บทคัดย่อ
- สินค้าโภคภัณฑ์ (commodities) : วัตถุดิบในการใช้ผลิตสินค้าและผลิตภัณฑ์ โดยมีมาตรฐานเดียวกัน ใช้แทนกันได้โดยสมบูรณ์
- สินค้าโภคภัณฑ์ แบ่งเป็น 2 ประเภท: จากแหล่งที่มาคือ ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น
- สินค้าโภคภัณฑ์ แบ่งเป็น 4 ภาค: ภาคเกษตรกรรม พลังงาน โลหะมีค่า และปศุสัตว์
- การลงทุน: สามารถลงทุนได้หลากหลายช่องทาง ทั้งทางตรง ทางอ้อม สัญญาซื้อขายล่วงหน้า หรือตลาด CFD
สินค้าโภคภัณฑ์ (commodities) คืออะไร
สินค้าโภคภัณฑ์ (commodities) คือ ผลิตภัณฑ์หรือวัตถุดิบ ที่ใช้นำเป็นส่วนประกอบในการผลิตสินค้าหรือบริการต่าง ๆ มีลักษณะจับต้องได้ สามารถซื้อขายได้ โดยมีมาตรฐานเดียวกัน ใช้แทนกันได้อย่างสมบูรณ์ (Fungibility)
ราคาถูกกำหนดด้วย อุปสงค์และอุปทาน (Supply and Demand) ของตลาดโลก มีทิศทางในการเคลื่อนไหว สอดคล้องกับอัตราเงินเฟ้อ นักลงทุนส่วนใหญ่ มักซื้อขายเพื่อ กระจายความเสี่ยงให้กับพอร์ตการลงทุน
โดย สินค้าโภคภัณฑ์ จะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลัก ๆ คือ Hard Commodity และ Soft Commodity การแบ่งลักษณะนี้ จะเป็นการแบ่งจากแหล่งกำเนิดหรือที่มาของสินค้า
สินค้าโภคภัณฑ์ แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลัก ๆ คือ
ภาพแสดงสินค้าโภคภัณฑ์ โดยแบ่งจากแหล่งที่มา คือ ทรัพยากรณ์ธรรมชาติ และสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น
1. Hard Commodity
ทรัพยากรธรรมชาติ ที่ใช้แล้วหมดไป ไม่สามารถผลิตขึ้นมาใหม่หรือทดแทนได้ เช่น เงิน ทองคำ น้ำมัน ทองแดง ก๊าซธรรมชาติ
2. Soft Commodity
สิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น หรือการผลิตจากมนุษย์ เป็นสินค้าทางการเกษตร เช่น ข้าวสาลี ถั่วเหลือง ข้าวโพด น้ำตาล เมล็ดกาแฟ เนื้อ
แม้สินค้าดังกล่าว จะมีที่มาแตกต่างกัน หรือผลผลิตที่แตกต่างกันไปบ้าง แต่ยังอยู่ในมาตรฐานเดียวกัน สามารถใช้แทนกันได้ และเป็นวัตถุดิบในการผลิตสินค้าและบริการ นับว่าเป็นสินค้าโภคภัณฑ์
ประเภทสินค้าโภคภัณฑ์ (commodities)
โดยมีการแบ่งประเภทสินค้าโภคภัณฑ์ออกเป็น 4 ภาคดังต่อไปนี้
ภาพแสดงการแบ่งสินค้าโภคภัณฑ์ออกเป็น 4 ภาค คือ เกษตรกรรม พลังงาน โลหะมีค่า ปศุสัตว์
1. สินค้าโภคภัณฑ์ในภาคเกษตรกรรม (Agricultural)
ในภาคเกษตรกรรม คือวัตถุดิบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ข้าวสาลี ถั่วเหลือง ข้าวโพด น้ำตาล เมล็ดกาแฟ โดยน้ำตาลทรายข่าวและน้ำตลาดทรายแดง เป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตเอทานอล อีกทั้งกาแฟยังเป็นวัตถุดิบในเครื่องดื่มเป็นที่นิยมระดับโลก มีการซื้อขายมากสุดเป็นอันดับสองรองจาก ปิโตรเลียม
2. สินค้าโภคภัณฑ์ในภาคพลังงาน (Energy)
