บทคัดย่อ
- ความหมายของเทรดเดอร์: ผู้ทำการซื้อขาย พ่อค้า ที่ทำการเก็งกำไรจากการซื้อมาขายไป ไม่ได้ซื้อเพื่อถืออย่างใดอย่างหนึ่งเอาไว้
- ข้อแตกต่างของเทรดเดอร์: เทรดสั้น เทรดกลาง เทรดยาว จะมีลักษณะสไตล์ในการทำกำไรที่แตกต่างกัน
- ระดับของเทรดเดอร์: บทความนี้แบ่งระดับของเทรดเดอร์ เปรียบเทียบเหมือนการเรียน ตั้งแต่ระดับอนุบาลไปจนถึงปริญญา เพื่อให้คุณเห็นภาพการเติบโตในเส้นทางการเทรด และนำไปใช้พัฒนาตัวเองได้
เทรดเดอร์ (Trader) คืออะไร
แปลตรงตัว Trade คือ ซื้อขาย หรือ เทรดเดอร์ (trader) คือพ่อค้า ในตลาด Forex คือผู้ที่ทำการซื้อขายเก็งกำไร ลักษณะซื้อมาขายไป ซื้อแล้วต้องขายในเวลาสมควร หรือขายแล้วจะต้องซื้อในเวลาสมควรเช่นกัน ไม่ได้ซื้อเพื่อถือครองสินทรัพย์นั้นไว้ในระยะยาว
ภาพแสดงความหมายของเทรดเดอร์ คือบุคคลที่ซื้อมาขายไป ซื้อขายเก็งกำไรสินทรัพย์ หรือตลาด Forex แต่นั่นไม่ใช่ต้องการถือสินทรัพย์เอาไว้จริง ๆ เป็นเพียงสัญญาซื้อขายที่ว่า ซื้อแล้วต้องขายในภายหลัง หรือขายแล้วจะต้องซื้อในภายหลังเช่นกัน
อาจจะเห็นคำนี้ ถูกนำไปใช้ในวงการอื่น ๆ บ้าง เช่น ชื่อบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับ ซื้อมาขายไป แต่ในปัจจุบันผู้คนเข้าใจตรงกันว่า “เทรดเดอร์” คือนักลงทุนทำการซื้อขายเก็งกำไร ในตลาดหุ้น ทองคำ น้ำมัน คริปโท และ Forex
ข้อแตกต่างของเทรดเดอร์
มีวิธีและกลยุทธ์มากมาย ที่เทรดเดอร์เลือกใช้ ขอแบ่งตามระยะเวลา ดังต่อไปนี้
1. เทรดสั้น
ลักษะของเทรดเดอร์ สายสั้น เก็บกำไรเร็ว ไม่ถือออเดอร์นาน ใช้ไทม์เฟรมเล็ก เข้าไวจบไว ไม่รอรอบ
ภาพแสดงลักษณะของการเทรดสั้น คือการเข้าเร็วออกเร็ว ตีหัวเข้าบ้าง ไม่ถือข้ามคือน เทรดเฉพาะมั่นใจเท่านั้น
- Scalping: เก็บสั้น ออกไว ใช้ไทม์เฟรมสั้น แต่ไม่ได้หมายความว่าจะกำไรน้อย เทรดเดอร์หลายคน เทรดสั้น แต่ Lot Size ขนาดใหญ่ ทำให้เก็บกำไรได้มากเช่นเดียวกัน แต่การเทรดสั้นจำเป็นต้องอาศัยประสบการณ์สูง ตัดสินใจไว้ และมีกลยุทธ์ในการทำกำไรที่ชัดเจน
- เดย์เทรด: ไม่ถือออเดอร์ข้ามวัน เข้าและจบในวัน จะด้วยกลยุทธ์ใดก็ตาม จะต้องจบออเดอร์ให้ได้ภายใน 1 วัน เทรดเดอร์สายนี้ มีความเชื่อว่าเมื่อวันเปลี่ยน สภาวะต่าง ๆ ของตลาดย่อมเปลี่ยนตาม การถือออเดอร์ข้ามคืนอาจจะมีปัจจัยอย่างใดอย่างหนึ่ง ทำให้ตลาดเปลี่ยนไป
