แรงซื้อ (แท่งเขียว) จะพยายามสู้กลับมากแค่ไหน แต่ก็มีพลังไม่มากพอที่จะดันราคาปิดให้ทะลุ “จุดกึ่งกลาง (Mid Point)” ของแรงขายเมื่อวานขึ้นไปได้

การที่แรงซื้อล้มเหลวในการเอาชนะแม้กระทั่งครึ่งหนึ่งของแรงขายเดิม เป็นการบ่งชี้ว่า แรงซื้อยังคงอ่อนแอ และแรงขายยังคงคุมตลาดอยู่ ดังนั้น จึงมีความเป็นไปได้สูงที่แนวโน้มขาลงจะดำเนินต่อไป

คำอธิบายตามส่วนต่างๆ ในภาพ

  • แท่งเทียนสีแดง (แท่งแรก): คือแท่งเทียนของ “วันก่อนหน้า” ที่แสดงถึงแรงขายที่แข็งแกร่งมาก ทำให้ราคาปิดต่ำลงอย่างรุนแรง
  • แท่งเทียนสีเขียว (แท่งที่สอง): คือแท่งเทียนของ “วันนี้” ที่แสดงถึงแรงซื้อที่พยายามจะสู้กลับ โดยดันราคาให้สูงขึ้นจากจุดเปิด
  • เส้นประ “Mid Point” (จุดกึ่งกลาง): คือเส้นที่ลากไว้ตรงกลางของ “เนื้อเทียน” แท่งสีแดง ซึ่งเปรียบเสมือนแนวต้านสำคัญทางจิตวิทยา
  • เส้นทึบ “Closing” (ราคาปิด): คือระดับ “ราคาปิด” ของแท่งเทียนสีเขียวในวันนี้

ลักษณะที่ 2

ภาพนี้เป็นรูปแบบ Thrusting Line Candlestick Pattern เช่นเดียวกันกับภาพก่อนหน้าเลย แค่วาดในสไตล์ที่ต่างกันเล็กน้อย แต่ความหมายเหมือนกันทุกประการ

ความหมายสำคัญของภาพนี้คือ

  • แท่งเทียนสีแดง (แท่งซ้าย): แสดงถึงแรงขายที่เกิดขึ้นในวันก่อนหน้า โดยมี ราคาปิด (close) อยู่ที่ด้านล่างของเนื้อเทียน
  • แท่งเทียนสีเขียว (แท่งขวา): แสดงถึงแรงซื้อที่พยายามสู้กลับในวันนี้ และมี ราคาปิด (close) อยู่ที่ด้านบนของเนื้อเทียน
  • เส้น Mid-point (จุดกึ่งกลาง): คือเส้นที่แสดงระดับ “ครึ่งทาง” ของเนื้อเทียนสีแดง
  • หัวใจของภาพนี้กำลังบอกเราว่า:

ราคาปิด (close) ของแท่งสีเขียว สามารถดีดตัวกลับขึ้นมาได้สูงกว่าราคาปิดของแท่งแดง แต่ก็ยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะทะลุผ่านจุดกึ่งกลาง (mid-point) ของแท่งแดงขึ้นไปได้

การที่แรงซื้อไปไม่ถึงครึ่งทางนี้ เป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่า แรงซื้อยังคงอ่อนแอ และแนวโน้มขาลงมีโอกาสที่จะดำเนินต่อไป

ลักษณะที่ 3

ก่อนอื่น ทั้ง 3 รูปแบบนี้มีสิ่งที่เหมือนกัน คือ

  • มักจะเกิดขึ้นในช่วงที่ตลาดเป็น ขาลง
  • ประกอบด้วยแท่งเทียน 2 แท่ง คือ แท่งแดงยาว ตามด้วย แท่งเขียวที่เปิดราคาต่ำกว่า

ความลับที่ใช้แยกว่ามันคือรูปแบบไหน และความหมายของมันคืออะไร อยู่ที่ “พลังของแท่งเทียนสีเขียว” ซึ่งเราวัดพลังนี้จาก “ตำแหน่งราคาปิด” ของมัน 