ในภาคพลังงาน ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม เช่น น้ำมันและก๊าสธรรมชาติ น้ำมันดิบ เป็นสินค้าโภคภัณฑ์ที่นิยมอย่างสูง โดยเฉพาะ WTI และ Brent Crude Oil มีความผันผวนสูง และตอบสนองต่อเหตุการณ์ทางการเมืองระหว่างประเทศ
มีความต้องการอย่างมาก เนื่องจากจะถูกนำมาใช้สำหรับการขนส่งเชื้อเพลิง และการผลิตในอุตสาหกรรมขนาดใหญ่
3. สินค้าโภคภัณฑ์ในภาคโลหะมีค่า (Metal)
ในภาคโลหะมีค่า เช่น ทองคำ เงิน แพลทินัม แร่ และโลหะหายาก เป็นสินค้ายอดนิยมที่เทรดเดอร์หรือนักลงทุนใช้ เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย นิยมเข้าไปลงทุนในช่วงที่มีความขัดแย้งระหว่างประเทศ ส่งคราม หรือมีความวุ่นวายต่าง ๆ
ทองมีความสัมพันธ์กับดอลลาร์ จึงเหมาะที่จะเป็นการลงทุนในระยะยาว อีกทั้งแร่ หรือทองแดง ยังเป็นชิ้นส่วนในการผลิตอุปกรณ์อิเลคโทรนิค วิศวกรรม ประปาและอีกหลากหลายอุตสหกรรมอีกด้วย
4. สินค้าโภคภัณฑ์ในภาคปศุสัตว์ (Livestock and Meat)
ในภาคปศุสัตว์ เช่น ราคาเนื้อหมู เนื้อวัว เนื้อสัตว์ต่าง ๆ ในการนำเข้าส่งออก ราคาตลาดโลกยังถูกกำหนดไปด้วยดีมานด์ ซัพพลาย มีปัจจัยหลายอย่างเช่น โรคระบาด สภาพแวดล้อม ที่อาจจะส่งผลให้การผลิตไม่เป็นไปตามที่คาดไว้ ราคาจึงมีขึ้นมีลงตามความต้องการ
ลักษณะ สินค้าโภคภัณฑ์
ภาพแสดงลักษณะของสินค้าโภคภันฑ์ คือจะต้องมีมาตรฐานเดียวกันโดยสมบูรณ์ เป็นวัตถุดิบในการนำไปผลิตสินค้าและบริการ มีการเคลื่อนไหวตามอุปสงค์ – อุปทาน และความสอดคล้องกับเงินเฟ้อ
- มีมาตรฐานเดียวกัน: อาจจะแตกต่างกันเล็กน้อย แต่ยังอยู่ในมาตรฐานที่ทั่วโลกยอมรับ
- เป็นวัตถุดิบ: ในการผลิตสินค้าหรือบริการ อุตสหกรรมต่าง ๆ ที่จำเป็นต้องใช้สินค้าโภคภัณฑ์เป็นวัตถุดิบ
- ราคา: เป็นไปตาม อุปสงค์ – อุปทาน ความต้องการซื้อมาก สินค้ามีน้อยเนื่องจากสาเหตุต่าง ๆ ย่อมราคาสูง หรือความต้องการขายมาก สินค้าล้นตลาด แต่ความต้องการซื้อน้อย ราคาจึงถูก
- เงินเฟ้อ: ราคาจะมีความเคลื่อนไว้ไปตามเงินเฟ้อ เงินเฟ้อสูง ราคาเหล่านี้ก็จะพุ่งขึ้นสูงตาม
ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคา
- อุปสงค์ – อุปทาน: ราคาสินค้าแต่ละอย่าง มีปัจจัยที่แตกต่างกัน แต่ตอบสนองต่อความต้องการซื้อและต้องการขายเหมือน ๆ กัน
- เก็งกำไร: มีความต้องการซื้อมาก ทำให้ราคาพุ่ง มีความต้องการซื้อน้อย ทำให้ราคาลดลง ปัจจัยอย่างหนึ่งที่ทำให้ราคาขึ้นหรือลง นักลงทุนกำลังสนใจที่จะเข้ามาเทรดเพื่อเก็งกำไร จึงทำให้กราฟวิ่งแรง มีความผันผวนสูง
- ภาวะสงคราม: ส่งผลต่อราคา เช่น สงครามรัสเซียและยูเครน ส่งผลให้ข้าวโพดและข้าวสาลี มีราคาพุ่งสูงขึ้น เนื่องจากรัสเซียยกเลิกส่งออก ยูเครนลดพื้นที่เพาะปลูก และยูเครนเสียพื้นที่ให้รัสเซีย
- สภาพอากาศ: ไม่เหมาะสมและเป็นใจในการเพาะปลูก แห้งแล้ง ผลิตไม่ดี ทำให้ราคาพุ่งสูง
- กลุ่มส่งออกน้ำมัน: ลดการผลิต แต่ความต้องการยังเท่าเดิม ทำให้ราคาพุ่งสูง