- เทรดข่าว: คือการเทรดเมื่อข่าวออก โดยการรอเทรดเฉพาะช่วงเวลา ตามวัน เวลา ที่มีการประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจ วันไหนไม่มีข่าว หรือมีการประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจ ก็จะไม่เทรด และเลือกเทรดเฉพาะข่าวที่สำคัญเท่านั้น โดยเครื่องมือที่เทรดเดอร์สายนี้เลือกใช้ส่วนใหญ่ คือ Forex Factory
2. เทรดกลาง
ถือออเดอร์ยาว เก็บกำไรคำโตขึ้น ถือข้ามวันแต่ไม่ข้ามสัปดาห์ หรือบางระบบอาจจะมีถือข้ามสัปดาห์บ้าง แต่ไม่ถือเกิน 3 สัปดาห์ หากว่าเทรดเป็นรอบ
ภาพแสดงลักษณะของการเทรดระยะกลาง ชอบเก็บกำไรคำใหญ่ ระยะเยอะ ไม่ถือนานจนเกินไป เทรดไม่บ่อยไม่มีสัญญาณไม่เทรด ดูกราฟบ้างแต่ไม่เฝ้ากราฟ
- สวิงเทรด: การเทรดตามรอบสวิง โดยการหาจุดกลับตัวเพื่อไปต่อในแนวโน้มเดิม การเทรดลักษณะนี้จะต้องใช้ไทม์เฟรมที่ค่อนข้างมีแนวโน้มชัดเจน และไม่มีสวิงหลอกมาจนเกินไป ไทม์เฟรมที่เทรดเดอร์สายนี้เลือกใช้คือ H1, H4 จะถือออเดอร์ข้ามวันบ้าง บางออเดอร์อาจจะรอ 3-4 วัน แต่จะไม่ถือข้ามสัปดาห์
- รันเทรนด์: การเทรดตามแนวโน้ม ไม่เปิดปิดตามสวิง แต่จะเข้าให้ได้ต้นเทรดและออกเมื่อตบเทรนด์ อาจจะเล่นเป็นรอบสั้น ๆ ในไทม์เฟรม H1, หรือ H4
3. เทรดยาว
เทรดเพื่อใช้ชีวิต ไม่ใช้ชีวิตเพื่อมาเทรด มีเป้าหมายที่หนักแน่น อาจจะถือยาว ๆ ไปจนกว่าจะสิ้นสุดแนวโน้มใหญ่
ภาพแสดงลักษณะของการเทรดยาว เลือกถือยาว ๆ ไม่เข้าออกบ่อยโดยไม่จำเป็น เป็นการเทรดเพื่อเก็บกำไรไปใช้ชีวิตจริง ๆ ไม่ได้มีชีวิตไว้สำหรับการเทรด มีเป้าหมายหนักแน่นว่า เทรดไปเพราะอะไร
- ปัจจัยพื้นฐาน: ตัวเลขต่าง ๆ ทางเศรษฐกิจ อาจจะส่งผลต่อแนวโน้มในระยะยาว การเทรดด้วยปัจจัยพื้นฐาน โดยจะคำนึงถึงสภาวะเศรษฐกิจเป็นหลัก เทรดเดอร์สายนี้จะเทรดตามสภวะเศรษฐกิจ เช่น GDP เป็น + เศรษฐกิจดี สกุลเงินแข็งค่า ย่อมเป็นแนวโน้มขาขึ้น
- รันเทรนด์รอบใหญ่: รันเทรนด์ในไทม์เฟรมใหญ่ ใช้ไทม์เฟรม Day, Week ขึ้นไป อาจจะถือออเดอร์นาน 3 เดือน 6 เดือน หรือปี หรือจนกว่าจะจบรอบใหญ่ก็ทำได้
4. คุณเลือกเทรดแบบไหน
ไม่ว่าจะสั้น กลาง ยาว ล้วนมีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกัน การเลือกให้เหมาะกับความต้องการ เช่น อยากเห็นกำไรเร็ว ๆ ควรเลือกเทรดสั้น หรืออยากได้กำไรอย่างยั่งยืน ควรเลือกเทรดยาว นั่นคือความพึ่งพอใจ
แต่ถ้าเลือกไม่ได้ ลองใช้เทคนิคนี้พิจารณา
