นี่เป็นบทเรียนที่ 2 ของระดับปริญญาตรี ในการเทรด Forex จากคราวก่อนเรานำเสนอการเทรดโดยใช้ข่าวในการเทรด Forex คราวนี้ เราขอนำเสนอ บทเรียน Carry Trade ซึ่งเป็นบทเรียนหนึ่งที่สามารถทำกำไรได้จริง แต่อาจจะต้องการการศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด

 
 

เพื่อที่จะสามารถสร้างผลกำไรได้จริง ๆ โดย Carry Trade เป็นการเทรด ที่รู้จักกันมาอย่างยาวนาน การเทรดแบบ Carry Trade สามารถทำกำไรได้หลายเทคนิค วันนี้เรามาทำความรู้จักกับ Carry Trade กันเพื่อสร้างความเข้าใจในการเทรดที่ถูกต้องกันครับ ^^

Carry Trade คืออะไร

การทำ Carry Trade คือ การถือออเดอร์ข้ามคืน โดยที่มองดูเทรนด์ระยะยาวแล้วดูว่าจะสามารถหาประโยชน์จากการเทรด forex ได้ การทำ Carry Trade คือ การ Hedging ชนิดหนึ่ง โดยการอาศัยผลต่างจากอัตราดอกเบี้ยเป็นหลัก นั่นคือ อาจจะเป็นการเทรดค่าเงินเดียวกัน แต่ว่าแตกต่างกันระหว่างสถานที่ เช่น กลยุทธ์ Arbitrage เป็นต้น แล้ว กำไรที่ได้จากตรงนี้คืออะไร มันก็คือส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยยังไงหล่ะครับ

เรามาดูตัวอย่างกัน ในการซื้อขายค่าเงิน EURUSD

  • ถ้าหากเปิด Position Buy และ Sell กับ โบรคเกอร์ forex A เราจะต้องเสีย Swap ฝั่ง Long เท่ากับ -1 USD
  • ขณะที่ถ้าเปิดฝั่ง Short เราจะได้ 5 USD
  • แต่ถ้าหากเราเปิด Position ฝั่ง Long และ Short กับโบรคเกอร์ forex B เราจะเสีย Swap จำนวน – 0.3 USD และได้ Swap 0.7 USD เป็นต้น

การถือ Position ของค่าเงินเหล่านี้จึงเรียกว่า การ Carry Trade คือการถือ Position ข้ามวันข้ามคืนนั่นเอง ไม่ว่าจะ ถือเพื่อกินส่วนต่างราคาไปด้วย หรือถือเพื่อกิน Swap อย่างเดียวก็เรียกว่า Carry Trade ได้ทั้งสิ้น

วิธีการในการทำ Carry Trade

เมื่อเราทราบคำนิยามของมันแล้ว เรามาว่ากันด้วยหลักการของการทำ Carry Trade กันก่อนเลยดีกว่า วิธีการของ Carry Trade นั้น จากตัวอย่างข้างต้น ของกรณี Broker A และ B นั้น เราจะนำมายกตัวอย่างอีกทีดังนี้

ในการที่จะหาประโยชน์จาก Broker A และ B นั้นจากตัวอย่าง

ถ้า โบรคเกอร์ A ค่าเงิน EURUSD จะมี Swap -1 และ +0.5 ขณะที่ โบรคเกอร์ B มี Swap -0.3 และ + 0.7 โดยตัวแรกเป็น Swap สำหรับ Long ดังนั้นเราจะทำการ Short ค่าเงิน EURUSD ที่ Broker B ซึ่งเราจะได้ Swap + 0.5 แล้วเราไป Long ค่าเงิน EURUSD โดยจะเสีย Swap – 0.3

นั่นหมายความว่า ผลกำไรขาดทุนของเราจะเท่ากับ 0 เพราะล็อคไว้แล้ว เพราะถ้าหากมันขึ้น มูลค่าพอร์ทโบรคเกอร์ B จะสูงขึ้น และชุดเชยกับ Broker A ไว้ทำให้กำไรขาดทุนของนักลงทุนไม่เปลี่ยนแปลง แต่สิ่งที่เปลี่ยนแปลง จะเห็นว่า Swap จะบวก ทุก ๆ 0.2 เพราะเราเสียให้ Broker B -0.3 แต่ได้มา +0.5 ซึ่งจะเหลือ 0.2 ทุก ๆ วัน