- เหตุคาดไม่ถึง: โรคระบาด ภัยธรรมชาติ ฤดูการ ล้วนส่งผลต่อราคาทั้งสิ้น
ทำไมต้องซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ (commodities)
- กระจายความเสี่ยง: สินค้าโภคภัณฑ์ถูกใช้เพื่อกระจายความเสี่ยง จากสินทรัพย์อื่น ๆ เช่นทองคำ นับว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย ทั่วโลกให้ความไว้วางใจ มากกว่าระบบการเงินเมื่อมีเหตุไม่คาดฝัน ภัยสงคราม หรือระบบเศรษฐกิจที่ล่มสลาย
- ความผันผวน: แม้ตลาดนี้จะมีความผันผวน แต่นั่นเป็นโอกาสในการเข้าเทรดทำกำไร สำหรับนักลงทุนหรือเทรดเดอร์ ที่ต้องการเทรดในสินทรัพย์ที่อยู่นอกจากการควบคุมราคาของรัฐ
- มีมูลค่า: ในระยะยาว จะมีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากความต้องการมากขึ้น เช่น ทองคำ มีการปรับฐานและราคาเพิ่มขึ้นในทุก ๆ ปี
- ไม่เกี่ยวข้อง: ราคาไม่เกี่ยวข้องกับรัฐ หุ้น พันธบัตร ที่รัฐสามารถควบคุมบางอย่างได้ เช่น อัตราดอกเบี้ย ทำให้ราคาไม่เป็นไปตามกลไกลตลาด แต่สินค้าโภคภัณฑ์ เป็นไปตามกลไกลตลาดอย่างแท้จริง
ช่องทางการลงทุนสินค้าโภคภัณฑ์
ภาพแสดงช่องทางต่าง ๆ ในการลงทุนสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น การลงทุนทางตรงด้วยการซื้อสินค้านั้น ๆ มาเก็งกำไร ลงทุนกับสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ลงทุนกับหุ้นที่เกี่ยวข้อง และอีกหนึ่งที่ง่ายและเป็นที่นิยมนั่นก็คือ ตลาด CFD เป็นการเก็งกำไรโดยอ้างอิงราคา
1. ลงทุนทางตรง
การลงทุนหรือเทรดสินค้าโภคภัณฑ์โดยตรง คือการซื้อสินค้าเหล่านี้มาเก็บไว้เพื่อเป็นการเก็งกำไร ซื้อในช่วงเวลาที่ราคาถูก หรือและขายในช่วงเวลาที่ราคาแพง เพื่อกำไรส่วนต่างจากราคาซื้อขาย
เช่น ซื้อทองคำแท่งเพื่อนำมาเก็บไว้ เพื่อรอระยะเวลาที่ราคาพุ่งขึ้นสูง ก่อนที่จะนำมาขายในเวลาต่อมา
แต่ใช่ว่าสินค้าโภคภัณฑ์ทุกตัว จะเหมาะกับการลงทุนทางตรง เช่น ถั่วเหลือง น้ำมัน เมล็ดกาแฟ โกโก้ ข้าวโพด จะต้องคำนึงถึงการขนส่งหลังจากการซื้อขาย และวิธีเก็บรักษาเพื่อให้คุณภาพยังคงอยู่
2. สัญญาซื้อขายล่วงหน้า
การซื้อขายในรูปแบบของสัญญา ที่จะมีการส่งมอบในอนาคต แต่นักลงทุนส่วนใหญ่ ไม่ได้ที่จะต้องการซื้อเพื่อถือ หรือนำสินค้ากลับมาเก็บไว้จริง ๆ แต่จะขายเพื่อทำกำไรในเวลาต่อมา แต่มูลค่าจะเปลี่ยนไปตามเวลาเช่นกัน
3. ลงทุนทางอ้อม
การลงทุนในหุ้นหรืออุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับสินค้าโภคภัณฑ์ แม้จะไม่ได้ซื้อขายสินค้าเหล่านี้โดยตรง แต่ในบางอุตสาหกรรม ที่ใช้วัตถุดิบจากสินค้าโภคภัณฑ์เป็นหลัก เสมือนได้ซื้อขายเก็งกำไรกับสินค้าเหล่านี้เช่นกัน
4. การเทรด Commodity CFD
ปัจจุบันเป็นที่นิยมอย่างมาก ในการเทรดสินค้าโภคภัณฑ์ผ่านตลาด CFD (contract for difference) ซึ่งเป็นตราสารประเภทหนึ่ง ที่เทรดเดอร์สามารถเทรดได้ผ่านโบรกเกอร์ เสมือนการเข้าไปลงทุนโดยตรง ผ่านผู้ให้บริการหรือโบรกเกอร์โดยมีมูลค่าตามคลามเคลื่อนไหวของสินทรัพย์อ้างอิง