ความแตกต่าง: วัดพลังจากราคาปิด

  • On Neck Pattern (ซ้ายสุด – พลังน้อยที่สุด)
    • ลักษณะ: แท่งเทียนสีเขียวดีดตัวขึ้นมาได้น้อยมาก และทำได้แค่ปิดที่ระดับ ใกล้เคียงกับราคาปิดของแท่งแดง (เหมือนปิดอยู่บนคอ หรือ “On Neck”)
    • ความหมาย: แรงซื้ออ่อนแอมาก แทบไม่มีแรงสู้เลย เป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าแนวโน้มขาลงนั้นแข็งแกร่งมาก และราคา มีโอกาสลงต่ออย่างรุนแรง
  • Thrusting Line Pattern (ตรงกลาง – พลังปานกลาง แต่ยังไม่พอ)
    • ลักษณะ: แท่งเทียนสีเขียวดีดตัวขึ้นมาได้ดีกว่า แต่ก็ยังไปไม่ถึงไหน สามารถปิดได้ในระดับที่ “ต่ำกว่าจุดกึ่งกลาง (Mid Point)” ของแท่งแดง
    • ความหมาย: แรงซื้อพยายามสู้แล้ว แต่ก็ยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะเอาชนะแรงขายได้ เป็นสัญญาณว่าราคายังคง มีแนวโน้มที่จะลงต่อ
  • Piercing Line Pattern (ขวาสุด – พลังสูง)
    • ลักษณะ: นี่คือ “ผู้ชนะ” ในกลุ่มนี้ แท่งเทียนสีเขียวดีดตัวกลับขึ้นมาได้อย่างแข็งแกร่ง จนสามารถปิดในระดับที่ “สูงกว่าจุดกึ่งกลาง (Mid Point)” ของแท่งแดงได้สำเร็จ
    • ความหมาย: แรงซื้อแข็งแกร่งมาก! และสามารถเอาชนะแรงขายจากครึ่งวันก่อนหน้าได้ เป็นสัญญาณเตือนว่าแนวโน้มขาลงอาจจะจบลง และราคา “อาจจะกลับตัวเป็นขาขึ้น”
รูปแบบ (Pattern)ราคาปิดของแท่งเขียวความหมาย (Signal)
On Neckปิดที่แนวรับเดิมลงต่อ (แรง)
Thrusting Lineปิด ต่ำกว่า ครึ่งทางลงต่อ
Piercing Lineปิด สูงกว่า ครึ่งทางอาจกลับตัวขึ้น

คลิปที่น่าสนใจ

วินาทีที่สำคัญ ดังนี้

  • 00:06 : อธิบายลักษณะของรูปแบบ Thrusting Pattern ซึ่งจะเริ่มต้นด้วยแท่งเทียนสีแดงยาว (Bearish) และตามด้วยแท่งเทียนอีกแท่งที่เปิดราคาต่ำลง แต่ดีดตัวกลับขึ้นมาปิดโดยไม่ถึงจุดกึ่งกลางของแท่งเทียนแรก
  • 00:17 : บอกถึงความหมายของรูปแบบ ว่ามันแสดงถึงความลังเลหรือไม่แน่ใจระหว่างแรงซื้อกับแรงขาย ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของการกลับตัวของแนวโน้มได้
  • 00:24 : แนะนำวิธีนำไปใช้งาน คือ หากเจอรูปแบบนี้ในช่วงขาลง ให้รอสัญญาณยืนยันฝั่งขาขึ้น (กระทิง) เช่น มีแท่งเทียนสีเขียวอีกแท่งปรากฏขึ้นเพื่อเป็นจุดเข้าซื้อ และให้ตั้งจุดตัดขาดทุน (Stop Loss) ไว้ที่จุดต่ำสุดของแท่งเทียนขาขึ้นนั้น

สรุป

Thrusting Candlesticks Pattern เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับนักเทรดที่ต้องการหาจังหวะในการเทรดตามแนวโน้มขาลง อย่างไรก็ตาม ไม่มีเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคใดที่แม่นยำ 100%

ข้อควรจำ

  • ยืนยันเสมอ: อย่าเทรดด้วยรูปแบบนี้เพียงอย่างเดียว ควรรอสัญญาณยืนยันเสมอ
  • ใช้ร่วมกับเครื่องมืออื่น: เพิ่มความแม่นยำโดยการใช้ร่วมกับอินดิเคเตอร์อื่นๆ เช่น RSI (ควรอยู่ในโซน Bearish), MACD (เกิดสัญญาณขาย), หรือ Volume (ปริมาณการซื้อขายควรสูงขึ้นในแท่งสีแดง)
  • บริหารความเสี่ยง: การตั้ง Stop Loss เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อป้องกันความเสียหายหากตลาดเคลื่อนไหวสวน

แหล่งอ้างอิง

FAQ — รูปแบบแท่งเทียน Thrusting Candlesticks Pattern

เพราะหัวใจสำคัญอยู่ที่ “พลัง” ของแท่งเทียนสีเขียวนั้นไม่มากพอที่จะดันราคาปิดให้ทะลุ “ครึ่งทาง” ของแท่งแดงวันก่อนหน้าได้ มันจึงสะท้อนถึงความอ่อนแอของแรงซื้อ และเป็นสัญญาณว่าแรงขายยังคงคุมตลาดอยู่ซึ่งพร้อมจะกดราคาให้ลงต่อไป
ไม่ควรเข้าเทรดทันที เพราะอาจเป็นสัญญาณหลอกได้ สิ่งสำคัญคือควรรอ “แท่งเทียนยืนยัน” (Confirmation Candle) ในวันถัดไป ซึ่งควรเป็นแท่งสีแดงที่ปิดต่ำกว่าจุดต่ำสุดของรูปแบบเดิม เพื่อเพิ่มความมั่นใจว่าแนวโน้มขาลงจะดำเนินต่อไปจริงๆ
เส้นบางๆ นั้นคือ “จุดกึ่งกลาง” ของเนื้อเทียนแท่งแดงแท่งแรก หากแท่งเขียวปิด ต่ำกว่า เส้นนี้ มันคือ Thrusting Pattern แต่ถ้าแท่งเขียวมีพลังมากพอที่จะปิด สูงกว่า เส้นนี้ มันจะกลายเป็น Piercing Pattern ซึ่งมีความหมายตรงกันข้ามทันที

 

เขียนโดย

Pakornkiat Poonsuk

ผู้ตรวจทานความถูกต้อง

Chatchawal Nakcharoen