- ดูกราฟ 2 ครั้งในช่วงเวลา: ถ้าเทรดสั้น ลองดูซิว่าคุณสามารถดูกราฟได้บ่อยแค่ไหน เช่น เทรดในไทม์เฟรม 1 ชั่วโมง ควรดูกราฟให้ได้อย่างน้อย ชั่วโมงละ 2 ครั้ง แต่ถ้ามีเวลาดูกราฟเพียงวันละ 2 ครั้ง ก็อาจจะเทรดยาวขึ้นมาหน่อย ใช้ไทม์เฟรมที่ใหญ่ขึ้นมาหน่อย
- ดูกราฟได้เพียงวันละ 1 ครั้ง: สามารถเทรดกลางได้ ด้วยการใช้ไทม์เฟรมใหญ่ เช่น ไทม์เฟรมเดย์ ดูกราฟเพียงช่วงเช้าวันละ 1 ครั้ง วางแผนการเทรดเอาไว้ล่วงหน้า ไม่ต้องเฝ้ากราฟ
ระดับของเทรดเดอร์ในตลาด Forex
ภาพแสดงระดับของเทรดเดอร์ ที่มีตั้งแต่เริ่มต้น ที่เทรดเดอร์ทุก ๆ คนจะต้องผ่านมันมาให้ได้ แม้ไม่มีมหาวิทยาลัยรองรับ แต่เทรดเดอร์จะต้องฝึกฝนอย่างมีเป้าหมาย และพัฒนาให้ได้ด้วยตัวของเทรดเดอร์เอง
1. ระดับต้น (อนุบาล)
- สนใจ: ผู้ที่สนใจในตลาด Forex แต่ยังไม่มีความรู้ หรือกำลังหาข้อมูลกับตลาดนี้
- ฝึกฝนด้วยตนเอง: ด้วยการหาความรูปฟรีจากยูทูป หรืออ่านบทความตามเว็บไซต์ต่าง ๆ
- เทรดด้วยบัญชีทดลอง: เริ่มต้นด้วยบัญชีทดลอง ทดสอบสิ่งที่ได้เรียนรู้มา และทำกำไรได้ดีจากบัญชีทดลอง
- มองหาบัญชี ทุนเทรดฟรี: ปัจจุบันมีหลายโบรกเกอร์ ที่มีโบนัสหรือทุนเทรดฟรี สำหรับเปิดบัญชีในครั้งแรก แน่นอนว่าสามารถเทรดตามเงื่อนไขได้ ก็สามารถถอนกำไรได้ แต่มือใหม่ส่วนใหญ่ ไม่เคยได้ถอนเลย
2. เลยเริ่มต้นมานิดหน่อย (ประถม)
- รู้จักตลาด Forex: พอสมควร แต่ยังเอาชนะตลาดไม่ได้ เทรดสะเปะสะปะ ไม่มีหลักการ
- ค้นหาระบบ: เริ่มออกค้นหาระบบ ทำตามเซียน ลงคอร์สเรียนที่ถูกเคลมว่า เป็นระบบทำกำไรชั้นยอด
- ฝากเงินจริง: บางคนใช้บัญชีมาตรฐาน บางคนใช้บัญชีเซน ทดลองระบบแบบไร้หลักการ ไม่นานล้างพอร์ต
- ล้างพอร์ต กลับไปเรียนรู้ใหม่: เริ่มทบทวนในสิ่งที่ผ่านมา ผิดพลาดเพราะอะไร ตั้งใจเรียนรู้ สู้ใหม่อีกครั้ง
3. ระดับกลาง (มัธยมต้น)
- ได้ระบบที่มั่นใจ: มีการเทรดตามระบบที่ได้มา ทำตามแผนได้บ้าง ไม่ได้บ้าง
- ฝากเงินเข้าบัญชีมาตรฐาน: ฝากเงินเยอะขึ้น ทำแบบจริงจัง เสมือนว่าจะเทรดให้ประสบความสำเร็จในครั้งนี้
- ล้างพอร์ตในเวลาต่อมา: ทำตามแผน แต่ผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามแผน เริ่มปรับแผน แก้ปัญหาเฉพาะหน้า เริ่มมั่ว ติดพอร์ต และล้างพอร์ตในเวลาต่อมา
- เรียนรู้หาวิธีใหม่ ๆ : รู้ว่าสิ่งที่ทำ ใช้ไม่ได้ผล จึงค้นหาวิธีใหม่ ๆ ดูคลิป อ่านหนังสือ เพิ่มเติมความรู้
4. เลยระดับกลางมานิดหน่อย (มัธยมปลาย)
- เติมเงินเข้าเทรดใหม่: ปลุกพลังใจ เติมเงินเข้าไปใหม่อีกครั้ง ตั้งปณิธานว่า จะไม่ล้มเหลวอีก จะทำตามแผนให้ได้