เป็นการเทรดในลักษณะของการซื้อขายสัญญา ไม่ได้ที่จะรับหรือส่งมอบสินค้ากันจริง ๆ โดยการถือครองจะมีมูลค่าขึ้นหรือลดลงตามราคาที่เปลี่ยนแปลงของตลาด
สามารถเทรดได้ผ่านโบรกเกอร์ Forex เป็นที่นิยมอย่างมากในขณะนี้
วิธีเทรด ทำกำไรในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์
ภาพแสดงวิธีการเทรดสินค้าโภคภัณฑ์ ที่มีวิธีการวิเคราะห์หรือการเทรดเหมือน ๆ กับตลาดอื่น ๆ เช่น การวิเคราะห์ด้วยปัจจัยพื้นฐาน คือสิ่งที่ขับเคลื่อนราคาตามกลไกลตลาด และการวิเคราะห์ด้วยปัจจัยทางเทคนิค ที่ใช้หลักสถิติ ความน่าจะเป็น ในการวิเคราะห์ และสามารถใช้ทั้งสองปัจจัยนี้วิเคราะห์ร่วมกันได้
1. ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis)
อุปสงค์และอุปทาน (Supply and Demand) คือปัจจัยหลักหรือพื้นฐานของสินค้าโภคภัณฑ์ ยิ่งมีความต้องการซื้อมาก แต่สินค้ามีน้อย ราคาย่อมสูง หรือมีความต้องการขายมาก สินค้าล้นตลาด แต่ความต้องการซื้อน้อย สินค้าก็จะมีราคาถูก
แต่สิ่งที่จะทำให้สินค้ามีมากหรือมีน้อย เกิดขึ้นได้หลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นสภาพอากาศ โรคระบาด ภัยธรรมชาติ สงคราม ฤดูการต่าง ๆ
การเทรดทำกำไรในตลาดนี้ จะต้องติดตามความเคลื่อนไหวต่าง ๆ ที่อาจจะส่งผลต่อการราคาซื้อขาย รวมทั้งอัตราเงินเฟ้อ เพราะสินค้าโภคภัณฑ์มักจะสอดคล้องกันอยู่เสมอ
2. กราฟเทคนิค (Technical Analysis)
เทรดเดอร์หลายคน ใช้วิธีการเทรดด้วยปัจจัยทางเทคนิค โดยอาศัยหลักของความน่าจะเป็น สถิติ ในการเข้าซื้อ ถือ หรือขาย ในการเก็งกำไร จากราคาส่วนต่างของสินค้า
แม้จะใช้ปัจจัยทางเทคนิคในการเทรด จำเป็นที่จะต้องเข้าใจพื้นฐานของสินค้าโภคภัณฑ์ด้วย เพราะจะมีความผันผวน หรือมีปัจจัยในการเคลื่อนที่ ที่แตกต่างจากการเทรดสกุลเงิน
สินค้าโภคภัณฑ์ในตลาด Forex
คำถามพบบ่อย
- เทรดเดอร์ส่วนใหญ่ เลือกเทรดอะไรบ้าง: มีหลากหลายสินค้าที่ส่วนใหญ่เลือกเทรด แต่ที่ใกล้ตัวและเป็นที่นิยมหลัก ๆ คือ ทองคำ และน้ำมันดิบ
- วิธีเทรดทำกำไร: การเทรด CFD เป็นที่นิยมอย่างมากในปัจจุบัน เพราะสามารถเข้าเทรดได้ทั้งขึ้นและลง หรือ Buy และ Sell ผ่านโบรกเกอร์ Forex
สรุป
สินค้าโภคภัณฑ์ (commodities) เป็นวัตถุดิบที่สำคัญ ในการนำไปใช้สร้างสินค้าและบริการ เป็นสินค้าที่จับต้องได้ มีมาตรฐานเดียวกัน ที่ทั่วโลกยอมรับ
มีการแบ่งกลุ่มจากที่มา คือ ทรัพยากรธรรมชาติและที่มนุษย์สร้างขึ้น แบ่งเป็น 4 ภาค เกษตรกรรม พลังงาน โลหะมีค่า ปศุสัตว์ มีช่องทางในการลงทุนที่หลากหลาย ทั้งทางตรง ทางอ้อม และรูปแบบสัญญา
ปัจจุบันสามารถเทรดได้ผ่านโบรกเกอร์ Forex โดยอ้างอิงราคาจากสินทรัพย์จริง เป็นรูปแบบการเก็งกำไร ที่ไม่ได้ต้องการสินค้าจริง เป็นที่ยอมรับจากเทรดเดอร์และนักลงทุนทั่วโลก