นั่นคือได้กำไรเป็นดอกเบี้ยทุกวัน โดยที่ไม่ต้องสนใจว่าทิศทางของค่าเงินจะไปทางไหน แต่สิ่งที่ต้องระวังคือ !!!! การเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยของธนาคารของค่าเงินที่เราถืออยู่และ การเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยของโบรคเกอร์ ทำให้เราอาจจะต้องเผชิญความเสี่ยงที่คาดไม่ถึงได้

การเช็คค่า swap เพื่อทำ carry trade

แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าจะดู Swap ได้จากตรงไหน? เราสามารถหาได้จาก www.myfxbook.com มีบริการเปรียบเทียบ Swap โดยสามารถใช้ข้อมูลเพื่อเปรียบเทียบทุกโบรคเกอร์ฟอเร็กซ์ที่มีให้บริการได้

swap on myfxbook.com
ภาพที่ 1 แสดงการเปรียบเทียบโบรคเกอร์ของ myfxbook.com

โดยการเปรียบเทียบ Swap สามารถเปรียบเทียบได้หลายค่าเงิน และหลาย Broker เราสามารถเลือกค่าเงินที่โบรคเกอร์ให้บริการ

comparable Swap between currencies in brokers.
ภาพที่ 2 แสดงการเปรียเบทียบ Swap ตามค่าเงินระหว่าง Broker

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีบริการของ Myfxbook สิ่งที่นักลงทุนจะต้องทำการบ้านเพิ่มคือ ทำการทดสอบกับ บัญชี Demo เพราะว่า บัญชีเทรดนั้นจะแตกต่างกัน และที่สำคัญต้องดูข้อมูลของบัญชีจริงด้วย การทำลักษณะนี้อาจจะดูเหมือนง่าย แต่ว่าเทรดเดอร์ forex จะต้องทำการบ้านเพิ่มเติม เรื่องข่าว และการตามข่าวดอกเบี้ยอยู่ตลอด เพราะว่า เราไม่รู้ว่าอัตราดอกเบี้ยจะปรับวันไหนทำให้เราพลาดกำไรที่ได้มาอย่างยากเย็นด้วย

และที่สำคัญ จะต้องตรวจสอบด้วยว่า Broker ที่ให้บริการนั้น ค่า Spread สูงหรือไม่ เพราะว่าถ้าหากค่า Spread แพงเกินไปก็ไม่คุ้มค่าที่จะต้องจ่ายค่า Swap เพราะว่าต้นทุนระยะสั้นสูงกว่า กำไรที่จะได้รับระยะยาว

สรุป Carry trade กับการเทรด forex

การเทรด forex แบบ Carry Trade คือ การถือครองค่าเงิน โดยที่อาศัยผลประโยชน์จากการที่เรามีต้นทุนการถือครองที่ต่ำกว่า การเทรด Carry Trade เป็นการเทรด forex แบบ Hedging วิธีการหนึ่ง นั่นคือ มีการ Buy ค่าเงินใดค่าเงินหนึ่งและ Sell ค่าเงินเดียวกัน ขณะที่การกระทำอย่างนี้คาดหวังผลตอบแทนจาก Swap หรือว่าอัตราดอกเบี้ยที่แตกต่างกันทำให้ได้รับผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ยที่ได้จากส่วนต่างของ 2 Broker ที่เราทำการเทรดด้วย

ถึงอย่างนั้นแม้ว่าจะดูเป็นการทำกำไรที่ง่ายและไม่ต้องคาดเอาอะไรมาก แต่สิ่งสำคัญที่ต้องระวัง คือ การเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ย หรือว่า อัตรา Swap ของโบรคเกอร์นั้นเกิดขึ้นได้ง่าย ทำให้เราเสียประโยชน์ ขณะเดียวกัน Spread ที่กว้างในการเปิด Position ทั้ง Buy และ Sell ก็เป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึงเพราะว่า ถ้าหากต้นทุนที่สูงอัตราดอกเบี้ย หรือ Swap ที่ได้รับมานั้นจะไม่ได้คุ้มค่าต่อการเสี่ยงเปิด Position ในระยะยาว

เขียนโดย

Alisa William

ผู้ตรวจทานความถูกต้อง

Chatchawal Nakcharoen