- รู้ว่าพลาดเพราะอะไร: ทุกครั้งที่เสียรู้ว่าเพราะอะไร และทุกครั้งที่ได้รู้ว่าเพราอะไร มีการบันทึกอย่างเป็นระบบ เห็นจุดอ่อน จุดแข็งของตนเอง เริ่มพัฒนาได้อย่างตรงจุด
- คิดค้นระบบเอง: นำเอาจุดแข็งของเครื่องมือบางอย่าง ความรู้ที่ใช้ได้ มาประกอบกันเป็นระบบของตนเอง ด้วยประสบการณ์ที่ผ่านมา
- ทดลองอย่างเป็นระบบ: มีการเทสอย่างเป็นระบบ เริ่มจากบัญชีทดลอง เก็บข้อมูล เก็บสถิติ ผลแพ้ชนะและหาเหตุผลในทุก ๆ ครั้ง
- กำไรบ้าง ขาดทุนบ้าง: กำไรย่อมรู้ดีว่าเพราะอะไร ขาดทุนยิ่งรู้ชัดว่าผิดพลาดเพราะอะไร เริ่มเข้าใจเกม เข้าใจว่าเป็นส่วนหนึ่งของเกม
- ล้างพอร์ต: มีผิดพลาดกันบ้าง แต่ผิดพลาดครั้งนี้ เพราะความมั่นใจล้วน ๆ แต่ยังได้บทเรียนที่มีค่ามาก มีประสบการณ์จากการล้างพอร์ตมากกว่าในทุก ๆ ครั้งที่ผ่านมา แล้วกลับมาสู้ใหม่
5. ระดับสูง (ปริญญา)
- ยังไม่ยอมแพ้ ฝากเงินเข้าใหม่: เพราะรู้ดีว่าที่ผ่านมาผิดพลาดเพราะอะไร แล้วแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม จะไม่ยอมผิดพลาดซ้ำอีก
- ปรับปรุงระบบเทรด: ถ้าระบบดีแล้ว จะแก้ไขข้อผิดพลาด แต่ถ้าระบบมีจุดอ่อนจะแก้ไขอย่างเป็นระบบ ไม่คิดเองมโนเอง
- วางแผนอย่างเป็นระบบ: แก้ไขพร้อมทั้งหาวิธีป้องกันความผิดพลาด มองความเสี่ยงเป็นหลัก เลือกความปลอดภัยเป็นหลัก เก็บกำไรเพียงเล็กน้อย มองความสำเร็จในระยะยาว
- ค่อย ๆ ปรับปรุงแนวทางตนเอง: ยิ่งผิดพลาด ยิ่งเห็นตัวตนที่แท้จริง เห็นแสงสว่างว่า จะประสบความสำเร็จในตลาดนี้ได้อย่างไร จนกระทั่งได้แนวทางที่ทำซ้ำ ๆ จนเกิดผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ได้
6. ระดับเชี่ยวชาญหรือนักลงทุน (จบหลักสูตร)
- สิ่งที่เรียนรู้มามากมาย: ค้นพบว่าสิ่งที่เรียนรู้มามากมาย ถ้าใช้ถูกที่ ถูกเวลา อย่างเหมาะสม ทุกเครื่องมือสามารถเอาชนะตลาดได้อย่างดี
- สร้างระบบ สร้างเครือข่าย: เริ่มผลักดันตัวเองจากการเป็นเทรดเดอร์ ขึ้นมาเป็นนักลงทุน สร้างระบบ สร้างทีม สร้างแนวทางของตนเองเพื่อหารายได้จากสิ่งที่เคยผ่านมา
- หารายได้เพิ่ม: ไม่ว่าจะพัฒนา EA พัฒนาระบบเทรด สร้างคอร์สออนไลน์ เพื่อหารายได้เพิ่มเติมจากสิ่งที่เคยเรียนรู้มา และประสบการณ์จากการลองผิดลองถูก
- อยู่ในฐานะนักลงทุน: วางตัวเองให้อยู่ในฐานะนักลงทุน ที่สร้างเทรดเดอร์ สร้างทีม เพื่อแบ่งปันความรู้ให้กับมือใหม่ที่กำลังเข้าสู่ตลาด
แล้วคุณหล่ะ เป็นเทรดเดอร์ระดับไหน?
คุณเคยลองเช็คสถานะของตัวเองหรือไม่ ว่าจริง ๆ แล้วการเป็นเทรดเดอร์ อยู่ในระดับไหน ทำกำไรได้แล้วหรือยัง หรือยังคงเติมเงินเข้าพอร์ตอยู่ร่ำไป คนเราจะพัฒนาได้ ก่อนอื่นจะต้องยอมรับความจริง แล้วแก้ไขพัฒนาในจุดที่ผิดพลาดซ้ำ ๆ จนกระทั่ง ผลลัพธ์ในชีการเทรดจะฟ้องคุณเองว่า ประสบความสำเร็จ
การพัฒนาให้ได้อย่างแท้จริง คือการยอมรับความจริงก่อนว่า ปัจจุบันอยู่ในระดับไหน มีข้อผิดพลาดอะไร ได้ถอนเงินจากพอร์ต หรือยังต้องหาเงินฝากเข้าเทรด
ถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่จะมานั่งทบทวนสิ่งที่ผิดพลาด แล้วแก้ไข พัฒนา ให้เป็นเทรดเดอร์ระดับสูง หรืออยู่ในระดับมืออาชีพ
แน่นอนว่าไม่มีใครเข้ามาเทรดแล้วเก่งเลย ทุกคนล้วนต้องเคยผ่านจุดเริ่มต้นมาทั้งนั้น อยู่ที่ใครจะอดทนอยู่ให้ถึงวันที่ประสบความสำเร็จ หรือถอดใจแล้วถอยออกไปก่อนที่จะทำมันได้ การเทรดนอกจากคู่แข่งในตลาด ยังมีคู่แข็งที่น่ากลัวมากที่สุดนั่นก็คือ ใจตนเอง
สรุป
เทรดเดอร์ ผู้ที่เข้ามาทำการซื้อขาย เก็งกำไร ในตลาดใดตลาดหนึ่ง ใคร ๆ ก็เป็นเทรดเดอร์ได้ แต่จะเป็นเทรดเดอร์ให้ประสบความสำเร็จ ล้วนต้องเข้าใจตนเองก่อนว่า
เข้ามาเพราะอะไร เลือกสไตล์การเทรด ชอบสั้น กลาง หรือยาว จากนั้นลองทบทวนตัวเองอย่างต่อเนื่องว่า เป็นเทรดเดอร์แบบไหนจึงจะประสบความสำเร็จ ปัจจุบันระดับขั้น หรือการเดินทางสู่การเป็นเทรดเดอร์ อยู่ในระดับใด และจะพัฒนาต่อยอดไปทิศทางไหน ด้วยเทคนิค กลยุทธ์ หรือเครื่องมือใด
จากนั้นมุ่งมั่นที่จะพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าไม่ช้าก็เร็ว จะสามารถเป็นเทรดเดอร์ในระดับเชี่ยวชาญและประสบความสำเร็จได้อย่างแน่นอน